รุ่นพี่สาวเปิ่นสุดน่ารัก มามิยะซัง (LN) - ตอนที่ 3 หลักการทำงานข้อที่ 3: หมั่นอัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน!
- Home
- รุ่นพี่สาวเปิ่นสุดน่ารัก มามิยะซัง (LN)
- ตอนที่ 3 หลักการทำงานข้อที่ 3: หมั่นอัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน!
พอมาถึงออฟฟิศ ผมก็เห็นคิอุจิ มิโกะ นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ซึ่งปกติเป็นที่ของมามิยะซัง คำว่า “สาวสวยสุดคูล” เหมาะกับเธอจริงๆ เธอนั่งนิ่งๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
[ขะ ขอโทษครับ!]
ผมโค้งขอโทษเธอ ก้มหน้าอยู่นาน จนกระทั่งคิอุจิ มิโกะ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เหมือนจะเศร้า
[เธอ…จำฉันไม่ได้…สินะ]
ผมตกใจ เงยหน้าขึ้นมองเธอ เพราะคำพูดที่ไม่คาดคิด
[เอ๊ะ?]
[ก็ คงงั้นเเหละ ฉันเปลี่ยนนามสกุล แล้วก็ หน้าตาด้วย]
คิอุจิ มิโกะ แต่งงานแล้วเหรอ?
ไม่สิ ตั้งแต่เข้าบริษัทมา เธอก็ใช้นามสกุลนี้แล้วนี่นา
[คาชิวากิ…มิโกะ เพื่อนร่วมชั้นตอน ม.5 ของฟุจิชิโระคุง เธอไม่ค่อยมาโรงเรียน… แล้วก็ ฟุจิชิโระคุงเป็นคนเอาชีทงานไปให้]
ภาพความทรงจำในสมัยม.ปลาย ผุดขึ้นมาในหัว คาชิวากิ มิโกะ เป็นเด็กผู้หญิงขี้โรค ที่เรียนห้องเดียวกับผมตอน ม.5 ผมเป็นเด็กวิ่งทำธุระ เลยต้องเอาชีทงานไปให้เธอที่บ้านหลายครั้ง แล้วก็สนิทกันมากขึ้น
เธอชอบเล่นเกมเหมือนกัน เลยมีเรื่องคุยกันเยอะ
แต่นี่อาจเป็นแค่ความทรงจำที่ดี ที่ผมจำได้ฝ่ายเดียวก็ได้
[ห๊ะ เอ๋… จริงเหรอ?]
[จริงสิ… ฉันย้ายโรงเรียนไป จำได้มั้ย? แบบกะทันหันเลย]
จริงด้วย ผมจำได้ว่า คาชิวากิซังย้ายโรงเรียนไปกระทันหัน ผมตกใจมาก เพราะผมคิดว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เธอกลับหายไป โดยไม่บอกลา
[จริงๆ แล้วนะ พ่อแม่ฉันหย่ากัน… มีเรื่องวุ่นวายหลายอย่าง ฉันเลยเปลี่ยนทุกอย่าง เบอร์โทร อะไรพวกนี้ ฉันเห็นฟุจิชิโระคุงนะ ที่งานนิทรรศการ แต่ฉันอาย ที่หายไปแบบนั้น เลยไม่กล้าทัก]
คิอุจิซังหยิบแว่นในกระเป๋าออกมาใส่
ตอนนี้ เธอไม่ใช่ [ราชินีน้ำแข็ง] คิอุจิ มิโกะ แต่เป็น คาชิวากิ มิโกะ ที่ดูอ่อนโยน และใจดี เหมือนกับที่ผมจำได้
คนที่รู้ว่าผมคือ นิเซโมโนซัง เพิ่มมาอีกหนึ่งคน… แย่แล้ว
[ไม่คิดเลย… ว่าเราจะมาเจอกัน ทำงานที่เดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมรุ่น แบบนี้]
[ฉันก็ ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ทักเธอ]
คาชิวากิซัง… ตอนนี้ต้องเรียกว่า คิอุจิซังสินะ ตอนนั้น เธอดูเรียบร้อยกว่านี้ เป็นผู้หญิงจืดๆ ผมเลยรู้สึกว่า เราเป็นเพื่อนกันได้
[แต่ เวลาจะเข้าห้องแต่งตัวผู้หญิง ต้องเคาะประตูนะ ถ้าไม่ใช่ฉัน เธอโดนเล่นงานไปแล้ว ฟุจิชิโระคุง]
[ครับ ขอโทษครับ ผมจะทำทุกอย่าง เพื่อเป็นการไถ่โทษ]
[งั้น งั้น… ขอ ขอเบอร์ติดต่อ… ได้มั้ย?]
คิอุจิซังหน้าแดงก่ำ
[ได้ ได้สิ]
[ดีใจจัง… ที่เรา ติดต่อกันได้อีกครั้ง]
ผู้หญิงตรงหน้าผม เป็นสาวสวยสุดคูล แต่ข้างใน กลับเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่เรียบร้อย และอ่อนโยน ผมเริ่มสับสนแล้ว
คิอุจิซังพูดว่า [ไว้ ติดต่อไปนะ] แล้วก็เดินออกจากออฟฟิศไป
[อ๊าาาา! ฟุจิชิโระคุง สุดยอด!]
มือที่จับคอนโทรลเลอร์ของผมเริ่มร้อนผ่าวๆ เสียงของคิอุจิซังในหูฟังดูแตกๆ เพราะผมใช้หูฟังราคาถูก
[เล่นต่ออีกตาไหม?]
[คิอุจิซังเล่นเก่งเหมือนเดิมเลยนะ]
[ฮิๆ ขอบคุณ]
หลังจากที่เราคุยกันใน Messenger แล้วรู้ว่าเล่นเกมเดียวกัน เราก็เลย add friend แล้วเล่นด้วยกัน
[ฟุจิชิโระคุง นิเซโมโนซังดังมากเลยนะ]
[กะ ก็ ก็งั้นๆ แหละ]
[ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังได้]
คิอุจิซังหัวเราะคิกคัก แล้วพูดว่า
[เหมือนเห็นเด็กที่เราเลี้ยงดู เติบโตขึ้นมาเลย รู้สึกดีจัง]
[จริงด้วย ตอนแรกๆ ก็ลงแต่รูปวิว รูปแมว อะไรแบบนั้น]
[ฉันเป็นคนขอให้ลงรูปพวกนั้นเองแหละ]
[ใช่ คิอุจิซังชอบแมว ผมก็เลยไปถ่ายรูปแมวแถวบ้าน รูปวิว แล้วก็ รูปอาหารที่ร้านของพ่อ]
[สนุกจังเลยนะ… ว่าแต่ อนาคต อยากจะยึดอาชีพ นิเซโมโนซัง เลยไหม?]
คิอุจิซังคุยไป ยิงปืนไป เธอจัดการศัตรูได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อกี้เธอยังใช้ปืน sniper ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมแล้ว เก่งมาก
[ใช้ชีวิตแบบ กินเงินจากค่าลิขสิทธิ์… ก็น่าจะดีนะ]
[ขายสูตรอาหาร แล้วเลี้ยงชีพ เหมือนฟุจิชิโระคุงเลยนะ ร้านอาหารเป็นของพี่ชายเหรอ?]
[ใช่ พี่เปิดร้านอาหาร ส่วนพ่อ ตอนนี้ปิดร้านไปแล้ว ไปเปิดลานกางเต็นท์ในป่า]
[เท่จัง…]
[ร้านของพี่ชายผมอยู่ในโตเกียว เดี๋ยวแนะนำให้]
เสียงปืนดังขึ้น คิอุจิซังจัดการศัตรู แล้วโยนไอเทมให้ผม
[ขอบคุณ…]
[ถ้าฟุจิชิโระคุงไม่รังเกียจ พาฉันไปบ้างสิ]
[ร้านของพี่เหรอ?]
[อืม คือ…มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลย]
[ก็… ก็จริง]
[ฟุจิชิโระคุง! ข้างหลัง!]
[ระวัง!]
[ว้าย!]
[ไม่เป็นไรนะ]
คิอุจิซังหัวเราะคิกคัก
[ดีใจจัง ที่ได้คุยกับฟุจิชิโระคุงอีก]
ผมก็ดีใจเหมือนกัน คิอุจิซังเป็นผู้หญิงที่ผมไว้ใจได้ (ถึงจะเคยมีเรื่องเข้าใจผิดกัน) การมีเพื่อนต่างเพศที่คุยกันได้ ทำงานที่เดียวกัน มันก็ดีเหมือนกันนะ
[ดีใจเหมือนกัน]
[งั้น เล่นอีกตา!]
****
[อืม… ช่วยยกของหน่อยสิ]
[ได้สิ]
[ขอบคุณนะ]
พอลิฟต์มาถึงชั้นที่ออฟฟิศของเรา คิอุจิซังก็รีบเดินไปที่ฝ่ายบุคคล ผมเดินตามเธอไป แล้วยกของให้ตามที่เธอขอ
[ไหวเหรอ?]
[อืม ไหว ขอบคุณนะ มันหนักมากเลย]
คนอื่นๆ ในฝ่ายบุคคล ดูตกใจ ที่เห็น [ราชินีน้ำแข็ง] คิอุจิซัง ทำหน้าตาอ่อนโยน
ผมเดินออกมาจากฝ่ายบุคคล แล้วกลับไปที่โต๊ะทำงาน
[ฟุจิชิโระซัง นั่น…]
[หืม?]
มามิยะซังชี้นิ้วไปที่ เครื่องดื่มชูกำลัง ที่ยังไม่ได้เปิด มีโพสต์อิทแปะอยู่ เขียนด้วยลายมือสวยๆ ว่า [เมื่อคืนสนุกมากเลย ขอบคุณนะ]
[อ๊ะ!]
ผมรีบดึงโพสต์อิทออก แล้วคิดหาข้อแก้ตัว
แต่…ทำไมผมต้องแก้ตัวด้วย?
มามิยะซังทำหน้ามุ่ย มองผมด้วยสายตาสงสัย
คือ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมมามิยะซังถึงให้ผม! ทำไม?
[ฟุจิชิโระคุง ขอบคุณสำหรับเมื่อคืนนะ]
คิอุจิซังเดินเข้ามาหาเรา แน่นอนว่า เครื่องดื่มชูกำลังนี่เป็นของเธอ
[ฟุจิชิโระคุง! ขวา! ไปทางขวา!]
[โอเค ผมจะอ้อมไป เธอยิงจากทางนั้น!]
[เหลืออีกคนเดียว!]
[ต้องชนะให้ได้!]
เมื่อคืน เราเล่นเกม battle royale ออนไลน์ด้วยกัน จนถึงเช้า พร้อมกับคุยกันผ่านไมค์ คิอุจิซังเล่นเกมเก่งมาก ผมก็ดีใจ ที่ได้คุยกับเพื่อนสนิท หลังจากไม่ได้คุยกันนาน
[คิอุจิซังให้เหรอ? ขอบคุณนะ]
[ขอโทษนะ สำหรับเมื่อคืน ฉันสนุกมากไปหน่อย]
[ฮ่าๆๆ ฉันก็เพลินมาก นานๆ ทีจะเล่นแบบจริงจัง]
คิอุจิซัง ที่อุ้มแฟ้มเอกสารเต็มมือ พูดว่า [งั้น ฉันไปทำงานก่อนนะ มีเอกสารต้องจัดการ] แล้วก็เดินจากไป
[ฟุจิชิโระซัง… คบกับคิอุจิซังอยู่เหรอคะ?]
[เอ๊ะ? เปล่าครับ ไม่ได้คบกัน]
มามิยะซังดูโล่งใจ แล้วพยักหน้าช้าๆ
ทำไมมามิยะซังต้องสนใจเรื่องแบบนี้ด้วย?
[แล้ว พวกคุณ เป็นอะไรกันเหรอคะ?]
มามิยะซังขยับเข้ามาใกล้ จนผมได้ยินเสียง “แกร๊งงง” เธอหรี่ตาลง มองผม น่ากลัวจัง
[เอ่อ คือ… เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยม.ปลายน่ะครับ]
[หาาาาา?]
มามิยะซังร้องเสียงหลง
[เพื่อนร่วมชั้น?]
[ครับ คิอุจิซังเปลี่ยนนามสกุลไป ผมเลยจำไม่ได้ เอ่อ…]
[แล้ว เมื่อคืน พวกคุณทำอะไรกัน?]
(นี่มัน เหมือนโดนสอบสวนเรื่องนอกใจเลย)
[เล่นเกม battle royale ออนไลน์น่ะครับ เกมต่อสู้]
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เสิร์ชชื่อเกม แล้วให้มามิยะซังดู เธอเอียงคอ แล้วพูดว่า [ไม่รู้จักเลย แต่ดังเหรอคะ?]
[ก็ ในหมู่เกมเมอร์ ก็ดังอยู่นะครับ]
[ฟุจิชิโระซังชอบเล่นเกมเหรอคะ?]
มามิยะซังกระพริบตาปริบๆ
[ครับ ผมชอบเล่นเกม มามิยะซังไม่เล่นเหรอครับ?]
[ไม่ค่อยได้เล่นค่ะ ถ้ามีโอกาส สอนฉันเล่นบ้างได้มั้ยคะ?]
มามิยะซังสนใจทุกอย่างเลยแฮะ
แต่เกมที่ผมชอบ เป็นเกมต่อสู้ มามิยะซังอาจจะกลัวก็ได้นะ
[เอาไว้ ทำให้ยอดผู้ติดตามถึงเป้าหมายก่อน แล้วค่อยว่ากันนะครับ]
การไปเที่ยวส่วนตัวกับมามิยะซัง มันยากเกินไป แล้วอีกอย่าง มามิยะซังก็…
เธอก็ไม่ได้พูดจริงจังหรอก
[วันนี้ก็ดูสดใสกันดีนะ มามิยะคุง ฟุจิชิโระคุง]
หัวหน้ามิชิมะพูด พร้อมกับยกขาขึ้น “ฮึบๆ” แล้วยื่นซองสีน้ำตาลมาให้
[คือ ฉันได้ตั๋วพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเทย์โตะ แบบคู่ มาจากลูกค้าน่ะ เขาบอกว่า [เอาไปเที่ยวกับแฟนนะครับ] แต่ภรรยาฉันไม่ชอบปลา… ฟุจิชิโระคุง เอาไปสิ ชวนแฟนไปเที่ยวนะ]
ผมเปิดซองสีน้ำตาลดู ข้างในเป็นตั๋วพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
[หัวหน้ามิชิมะ ผมไม่มีแฟนหรอกครับ]
[อย่ามาโกหกเลย หนุ่มหล่อ วัยกำลังดี แบบนี้]
หัวหน้ามิชิมะ… ผมไม่มีแฟนจริงๆ นะครับ แต่พอเห็นรอยยิ้มของหัวหน้า ผมก็ไม่กล้าเถียง
ผมหันไปมองมามิยะซัง ด้วยความลำบากใจ… อ๊ะ จริงสิ
[มามิยะซัง เอาไปเถอะครับ ผมไม่มีใครให้ชวนไปด้วย แล้วตั๋วคู่นี้ ไปกับเพื่อนเพศเดียวกันก็ได้นะครับ ลองชวนแฟน หรือเพื่อน ไปดูสิครับ]
มามิยะซังรับซองสีน้ำตาลไป ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
[เอ่อ ฟุจิชิโระซัง]
[อ๊ะ จริงสิ ถ้าจะไป ถ่ายรูปมาลงอินสตาแกรมด้วยก็ดีนะครับ ลูกค้าให้ตั๋วมา แล้วพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเทย์โตะ ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะด้วย]
[คะ คือ ฉันไม่มีแฟนค่ะ]
[งั้น ชวนเพื่อนไปก็ได้ครับ ถือโอกาสพักผ่อน]
มามิยะซังกอดซองสีน้ำตาลไว้แนบอก แล้วพูดเบาๆ ว่า
[คะ ขอบคุณค่ะ]
แล้วเธอก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
หรือว่า… มามิยะซัง จะไม่ชอบปลา?
[ฟุจิชิโระซัง ฉันขอตัวก่อนนะคะ]
มามิยะซังสะพายกระเป๋า ตรงเวลาเลิกงานเป๊ะ
[เหนื่อยหน่อยนะครับ]
วันนี้มามิยะซังดูยุ่งมาก มีทั้งประชุมกับท่านประธาน และทำแผนงานใหม่
[ฟุจิชิโระซัง~ ช่วยด้วย~!]
[ฟุจิชิโระซัง คอมค้างอีกแล้ว…]
[ฟุจิชิโระซัง หิวมั้ยคะ… เดี๋ยวฉันไปซื้อขนมมานะ]
ปกติมามิยะซังจะชอบเข้ามาคุยกับผมบ่อยๆ แต่วันนี้… ทำไมเธอถึงเงียบๆ ไปนะ?
[อ๊ะ จริงสิ ฟุจิชิโระซัง]
ผมกำลังคิดอยู่ มามิยะซังก็หันมาหาผม
[เอ่อ ขอเบอร์โทร… ได้มั้ยคะ?]
เบอร์โทร…เหรอ? ปกติเราก็ติดต่อกันผ่านแชทบริษัท แต่ถ้าทำงานด้วยกัน ก็คงต้องรู้เบอร์โทรกันไว้
[หมายถึง เบอร์ติดต่อฉุกเฉินเหรอครับ?]
[ค่ะ เบอร์ของฟุจิชิโระซัง…]
[ครับ]
ผมเขียนเบอร์โทรศัพท์ให้มามิยะซัง แล้วก็ขอเบอร์โทรของเธอด้วย
[ขอบคุณค่ะ!]
มามิยะซัง กอดกระดาษที่จดเบอร์โทรศัพท์ไว้แนบอก แล้วรีบวิ่งออกจากออฟฟิศไป
มามิยะซังเป็นผู้หญิงแปลกๆ จริงๆ ผมคิดในใจ แล้วเดินไปที่เครื่องชงกาแฟ
คิอุจิซังก็กำลังเก็บของ เตรียมตัวกลับบ้าน
ทันใดนั้น ผมก็เห็นคิอุจิซังล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ภาพความทรงจำในอดีต ก็ผุดขึ้นมาในหัว
[ขอแจ้งให้ทราบว่า คาชิวากิซัง ได้ย้ายโรงเรียนไปแล้ว เมื่อวานนี้ เนื่องจากปัญหาส่วนตัวของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถเปิดเผยที่อยู่ใหม่ได้]
[ได้ยินมาว่า พ่อแม่ของคาชิวากิซังหย่ากัน]
[ได้ยินมาว่า เธอเสียชีวิต]
[ไม่สามารถส่งข้อความนี้ได้]
[แต่ เธอไม่มีเพื่อนสนิทเลย อันไหน คือเรื่องจริงกันนะ?]
[หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]
[ไม่พบ Account นี้]
[ฟุจิชิโระคุง? ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ?]
คิอุจิซัง ที่พันผ้าพันคอสีสันสดใส เดินเข้ามาหาผม ด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ
[อ่า… ครับ]
[คือ… ฉันอยากขอโทษ เรื่องเมื่อก่อน]
คิอุจิซังพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
[ขอโทษนะ ที่หายไป โดยไม่บอกอะไรเลย จริงๆ แล้ว ฉันอยากบอกลาฟุจิชิโระคุงนะ… แต่ ทำไม่ได้]
คิอุจิซังเงยหน้าขึ้น พูดพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ
[แต่ ฉันอยาก กลับมาเป็นเพื่อนกับเธออีก]
[ได้สิ ไว้เล่นเกมด้วยกันอีกนะ คิอุจิซังเล่นเก่งมากเลย]
คือ เมื่อคืนตอนเล่นเกม คิอุจิซังเล่นเก่งมากจริงๆ ผมอายเลย ที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นเกมเมอร์
[ฉันเล่นเกมทั้งวัน เวลาหยุดน่ะ]
เธอยังเหมือนเดิมเลยนะ
เวลาพูดถึงเรื่องที่ชอบ เธอก็จะพูดเร็ว แล้วก็ มีงานอดิเรกแบบผู้ชายๆ คิดถึงจัง
[เกมใหม่ ที่จะออกอาทิตย์หน้า เล่นด้วยกันนะ ฟุจิชิโระคุง]
[แน่นอน จะรีบซื้อมาเล่นเลย]
[ฟุจิชิโระคุง เรื่องห้องแต่งตัวผู้หญิง…]
[ผมจะเคาะประตู ก่อนเข้าไป ครับ]
[โอเค งั้น เหนื่อยหน่อยนะ!]
[เหนื่อยหน่อยนะ~]
ผมทำงานล่วงเวลาเสร็จ ก็กลับมาสูบบุหรี่ที่บ้าน เลยเวลาอาหารเย็นมาแล้ว วันนี้ขี้เกียจจัง กินมาม่าดีกว่า วันนี้ ขอหยุดลงรูปใน นิเซโมโนซัง แค่กดไลก์ แล้วตอบคอมเมนต์ก็พอ
ผมคิดในใจ
ทันใดนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
[มามิยะซัง]
มามิยะซังโทรมาตอนกลางคืน? มีอะไรนะ?
[ฮัลโหลครับ]
[อ๊ะ เอ่อ… ฟุจิชิโระซัง ใช่มั้ยคะ?]
[เอ่อ… ครับ ผมฟุจิชิโระครับ]
[ขอโทษนะคะ ที่โทรมาดึกๆ]
เหมือนมามิยะซังจะอยู่ข้างนอก ผมได้ยินเสียงลม พัดแรงมาก
[มีอะไรรึเปล่าครับ?]
[เอ่อ… ฟุจิชิโระซัง!]
[ครับ]
[เรื่องพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำน่ะค่ะ…]
อ่า… หรือว่าผมทำพลาด ที่ยัดเยียดตั๋วให้เธอ เธอคงลำบากใจ
[คือว่า… ฉันอยากไปน่ะค่ะ]
[โอ้ ดีเลยครับ]
งั้นเหรอ? หรือว่าเธอจะชวนผมไปคุยเรื่องงาน? แต่ทำไมต้องเป็นตอนนี้?
[เอ่อ… คือ… ฟุจิชิโระซัง ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับฉันมั้ยคะ?]
[เอ๊ะ? กับผมเหรอครับ?]
[ค่ะ ฉันอยากไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับฟุจิชิโระซังค่ะ…]
อืม… ทำไมกันนะ?
อ่า… หรือว่าเธอจะลำบาก ที่ผมบอกให้เธอถ่ายรูปมาลงอินสตาแกรม?
[เอ่อ… ไม่ ไม่ได้เหรอคะ?]
ผมทำตัวไม่ถูก ผู้หญิงชวนผมไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แบบนี้ก็ครั้งแรก แถมยังเป็นมามิยะซัง กับตั๋วคู่รักอีก
[ดะ ได้ ได้สิครับ ถะ ถ้าเป็นผม ก็ไม่มีปัญหา แต่เรื่องวัน จะเอายังไงดีครับ?]
ถ้าเธอชวนผมไป ก็แปลว่าเธอคงจะไปทำงาน วันธรรมดาสินะ ผมกับมามิยะซังจะว่างตรงกันมั้ยนะ…
[วันอาทิตย์หน้า… เป็นไงคะ?]
วันอาทิตย์? วันหยุด!
[เอ๋? มามิยะซัง แต่นี่มันงานบริษัทนะครับ?]
[เอ๊ะ เอ่อ… ก็ ก็เกี่ยวกับงาน… แต่ คือว่า ฉันอยากไปกับฟุจิชิโระซังค่ะ!]
ผมเริ่มใจสั่น อะไรกัน? พวกคนดังๆ เขาตื่นเต้นแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ?
[คะ ครับ]
หรือว่า… นี่เป็นการชวนไปเดท…?
[งั้น… อาทิตย์นี้ ช่วยทำเอกสารเกี่ยวกับ PR พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ด้วยนะคะ]
อ๊ะ… แบบนี้นี่เอง ผมคิดไปเอง คนอย่างมามิยะซัง จะมาชวนผมไปเดท…
ไม่มีทางที่เธอจะ…
[ได้สิครับ พรุ่งนี้เรามาหาข้อมูลกันเถอะ]
ผมอยากจะ ตีตัวเอง ที่เผลอไปคิดเข้าข้างตัวเอง
[ฟุจิชิโระซัง…]
[ครับ มีอะไรเหรอครับ?]
[เอ่อ… คือ… เอ่อ… ฝันดีนะคะ]
มามิยะซังพูด [ฝันดีนะคะ] ด้วยน้ำเสียงเหมือนกับสารภาพรัก แล้วก็วางสายไป
เมื่อกี้มัน…อะไรกันนะ?
อาทิตย์หน้า… วันอาทิตย์… เดทแรกในชีวิตของผม คงจะกลายเป็นการทำงาน น่าเศร้าจริงๆ
หัวใจเต้นแรง ตัวร้อนไปหมด ฉันเดินออกไปที่ระเบียง รับลมเย็นๆ ในคืนฤดูใบไม้ผลิที่ยังคงหนาว มือฉันสั่น ขณะที่กดโทรศัพท์
[ฮัลโหลครับ]
เสียงของฟุจิชิโระซัง ดังขึ้นหลังจากรอสายอยู่ครู่หนึ่ง
สู้เข้านะ ตัวฉัน!
แต่ฉันก็ตื่นเต้นจนพูดไม่ออก หัวใจเต้นแรง เหมือนจะหลุดออกมา
[เอ่อ… ฟุจิชิโระซัง! เรื่องพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำน่ะค่ะ…]
ฉันกำตั๋วพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไว้แน่น ต้องชวนฟุจิชิโระซังให้ได้
[คะ ครับ]
ฟุจิชิโระซังตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังสับสน
แต่…ฉันไม่เคยชวนใครไปเที่ยวแบบนี้มาก่อน ไม่รู้จะทำยังไงดี
[คือว่า… ฉันอยากไปน่ะค่ะ]
ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย~! ลืมจุดประสงค์หลักไปเลย!
[เอ่อ… คือ… ฟุจิชิโระซัง ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับฉันมั้ยคะ?]
ฉันพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
[เอ๊ะ? กับผมเหรอครับ?]
ตายล่ะ หรือว่าเขาจะไม่ชอบ?
สู้เขาสิ! ต้องชวนเขาให้ได้!
[ค่ะ ฉันอยากไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับฟุจิชิโระซังค่ะ…]
ฟุจิชิโระซังเงียบไป เขาบอกว่าไม่มีแฟน แต่…หรือว่าเขาจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว?
[เอ่อ… ไม่ ไม่ได้เหรอคะ?]
ฉันถาม พร้อมกับกลั้นน้ำตา
[ดะ ได้ ได้สิครับ ถะ ถ้าเป็นผม ก็ไม่มีปัญหา แต่เรื่องวัน จะเอายังไงดีครับ?]
เย้! เขายอมไปด้วย
ฉันเปิดสมุดบันทึกดู ไม่มีทั้งเพื่อนและแฟน สมุดบันทึกของฉันเลยว่างเปล่า
ถ้าอยากจะเที่ยวให้ทั่ว ก็คงต้อง…
[วันอาทิตย์หน้า… เป็นไงคะ?]
[เอ๋? มามิยะซัง แต่นี่มันงานบริษัทนะครับ?]
ฟุจิชิโระซังดูตกใจ
หรือว่า… เขาจะกลัว ที่รุ่นพี่อย่างฉัน ชวนเขาไปเที่ยวส่วนตัว? ฉันต้องทำตัวให้น่ารักแล้วล่ะ!
[เอ๊ะ เอ่อ… ก็ ก็เกี่ยวกับงาน… แต่ คือว่า ฉันอยากไปกับฟุจิชิโระซังค่ะ!]
[คะ ครับ]
[งั้น… อาทิตย์นี้ ช่วยทำเอกสารเกี่ยวกับ PR พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ด้วยนะคะ]
จริงสิ ในเมื่อเราจะไปด้วยกันแล้ว ก็ต้องทำงานให้ดีด้วย
[ฟุจิชิโระซัง…]
[ครับ มีอะไรเหรอครับ?]
[เอ่อ… คือ… เอ่อ… ฝันดีนะคะ]
ฉันวางสายไป เพราะตื่นเต้นมาก ฉันเขียนลงในสมุดบันทึก [เดทที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ]
แค่เขียนลงไป ใจก็เต้นแล้ว แต่ฉันก็แอบเศร้า ที่ฟุจิชิโระซังไม่ตอบกลับมา
วันนี้นิเซโมโนซังไม่ลงรูปเลย ช่วงนี้… เขาก็ลงรูปน้อยลง
หรือว่าเขาจะยุ่ง? หรือว่า… เขามีแฟนแล้ว? ไม่หรอก ผู้ชายที่เพียบพร้อม อย่างนิเซโมโนซัง…
ผู้ชายที่ทำอาหารเก่ง แบบนั้นต้องเป็นที่หมายปองของสาวๆ แน่เลย หรือว่า…เขาจะแต่งงานแล้ว?
ฉันเลื่อนดูรูปในอินสตาแกรมของนิเซโมโนซัง มีทั้งอาหารฝรั่งที่ดูมีสีสัน อาหารญี่ปุ่นแบบโฮมเมด ที่จัดจานอย่างสวยงาม มือของเขาก็เรียวงาม ดูสะอาดสะอ้าน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมือของผู้ชาย
มือที่สวยงาม… มีรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่นิ้วก้อย นิเซโมโนซังทำงานอะไรนะ?
เขาต้องเป็นคนที่วิเศษมากแน่ๆ เลย
เพจผู้เเปล Suraの夜