ตอนที่ 1
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ชีวิตประจำที่วันจะต้องไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือแล้วทำกิจกรรมต่าง ๆ เจอเพื่อนฝูงมากมายกินข้าวกลางวันด้วยกันและยืมหนังสือโป้ในโรงเรียนก็เรียกได้ว่าดำเนินอยู่แบบนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนวิถีชีวิตของผมไปเลยก็ว่าได้ จากปกติที่จะต้องกลับบ้านหลังเลิกเรียนเพื่อกลับไปเล่นเกมหรืออ่านมังงะ ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าผมจะต้องเข้าชมรมหลังเลิกเรียนที่ทั้งชมรมมีสมาชิกอยู่เพียงสองคนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกของชมรมที่นอกจากผมแล้วเป็นถึงไอดอลของโรงเรียนที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงหิมะ รุ่นพี่สาวสวยหุ่นดีสมบูรณ์แบบทั้งการเรียนและกีฬา ฮิเมมิยะ ยูกิ
แน่นอนว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าชมรมด้วยความสมัครใจของตัวเองตั้งแต่แรก แต่ทุกอย่างเป็นเพราะถูกอาจารย์นัสซุมัดมือชกยัดเข้าชมรมแบบเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ใช่แล้วเรียกว่าดีจนต้องขอบคุณอาจารย์นัสซุเลยด้วยซ้ำ เพราะทำให้ผมได้อยู่กับรุ่นพี่ฮิเมมิยะคนนี้เลยยังไงล่ะ แต่ดูเหมือนว่าผมจะตกหลุมรักรุ่นพี่ตั้งแต่แรกพบเข้าให้แล้ว
” ยินดีต้อนรับค่ะทาคายูกิคุง ”
เสียงใส ๆ ที่ฟังดูอ่อนโยนของรุ่นพี่กล่าวทักทายผมที่เปิดประตูเข้ามาในห้องชมรมด้วยรอยยิ้มที่ใครเห็นคงถึงกับลงไปนอนดิ้นกับพื้นเป็นแน่
แน่นอนว่าที่นี่เป็นสถานที่แรกที่ผมกับรุ่นพี่ได้เจอกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก ห้องเรียนเก่าที่ไม่ได้ใช้ที่อยู่สุดทางเดินของตึกเรียน ภาพของรุ่นพี่ในวันนั้นที่กำลังนั่งอ่านหนังสือโดยมีแสงอาทิตย์ยามเย็นเป็นฉากหลังยังตราตรึงอยู่ใจหัวไม่หายแม้จะผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วก็ตาม
” สวัสดีครับรุ่นพี่ฮิเมมิยะ ”
” โม่~ ฉันบอกไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วนะคะ ว่าให้เรียกฉันว่ายูกิ ”
รุ่นพี่ตอบกลับมาพร้อมทั้งทำหน้างอนอย่างกับเด็กน้อย ให้ตายสิ จะน่ารักเกินไปแล้วเฟ้ย! ช่วยหยุดทำแบบนั้นด้วยเถอะครับก่อนที่ผมจะยืนไม่ไหว
” บ-แบบนั้นคงไม่ได้หรอกครับ ให้เรียกชื่อรุ่นพี่มันออกจะ… “
” อยู่ด้วยกันมาตั้ง 1 เดือนกับอีก 12 วัน 6 ชั่วโมง 43 นาที แล้วนะคะทาคายูกิคุง ไม่ต้องอายไปหรอกค่ะ ”
ถึงจะอยู่ชมรมด้วยกันมาหนึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่ใครมันจะกล้าเรียกชื่อของผู้ที่เป็นไอดอลโรงเรียนกัน มีหวังได้เขินตายกันพอดี แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมตั้งแต่เริ่มเข้าชมรมรุ่นพี่ก็ขอเรียกผมด้วยชื่อมาโดยตลอด แต่ผมกลับไม่กล้าที่จะเรียกชื่อรุ่นพี่กลับแน่นอนว่าเพราะเป็นรุ่นพี่ที่ผมตกหลุมรักยังไงล่ะ ว่าแต่ไหงรุ่นพี่ถึงรู้ว่าเราอยู่ชมรมด้วยกันละเอียดขนาดนั้นกัน ? นี่เล่นนับยันหลักนาทีเลยเหรอครับ ?
” ขอเวลาผมอีกหน่อยเถอะครับ ”
” งั้นก็ได้ค่ะ ”
วิถีชีวิตที่ถูกเปลี่ยนจากการที่รอเวลาหลังเลิกเรียนเพราะจะได้รีบกลับบ้าน กลายมาเป็นรอเวลาหลังเลิกเรียนเพื่อที่จะได้มาเจอกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะแต่อะไรที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้
และชมรมที่ผมกับรุ่นพี่อยู่ก็คือชมรมวรรณกรรม ที่เอาห้องเรียนเก่าไม่ได้ใช้มาเป็นห้องชมรมนั่นเอง ถึงจะถูกเรียกว่าชมรมแต่สมาชิกก็เห็นจะมีเพียงผมและรุ่นพี่ฮิเมมิยะเท่านั้น
ตามปกติแล้วการที่จะก่อตั้งชมรมได้จะต้องมีสมาชิกชมรมอย่างน้อย 4 คนขึ้นไปและจะต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมด้วย แน่นอนว่าอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมคืออาจารย์นัสซุเจ้าปัญหาที่กำลังเรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นนั่นเอง แต่เรื่องสมาชิกที่จะต้องใช้ 4 คนดูเหมือนจะไม่มีปัญหาซะอย่างงั้น โดยอาจารย์นัสซุให้เหตุผลว่ารุ่นพี่ฮิเมมิยะมีผลการเรียนและกีฬายอดเยี่ยมทั้งยังสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนจากการประกวดต่าง ๆ มากมายทำให้ก่อตั้งชมรมโดยมีสมาชิกเพียงสองคนเป็นกรณีพิเศษ
” รุ่นพี่ฮิเมมิยะวันนี้อ่านอะไรเหรอครับ ”
” การทรมานและการเค้นข้อมูลสมัยยุคกลางค่ะ ”
หา ? ทำไมหนังสือที่อ่านมันแลดูหดหู่แบบนั้นฟะ ถึงจะรู้ว่าปกติแล้วรุ่นพี่จะชอบอ่านแนวประวัติศาสตร์ยุคเก่า ๆ ก็เถอะแต่ผมเริ่มรู้สึกว่าช่วงหลัง ๆ มานี้รุ่นพี่จะเริ่มชอบอ่านอะไรที่เกี่ยวกับการล่าแม่มดบ้างล่ะ การทรมานหรือการค้าทาสสมัยก่อนบ้างล่ะ หรืออาจจะเพราะชอบแนวประวัติศาสตร์จริง ๆ ก็ได้ เราคงคิดมากไปเอง
” งะ-งั้นเหรอครับ ”
คงไม่มีใครคิดหรอกว่าไอดอลสาวสวยของโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าเจ้าหญิงหิมะคนนี้จะมาอ่านหนังสือการทรมานแบบนี้แน่ ๆ ผมที่ได้รับรู้ความลับของรุ่นพี่คนเดียวแบบนี้จะเรียกว่าควรดีใจหรืออึดอัดดีนะ
แต่ก็นั่นแหละ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนเดียวที่ได้รับรู้อีกด้านของรุ่นพี่ ทุกวันที่คอยเฝ้ามองรุ่นพี่อ่านหนังสือในห้องชมรมและคอยช่วยเหลือเมื่อรุ่นพี่ขอร้องก็นับว่าเป็นความโชคดีของผม แม้จะคิดว่ารุ่นพี่ฮิเมมิยะสมบูรณ์แบบจนไกลเกินเอื้อมก็ตาม
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมากิจกรรมชมรมของผมกับรุ่นพี่มีเพียงการนั่งอ่านหนังสือด้วยกัน บ้างก็แลกเปลี่ยนแนวหนังสือกันอ่าน ผมคอยแนะนำนิยายและมังงะให้กับรุ่นพี่ แต่ไม่รู้ทำไมรุ่นพี่จะคอยแนะนำหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงหมาหรือไม่ก็วิธีการคอยเอาใจผู้หญิงให้ผมตลอด เอ่อปกติแล้วผมก็ไม่ได้เกลียดสัตว์หรอกนะ แล้วไอ้วิธีการเอาใจผู้หญิงนี่มันอะไรวะ ทำไมต้องให้แต่หนังสือแบบนี้มาด้วยล่ะ
เอาเถอะถึงกิจกรรมชมรมจะดูเรียบง่ายแต่การที่ได้มานั่งอ่านหนังสือกับไอดอลของโรงเรียนทุกวันแบบนี้ก็ไม่ได้แย่ ออกจะดีด้วยซ้ำ ในช่วงแรกผมไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกัน อาจารย์นัสซุก็ไม่ได้บอกอะไรเลยด้วยแต่เหมือนรุ่นพี่จะเป็นกันเองมาก ที่สนิทกันได้ขนาดนี้เพราะรุ่นพี่เป็นฝ่ายเข้าหาผมเป็นส่วนใหญ่ แน่ล่ะใครมันจะไปทำใจให้สงบได้เมื่อต้องอยู่ต่อหน้ารุ่นพี่สาวสวยแบบนี้ได้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคนที่ชอบอีกด้วย
” นี่ทาคายูกิคุง ปกติแล้วมีของกินที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ”
” อะ-เอ๊ะ เอ่อปกติก็ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนะครับ ผมกินได้ทุกอย่างเลย ”
ขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสือและแอบมองรุ่นพี่อยู่นั้นเอง จู่ ๆ รุ่นพี่ก็เงยหน้ามามองถามถึงเรื่องของกินที่ชอบซะงั้น แน่นอนว่าทุกครั้งที่รุ่นพี่พูดกับผมมักจะมาพร้อมกับรอบยิ้มหวาน ๆ ที่ทำให้ใจเต้นแรงเสมอ
” งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้มาที่ห้องชมรมตอนเที่ยงได้หรือเปล่าคะ ”
” ก็ได้อยู่หรอกครับ ว่าแต่ทำไมเหรอครับ ”
ปกติแล้วผมจะเข้ามาที่ชมรมตอนหลังเลิกเรียนแต่ไม่รู้ทำไมรุ่นพี่ถึงได้เรียกให้มาชมรมตอนเที่ยงหรือจะมีกิจกรรมชมรมอะไรหรือเปล่านะ
” คือว่า… ”
รุ่นพี่ฮิเมมิยะยังไม่ทันจะพูดจบก็เบือนหน้าหนี เส้นผมสีดำที่สวยเงางามช่วยปิดบังใบหน้าและใบหูของรุ่นพี่ นี่เราไม่ควรถามออกไปหรือเปล่านะ หวังว่ารุ่นพี่คงจะไม่ได้หาว่าเรายุ่งไม่เข้าเรื่องหรอกนะ
” อะ-เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจอกันที่ห้องชมรมตอนเที่ยงนะคะ! ”
สิ้นเสียงของรุ่นพี่ที่ดูลำบากใจที่จะพูดก็ถือกระเป๋าวิ่งออกไปจากห้องชมรมอย่างเร็วพร้อมกับเสียงปิดประตูดัง ปัง!
” ห๊ะ ”
ทั้งที่ยังไม่เข้าใจความหมายเลยแท้ ๆ แต่รุ่นพี่กับรีบวิ่งหนีผมไปซะงั้น หรือนี่ผมไม่ควรถามแล้วยอมทำตามแต่โดยดีอย่างนั้นเหรอ ? แต่ในจังหวะที่รุ่นพี่วิ่งผ่านตัวผมไปผมสังเกตเห็นใบหน้าของรุ่นพี่ดูจะขึ้นสีเล็กน้อย ราวกับคนกำลังเขินอาย แต่สาบานให้ตายเลยว่าไม่ได้ตาฝาดไปอย่างแน่นอน รุ่นพี่ฮิเมมิยะไอดอลของโรงเรียนแสดงท่าทางเขินอายให้ผมเห็น
นี่คงเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในวันนี้ที่ผมได้เห็นเลยก็ว่าได้ และไม่อยากจะคิดเลยว่านอกจากผมแล้วจะยังมีคนอื่นที่ได้เห็นใบหน้าแบบนี้ของรุ่นพี่อีกหรือเปล่านะ แต่ยังไงก็ตามดูเหมือนพรุ่งนี้ผมคงต้องมาที่ห้องชมรมตอนเที่ยงตามที่รุ่นพี่บอกเอาไว้
เนื่องจากรุ่นพี่ฮิเมมิยะวิ่งหนีออกไปจากห้องชมรมแล้วตอนนี้ผมก็คงจะไม่มีเหตุผลจะให้อยู่ต่อแล้วล่ะ คงได้เวลากลับบ้านแล้ว ผมล็อกประตูเดินกลับบ้านคิดว่าในอาคารคงจะมีคนอยู่ไม่มากเพราะน่าจะกลับกันไปเกือบหมดแล้ว
จริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่ได้เข้าชมรมกับรุ่นพี่ที่บ้านก็แปลกใจที่ผมกลับบ้านช้ากว่าปกติ เพราะปกติแล้วผมแทบจะเรียกได้ว่ากลับบ้านเป็นคนแรกตลอด แม้แต่น้องสาวที่อายุห่างกัน 4 ปีก็ยังกลับบ้านช้ากว่าผมอีก พอได้เข้าชมรมกับรุ่นพี่ฮิเมมิยะตั้งแต่นั้นก็กลับบ้านเกือบจะคนสุดท้ายถ้าไม่นับคุณพ่อที่กลับดึกทุกวันน่ะนะ
” กลับมาแล้วครับ ”
เดินคิดอะไรเพลิน ๆ ไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงบ้านตัวเองแล้ว แน่นอนว่าบ้านของผมไม่ได้ห่างจากโรงเรียนมากนัก ถ้าหากเดินด้วยความเร็วปกติจะใช้เวลาประมาณ 20-25 นาทีก็ถึง แน่นอนว่าที่เลือกเรียนโรงเรียนทาเคฮายะก็เพราะมันใกล้บ้านนี่แหละ จะให้ออกไปเรียนต่างจังหวัดหรือที่ไกล ๆ น่ะไม่เอาด้วยหรอก เห็นแบบนี้ผมก็เป็นพวกอยู่ติดบ้านนะ ถึงวันหยุดจะออกไปเล่นเกมที่อื่นบ้างก็เถอะ
” พี่ชายกลับมาแล้ว~ ”
เสียงเล็ก ๆ ที่คุ้นเคยของน้องสาววัย 12 ขวบวิ่งเข้ามาหาผมที่เปิดประตูหน้าบ้านเข้ามา และภาพของเด็กผู้หญิงตัวเล็กสวมชุดนักเรียนชั้นประถมผมหางม้าสีน้ำตาลที่ดูมัดไว้ด้านข้างแบบทรงไซด์เทลกำลังวิ่งเข้ามาต้อนรับผมที่พึ่งกลับมาถึงบ้าน
โฮโจ คานนะ น้องสาวที่อายุห่างกับผม 4 ปี ตอนนี้อยู่ชั้น ป.6 ที่กำลังเรียกว่าวัยสดใสร่าเริงพลังงานเต็มเปี่ยมสุด ๆ ตรงกันข้ามกับผมที่พลังงานน้อยนิดพร้อมที่จะนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน
” กลับมาแล้ว ”
” อื้อ !~ ”
รอยยิ้มที่น่ารักน่าชังราวกับนางฟ้าตัวน้อยที่คอยปลอบประโลมให้พลังงานที่เกือบจะหมดของวันนี้กลับมาได้นิดหน่อย แน่นอนว่าตอนนี้รอยยิ้มของน้องสาวผมไม่อาจสู้รอยยิ้มของรุ่นพี่ฮิเมมิยะได้ แต่อย่างน้อยที่สุดนางฟ้าตัวน้อย ๆ ของบ้านผมก็เป็นดั่งสิ่งที่ทำให้ครอบครัวมีกำลังใจทำงานกันต่อล่ะนะ
” หือ ? มีอะไรหรือเปล่าคานนะ ”
” วันนี้พี่ชายต้องเล่นเกมกับหนู! ”
” เอ๋ ? วันนี้ก็ด้วยเหรอ ”
” วันนี้รับรองว่าหนูจะต้องชนะพี่ชายแน่นอน! “
เหมือนจู่ ๆ ก็ได้รับคำท้าจากน้องสาวตัวเองซะแล้วครับ ปกติตอนเย็นหลังกินข้าวเสร็จผมมักจะขึ้นห้องตัวเองทันทีเพื่อเล่นเกมออนไลน์หรืออ่านมังงะแต่ก็มีอยู่บางครั้งที่จะต้องช่วยคานนะทำการบ้าน แต่พักหลัง ๆ มานี้ผมสอนคานนะเล่นเกมและดุเหมือนว่าคานนะจะติดงอมแงมจนพอกลับมาถึงบ้านก็จะตั้งตารอเล่นกับผมท่าเดียว
” งั้นเอาไว้หลังทำการบ้านเสร็จดีไหม ”
” เอ๋!~ แต่คานนะอยากเล่นเร็ว ๆ แล้วอะ ”
” ไม่งั้นจะฟ้องคุณแม่ว่าคานนะไม่ยอมทำการบ้านเพราะอยากเล่นเกมนะ ”
แน่นอนว่าแผนการฟ้องคุณแม่มักจะเป็นสิ่งที่ใช้ได้ผลเสมอกับคานนะ และแน่นอนว่าเพื่อให้ผมได้มีเวลาส่วนตัวทำอะไรด้วยเช่นกัน
” ก็ได้! ถ้าคานนะทำการบ้านเสร็จแล้วต้องมาเล่นเกมด้วยกันนะ ”
” คร้าบ ๆ แน่นอน ”
คานนะกู่ร้องอย่างดีใจว่า ‘เย่!’ พร้อมทั้งวิ่งหายกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น ผมถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้ข้าง ๆ เดินเข้าไปข้างในบ้าน และก็แน่นอนว่าคุณแม่ของผมกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่พอดี โดยปกติแล้วเราจะกินอาหารเย็นกันแค่สามคนเพราะคุณพ่อกลับดึกเป็นประจำทำให้บนโต๊ะอาหารมีเพียงผม คานนะ และคุณแม่
” ทัคคุงกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ ? ”
เสียงของคุณแม่เอ่ยทักออกพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายหัวใจ ผู้หญิงที่ยังดูสวยรูปร่างดีที่ยังดูไม่แก่เลยสักนิดแม้ว่าอายุจะเกือบเข้าใกล้เลขสี่แล้วก็ตามแน่นอนว่าเป็นคุณแม่ของพวกผมเอง โฮโจ อาเคมิ
” กลับมาแล้วครับ ”
” อีกเดี๋ยวกับข้าวก็จะเสร็จแล้วจ้ะ ทัคคุงไปเปลี่ยนเสื้อผ้ารอก่อนนะ ”
” เข้าใจแล้วครับ ”
ไม่ต้องสงสัยกันหรอกครับว่าทำไมผมถึงถูกเรียกว่าทัคคุง มันเป็นชื่อเล่นที่คุณแม่ย่อมาจากทาคายูกิเป็นทัคคุงนั่นเอง ผมเดินขึ้นบันไดไปห้องของตัวเองที่ชั้นสองเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดใส่เล่นในบ้านก่อนจะลงมาเปิดทีวีดูรอกับข้าวซึ่งมีคานนะทำการบ้านอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี
ชีวิตประจำวันของผมก็จะประมาณนี้ล่ะนะ แต่เมื่อก่อนจะมีจุดที่แตกต่างกันสักหน่อยตรงที่เมื่อก่อนผมจะกลับบ้านมาเป็นคนแรกทำให้ผมจะเข้าไปเล่นเกมหรืออ่านมังงะที่ห้องของตัวเองก่อนอยู่นานสองนานก่อนที่คุณแม่จะเรียกลงไปกินข้าว แต่เดี๋ยวนี้กลับมาก็เกือบจะได้เวลากินข้าวแล้ว ก็เรียกได้ว่าวิถีชีวิตถูกเปลี่ยนจากเดิมไม่มากก็น้อย
หลังมานั่งรอดูทีวีประมาณสิบนาทีคุณแม่ก็เรียกไปทานข้าว ผมกับคานนะเลยลุกไปที่โต๊ะกับข้าวด้วยกัน อาหารเย็นของวันนี้คือข้าวแกงกะหรี่กับหัวไชเท้าดองและซุปมิโซะ อาจจะฟังดูธรรมดาแต่แน่นอนว่านี่แหละคืออาหารที่เรียกได้ว่าพระเจ้าสร้างมาให้กับมวลมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะหัวไชเท้าดองนี่แหละ
” วันนี้ก็มีหัวไชเท้าดองอีกแล้ว คานนะไม่ชอบเลย ”
เสียงบ่นเล็ก ๆ ที่ดังจากข้าง ๆ ผม แน่นอนคานนะนั่นเอง และก็แน่นอนอีกว่าคานนะไม่ชอบหัวไชเท้าดองเพราะมันทั้งเปรี้ยวและแข็งสำหรับคานนะ แต่สำหรับผมแล้วมันคือศิลปะที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบยังไงล่ะ ความเปรี้ยวที่รู้สึกสดชื่นและความกรุบกรอบที่ยังกระทบกับฟันช่างเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว นัวในช่องท้องทีเดียว
” ฮ่า ๆ คานนะหัวไชเท้าดองคืออาหารที่ถูกส่งลงมาจากสวรรค์เลยนะ การที่คานนะยังไม่สามารถรับรู้ความอร่อยของมันได้แบบนี้แสดงว่าคานนะยังเด็กอยู่ยังไงล่ะ ”
” คนที่บอกว่าอร่อยก็มีแต่พี่ชายนั่นแหละ! ”
” นั่นสิทัคคุง แม่ไม่เห็นว่ามันจะอร่อยตรงไหนเลยนะ ”
อ้าวเฮ้ย! ไหงผมถึงถูกรุมจากครอบครัวตัวเองแบบนี้ล่ะ เมื่อไหร่ทุกคนจะยอมเข้าใจถึงความอร่อยของหัวไชเท้าดองกันนะ ให้ตายสิ
แน่นอนว่าบนโต๊ะอาหารมีเพียงหัวไชเท้าดองสำหรับหนึ่งที่เท่านั้น เพราะทุกคนในบ้านไม่มีใครกินเหมือนผมเลยยังไงล่ะ แต่แบบนี้ก็เรียกได้ว่าดีเหมือนกันเพราะจะได้ไม่ต้องแย่งกับใครเลย แต่ก็แอบ ๆ เจ็บใจเหมือนกันที่ไม่สามารถกินหัวไชเท้าดองได้ทุกวันเพราะทุกคนไม่ชอบนี่แหละ!
หลังจากกินข้าวเย็นกับคุณแม่และคานนะจนเสร็จแล้วก็มานั่งเล่นเกมอยู่หน้าทีวีกับคานนะอยู่พักหนึ่งและแน่นอนว่าผมก็ยังเป็นฝ่ายชนะอยู่วันยังค่ำ การได้เห็นน้องสาวตัวเองโมโหกับความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
” พี่ชายขี้โกง! ”
” โกงที่ไหนเล่า เธอฝีมือห่วยเองต่างหาก ”
” คานนะไม่ได้ห่วยนะ! พี่ชายนั่นแหละที่ขี้โกงน่ะ! ”
เสียงบ่นของคานนะที่เหลืออดกับความพ่ายแพ้ต่อเนื่องมาเป็นสิบรอบก็ระเบิดออกมา ผมไม่ได้โกงอะไรเลยนะ แต่ถ้าจะเรียกว่าโกงก็คงเป็นประสบการณ์ล่ะนะ ก็แหมเกมนี้เล่นมาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้วถ้าจะต้องมาแพ้ให้กับมือใหม่อย่างน้องสาวของตัวเองคงเสียชื่อเกมเมอร์น่าดู
หลังจากเล่นเกมกับคานนะเสร็จเวลาก็เลยไปจนสี่ทุ่มแล้ว ทุกคนในบ้านจึงแยกย้ายกันเข้านอนและแน่นอนว่าคุณพ่อก็ยังไม่กลับเพราะคุณพ่อจะกลับบ้านตอนเที่ยงคืนตลอด
เมื่อผมขึ้นห้องมาแล้วแน่นอนว่าก็ยังไม่ได้นอนทันทีหรอกยังไงก็คงต้องเปิดคอมเพื่อเช็คอีเวนต์ต่าง ๆ ในเกมก่อนล่ะนะ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเปิดคอมนั่นเองเสียงข้อความของแอปพลิเคชัน Mine ก็เด้งขึ้นมาโชว์อยู่บนหน้าจอสมาร์ตโฟน
หน้าต่างของแอปพลิเคชันแสดงชื่อของผู้ส่งคำว่า ” 雪 (ยูกิ) ” แล้วตามด้วยรูปเกล็ดหิมะสีขาวน่ารัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เห็นข้อความที่ส่งมาเพราะถ้าหากไม่เปิดเข้าไปอ่านก็จะไม่รู้ว่าผู้ส่งส่งข้อความมาว่ายังไง
” เอ๊ะ ? ”
ผมที่ตกใจกับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่บนจอสมาร์ตโฟนส่งเสียงอยู่ในลำคออย่างสงสัย เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะในบัญชีรายชื่อเพื่อนใน Mine ของผมไม่มีเพื่อนที่ชื่อยูกิเลยน่ะสิ ปกติแล้วมักจะมีของคนในครอบครัวและขอเพื่อนในห้องเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและแน่นอนว่าไม่มีชื่อยูกิในบรรดารายชื่อเพื่อนของผมเลย
แต่สำหรับผมแล้วคงเดาได้ไม่ยากว่าคนที่ส่งข้อความมาหาผมนี่คือใครชื่อ ยูกิ ที่เป็นเอกลักษณ์และไหนจะรูปเกล็ดหิมะที่ตามอยู่หลังชื่อนี้อีก คงมีเพียงคนเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้นั่นคือรุ่นพี่ฮิเมมิยะ ยูกิ ใช่ครับ แต่ปัญหาคือผมไม่มี Mine ของรุ่นพี่ไม่ใช่เหรอ ! แล้วทำไมรุ่นพี่ถึงได้รู้ไอดี Mine ของผมได้กันล่ะเนี่ย!
เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ ก่อนบางทีอาจจะไม่ใช่รุ่นพี่ฮิเมมิยะก็ได้ ใช่แล้วคนสวยที่เป็นถึงไอดอลในโรงเรียนอย่างรุ่นพี่ฮิเมมิยะจะมามี Mine ของคนอย่างผมได้ยังไงกัน ถึงจะอยู่ชมรมเดียวกันมาหนึ่งเดือนแต่ผมกับรุ่นพี่ก็ยังไม่เคยแลกไอดี Mine เพื่อติดต่อกันเลย เบอร์โทรยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
เอาเถอะ ต่อให้คิดมากไปกว่านี้ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมกดเปิดแอปพลิเคชัน Mine ขึ้นมาหน้าจอปรากฏข้อความ
‘ สวัสดีทาคายูกิคุง ฉันฮิเมมิยะ ยูกิเองค่ะ พรุ่งนี้อย่าลืมนัดที่ห้องชมรมตอนพักเที่ยงนะคะ ฉันจะรอนะคะ ‘
…
อ้าก!!! นี่มันอะไรกัน! รุ่นพี่ฮิเมมิยะจริง ๆ ด้วยไม่ใช่หรือไง! จะน่ารักเกินไปแล้วเฟ้ย หรือนี่ผมใช้ดวงของชาตินี้หมดแล้วงั้นเหรอ ทำไมผมถึงได้โชคดีแบบนี้กันนะ มีรุ่นพี่สาวสวยไอดอลของโรงเรียนส่ง Mine มาหาแถมบอกจะรอเราอีกด้วย ถ้าหากว่าข้อความนี่หลุดออกไปละก็ผมได้ถูกหมายตาจากคนทั้งโรงเรียนแน่นอน
แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมรุ่นพี่ฮิเมมิยะถึงได้เรียกผมออกไปที่ห้องชมรมตอนเที่ยงกันแน่
ร-หรือว่าจะสารภาพรัก! กับคนอย่างผมเนี่ยนะ ไม่ ๆ ๆ อย่างรุ่นพี่ฮิเมมิยะที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้นจะมีชอบคนอย่างเราได้ยังไงกัน หน้าตาก็บ้าน ๆ ผลการเรียนถึงจะดีหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ระดับท็อปขนาดนั้นสักหน่อย กีฬายิ่งแล้วใหญ่ห่วยกว่ามาตรฐานด้วยซ้ำ บ้านก็ไม่ได้รวย ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนอย่างรุ่นพี่จะมาชอบแน่ ๆ
เอาเถอะ ผมก็ไม่ได้คาดหวังอย่างการที่จะถูกไอดอลของโรงเรียนสารภาพรักหรอก อย่างน้อยผมก็เจียมตัวอยู่ล่ะนะ รุ่นพี่ก็คงจะมีเรื่องที่ต้องการให้ผมช่วยมากกว่า ใช่คงจะเป็นแบบนั้นแหละ
ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับรุ่นพี่ไปว่า
‘ เข้าใจแล้วครับ ‘
หลังจากที่ผมส่งข้อความไปก็ขึ้นมา ‘อ่านแล้ว’ ทันที เอ๊ะ ? นี่รุ่นพี่กำลังรอข้อความเราเลยหรือไงกันนะ ไม่หรอกน่าจะเปิดหน้าจอค้างเอาไว้มากกว่า เพราะหลังจากขึ้นว่าอ่านแล้วก็ไม่มีการตอบกลับมาอีกเลย รุ่นพี่คงจะนอนแล้วแต่คงจะเปิดหน้าจอค้างเอาไว้ก็ได้
ผมที่คิดแบบนั้นจึงส่งข้อความไปเพิ่มว่า
‘ ราตรีสวัสดิ์นะครับรุ่นพี่ ‘
เมื่อส่งข้อความเสร็จผมก็ปิดหน้าจอสมาร์ตโฟนทันทีโดยที่ยังไม่ได้ดูว่ามันขึ้นอ่านหรือยัง และก็ปิดไฟนอนคาดหวังกับการได้เจอรุ่นพี่ที่โรงเรียนพรุ่งนี้ …
.
.
???
‘ ราตรีสวัสดิ์นะครับรุ่นพี่ ‘ อ่านแล้ว 22 : 40 น.
(กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!)
MANGA DISCUSSION