ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 487 ถึงตาเจียงหลีแล้ว
พลังของฝาแฝดตระกูลอวี๋เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ทรงพลังยิ่งนัก
พลังวิญญาณของทั้งสองใช้ร่วมกันและกระจายไปทั่วร่างกาย
พลังที่น่าสะพรึงกลัวกดดันไปที่หันเหยากวง ซึ่งภายใต้พลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ กลับแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งอย่างท่วมท้น
“ฝาแฝดตระกูลอวี๋โมโหแล้ว!”
ในบริเวณของฮวงเสิน ผู้คนบางส่วนตั้งหน้าตั้งตามองไปที่น้ำตก
และบางส่วนยินดีปรีดากับความโชคร้ายของคนอื่นว่า “ถ้าหากฝาแฝดตระกูลอวี๋โมโหขึ้นมา พลังการต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่าปกติสองเท่า หันเหยากวงก็จริงๆ เลย ทำให้ฝาแฝดของตระกูลอวี๋โมโหไปได้ คิดว่าการทดสอบครั้งนี้ง่ายเกินไปอย่างนั้นหรือ”
“ข้าดูๆ แล้ว แม้ว่าหันเหยากวงจะแข็งแกร่งมาก แต่ฝาแฝดของตระกูลอวี๋ธรรมดาซะที่ไหนเล่า เกรงว่า หันเหยากวงในสนามประลองที่สามจะหาเรื่องใส่ตัวแล้ว”
“นี่คือราคาของความหยิ่งผยอง!”
“…”
ผู้ที่เฝ้าดูการประลองอยู่นั้น จะไม่มีทางรู้สึกเช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในการต่อสู้
โดยขณะนี้ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือการโจมตีจากฝ่ายฝาแฝดของตระกูลอวี๋ และพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวได้ห่อหุ้มหันเหยากวงไว้ราวกับพายุยักษ์สองลูก แต่กลับมองไม่เห็นใบหน้าที่ค่อยๆ ขาวซีดของฝาแฝดตระกูลอวี๋
ณ สนามประลองที่สาม เกิดพายุหมุนสะสมกันเป็นชั้นหนา
เมื่อมองเห็นความดุเดือนในสนามประลองที่สาม ใบหน้าของเจิ้งหยวนก็ขาวซีดทันที “ต่อสู้กันเช่นนี้ คงไม่ถึงชีวิตใช่ไหม”
สิ่งที่เขากังวลก็คือคุณชายเหยากวงที่เขาชื่นชม
เจียงหลีส่ายศีรษะโดยไม่ทันมีใครสังเกตเห็นด้วยใบหน้านิ่งสงบ
สนามประลองที่สามลุกเป็นไฟอย่างต่อเนื่อง ฝาแฝดของตระกูลอวี๋ถอยหลังหนึ่งก้าวทันที และมองดูรอบกายที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟจากอีกาทองสามขาของหัวเหยากวงด้วยความตกใจ
ให้ตายเหอะ!
จะสู้ต่ออย่างไร ทันทีที่ปลดปล่อยพลังวิญญาณเข้าใกล้หันเหยากวง ก็ระเหยโดยความร้อนของอีกาทองของเขา
ใบหน้าของฝาแฝดอวี๋ดูแย่มาก
“พวกเขาสองคนทำบ้าอะไรอยู่ ทำไมจู่ๆ ถึงก้าวถอยหลังเล่า”
คนนอกน้ำตกบางคนไม่เข้าใจ
แต่กลับมีคนที่สายตาเฉียบแหลมสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในนั้นทันที “นั่นคือวิญญาณยุทธ์ของหันเหยา
กวง! คาดไม่ถึงว่าวิญญาณยุทธ์ของเขาจะเป็นอีกาทองสามขา! ”
“โอ้แม่เจ้า! สามารถประสานอีกาทองสามขาได้ด้วยหรือ ไม่กลัวถูกไฟเผาหรือ จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฝาแฝดของตระกูลอวี๋จะไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวว่าจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้”
“…”
“วันนี้จบลงแค่นี้ก่อน” นี่เป็นครั้งแรกที่หันเหยากวงปริปากพูด
ระหว่างที่เขาพูด เขาได้ปล่อยหมัดทั้งสองข้างพร้อมกัน โดยพลังหมัดประกายแสงไฟแต่ละข้างแยกพุ่งเข้าใส่ฝาแฝดตระกูลอวี๋
อ๊ากกก!
อ๊ากกก!
เสียงกรีดร้องของทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมกัน จากนั้นควันสีดำก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของฝาแฝดตระกูล อวี๋ และลอยออกจากสนามประลองพร้อมกัน
ชนะแล้ว!
ด้านนอกน้ำตก หันเหยากวงเอาชนะคู่แฝดของตระกูลอวี๋ท่ามกลางสายตาที่อุทานด้วยความตื่นตะลึงของทุกคน เมื่อทราบผลอย่างนี้แล้ว พวกเขาถึงตระหนักได้ว่าพลังของหันเหยากวงแข็งแกร่งเพียงใด เขามีความสามารถในการชนะด้วยกระบวนท่าเดียว แต่กลับต่อสู้ยืดเยื้อกับฝ่ายคู่แฝดตระกูลอวี๋ และแสดงความสามารถออกมาต่อหน้าทุกคน เขาทำเช่นนี้ทำไมกัน
เขาแข็งแกร่งมาก!
ทันใดนั้น ทุกคนต่างเข้าใจ
ที่แท้เป้าหมายของหันเหยากวง ไม่ใช่ตำหนักเย่ว์แต่เป็นตำหนักเย่าที่เงียบสงบมาเป็นระยะเวลานาน!
ครั้งนี้ตำหนักเย่าจะเปิดประตูต้อนรับเขาจริงหรือ
เพียงชั่วขณะหนึ่ง คำถามนี้ผุดขึ้นในใจของทุกคน และรอคอยคำตอบด้วยความคาดหวัง
หันเหยากวงเดินขึ้นไปบนยอดเขา
ตามกฎแล้ว ต้องรอให้ทุกคนทดสอบจนครบก่อน ตำหนักทั้งสามถึงจะตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้เชิงเขาเหลือผู้ทดสอบสองคนคือเจิ้งหยวนและเจียงหลีเท่านั้น
“แยกย้าย แยกย้าย! การทดสอบของปีนี้หมดลุ้นแล้ว”
ด้านนอกน้ำตก หลังจากที่ทุกคนตกตะลึงไปกับหันเหยากวง จึงเตรียมตัวแยกย้าย เพราะพวกเขามาเพื่อดูการทดสอบของหันเหยากวงเท่านั้น ซึ่งบัดนี้ หันเหยากวงยืนอยู่บนยอดเขาเป็นไปตามคาด และพวกเขาก็ได้เห็นความสามารถของหันเหยากวงแล้ว จะอยู่ต่อไปทำไม
“นี่พวกเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าหันเหยากวงจะถูกเลือกจากตำหนักไหน ไม่อยากรู้ว่าครั้งนี้ตำหนักเย่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”
ทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากฝูงชนซึ่งทำให้ศิษย์ที่กำลังจะเดินจากไป หยุดเดินโดยไม่ตั้งใจ
“ถูกต้อง! แม้ว่าการทดสอบของหันเหยากวงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังเหลือขั้นตอนหนึ่งที่ไม่ควรพลาด”
“ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าหันเหยากวงสามารถดึงดูดความสนใจจากตำหนักเย่าได้หรือไม่”
“ยังไงซะ ดูจากความสามารถตอนนี้แล้ว หากหันเหยากวงไม่ได้เข้าตำหนักเย่า ก็คงเข้าตำหนักเย่ว์แล้วล่ะ”
“อันนี้ไม่สำคัญ ข้าแค่อยากรู้ว่าตำหนักเย่าจะปรากฏตัวหรือไม่!”
“ตำหนักเย่า! นั่นคือสถานที่ที่ในใจของพวกเราบรรดาลูกศิษย์ของฮวงเสินปรารถนามากที่สุด มีข่าวลือว่าตอนนี้ตำหนักเย่ามีลูกศิษย์เพียงสามคน และความแข็งแกร่งของทั้งสามนี้มิอาจคาดเดาได้ และการต่อสู้ก็ทรงพลังมากด้วยเช่นกัน”
“ทั้งสามเป็นเสมือนมังกรจิตวิญญาณที่มองเห็นศีรษะแต่ไม่เคยมองเห็นหางของมันเลย ข้ามาอยู่ที่เสินฮวงห้าสิบปีแล้ว เคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่เคยพบตัวจริงเลยสักครั้ง”
“ข้าก็เช่นกัน! ”
“ข้าก็…”
“พวกเรารอดูต่อให้จบเถอะ”
“…”
เหล่าบรรดาลูกศิษย์ที่กำลังจะเดินจากไปค่อยๆ หันหลังกลับและเฝ้าอยู่นอกน้ำตก ตอนนี้ สิ่งที่ดึงดูดพวกเขาไม่ใช่หันเหยากวง แต่เป็นตำหนักเย่าที่ลึกลับและทรงพลัง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน ก้มศีรษะ ปิดริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ
เจียงเฮ่ายังมองไปที่ลู่เสวียนอย่างจนปัญญาและส่ายศีรษะช้าๆ
ลู่เสวียนยักคิ้วอย่างมีชัย และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ซ้อเล็กข้ายังไม่ทดสอบเลย คนเหล่านี้จะเดินจากไปได้อย่างไร” เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของเจียงหลีที่สุด
ประโยคนั้น เขาเป็นคนตะโกนขึ้นเอง
“อืม อาหลีคงไม่ถ่อมตัวเป็นแน่” เจียงเฮ่าพูดด้วยยิ้ม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดูที่มีต่อน้องสาวของเขา
“ถือว่าเจ้าฉลาดเหมือนกันนะ รู้จักใช้หันเหยากวงและตำหนักเย่าเป็นเครื่องมือ เพื่อให้คนเหล่านี้อยู่ต่อ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเขาด้วยรอยยิ้ม
ลู่เสวียนเชิดคางขึ้น “แน่นอนสิ ซ้อเล็กของข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก ข้าจะทำให้นางเสียชื่อเสียงและสร้างศัตรูไม่ได้”
…
ณ บริเวณเชิงเขาหนานซาน เจียงหลีมองไปที่เจิ้งหยวนและความหมายในสายตานั้นชัดเจนมาก
“ให้ข้าก่อนหรือ” เจิ้งหยวนชี้มาที่ตัวเอง
เจียงหลีพยักหน้า “ให้โอกาสเจ้าได้อยู่ข้างกายคนที่ชื่นชม ทำไมหรือ เจ้าไม่ต้องการโอกาสนี้รึ”
เจิ้งหยวนผงะไปครู่หนึ่งถึงจะเข้าใจ และยิ้มอย่างเขินอาย “เจ้าช่างเชื่อมั่นในตัวข้าเสียจริง”
“เจ้าไม่ใช่มั่นใจในตัวเองมาโดยตลอดหรือ” เจียงหลีมองเขาด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงบัดนี้ ทั้งมีความมั่นใจและสงบนิ่งมาก
“นี่ ข้าคือหลิงจงขั้นห้า เมื่อเข้าสู่การทดสอบ ถือว่าได้เปรียบไม่น้อย” เจิ้งหยวนยิ้มกล่าว
เจียงหลียักคิ้ว
อันที่จริงแล้ว การฝึกฝนที่ต่ำกว่าถือเป็นข้อได้เปรียบเมื่อปะทะกับคนในอาณาเขตเดียวกัน เพราะการฝึกฝนยิ่งสูง ช่องว่างระหว่างกันที่มีเพียงเล็กน้อย ก็สามารถกำหนดผลลัพธ์ได้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ข้าเริ่มก่อน” เจิ้งหยวนยิ้มอย่างสดใสให้กับนาง
เจียงหลีพยักหน้า “ขอให้เจ้าโชคดี”
เจิ้งหยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ และมุ่งหน้าไปยังเขาหนานซาน
เขาผ่านได้สนามประลองแรกไปได้อย่างง่ายดาย สนามประลองที่สองถือว่าผ่านไปได้ สนามประลองที่สาม ฝาแฝดคู่เดิม ทำให้เจียงหลีอดสงสัยไม่ได้ว่า เพื่อการจัดเตรียมเนื้อหาการทดสอบเช่นนี้ ทางฮวงเสินได้รับฝาแฝดจำนวนมากเข้ามาเป็นการพิเศษใช่หรือไม่
การต่อสู้ครั้งที่สามของเจิ้งหยวนนั้นยากลำบากและอันตรายมาก
ในที่สุด เขาก็เอาชนะได้อย่างฉิวเฉียด แต่กลับต้องแลกมากับบาดแผลทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขายังคงสดใสเช่นเดิมและอารมณ์ดีมากด้วยเช่นกัน
เมื่อเขายืนอยู่บนยอดเขา เจียงหลีก็ก้าวเท้าของตัวเองออกไป…