ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 43 ต้องการให้นายน้อยเจ้าเสน่ห์ปลอบใจ
เจ็บ!
เจ็บจนเข้ากระดูก!
เจ็บเจียนตาย!
พื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น เจียงหลีม้วนตัวเสื้อผ้าที่ใส่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น สมควรตาย ข้าว่าแล้วต้องมีอันตรายที่ซ่อนอยู่ เจียงหลีกล่าวด้วยความไม่พอใจ
ก่อนหน้าที่นางดูดกลืนวิญญาณก็ไม่อาจที่จะสั่นคลอนกลุ่มแสงที่เหลืออยู่
นางว่าแล้วว่าสักวันต้องเป็นปัญหาแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเดือนละครั้ง
ครั้งที่แล้ว ก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แล้วทนไปได้เช่นไรกัน ความทรมานของร่างกาย ทำให้เจียงหลีไม่หยุดที่จะนึกถึงความทรงจำที่พบเจอของครั้งก่อน
ความเจ็บนี้ ราวกับเส้นเอ็นขาดไปทั้งตัว ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณก็ได้รับความเจ็บไปด้วย
“โอ๊ย!” เจียงหลีเผลอร้องออกมา เอามือจับหัว ยิ่งกว่านั้นยังได้ทุบหัวไปหนึ่งหมัด นางรู้สึกเหมือนมีใครมัดวิญญาณของนางไว้แล้วทำการขุดสมองของนางออกมา
ครั้งก่อน นางก็เจ็บปวดมากเช่นเดียวกับครั้งนี้ แต่ว่า แค่ชั่วขณะ ก็รู้สึกว่าความเจ็บมันเบาบางลงแล้วนางจำได้ว่า… เพราะลู่เจี้ย สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บของเจียงหลี เริ่มมีพลังขึ้นมา นางนึกขึ้นมาได้ เป็นเพราะร่างกายของลู่เจี้ยมีพลังพิเศษหลั่งไหลออกมา จากนั้นก็หายเจ็บแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังสามารถเปิดเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อได้ด้วย
ลู่เจี้ย! ลู่เจี้ย!
อยากบรรเทาความเจ็บต้องหาลู่เจี้ย นี่คือคำตอบที่เจียงหลีคิดได้ในขณะเจ็บปวด มิฉะนั้นก็ต้องทนต้านความทรมานเช่นนี้
แต่ว่าลู่เจี้ยอยู่เรือนลู่ที่อยู่ในเมืองห่างจากถ้ำเก้าปีศาจของหุบเขาปู้กุยไกลกันขนาดนั้น แล้วนางจะไปหาเขาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอย่างไรเล่า
“เจียงหลีเหตุใดถึงกลิ้งไปมาบนพื้นล่ะ” เจียงหลีเพิ่งเริ่มต้นคิดขึ้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่เยาะเย้ยลอยมา พร้อมกับมีเสียงฝีเท้าเบาๆ
เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนที่ผ่านมา
เมื่อมองไปยังผู้งดงามที่สวมใส่ชุดสีม่วง สายตาของนางก็เป็นประกายและมีแสงที่แพรวพราวกระทบสายตา “เจียงหลี”
แววตาคู่นั้นดูไม่สมประกอบทำให้ลู่จ้านที่ยืนข้างลู่เจี้ยตื่นตัวขึ้นมา
แต่ตอนนี้เจียงหลีจะดูแลเขาอย่างไรดี นางฝืนยืนขึ้นมาจากพื้นแสดงความเร็วที่สุดออกไป ภายใต้ความแปลกใจของลู่จ้าน นางโน้มตัวลงตรงหน้าลู่เจี้ย
ปัง!
กอดไว้แล้ว! เจียงหลีตัวเหมือนกับหมึก เกาะบนตัวของลู่เจี้ย นางปวดหัวจนอยากจะชนผนัง ร้องขอความช่วยเหลือ ด้วยอาการมึนเมา
แคว่ก!
ข้างกายมีเสียงตกใจของลู่จ้านส่งผ่านมาแต่ลู่เจี้ยยังยืนอยู่ที่เดิม มองลงพร้อมขมวดคิ้วไปยังสิ่งที่เกาะบนตัวเขา คือหญิงสาวที่เนื้อตัวมอมแมม
“นายน้อย ข้าน้อยประมาทเอง” ลู่จ้านได้สติขึ้นมา รีบยื่นมือไปเพื่อจะไปดึงเจียงหลีที่เกาะบนตัวของลู่เจี้ยลงมา แน่นอน เมื่อเขาเริ่มขยับ ลู่เจี้ยก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขา เขาเห็นหญิงสาวเจ็บปวดทรมานท่าทางบิดเบี้ยว ยิ่งไปกว่านั้นตัวนางสั่นไม่หยุด ขณะนางหลับตาลง ขนตาที่ยาวแล้วโค้งงอน เหมือนผีเสื้อสีดำสองตัวกำลังกระพือปีก หน้าผากของนางมีเม็ดเหงื่อที่ละเอียดเป็นชั้นๆ ผิวก็ขาวซีดจนน่ากลัว บางครั้งก็แดงและร้อน
นางป่วยหรือ ลู่เจี้ยมองด้วยสายตาที่ผ่านแวบไปดั่งแสง
หญิงสาวกัดริมฝีปาก เกาะบนร่างกายเขาด้วยท่าทางอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้หัวใจที่แข็งดุจก้อนหินของลู่เจี้ยรู้สึกหวั่นไหว ปกตินางมักจะมีลักษณะที่แข็งกระด้าง แม้จะมีสถานะต่ำแต่ก็ไม่เคยถ่อมตัว กระดูกสันหลังตั้งตรงเสมอ ทำไมตอนนี้ถึงได้มีลักษณะเช่นนี้ อ่อนแอจนน่าสงสารเหมือนกับแมวจรจัดริมถนน
“ลู่จ้าน ไปตามหมอมา” ลู่เจี้ยออกคำสั่งแล้ว ยื่นมือออกพร้อมอุ้มเจียงหลีขึ้นและมุ่งตรงไปยังบ้านหินของนาง
ลู่จ้านนิ่ง หลังจากที่เห็นเงาของลู่เจี้ยเดินเข้าไปในบ้านหินถึงจะได้สติกลับมา กลับหลังเพื่อไปตามหมอในบ้านหิน ในห้องที่เรียบง่ายเป็นสิ่งที่อยู่ในสายตาของลู่เจี้ย เขาเดินไปยังเตียงที่แข็ง วางหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอกลงเบาๆ ลู่เจี้ยอยากถอยหนีแต่สังเกตเห็น ถึงแม้นางจะเริ่มไม่มีสติแล้ว แต่แขนนางยังจับไปที่เสื้อคลุมของลู่เจี้ยอย่างแน่นๆ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้สายตาของลู่เจี้ยเปลี่ยนแปลงไปราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เจียงหลีในเวลานี้ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าลู่เจี้ยคิดอะไรอยู่ นางแค่อยากรู้ว่า ตอนที่นางเจ็บปวดเจียนตาย ลู่เจี้ยปรากฎตัวแล้ว ยาบรรเทาอาการก็ปรากฏแล้ว
นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายในที่สุดก็ได้เข้าใกล้ลู่เจี้ยแล้ว เจียงหลีสูดดมกลิ่นกายที่ลอยมาของลู่เจี้ย รู้สึกสบายขึ้นเป็นอย่างมาก
ลมหายใจของลู่เจี้ยถึงจะอ่อนแอกว่าของคนทั่วไป โดยเฉพาะพลังวิญญาณของเนตรญาณที่อ่อนแอ แต่ภายใต้ลมหายใจนี้กลับบรรจุลมหายใจที่พิเศษเอาไว้
เป็นอะไรที่เจียงหลีไม่สามารถอธิบายได้ นางรู้เพียงแค่หลังจากที่นางดูดซับลมหายใจนี้แล้วความเจ็บปวดทรมานของนางได้รับการบรรเทา
ยิ่งดูดซับมาก นางก็ยิ่งรู้สึกสบายใจ แต่น่าเสียดายที่ลมหายใจแบบนี้มันมีจำกัด…ลำคอของลู่เจี้ยก้มต่ำลงในทันใด ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ถูกคนดึงเสื้อคลุมลงทำให้เขาเกือบล้มลงเตียงที่แข็ง ยังดีที่ตั้งตัวทัน ใช้มือทั้งสองข้างหนุนเตียงไว้ ถึงได้ไม่เสียหน้า
ลู่เจี้ยเหล่ตามอง มองไปยังหญิงสาวที่อยู่ไม่ไกล
นางยังคงหลับตาแน่น หว่างคิ้วแสดงออกถึงความเจ็บปวด การชักดึงเมื่อครู่ เหมือนกับเป็นการกระทำจากจิตใต้สำนึก
ใกล้หน่อย ขยับเข้ามาใกล้หน่อยก็จะสามารถดูดซับได้มากขึ้น ในความมึนเมาเจียงหลีทำได้เพียงทำตามสัญชาตญาณ
นางรู้สึกว่าลมหายใจที่มีประโยชน์ต่อนางนั้นน้อยมากจึงอยากจะเข้าใกล้กว่านี้ก็จะสามารถดูดซับได้มากขึ้น
ลู่เจี้ยรู้สึกว่าแรงดึงเสื้อคลุมของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นราวกับว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ต้องการดึงเขาให้เข้าใกล้มากขึ้น เขาอยากจะต่อต้าน แต่พอเห็นว่าหญิงสาวแม้นจะหมดสติไป แต่พลังก็มากเสียจนทำให้ตกใจ
“แทบจะลืมภาพตอนนางหลอมรวมกับเลี่ยเทียนซื่อไปแล้ว” ลู่เจี้ยได้กล่าวเบาๆ ประโยคหนึ่ง
ภายใต้การ ‘บังคับ’ ที่ไม่รู้ตัวของเจียงหลี ลู่เจี้ยก้มหัวลงต่ำ และเข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ
ลมหายใจของเขา ได้กระทบลงบนหน้าของนาง และลมหายใจของนาง ก็กระทบไปบริเวณรอบจมูกของเขา มีสิ่งที่แปลกเกิดขึ้น อาการคันแบบเสียวซ่าค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่ว
มองไปที่ใบหน้าอันบอบบางนี้ใกล้ๆ แววตาของลู่เจี้ยสดใสขึ้นเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่า เขาได้เห็นใบหน้าที่สวยงามเย้ายวนที่ซ่อนงำไว้ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์นี้
เหมือนกับเป็นใบหน้าของอีกคน เปล่งประกายดั่งนางฟ้าที่สามารถทำให้ผู้คนหลงไหลจนเคลิ้ม ยอมสละทุกอย่างได้เพื่อนาง
ตึกตัก!
ขณะนั้นลู่เจี้ยได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น เสียงนี้ช่างมีพลังเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเสียงตีกลองขณะเดียวกัน เจียงหลีก็รู้สึกได้ว่าลมหายใจนั้นเพิ่มมากขึ้นแล้ว นางหายใจเข้าลึกๆ อย่างตะกละตะกลามสูดลมหายใจเหล่านั้นอย่างหมดจด ทันใดนั้นความเจ็บปวดทรมานส่วนใหญ่ก็ได้หายไป
ตึกตัก! ตึกตัก!
หัวใจของลู่เจี้ยกำลังเต้นจากข้างใน ทุกครั้งล้วนแต่ชัดเจน เขายื่นมือออก ใช้นิ้วที่เรียวสวยงามลูบไปที่บางหน้าของหญิงสาว ลูบเบาๆ ไปมาตรงแก้มของนางแล้วกระซิบ “ภายใต้ใบหน้าของเจ้า ยังมีใบหน้าอีกใบซ่อนอยู่จริงหรือ”
—–