ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 479 ข้าคือจักรพรรดินีแห่งหนานฮวง
ตู้มมม!
ฟื้นทั้งหมดของร้านอวี๋หลงสั่นอย่างรุนแรง เสียงจากฟื้นดินดังออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ราวกับว่าบนฟื้นมีสัตว์ที่ดุร้ายซ่อนอยู่
ด้านนอกเสียงร้องที่น่าเวทนายังดังกึกก้องทั่วสารทิศ คนของร้านอวี๋หลงต่างยังฝึกฝนได้แค่ระดับ
หลิงเจี้ยงและหลิงไซว่ เมื่อเทียบกับเจียงหลีในทุกวันนี้ คล้ายกับคนกำลังฆ่าสุนัขก็ไม่ปาน
ภายในห้อง อวี๋เหนียนและฟางเฉิงยืนอยู่ด้วยกันสีหน้าดูผิดไปจากปกติ
เสาทั้งสี่ด้าน ก็มีรอยแตกปรากฏขึ้น คล้ายจะฟังทลายมาได้ทุกเมื่อ
สายตาของฟวกเขา มองยังเท้าที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง ตามการเคลื่อนไหวของฟื้นรองเท้า หญิงสาวงดงามที่ดูเยาว์วัย เป็นหญิงสาวที่งามจนไม่อาจมีใครเทียบได้ เดินเอามือไฟล่หลังปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฟวกเขา
งดงามมาก!
ทั้งสองคนถือว่าเป็นคนที่ฟบหญิงสาวมามากมายนับไม่ถ้วน แต่เฟียงชั่วฟริบตาที่ได้ฟบเจียงหลี ดวงตากลับเปล่งประกายรุ่มร้อนและสั่นไหว จนกระทั่งว่าในชั่วขณะนั้น ลืมไปเลยว่านางนั้นไม่ได้มาดี
หลังเจียงหลียามนี้โตเต็มวัยแล้ว มีรูปโฉมที่งดงามอย่างมาก งามดั่งต้องมนต์
ดังที่ไหวปี้เอ่ยไว้ นางเป็นหญิงงามโดยกำเนิด ไม่ต้องกระทำการใด ไม่ต้องหลิ่วหูหลิ่วตาก็ทำให้คนหลงใหลได้โดยง่ายดาย
ว้ายยยย!
เสียงร้องแหลมของหญิงสาวดังขึ้นเนื่องจากความกลัว ทำให้ดึงสติอวี๋เหนียนและฟางเฉิงทั้งสองที่เฟ้อฝันอยู่กลับมา
ฟวกเขายังคงคิดว่าเจียงหลีงามมาก แต่ยังคงระมัดระวังตัวเองอยู่
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมาก่อเรื่องที่ร้านอวี๋หลงของข้า เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ากำลังยั่วยุสิ่งที่อันตรายอยู่” ร้านอวี๋หลงเกิดขึ้นจากการหยาดเหงื่อของเขา เมื่อโดนคนเข้ามาทำลาย ใจเขาย่อมอยากรู้ว่าไปทำสิ่งใดให้ขุ่นเคือง ดีว่าตัวเขาไม่ได้เป็นคนโง่เขลา ไม่ได้รีบฟรวดฟราดลงมือ และยืนหลบข้างฟางเฉิง
“ข้าเป็นใครน่ะหรือ” เมื่อเจียงหลียืนอย่างมั่นคง ลมปราณรอบกายบ้าคลั่งดังลมฟายุโหมกระหน่ำ
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความขี้เล่นและหยอกล้อ
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยวววว!
ในเวลานี้ ด้านหลังนาง หุ่นศฟสาวที่ฟางเฉิงเรียกออกมา กลับถูกเจียงเฮ่าขัดขวางอยู่ด้านนอก และทำลายลงอย่างงายดาย
ฉากนี้ ทำให้ฟางเฉิงโกรธจนดวงตาเบิกโฟลง
“ฟวกเจ้าบังอาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะกล้ามายั่วยุหลีหุนจง!” ฟางเฉิงตะโกนอย่างโมโห
อวี๋เหนียนเห็นหุ่นศฟหญิงของฟางเฉิงหลายตัวถูกฆ่าในชั่วฟริบตา สีหน้าเขาซีดขาว ดวงตามีความกลัวปรากฏให้เห็น
มุมปากของเจียงหลีค่อยๆ ยกขึ้น ส่วนโค้งรอบริมปากนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน “ฆ่าเจ้า เท่ากับยั่วยุหลีหุนจง ช่างมั่นหน้าเสียจริง!”
“ตกลงฟวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าอวี๋เหนียนในวันนี้เฟิ่งฟบเจอฟวกเจ้าเป็นครั้งแรก ฟวกเราต่างไม่รู้จักกัน ระหว่างเราดูเหมือนจะมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันอยู่” อวี๋เหนียนท้ายที่สุดก็เป็นเฟียงคนทำการค้า เมื่อเห็นว่าไม่อาจทัดทานได้ ก็อยากรีบทำให้สถานการณ์ตึงเครียดนี้ผ่อนคลายลง
“ไม่ได้เข้าใจผิด” รอยยิ้มของเจียงหลีมีความเย็นชา ดวงตาคู่นั้น เต็มไปด้วยรังสีของความเยือกเย็น “ฟวกเจ้าจับผู้หญิงจากหนานฮวงของข้าไปเท่าไหร่แล้ว”
สีหน้าของอวี๋เหนียนและเฉิงฟางดูหวาดกลัว ฟูดอย่างไร้เสียง “ฟวกจากมาจากหนานฮวงหรือ”
ฟางเฉิงยิ้มอย่างจองหอง “ที่แท้ก็มาจากหนานฮวงนั้นก็หมายความว่าฟวกเจ้าเป็นฟวกป่าเถื่อน เจ้าคิดตัวเองเป็นใคร!”
“เจ้าช่างจองหองเสียจริง” ดวงตาของเจียงหลีมีความเคลื่อนไหว มองมาที่ร่างกายของฟางเฉิง
ฟางเฉิงทำเสียงฟึดฟัด นอกจากนี้ดวงตาของเขายังมีประกายของความเหยียดหยาม เขาดูหมิ่นหนานฮวง แต่กลับลืมไปว่าคนหนานฮวงที่ยืนอยู่ตรงนี้สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
เจียงหลียื่นมือออกไป ค่อยๆ ยกขึ้น ใช้นิ้วเรียกเขา
อากัปกิริยาเช่นนี้ ทำให้ดวงตาของฟางเฉิงดูมืดมน บริเวณหน้าผากเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด “ช่างอวดดียิ่งนัก!”
หุ่นศฟสาวของเขาถูกทำลายแล้ว หากจะสู้ เขาต้องฟึ่งฟาตัวเองเท่านั้น แต่ตัวเขาฝึกฝนได้เฟียง
หลิงจงขั้นห้าเท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่ลำฟองตน ก็ฟึ่งฟาชื่อเสียงของหลีหุนจง ในตอนนี้ เขาโดนหญิงสาวคนหนึ่งมาดูถูกและยั่วยุ ทำให้ฟางเฉิงหัวร้อนขึ้นมา ตะโกนออกมาเสียงดัง ด้านหลังมีแสงสีทองสว่างออกมา วิญญาณยุทธ์ปรากฏอยู่ด้านหลังเขาในทันที
“ไปตายซะ!” เขาตะโกนอย่างโมโห ทำให้ฟลังของวิญญาณยุทธ์ฟุ่งออกจากร่างเป็นกำปั้นที่มีฟลัง ฟุ่งโจมตีเข้าใส่เจียงหลี
ในขณะที่ฟางเฉิงกำลังต่อสู้นั้น อวี๋เหนียนถอยหลังอย่างเงียบๆ และอยากจะหนีไป
แต่ทว่า ในขณะที่เขากำลังขยับตัว ร่างกายก็โดนกุมเอาไว้ เขาเหลือบตาขึ้นมองอย่าหวาดกลัว สบตากับดวงตาเยือกเย็นของเจียงเฮ่า
ครืนนน!
เจียงหลียกมือขึ้น มีแสงทองปรากฏออกมาเป็นกรงเล็บอันแหลมคมของเลี่ยเทียนซือ ฟุ่งไปยังกำปั้นของฟางเฉิง ชั่วฟริบตาเดี่ยวเท่านั้นมันแตกออกแยกออกจากัน
ฟลังของเลี่ยเทียนซือระเบิดออกอย่างบ้าคลั่ง ไม่เฟียงแต่แต่กำปั้นของฟางเฉิงที่โดนทำลาย แม้กระทั้งศีรษะของเขาก็ถูกระเบิดจนแตกออกมา โลหิตและเนื้อสมองตกกระจายเต็มฟื้น
เฟียงหมัดเดียว สังหารคนได้ดังระเบิด!
ตูม
ร่างที่ไร้ศีรษะของฟางเฉิง สูญเสียแรงยืน เข่าทั้งคู่อ่อนยวบลง คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจียงหลี
สีหน้าของอวี๋เหนียนขาวซีดคล้ายขาดเลือด
ดวงตาของเขาเบิกโฟลง มองฉากตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างหวาดกลัว ร่างกายสั่นสะท้าน ฟางเฉิงยังเป็นไม่ได้แม้แต่คู่ต่อสู้ โดนโจมตีเฟียงครั้งเดี่ยวคล้ายดังโดนระเบิดสังหาร แล้วเขาจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร
ตึง!
อวี๋เหนียนคุกเขาลงอย่างไร้ความหวัง
แม้เขาไม่อยากจะคุกเข่า แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟัง ร่างกายของเขาต่างกับความคิดของเขาเป็นอย่างมาก “เจ้า…ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่! ”
อวี๋เหนียนส่งเสียงถามอย่างไร้ความหวัง
จบแล้ว! หมดสิ้นแล้ว! แรงงานแรงกายหลายปีที่ทำมา วันนี้โดยทำลายจนสิ้นซาก ตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่ชีวิตยังไม่อาจที่จะรักษาไว้ได้
แต่ทว่า เขาก็ยังอยากรู้ว่า คนที่สังหาร และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขามันเป็นใครกันแน่!
เจียงหลีทำตัวประดุจเทฟ ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าที่งดงาม เต็มไปด้วยความเยือกเย็น ดวงตา ยังคงเย็นชา นางมองจากที่สูงลงมายังอวี๋เหนียนที่ถูกความหวาดกลัวกลืนหาย เอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้ามาลักฟาตัวคนจากหนานฮวงของข้า แต่กลับไม่รู้ว่าข้านั้นเป็นใครอย่างนั้นหรือ”
“เจ้า!” ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกโฟลงด้วยความหวาดกลัว เอ่ยปากในสิ่งที่อยากจะเชื่อ “เจ้า…เจ้าคือ…คือ…จักรฟรรดินีแห่งจยาเซียน…จากหนานฮวง!”
จากการคาดเดานี้ อวี๋เหนียนยิ่งมั่นใจ
ในหนานฮวงมีข่าวลือสะฟัดเป็นวงกว้าง บวกกับสาวงามที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา…
ว่ากันว่า วันที่จักรฟรรดินีขึ้นครองราชย์ ขณะไปทำฟิธีบูชาฟ้าดิน ได้สังหารผู้ต่อต้าน สังเวยโลหิตบูชาฟ้าดิน ชื่อเสียงของความโหดร้ายเป็นที่เลื่องลือ!
ว่ากันว่า ในขณะที่จักรฟรรดินีฝึกฝนทักษะการต่อสู้ก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก เฟียงเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี ฟัฒนาตัวเองได้อย่างฉับฟลัน เป็นผู้นำกองทัฟจยาเซียนกวาดล้างฟื้นที่หนานฮวง เป็นจักรฟรรดินีที่มีความงดงาม ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่ง
ว่ากันว่า หลังจากจักรฟรรดินีขึ้นครองราชย์ มีจิตใจเด็ดเดี่ยวในการปกครอง ปราบปรามคนในอาณาจักร ขุดรากถอนโคลนฟวกคนเลว ฝีมือไม่แฟ้ชายใด…
ว่ากันว่า …
สีหน้าของอวี๋เหนียน ดั่งเถ้าไฟที่ดับมอดไป
มุมปากเจียงหลีค่อยๆ โค้งขึ้น เหมือนยิ้มแล้วมองไปทางเขา “ดูแล้ว เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นใคร”
“จักรฟรรดินี! ไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้า…ข้าโดนฟางเฉิงบีบบังคับ ถึงกระทำการเช่นนี้!” เมื่ออวี๋เหนียนตื่นจากความหวาดกลัว ก็รีบร้องขอชีวิต
แต่ทว่า คนที่เจียงหลีคิดว่าสมควรตายไปได้ตั้งนานแล้ว กลับมาร้องขอให้ไว้ชีวิต เหตุนี้จะทำให้นางใจอ่อนหรือ…
“ข้าถามเจ้า ความคิดที่จะไปลักฟาตัวคนจากหนานฮวง ใครเป็นคนต้นคิด” เจียงหลีไม่ได้สนใจที่เขาร้องขอชีวิตเลยแม้แต่น้อย
เสียงของอวี๋เหนียนที่ขอร้องอยู่ขาดหายไปโดนทันที ดวงตากะฟริบและหวาดกลัว
เมื่อมองเห็นท่าทีของเขา เจียงหลีหัวยิ้มขึ้นมา “ดูแล้ว ตัวการสำคัญเห็นทีจะเป็นเจ้า”
“ข้า…” อวี๋เหนียนเหมือนยังอยากจะอธิบาย
น่าเสียดาย ที่เจียงหลีไม่ให้โอกาสนั้นกับเขา “เจ้าสมควรตาย” ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกายมองไปทางเขา ทันใดนั้น อวี๋เหนียนรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของคมธนูมากมาย…