ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 243 พลิกโฉมหน้าสถิติไปตั้งเท่าไหร่
ตู้ม! ทุกคนรู้สึกถูกระเบิดสมองกลายเป็นสีขาวโพลนจนได้ยินเสียงดังแว่วๆ ในหู 98,350 คะแนน! นี่มันเป็นจำนวนพลิกฟ้าขนาดไหนเนี่ย เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้ทั้งในอดีตและอนาคต! “ข้าเคยจำได้ คะแนนสอบสะสมสูงสุดการสอบรวมกันสามครั้งในสถาบันของเราไม่เกินสามหมื่นคะแนน แต่เจียงหลีเพิ่งจะเข้าร่วมสอบครั้งแรกก็ทำได้ถึงเก้าหมื่นกว่าคะแนนไปแล้ว!” “พลิกฟ้า นี่มันพลิกฟ้าเกินไปแล้ว ต่อไปมีนางอยู่ในการสอบ ข้าจะไม่เข้าร่วมเด็ดขาด เห็นได้ชัดว่าถูกจัดการอย่างราบคาบ” “คะแนนน่าหวั่นเกรงเช่นนี้จะต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์สถาบันของเราแน่” “นับว่านางมีชื่อเสียงตั้งแต่สู้ครั้งแรก” “มีชื่อเสียงตั้งแต่สู้ครั้งแรกอะไรกัน เมื่อนางฆ่าศิษย์ร่วมสำนักต่อหน้าธารกำนัลโดยไร้ความผิด นางก็มีชื่อเสียงแล้วมิใช่หรือ” “…” หลังจากที่ตกละตึงกันไป ผู้คนก็ค่อยกลับคืนสติแล้วเริ่มอภิปรายอย่างออกรสชาติ มีเพียงกลุ่มเดียวที่ปิดปากเงียบและใบหน้าหมองหม่นคือคนที่เข้าร่วมการทดสอบ แต่ถูกคัดออก หัวใจของพวกเขากำลังมีหยดเลือดหลั่งริน อีกทั้งคะแนนเก้าหมื่นกว่าคะแนนของเจียงหลีก็มีส่วนของพวกเขาที่อุทิศไปเช่นกัน! ฝ่าฟันภารกิจอย่างยากลำบากมาตั้งมากมาย สุดท้ายก็เสร็จพวกเจียงหลีหมดเลย “อันดับที่สอง เจียงเฮ่าได้ไปหนึ่งหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยคะแนน อันดับที่สาม ลู่เสวียนได้ไปเก้าพันเก้าร้อยยี่สิบคะแนน” คะแนนของเจียงเฮ่าและลู่เสวียนก็ประกาศออกมาแล้ว แต่เนื่องจากคะแนนของเจียงหลีเป็นที่น่าตกใจมากจึงไม่มีใครสังเกตว่าทั้งสองคนมีสถิติคะแนนเดียวที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน “ยินดีด้วย” มู่ชิงเกอยิ้มให้เจียงหลี เจียงหลีหันกลับมามองคนที่มอบรอยยิ้มละไมให้นาง ราวกับกำลังจะบอกนางว่าในโลกใบนี้ นางใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเช่นกัน “อาหลี ยินดีด้วยนะ” “อาซ้อเล็ก ยินดีด้วย” เจียงเฮ่ากับลู่เสวียนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่เจียงหลีบดบังรัศมีแต่อย่างใด แต่พวกเขากลับยินดีด้วยกันกับนางจากใจจริง “ยินดีด้วยเหมือนกัน” เจียงหลียิ้มตาหยีให้กับสองคนนั้นเช่นกัน “เงียบให้หมด” เสียงวิพากษ์วิจารณ์จอแจทำให้ผู้อำนวยการสอบไม่ใคร่พอใจนัก เขาประกาศรายละเอียดในม้วนกระดาษยังไม่จบนะ ขณะเดียวกันเขายังไม่ลืมใช้สายตาร้อนแรงมองไปที่เจียงหลีแวบหนึ่งซึ่งทำให้นางประหลาดใจ ทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง เขาจึงกล่าวต่อ “คะแนนของเจียงหลี พลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติคะแนนสะสมของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน พลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติคะแนนสะสมของสถาบันไป๋หยวนทั้งสามแห่งในหนานฮวง!” ซี๊ดดด! อย่างนี้นี่เอง! หลังจากประกาศผลสรุปนี้ออกมาทำเอาใครหลายคนอดสูดเอาอากาศเข้าปากอย่างตกใจเสียมิได้ แล้วสายตาของเฉียนจวิ้นที่มองไปยังเจียงหลีมีความอาฆาตแค้นมากกว่าเดิม เกียรติยศเยี่ยงนี้สมควรเป็นของเขาต่างหาก! “เจียงหลีขึ้นมา” หลังอ่านประกาศผลคะแนน สายตาที่ผู้อำนวยการมองเจียงหลีพลันอ่อนลงอยู่มิน้อย เสมือนมองดูไข่ในหินก็มิปาน เจียงหลีเลิกคิ้วฟังคำแล้วเดินขึ้นไปบนแท่นพิธีมายืนอยู่ข้างๆ ผู้อำนวยการ “เด็กดี! ทำได้ไม่เลวๆ!” ผู้อำนวยการมีสีหน้าเมตตาเอ็นดู เจียงหลีทำให้สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียน ของพวกเชิดหน้าชูตาได้ขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงจะไม่ดีใจล่ะ ก่อนหน้านี้พวกเขาหดหู่ใจที่ไม่เคยขยับเข้าใกล้สถาบันชื่อดังสิบอันดับแรกเลย หายเข้ากลีบเมฆตั้งแต่เห็นลำดับคะแนนตั้งแต่แรกแล้ว การแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้ทำให้เจียงหลีรู้สึกอึดอัดมากและกระตุกมุมปากรุนแรง “มา หยิบป้ายคำสั่งอันนี้ไว้ อยากเข้าไปรับรางวัลกับสถาบันยามไหนก็ไปยามนั้น” ทันใดนั้นผู้อำนวยการก็หยิบป้ายคำสั่งออกมายื่นให้เจียงหลี มีรางวัลด้วยหรือ เจียงหลีรับป้ายคำสั่งมาอย่างงงๆ “เก็บไว้ให้ดี ป้ายคำสั่งนี้เจ้าสามารถรวบรวมหินวิญญาณได้สามแสนก้อนตามต้องการ” โอ้โห! หินวิญญาณสามแสนก้อน! นี่คือทรัพยากรการฝึกบำเพ็ญมหาศาลเมื่อเทียบกับครอบครัวเล็กๆ แม้กระทั่งเจียงหลียังอดตื่นเต้นไม่ได้ จนหายใจเร็วถี่ ปีนั้นที่ตระกูลเย่ว์พังพินาศเพราะนาง ลู่เจี้ยก็เอาทรัพยากรการฝึกทั้งหมดของตระกูลเย่ว์มอบให้แก่นาง แต่ก็มีหินวิญญาณแค่ประมาณหนึ่งแสนก้อนเท่านั้น “ผู้อำนวยการขอรับ การสอบแข่งขันมีรางวัลตั้งแต่เมื่อไหร่” “นั่นสิ ทำไมพวกข้าไม่เคยได้ยินเลย” “…” น้ำเสียงอิจฉาริษยาดังขึ้นมา ผู้อำนวยการถอนสายตากลับมากวาดมองไปยังที่เกิดเสียงด้วยแววตาเฉียบคมแล้วสบถออกมาเสียงเยือกเย็น “หากพวกเจ้าพลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติได้อย่างเจียงหลี พวกเจ้าก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน” เมื่อคำนี้กล่าวออกไป เสียงที่ไม่พอใจก็มลายหายไป ทุบสถิติทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ยามนี้สถิติสูงสุดก็คือเจียงหลี ยังมีใครกล้าทำเช่นนางได้บ้าง จู่ๆ เจียงหลีก็ตระหนักขึ้นมาได้รอยยิ้มพลันขี้เล่นซุกซนขึ้นมาทันที ที่แท้ รางวัลหินวิญญาณสามแสนก้อนนี้ไม่ใช่เพราะนางสอบได้ที่หนึ่ง แต่เป็นเพราะนางทำลายสถิติของสถาบันไป๋หยวนแห่งหนานฮวง ฮ่าๆๆๆๆๆ! จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากที่ไม่ไกลนัก เจียงหลีหันไปมองจึงเห็นเฟิงสิงอวิ๋นเหาะกลางอากาศแล้วลงแท่นพิธีอย่างสง่างาม “เด็กน้อย คราวนี้ทำได้ไม่เลว สมกับเป็นลูกศิษย์ของพี่ใหญ่ข้าจริงๆ” นี่ต้องการมาหาเรื่องกันหรือ เจียงหลีกะพริบตากระหยิ่มยิ้มในใจ แน่นอนว่าทันทีที่เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยประโยคนั้น สีหน้าของผู้อำนวยการพลันดำดิ่ง “เฟิงสิงอวิ๋น ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร” เฟิงสิงอวิ๋นตีหน้าซื่อ “คำพูดของข้าชัดเจนดีมิใช่หรือ เจียงหลีมาเล่าเรียนที่สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนก็เท่ากับว่านางคารวะเป็นศิษย์ของหนานอู๋เฮิ่นพี่ใหญ่ข้า” คำพูดนี้ฟังดูเหมือนว่าผลคะแนนของเจียงหลีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนเลยสักนิด มาหาเรื่องกันจริงๆ ด้วย เจียงหลีรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า “เหลวไหล มาถึงสถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนของข้าทั้งทีก็คือนับว่าเป็นศิษย์สถาบันของข้า นางเข้าร่วมทดสอบก็เป็นการสอบในวิทยาเขตของข้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้ามิทราบ” ผู้อำนวยการต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เจียงหลีในตอนนี้เป็นดั่งแสงส่องประกายแห่งวิทยาเขตซีเฉียน จะออมมือให้ผู้อื่นโดยง่ายได้เยี่ยงไร “เอะ คำพูดนี้ของเจ้าช่างไม่สมเหตุสมผล ก่อนการสอบพวกใจไม่เห็นสนใจใยดีเด็กน้อยของข้าเลย ตอนนี้ความมองเห็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาของนางก็เลยอยากอาศัยวัตถุนอกกายอย่างหินวิญญาณเพื่อเอาชนะใจนางหรือ” เฟิงสิงอวิ๋นพูดพลางแกว่งพัด น้ำเสียงราวกับปกป้องทำให้เจียงหลีหันไปมองเขา เด็กน้อยของข้า ทำให้นางใจอ่อนลงทันที ฟางสิงอวิ๋นมองมาที่นางเช่นกันด้วยแววตาเจือรอยยิ้ม ให้นางอย่าได้หุนหันพลันแล่น เจียงหลีเข้าใจและยืนอย่างสงบระหว่างทั้งสองคนแล้วถือป้ายคำสั่งไว้ในมือ เหลวไหล หินวิญญาณมอบให้นางแล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร แม้ว่านางไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนของเฟิงสิงอวิ๋น แต่นางก็รู้สึกว่าเฟิงสิงอวิ๋นจะไม่มีวันทำร้ายนาง “เจ้าหมายความอย่างไร หาว่าพวกเรามิเคยสนใจใยดีอย่างนั้นหรือ” ผู้อำนวยการขมวดคิ้ว เฟิงสิงอวิ๋นยกยิ้ม สะบัดพัดอ้อยอิ่งแล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องอื่นไม่พูดถึง เอาแค่สองเรื่อง เด็กน้อยของพวกข้าจากไกลหมื่นลี้เพื่อมาวิทยาเขตซีเฉียน แล้วมีอาจารย์คอยชี้แนะให้นางบ้างไหม นางอาศัยลองผิดลองถูกฝึกฝนด้วยตัวเองทั้งนั้น อีกทั้งคราวก่อนที่มีศิษย์ของสถาบันถูกฆ่าตาย เด็กน้อยของข้าก็โดนเป็นแพะรับบาป สุดท้ายเรื่องจบโดยไม่ข้อสรุป คนที่รังแกเด็กน้อยของพวกข้าเป็นคนนอกหรืออย่างไร” …………………..
ตู้ม!
ทุกคนรู้สึกถูกระเบิดสมองกลายเป็นสีขาวโพลนจนได้ยินเสียงดังแว่วๆ ในหู
98,350 คะแนน!
นี่มันเป็นจำนวนพลิกฟ้าขนาดไหนเนี่ย
เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้ทั้งในอดีตและอนาคต!
“ข้าเคยจำได้ คะแนนสอบสะสมสูงสุดการสอบรวมกันสามครั้งในสถาบันของเราไม่เกินสามหมื่นคะแนน แต่เจียงหลีเพิ่งจะเข้าร่วมสอบครั้งแรกก็ทำได้ถึงเก้าหมื่นกว่าคะแนนไปแล้ว!”
“พลิกฟ้า นี่มันพลิกฟ้าเกินไปแล้ว ต่อไปมีนางอยู่ในการสอบ ข้าจะไม่เข้าร่วมเด็ดขาด เห็นได้ชัดว่าถูกจัดการอย่างราบคาบ”
“คะแนนน่าหวั่นเกรงเช่นนี้จะต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์สถาบันของเราแน่”
“นับว่านางมีชื่อเสียงตั้งแต่สู้ครั้งแรก”
“มีชื่อเสียงตั้งแต่สู้ครั้งแรกอะไรกัน เมื่อนางฆ่าศิษย์ร่วมสำนักต่อหน้าธารกำนัลโดยไร้ความผิด นางก็มีชื่อเสียงแล้วมิใช่หรือ”
“…”
หลังจากที่ตกละตึงกันไป ผู้คนก็ค่อยกลับคืนสติแล้วเริ่มอภิปรายอย่างออกรสชาติ
มีเพียงกลุ่มเดียวที่ปิดปากเงียบและใบหน้าหมองหม่นคือคนที่เข้าร่วมการทดสอบ แต่ถูกคัดออก หัวใจของพวกเขากำลังมีหยดเลือดหลั่งริน อีกทั้งคะแนนเก้าหมื่นกว่าคะแนนของเจียงหลีก็มีส่วนของพวกเขาที่อุทิศไปเช่นกัน!
ฝ่าฟันภารกิจอย่างยากลำบากมาตั้งมากมาย สุดท้ายก็เสร็จพวกเจียงหลีหมดเลย
“อันดับที่สอง เจียงเฮ่าได้ไปหนึ่งหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยคะแนน อันดับที่สาม ลู่เสวียนได้ไปเก้าพันเก้าร้อยยี่สิบคะแนน”
คะแนนของเจียงเฮ่าและลู่เสวียนก็ประกาศออกมาแล้ว แต่เนื่องจากคะแนนของเจียงหลีเป็นที่น่าตกใจมากจึงไม่มีใครสังเกตว่าทั้งสองคนมีสถิติคะแนนเดียวที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
“ยินดีด้วย” มู่ชิงเกอยิ้มให้เจียงหลี
เจียงหลีหันกลับมามองคนที่มอบรอยยิ้มละไมให้นาง ราวกับกำลังจะบอกนางว่าในโลกใบนี้ นางใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเช่นกัน
“อาหลี ยินดีด้วยนะ”
“อาซ้อเล็ก ยินดีด้วย”
เจียงเฮ่ากับลู่เสวียนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่เจียงหลีบดบังรัศมีแต่อย่างใด แต่พวกเขากลับยินดีด้วยกันกับนางจากใจจริง
“ยินดีด้วยเหมือนกัน” เจียงหลียิ้มตาหยีให้กับสองคนนั้นเช่นกัน
“เงียบให้หมด”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จอแจทำให้ผู้อำนวยการสอบไม่ใคร่พอใจนัก เขาประกาศรายละเอียดในม้วนกระดาษยังไม่จบนะ ขณะเดียวกันเขายังไม่ลืมใช้สายตาร้อนแรงมองไปที่เจียงหลีแวบหนึ่งซึ่งทำให้นางประหลาดใจ
ทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง เขาจึงกล่าวต่อ “คะแนนของเจียงหลี พลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติคะแนนสะสมของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน พลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติคะแนนสะสมของสถาบันไป๋หยวนทั้งสามแห่งในหนานฮวง!”
ซี๊ดดด!
อย่างนี้นี่เอง!
หลังจากประกาศผลสรุปนี้ออกมาทำเอาใครหลายคนอดสูดเอาอากาศเข้าปากอย่างตกใจเสียมิได้
แล้วสายตาของเฉียนจวิ้นที่มองไปยังเจียงหลีมีความอาฆาตแค้นมากกว่าเดิม
เกียรติยศเยี่ยงนี้สมควรเป็นของเขาต่างหาก!
“เจียงหลีขึ้นมา” หลังอ่านประกาศผลคะแนน สายตาที่ผู้อำนวยการมองเจียงหลีพลันอ่อนลงอยู่มิน้อย
เสมือนมองดูไข่ในหินก็มิปาน
เจียงหลีเลิกคิ้วฟังคำแล้วเดินขึ้นไปบนแท่นพิธีมายืนอยู่ข้างๆ ผู้อำนวยการ
“เด็กดี! ทำได้ไม่เลวๆ!” ผู้อำนวยการมีสีหน้าเมตตาเอ็นดู เจียงหลีทำให้สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียน
ของพวกเชิดหน้าชูตาได้ขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงจะไม่ดีใจล่ะ
ก่อนหน้านี้พวกเขาหดหู่ใจที่ไม่เคยขยับเข้าใกล้สถาบันชื่อดังสิบอันดับแรกเลย หายเข้ากลีบเมฆตั้งแต่เห็นลำดับคะแนนตั้งแต่แรกแล้ว
การแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้ทำให้เจียงหลีรู้สึกอึดอัดมากและกระตุกมุมปากรุนแรง
“มา หยิบป้ายคำสั่งอันนี้ไว้ อยากเข้าไปรับรางวัลกับสถาบันยามไหนก็ไปยามนั้น” ทันใดนั้นผู้อำนวยการก็หยิบป้ายคำสั่งออกมายื่นให้เจียงหลี
มีรางวัลด้วยหรือ
เจียงหลีรับป้ายคำสั่งมาอย่างงงๆ
“เก็บไว้ให้ดี ป้ายคำสั่งนี้เจ้าสามารถรวบรวมหินวิญญาณได้สามแสนก้อนตามต้องการ”
โอ้โห!
หินวิญญาณสามแสนก้อน!
นี่คือทรัพยากรการฝึกบำเพ็ญมหาศาลเมื่อเทียบกับครอบครัวเล็กๆ
แม้กระทั่งเจียงหลียังอดตื่นเต้นไม่ได้ จนหายใจเร็วถี่
ปีนั้นที่ตระกูลเย่ว์พังพินาศเพราะนาง ลู่เจี้ยก็เอาทรัพยากรการฝึกทั้งหมดของตระกูลเย่ว์มอบให้แก่นาง แต่ก็มีหินวิญญาณแค่ประมาณหนึ่งแสนก้อนเท่านั้น
“ผู้อำนวยการขอรับ การสอบแข่งขันมีรางวัลตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นั่นสิ ทำไมพวกข้าไม่เคยได้ยินเลย”
“…”
น้ำเสียงอิจฉาริษยาดังขึ้นมา
ผู้อำนวยการถอนสายตากลับมากวาดมองไปยังที่เกิดเสียงด้วยแววตาเฉียบคมแล้วสบถออกมาเสียงเยือกเย็น “หากพวกเจ้าพลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติได้อย่างเจียงหลี พวกเจ้าก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน”
เมื่อคำนี้กล่าวออกไป เสียงที่ไม่พอใจก็มลายหายไป
ทุบสถิติทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ยามนี้สถิติสูงสุดก็คือเจียงหลี ยังมีใครกล้าทำเช่นนางได้บ้าง
จู่ๆ เจียงหลีก็ตระหนักขึ้นมาได้รอยยิ้มพลันขี้เล่นซุกซนขึ้นมาทันที
ที่แท้ รางวัลหินวิญญาณสามแสนก้อนนี้ไม่ใช่เพราะนางสอบได้ที่หนึ่ง แต่เป็นเพราะนางทำลายสถิติของสถาบันไป๋หยวนแห่งหนานฮวง
ฮ่าๆๆๆๆๆ! จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากที่ไม่ไกลนัก
เจียงหลีหันไปมองจึงเห็นเฟิงสิงอวิ๋นเหาะกลางอากาศแล้วลงแท่นพิธีอย่างสง่างาม “เด็กน้อย คราวนี้ทำได้ไม่เลว สมกับเป็นลูกศิษย์ของพี่ใหญ่ข้าจริงๆ”
นี่ต้องการมาหาเรื่องกันหรือ เจียงหลีกะพริบตากระหยิ่มยิ้มในใจ
แน่นอนว่าทันทีที่เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยประโยคนั้น สีหน้าของผู้อำนวยการพลันดำดิ่ง “เฟิงสิงอวิ๋น ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร”
เฟิงสิงอวิ๋นตีหน้าซื่อ “คำพูดของข้าชัดเจนดีมิใช่หรือ เจียงหลีมาเล่าเรียนที่สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนก็เท่ากับว่านางคารวะเป็นศิษย์ของหนานอู๋เฮิ่นพี่ใหญ่ข้า”
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนว่าผลคะแนนของเจียงหลีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนเลยสักนิด
มาหาเรื่องกันจริงๆ ด้วย เจียงหลีรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า
“เหลวไหล มาถึงสถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนของข้าทั้งทีก็คือนับว่าเป็นศิษย์สถาบันของข้า นางเข้าร่วมทดสอบก็เป็นการสอบในวิทยาเขตของข้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้ามิทราบ” ผู้อำนวยการต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
เจียงหลีในตอนนี้เป็นดั่งแสงส่องประกายแห่งวิทยาเขตซีเฉียน จะออมมือให้ผู้อื่นโดยง่ายได้เยี่ยงไร
“เอะ คำพูดนี้ของเจ้าช่างไม่สมเหตุสมผล ก่อนการสอบพวกใจไม่เห็นสนใจใยดีเด็กน้อยของข้าเลย ตอนนี้ความมองเห็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาของนางก็เลยอยากอาศัยวัตถุนอกกายอย่างหินวิญญาณเพื่อเอาชนะใจนางหรือ” เฟิงสิงอวิ๋นพูดพลางแกว่งพัด
น้ำเสียงราวกับปกป้องทำให้เจียงหลีหันไปมองเขา
เด็กน้อยของข้า ทำให้นางใจอ่อนลงทันที
ฟางสิงอวิ๋นมองมาที่นางเช่นกันด้วยแววตาเจือรอยยิ้ม ให้นางอย่าได้หุนหันพลันแล่น
เจียงหลีเข้าใจและยืนอย่างสงบระหว่างทั้งสองคนแล้วถือป้ายคำสั่งไว้ในมือ เหลวไหล หินวิญญาณมอบให้นางแล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร
แม้ว่านางไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนของเฟิงสิงอวิ๋น แต่นางก็รู้สึกว่าเฟิงสิงอวิ๋นจะไม่มีวันทำร้ายนาง
“เจ้าหมายความอย่างไร หาว่าพวกเรามิเคยสนใจใยดีอย่างนั้นหรือ” ผู้อำนวยการขมวดคิ้ว
เฟิงสิงอวิ๋นยกยิ้ม สะบัดพัดอ้อยอิ่งแล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องอื่นไม่พูดถึง เอาแค่สองเรื่อง เด็กน้อยของพวกข้าจากไกลหมื่นลี้เพื่อมาวิทยาเขตซีเฉียน แล้วมีอาจารย์คอยชี้แนะให้นางบ้างไหม นางอาศัยลองผิดลองถูกฝึกฝนด้วยตัวเองทั้งนั้น อีกทั้งคราวก่อนที่มีศิษย์ของสถาบันถูกฆ่าตาย เด็กน้อยของข้าก็โดนเป็นแพะรับบาป สุดท้ายเรื่องจบโดยไม่ข้อสรุป คนที่รังแกเด็กน้อยของพวกข้าเป็นคนนอกหรืออย่างไร”
…………………..