ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 480 พวกเจ้าไปปล้นกันมาหรือ
พลังควบคุมจิตกลายเป็นดาบแหลมคมนับไม่ถ้วน แทงทะลุไปที่ร่างกายของอวี๋เหนียน ตอนที่เขาล้มลงบนพื้น ร่างกายของเข้ามีรูมากมาย เลือดแดงสาดไปทั่วเสื้อผ้า
เจียงหลีทำลายร้านอวี๋หลงแล้ว ก็ทำการหาของยกใหญ่ เจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียนออกไปอย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเขากลับไปถึงกำแพงเมืองสำนักพรตเสวียนหมิง ขั้วอำนาจใหม่ของจยาเซียนได้ครอบคลุมพื้นที่ทางซีฮวงนี้ไว้เหมือนไฟที่โหมกระพือ โชคดีที่ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงสร้างบาปกรรมไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อขั้วอำนาจใหม่ปรากฏขึ้นจึงไม่ได้ต่อต้านอะไรมาก และยังมีกงเสวี่ยฮวาประมุขน้อยของวังเทียนอู่กงปรากฏตัวที่นั่นด้วย ทั้งหมดจึงดำเนินการได้อย่างราบรื่น
ณ ห้องเก็บของ
แก๊งๆ!
เสียงดังออกมาหยุด ทำให้คนที่เดินผ่านไปมา มองอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่รู้ว่าด้านในกำลังทำอะไร แต่ทว่า สถานที่สำคัญอย่างห้องเก็บของไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าใกล้ได้ตามใจชอบใช่ไหม
ดังนั้น เหล่าคนที่รับเข้ามาใหม่ต่างก็ระงับความอยากรู้ของตนเองไว้ แล้วอยู่ห่างห้องเก็บของ
ภายในห้องเก็บของ เดิมทีเต็มไปด้วยของสำนักพรตเสวียนหมิงรีดไถเก็บมาหลายปี แต่ตอนนี้ ที่ว่างรอบกายเจียงหลีคล้ายมีรอยแยกแตกออกมา ของที่ใช่ในการฝึกฝนหล่นร่วงจากด้านนอกไหลมาไม่หยุด
ไม่ได้เป็นแค่เฉพาะนาง แต่รอบกายเจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียนก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ดูแล้วคล้ายน้ำตกสามสาย ไหลทะลักลงมา ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วหินวิญญาณยังไหลลงมาไม่หยุด กงเสวี่ยฮวาตกตะลึงจนตาค้างแล้วเอ่ยถาม “พวกเจ้าไปปล้นมาหรือ”
ไม่ใช่แค่เขา ลู่เสวียน เหวินเหรินชิ่งชิ่ง ยังมีหนานอู๋เฮิ่น เฟิงสิงอวิ๋นอีกหลายคนก็ตกใจไม่น้อย
บอกว่าจะสืบเรื่องที่เมืองซู่หยา แต่ทำไมหลังกลับมา ดูเหมือนกับไปทำการปล้นสดมภ์มามากกว่า
พวกเขาพลาดเรื่องราวที่น่าสนุกเหล่านี้ไปหรือ
เมื่อผ่านไปชั่วครู่ เจียงหลีกับมู่ชิงเหยียนก็หยุดลงก่อน มีเพียงเจียงเฮ่าที่ยังไม่หยุด
เจียงหลีเอ่ยอย่างดีใจ “ดีที่มีพี่ใหญ่เป็นถึงหลิงหวัง กระเป๋าวิเศษจึงมีพื้นที่เก็บของมากขึ้น ไม่อย่างนั้นพวกเราคงทำได้เพียงมองของเหล่านี้แต่ไม่ปัญญาเอาออกมาใช้”
“พวกเจ้าตกลงไปทำอะไรที่เมืองซู่หยากันแน่” กงเสวี่ยฮวาดึงแขนเสื้อเจียงหลี ถามอย่างประหลาดใจ
ดังนั้น ในขณะที่รออยู่ เจียงหลีจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองซู่หยาให้พวกเขาฟัง
“พวกเจ้าทำลายสาขาของสำนักหลีหุนจง!” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยอย่างตกตะลึง
“สมควรตาย! สังหารได้ดีมาก! คนพวกนี้น่ารังเกียจนัก! เสียดายที่ข้าไม่ได้ไป ไม่เช่นนั้น ข้าคงได้สังหารอย่างสะใจ” ลู่เสวียนกล่าวอย่างเกลียดชังและเคียดแค้นศัตรู
ดวงตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งเต็มไปด้วยความโกรธอย่างที่สุด “คนพวกนี้ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก! นึกไม่ถึงว่าจะหลอกหญิงสาวจากหนานฮวง ไม่รู้เลยว่ามีหญิงสาวจำนวนเท่าไรที่โดนพวกมันลงมืออย่างอำมหิต”
หญิงสาวสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเดือดดาล ขณะที่หนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นสบตากัน สีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าก็ช่างหาเรื่องเสียจริง” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยอย่างมีมโนธรรม
แน่นอน เขายอมรับว่าคนในสำนักหลีหุนจงควรถูกสังหาร แต่ว่าการที่เจียงหลีสร้างเรื่องถึงขั้นนี้ กลับไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
“ยังดีที่เจ้าฉลาด รู้จักดึงวังเวิ่นฉิงมาพัวพัน ต่อให้หลีหุนจงสืบสาว อย่างน้อยก็มีวังเวิ่นฉิงรับหน้าแทนเจ้า” กงเสวี่ยฮวายิ้มเอ่ย
“ท่านอาจารย์หนาน ท่านอาจารย์เฟิง พวกข้าได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับกลุ่มอำนาจฮวงเสินหรือไม่” เมื่อมองเห็นสีหน้าของทั้งสอง เจียงหลีจึงเอ่ยถามขึ้น
หนานอู๋เฮิ่นเผลอยิ้มออกมาพลางส่ายหน้า “ถึงแม้หลีหุนจงจะมีอำนาจระดับกลาง แต่ฮวงเสินก็ไม่ขี้ขลาดด้วยเหตุเช่นนี้ แต่ทว่า เรื่องนี้หลังจากกลับไปที่ฮวงเสิน ก็ยังต้องรายงานให้เบื้องบนทราบ”
สำหรับเรื่องนี้เจียงหลีก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร จึงพยักหน้า
“เรื่องนี้หลีหุนจงลงมือกระทำการชั่วร้ายยิ่งนัก มีอำนาจยิ่งใหญ่แต่กระทำการเช่นนี้อำนาจนี้ต้องโดนปราบปรามให้สิ้นซากหรือไม่” ลู่เสวียนเอ่ยอย่างโมโห
ตรงจุดนี้ กงเสวี่ยฮวาหัวเราะขึ้น “ซีฮวงยิ่งใหญ่นัก เรื่องของอำนาจเป็นเรื่องซับซ้อน ในนั้นมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วย ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็จัดการได้ หากมีอะไรมาทดแทนอำนาจได้ก็ดี แต่หากตระกูลต่างๆ แบ่งดินแดน นั่นก็จะทำให้เกิดการจลาจลขึ้นได้ ดังนั้น ในตอนนี้สถานการณ์ของซีฮวงยังปกติดีอยู่ ก็ไม่ควรที่จะทำลายสมดุลของอำนาจที่มีอยู่”
หากไม่ใช่เช่นนี้ เขาก็คงไม่สนับสนุนเจียงหลีรับช่วงต่อจากสำนักพรตเสวียนหมิงหรอก
“แน่นอนว่าหลีหุนจงยังมิได้ทำให้กลุ่มอำนาจระดับสูงเดือดร้อน” กงเสวี่ยฮวาพูดเสริมอีกประโยคที่แฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง
ทำให้เจียงมองขึ้นมา เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แล้วมองไปที่เขา
ใช่แล้ว! ความแข็งแกร่ง!
ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล หรือว่าอำนาจ และไม่ว่าจะเป็นซีฮวง หรือหนานฮวง หากตนเองแข็งแกร่ง ก็จะไม่มีใครกล้ามาหาเรื่อง
คนที่เข้าใจความหมายของกงเสวี่ยฮวาอย่างหนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋น ก็ถอนหายใจและพยักหน้าเช่นกัน
ความแข็งแกร่งมิอาจถูกรังแกได้อย่างง่ายดาย นั่นก็คือเหตุผลที่ฮวงเสินอยากกลับไปเป็นกลุ่มอำนาจระดับสูงดังเดิม
ในระหว่างที่พวกเขาพูดคุย ในที่สุดเจียงเฮ่าเทสิ่งของที่ใช้เป็นทรัพยากรฝึกฝนออกมาหมดเสียที
เจียงหลีเอ่ยกับมู่ชิงเหยียน “มีของเหล่านี้แล้ว พวกเราก็จะระเบิดภูเขาได้แล้ว รอให้เวลาผ่านพ้นไปช่วงหนึ่งก่อน พวกเราค่อยกลับไปที่ฮวงเสิน เรื่องเหล่านี้ทั้งหมดลำบากเจ้าแล้ว”
มู่ชิงเหยียนพยักหน้า ดวงตาแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะทิ้งนกปี้อวิ๋นไว้ หากเจ้ามีเรื่องอะไร ก็สามารถใช้มันเพื่อส่งสาสน์ได้” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยด้วยตนเอง
แต่ทว่า เจียงหลีขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะ “นี่ยังไม่พอ หากมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ต่อให้นกปี้อวิ๋นจะเพิ่มความเร็วเพียงใด หลังจากที่พวกเราได้รับสาสน์แล้ว ก็อาจไม่ทันการณ์” มันจะไม่มีวิธีอื่นที่จะทำให้สาสน์ส่งมาได้ทันเวลาเลยหรือ
ทันใดนั้น นางเหลือบตาขึ้นมามองไปทางหนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋น ดวงตาเป็นประกายแวววาว “ท่านอาจารย์หนาน ท่านอาจารย์เฟิง ในเมื่อครั้งหนึ่งพวกท่านเคลื่อนย้ายมวลสารผ่านมิติเวลา มีของล้ำค่าอะไรไหมที่จะทำให้สาสน์ส่งได้ทันท่วงที”
“ความคิดอันแสนฉลาดของเจ้า ปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของข้าเถิด” เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มกล่าว “ของล้ำค่าที่เจ้าพูดถึง พวกข้าเคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีอยู่กับตัว”
เจียงหลีดีใจเป็นอย่างมาก “มีอยู่จริงด้วย!”
“หากพูดอย่างจริงจัง นี่เป็นวิชาลับ คนที่ฝึกฝนมันจะสามารถส่งเสียงได้ไกลถึงพันลี้ หากเจ้าอยากฝึกฝนวิชาลับนี้ ก็ต้องเดินทางไปฮวงเสินก่อน” เฟิงสิงอวิ๋นอมยิ้มแล้วตอบ
สิ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้นคือ วิชาลับนี้อยู่ในฮวงเสิน
กงเสวี่ยฮวาหัวเราะขึ้นมา “ฮวงเสินครั้งหนึ่งเคยเป็นกลุ่มอำนาจระดับสูง คงมีอยู่จริงๆ”
“ฮวงเสิน…ฮวงเสินเป็นดินแดนเช่นไรกัน” ใจเจียงหลีล่องลอยหวังว่าจะได้ฝึกฝน
“มีวิชาลับเช่นนี้ แล้วทำไมพวกข้าถึงไม่รู้เล่า” ลู่เสวียนยกมือชี้ไปที่ตนเอง คนที่อยู่ข้างๆ อย่างเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็พยักหน้าตาม
พัดที่อยู่ในมือเฟิงสิงอวิ๋นโบกสะบัด ตีไปที่ศีรษะของเขาอย่างเบาๆ “ในเมื่อเป็นวิชาลับ ย่อมไม่ได้อยู่ในวิชาการฝึกฝนในชั้นเรียน พวกเจ้าไม่สนใจมัน ใครเล่าจะมาบอกให้พวกเจ้ารู้”
ลู่เสวียนยิ้มอย่างเขินอาย และไม่พูดอะไรต่อ
กลับกันในเวลานั้นกงเสวี่ยฮวายิ้มจนตาแทบปิด “มีเรื่องเล่ากันว่าในฮวงเสินมีวิชาลับโบราณอีกมากมาย หากมีโอกาส ก็อยากจะไปเรียนรู้สักครั้ง”
วิชาลับโบราณ! เจียงหลีดวงตาเป็นประกาย นางรับรู้ได้ว่ากงเสวี่ยฮวาตั้งใจที่จะเตือนสติตนเอง
แต่หลังจากที่หนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นฟังเขาพูดจบ เอ่ยกับกงเสวี่ยฮวาด้วยสีหน้าจริงจัง “เมือง
ฮวงเสินยินดีตอนรับนายน้อยกง ท่านสามารถมาเป็นแขกได้เสมอ”
“เจียงหลีอยู่ที่นั่น ไม่ช้าก็เร็วข้าย่อมได้ไปเยือน” กงเสวี่ยฮวาหัวเราะหลังจากพูดจบ กะพริบตาหันมองไปทางเจียงหลี
“ถ้าอย่างนั้น…วิชาลับส่งเสียงพันลี้ ข้าเรียนได้หรือไม่” จู่ๆ มู่ชิงเหยียนเอ่ยถามขึ้น