รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1089 ฝาแฝด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1089 ฝาแฝด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
บทที่ 1089 ฝาแฝด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
……….
บทที่ 1089 ฝาแฝด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ระฆังโบราณดังกังวาน กฎวิถีโบราณนับคณาปรากฏ หากมองดูดี ๆ จะเห็นว่ากฎวิถีโบราณเหล่านี้คล้ายกับกฎวิถีของดินแดนใหม่อยู่บ้าง ทว่าเพียงนิดหน่อยเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ากฎวิถีโบราณเหนือกว่ากฎวิถีดินแดนใหม่มาก!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน! เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ากฎวิถีดินแดนใหม่สร้างขึ้นโดยเลียนแบบกฎวิถีเช่นนี้!”
หลังจ้าวเทียนเห็นกฎวิถีโบราณก็ตกตะลึง เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้
บอกตามตรง กฎวิถีดินแดนใหม่คล้ายของเลียนแบบของกฎวิถีโบราณนี้จริง ๆ เขาคิดในใจอย่างอดไม่ได้ หรือว่าผู้นั้นไม่ได้สร้างดินแดนใหม่ขึ้นแต่เพียงผู้เดียว หากแต่ลอกเลียนมาจากอาณาจักรแห่งหนึ่งหรือ?!
ตู้ม!
ห้วงมิติระเบิดครั้งใหญ่ กฎวิถีโบราณสารพันพวยพุ่ง กลายเป็นการโจมตีต่าง ๆ ถล่มใส่ภาพร่างเลือนรางนั้น!
จ้าวเทียนและนายเหนือหัวหว่างเซิงอกสั่นขวัญแขวนกันทั้งคู่ สะท้านไปทั้งวิญญาณ พวกเขาไม่นึกสงสัยเลยว่าหากเป้าหมายการโจมตีเช่นนี้พุ่งเป้ามาที่พวกเขา อาจไม่ต้องใช้ตั้งมากมาย เพียงการโจมตีอ่อนบางที่สุดก็เอาชีวิตพวกเขาได้อย่างสิ้นเชิง!
การโจมตีนี้เหนือกว่าขอบเขตแสวงวิถีไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด เป็นพลังเหนือระดับแสวงวิถีขึ้นไป!
ภาพร่างเลือนรางเจิดจรัส สำแดงวิชามวยบางอย่างปะทะกับการโจมตีต่าง ๆ ที่เกิดจากกฎวิถีโบราณ!
สิ่งที่มันสำแดงคือมวยไทเก๊ก แผนผังไทเก๊กสมบูรณ์แบบถูกมันวาดออกมา ปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดนใหม่ มันกำลังอาศัยกำลังจากที่อื่นมาเป็นพลังของตน!
“ผู้ที่เคยพ่ายแพ้มาแล้ว ต่อให้หวนคืนมาใหม่ก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี!”
เสียงเย็นยะเยือกดังออกจากระฆังโบราณ จ้าวเทียนและนายเหนือหัวหว่างเซิงฟังแล้วใจสั่นสะท้าน
ผู้ที่เคยพ่ายแพ้หมายความว่าอย่างไร?
แล้วที่ว่าหวนคืนมาหมายความว่าอย่างไร
นี่เป็นการยืนยันตัวตนของภาพร่างเลือนรางแล้วหรือไม่ ว่าภาพร่างเลือนรางก็คือ…ผู้นั้น!
ภาพร่างเลือนรางไม่ได้ตอบโต้ สำแดงมวยไทเก๊กถึงระดับสูงสุด มันทำสำเร็จ ลบล้างพลังที่โจมตีเข้ามาทั้งยังยืมแรงนำแรงสำเร็จ จู่โจมระฆังโบราณด้วยการโจมตีที่น่ากลัวยิ่งกว่า!
เสียงตึงดังลั่นจากด้านระฆังโบราณ มันกระเทือนถอยไปด้วยการโจมตีนี้
ทว่าได้เพียงแค่นั้น ระฆังโบราณสงบลงได้ในอึดใจเดียว ทั้งยังส่องแสงผ่องอำไพโจมตีอีกครั้ง
คราวนี้ มวยไทเก๊กถูกทลาย ภาพร่างเลือนรางสั่นไหวรุนแรง ถูกการจู่โจมนี้กระแทกเต็มแรง แหลกเหลวไปทั้งเงาร่าง!
“ฆ่า!”
ระฆังโบราณยิ้มเย็น โจมตีอีกครั้ง สายฟ้าผ่าฟาดลงมาอย่างท่วมท้น หมายจะบดขยี้ภาพร่างเลือนรางให้แหลกลาญ
ฟึ่บ!
ในเวลานั้น ภาพร่างเลือนรางส่องแสง เงาที่แหลกเหลวรวมตัวกันใหม่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งขึ้นรับสายฟ้าอันท่วมท้น!
เห็นได้ชัดว่าหนนี้มันนั้นแตกต่างออกไป ภาพร่างที่เคยเลือนรางเริ่มจับตัวมากขึ้น ไม่ได้ดูเป็นเพียงภาพมายา มันต่อยหมัดออกไป บดขยี้สายฟ้าทั่วนภาจนแหลกลาญ แล้วปรี่ไปอยู่เบื้องหน้าระฆังโบราณ!
เสียงดังปัง หมัดของมันกระแทกระฆังโบราณ เสียงปะทะดังกังวานไปทั่วดินแดนใหม่!
ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ ปริภูมิเวลาพังครืน กาลเวลาเริ่มรวนเร
ทว่าระฆังโบราณสยดสยองไร้ใดเปรียบ รับหมัดหนึ่งเข้าไปเต็ม ๆ ยังไม่เป็นไร ไม่มีแม้แต่รอยร้าว
ระฆังด้านหนึ่งของมันทอประกาย อักขระซับซ้อนบนนั้นลอยออกมาก่อร่างเป็นค่ายกลพิฆาตสะท้านโลกันตร์ เล่นงานภาพร่างเลือนรางจนต้องถอย ลงมือถล่มภาพร่างเลือนรางหมายมั่นจะเอาชีวิต
“ผู้ที่เคยพ่ายแพ้ก็คือผู้ที่เคยพ่ายแพ้ ไม่ว่าหวนคืนมาอีกกี่คราวก็ยังพ่ายแพ้!”
กระแสจิตเยียบเย็นส่งออกจากระฆังโบราณ จิตสังหารท่วมท้นนภา อีกด้านของระฆังทอประกาย อักขระบนนั้นลอยออกไปด้วย!
โฮกกก!
เสียงอสูรคำรามดังขึ้น อักขระโบราณในด้านนี้ถักทอกลายเป็นอสูรพิฆาตน่าครั่นคร้ามหลายตัว บุกสังหารภาพร่างเลือนราง
ด้านหนึ่งคือค่ายกลพิฆาตสะท้านโลกันตร์ อีกด้านคืออสูรพิฆาตน่าครั่นคร้ามหลายตัว ภาพร่างเลือนรางกดดันมหาศาลอย่างเห็นได้ชัด มันเริ่มเป็นฝ่ายถูกกำราบ ภาพร่างที่จับตัวแน่นหนาขึ้นพลันกลวงอีกครั้งด้วยแรงโจมตี ท่าทางอ่อนแรงลงแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ภาพร่างเลือนรางก็ใช่ว่าจะถูกกำจัดได้ง่าย ๆ มันต้านแรงกดดันมหาศาลนี้ไว้ได้
“มีประโยชน์หรือ ไม่มีเลย! เจ้าทนต่อไปได้ไม่นานหรอก!”
ระฆังโบราณยิ้มเย็น ปล่อยอักขระออกไปอีกด้าน
อักขระของด้านนี้ก่อร่างขึ้นเป็นศาสตราต่าง ๆ พลังสยดสยองไร้ใดเปรียบโบกโบย เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อสังหารภาพร่างเลือนราง
ชั่วขณะนั้น แรงกดดันของภาพร่างเลือนรางเพิ่มพูน เงาของมันเลือนรางจนถึงขีดสุด สลายได้ทุกเมื่อ
“เยี่ยม!”
“ใช้ได้!”
จ้าวเทียนและนายเหนือหัวหว่างเซิงส่งเสียงอย่างยินดี
เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของศึกนี้เทไปข้างเดียว ระฆังโบราณเล่นงานภาพร่างเลือนรางอยู่ฝ่ายเดียว อีกไม่นานภาพร่างเลือนรางต้องแหลกสลายอย่างสิ้นเชิงแน่
“จับพวกเขาไว้ ดูว่า ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นั้นเป็นใครกันแน่!”
สายตาพวกเขาเย็นยะเยือก จับจ้องซีและเต่าชราหมายจะลงมือกับพวกเขา
ก่อนหน้านี้ถึงแม้ซีและเต่าชราเอ่ยว่าไม่รู้จัก ‘คนท้องถิ่น’ แต่พวกเขาไม่เชื่อเลยสักนิด ซีและเต่าชรามีพลังของ ‘คนท้องถิ่น’ คอยคุ้มครอง ไม่รู้ได้อย่างไรว่า ‘คนท้องถิ่น’ เป็นใคร
ซีและเต่าชราต้องรู้แน่นอนว่า ‘คนท้องถิ่น’ เป็นใคร!
พวกเขาตั้งใจจับซีและเต่าชรามาสืบให้รู้ความ ดูว่า ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นี้ใช่…ผู้นั้นหรือไม่
จากนั้น พวกเขาบุกเข้าไป
ซีและเต่าชราย่อมไม่ใช่คู่มือพวกเขา พริบตาเดียวก็ถูกกำราบ
“ว่ามา! ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นั้นเป็นใคร!”
จ้าวเทียนหน้าตาเย็นชา ควบคุมซีไว้ด้วยพลังอย่างแน่นหนา ตรึงนางไว้กลางอากาศทั้งยังกระชับพลังขึ้นเรื่อย ๆ จนซีมีสีหน้าเจ็บปวด
เขาไม่กล้าค้นวิญญาณซี กลัวว่า ‘คนท้องถิ่น’ สลักพลังบางอย่างไว้ในวิญญาณของนาง จึงคิดบีบบังคับให้ซียอมปริปากเล่าทุกอย่างเอง
“ไม่รู้!”
ซีฝืนอดกลั้นกับความเจ็บปวดและตอบเสียงเย็น
อย่าว่าแต่นางไม่รู้จริง ๆ เลย ต่อให้นางรู้ก็ไม่มีทางบอกจ้าวเทียน
“วางใจเถิด เจ้าต้องยอมบอกแน่! ยามนี้พวกเรามีเวลาเหลือเฟือ!”
จ้าวเทียนแค่นยิ้ม “เจ้าที่เสียพลังคุ้มครองไปแล้วหาได้มีน้ำยาอันใด! อย่ามีความหวังอะไรอีก มีระฆังโบราณคอยพิทักษ์ เจ้าไม่เหลือความหวังแม้แต่น้อย!”
เขากระชับพลังอีกครั้ง ทรมานซีหมายมั่นจะให้ซียอมบอกทุกอย่าง
ซีกัดฟันอดทนจนฟันแทบหัก พลังของจ้าวเทียนไม่เพียงแต่มีผลต่อกายหยาบของนาง หากแต่ยังมีผลต่อวิญญาณของนางด้วย นางถูกทรมานอย่างแสนสาหัส ความเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุดห่อหุ้มตัวนาง
ทว่าซีไม่ยอมปริปากและไม่เอ่ยบอกอันใด
อีกด้าน ภาพเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเต่าชราเช่นกัน
เต่าชราปากแข็งอย่างยิ่งยวด ไม่ว่านายเหนือหัวหว่างเซิงทรมานมันเพียงใดมันก็ไม่ยอมปริปาก
ทว่าลงท้ายมันก็ยอมปริปากในเวลาต่อมา
“ยอมแล้ว เจ้าพวกไร้มนุษยธรรม ทรมานเต่าเก่งยิ่งนัก ท่านเต่าผู้นี้ยอมจำนน พวกเจ้าอยากรู้เรื่องใดจงถามมา!”
เต่าชราร้องลั่น ถูกทรมานจนยับเยินดูไม่ได้ คล้ายว่ามันทนไม่ไหวแล้ว จึงเลือกยอมแพ้
“ยอมเสียแต่แรกก็จบ!”
นายเหนือหัวหว่างเซิงหัวเราะ “ยอมเสียแต่แรกเจ้าคงไม่ต้องทรมานเพียงนี้”
จากนั้น เขาเอ่ยถามเต่าชรา “เจ้าเคยเห็น ‘คนท้องถิ่น’ ผู้นั้นหรือไม่ รู้หรือไม่ว่า ‘คนท้องถิ่น’ เป็นใคร!”
“ข้าเคยเห็น และรู้ด้วย!”
เต่าชราบอก
“ดี เช่นนั้นเจ้าว่ามา ‘คนท้องถิ่น’ ใช่ผู้นั้นหรือไม่”
นายเหนือหัวหว่างเซิงถาม
“ผู้นั้นผู้ไหน?”
เต่าชราเอ่ย “พวกเจ้าเอาแต่เอ่ยว่าผู้นั้น ผู้นั้น ผู้นั้นเป็นใครกันเล่า”
“อย่ามาทำไขสือ!”
นายเหนือหัวหว่างเซิงยิ้มเย็น ไม่ได้อธิบายเรื่องราวของผู้นั้น อย่างไรเขายังหวั่นเกรงต่อผู้นั้นในใจ แม้ว่าบัดนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่อยากกล่าวถึงรายละเอียดของผู้นั้น
ขณะเดียวกัน เขามองว่าเต่าชรารู้จักผู้นั้นแต่แสร้งไม่รู้จัก
“ดูท่าเจ้ายังคิดไม่ซื่ออยู่!”
เขาลงมืออีกครั้ง ทรมานเต่าชราจนมันร้องโอดโอย
“ข้ายอมพวกระยำตำบอนอย่างพวกเจ้าแล้วจริง ๆ!”
เต่าชราร้องลั่น “พอได้แล้ว หยุดที ข้ายอมบอกก็ได้! ข้ารู้จักผู้นั้น ไม่ต้องให้เจ้าสาธยายแล้ว!”
รู้จักจริงด้วย!
นายเหนือหัวหว่างเซิงแค่นเสียงเย็น “นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ‘คนท้องถิ่น’ ใช่ผู้นั้นหรือไม่”
ขณะเดียวกัน จ้าวเทียนเบนสายตามาที่เต่าชราด้วย ทั้งยังตึงเครียดขึ้นมา
แม้ว่าร่องรอยต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า ‘คนท้องถิ่น’ มีโอกาสเป็นผู้นั้นสูง แต่เขาก็ยังอยากยืนยันอีกสักรอบ!
“ไม่ใช่!”
เต่าชรารีบบอก
“ไม่ใช่?!”
ม่านตานายเหนือหัวหว่างเซิงหรี่ลงรุนแรง ‘คนท้องถิ่น’ ไม่ใช่ผู้นั้นหรือ
หาก ‘คนท้องถิ่น’ ไม่ใช่ผู้นั้นแล้วเขาเป็นใคร?
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้พูดความจริง!”
นายเหนือหัวหว่างเซิงแค่นยิ้ม ลงมือทรมานเต่าชราอีกครั้ง
“พวกเจ้าเลวระยำจริง ๆ! ท่านเต่าบอกความจริงก็ไม่เอา จำต้องว่าตามที่พวกเจ้าคิดเท่านั้นหรือ”
เต่าชราด่ากราด “ท่านเต่าไม่ได้โกหก เขาไม่ใช่ผู้นั้นจริง ๆ!”
“ไม่ใช่ผู้นั้น แล้ว ‘คนท้องถิ่น’ เป็นใคร”
จ้าวเทียนถาม
“จะให้ข้าพูดอะไรอีก ให้เขาหยุดมือก่อนไม่ได้หรือ บัดซบ ท่านเต่าเจ็บจนพูดไม่ได้ศัพท์ สมองว่างเปล่าไปหมด!”
เต่าชราตะโกน
จ้าวเทียนปรายตามองนายเหนือหัวหว่างเซิง นายเหนือหัวหว่างเซิงหยุดมือทันที “ก็ได้ ข้าไม่ลงมือกับเจ้าแล้ว รีบบอกทุกอย่างมาให้หมด! จำไว้ อย่าได้โกหก มิฉะนั้นเจ้าไม่ตายดีแน่!”
“ข้าบาดเจ็บหนักเกินไป ความทรงจำชักเลือนราง เอาอย่างนี้ เจ้านำสมุนไพรสักต้นมาให้ข้าได้ฟื้นฟูพลังก่อนดีหรือไม่”
เต่าชราเอ่ย ยังคงเรียกร้องต่อ
“ตบเจ้าสักฉาดด้วยดีหรือไม่?!”
นายเหนือหัวหว่างเซิงเอ่ยด้วยแววตามุ่งร้าย
เต่าชราหดหัว “หากจะตบกันก็ช่างเถิด”
จากนั้น มันกระแอมไอ “พวกเจ้าฟังให้ดี ข้าจะสาธยายถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเขา เรื่องมีอยู่ว่า…”
นายเหนือหัวหว่างเซิงและจ้าวเทียนฟังอย่างตั้งใจ ทว่าเต่าชราชอบพูดเพียงครึ่งเดียวก็ชะงัก
“เจ้าอยากตายหรือ?!”
นายเหนือหัวหว่างเซิงเอ่ยด้วยแววตาดุดัน “ยังจะทำยึกยักอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!”
“ก็ได้ ๆ ไม่ยึกยักแล้ว!”
เต่าชรารีบบอก “เรื่องมีอยู่ว่า ยามฟ้าดินอุบัติ ดินแดนเก่าถือกำเนิดตามกงล้อโชคชะตา ทุกอย่างยังอยู่ในความเลือนรางโกลาหล”
“มนุษย์สองตนเดินฝ่าออกจากความเลือนรางโกลาหลได้ก่อน”
“มนุษย์สองตนนี้พวกเจ้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี หนึ่งคือ ‘คนท้องถิ่น’ ที่พวกเจ้าว่า อีกหนึ่งคือผู้นั้นที่พวกเจ้าว่า”
“พวกเขาสองคนก้าวออกมาพร้อมกัน เรียกได้ว่าเป็นฝาแฝด ทั้งคู่คือสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มที่สุดในปฐพีนี้ องอาจน่าทึ่ง…”
มันพล่ามเสียยกใหญ่ จ้าวเทียนและนายเหนือหัวหว่างเซิงฟังจนมึนงงไปหมด
ฝาแฝด?
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!
……….