ราชาโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 26
5นาทีต่อมา
“ แฮ่ก…แฮ่ก…ตอนนี้ดีขึ้นรึยัง? ”
“ ….อื้อ เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะเมี๊ยว~ ”
ฉันแสดงท่าทีเหนื่อยหอบพลางมองไอ้เจ้าแมวที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ข้างๆตัวมีทั้งยาดม ยาหม่อง และของที่จะช่วยให้บรรเทาอาการคลื่นไส้ได้
แน่นอนว่าของพวกนี้ไม่ใช่ว่าจู่ๆจะมาปรากฏเอง แต่เป็นฉันเองนี่แหละที่ดิ้นรนหามาให้ โชคดีที่ในห้องนี้มีเตรียมเผื่อไว้อยู่แล้ว ไม่งั้นทุกอย่างคงได้กลายเป็นสีรุ้งแน่…
“ ฟู่ว~ รู้สึกโล่งขึ้นเยอะแล้วเมี๊ยว! ตอนนี้น่าจะพอกลับมาเดินไหวแล้วล่ะ ”
“ อา ”
ไอ้เจ้าแมวสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสมาธิก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นทีละนิด และหลังจากยืนได้อย่างมั่นคงแล้วมันก็ส่งรอยยิ้มชื่นบานมาราวกับจะบอกว่า ‘ฟื้นคืนชีพแล้วนะ’
( แค่หายคลื่นไส้แล้วมันน่าดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ? )
ฉันโบกมือปัดๆไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจรอยยิ้มนั้น ก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ แน่นอนว่าไอ้เจ้าแมวก็เดินตามเข้ามาด้วย…
“ ฉันจะอาบน้ำ แกเข้ามาทำไมเนี่ย? ”
“ ฉันก็อยากอาบด้วยไง ไม่ได้เหรอเมี๊ยว? ”
“ ได้ก็บ้าแล้วเฟ้ย!? …ฉันต้องรีบอาบน้ำก่อนจะมีคนมารับ ไม่มีเวลามาเล่นกับแกหรอกนะ ”
“ อ่า~ จริงด้วยสินะเมี๊ยว~ ”
มันพยักหน้าขึ้นลงทำทีเหมือนเข้าใจและทิ้งก้นนั่งลงกับพื้นหน้าห้องน้ำ ฉันอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
~★★★~
“ อ้า~ อาบน้ำในอ่างอาบน้ำนี่มันสดชื่นจริงๆเลยแฮะ~ อยากซื้อเอากลับไปไว้ในบ้านบ้างจัง~ ”
ฉันแสดงสีหน้ามีความสุขพลางเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ทันใดนั้นเท้าของฉันก็เหมือนเดินติดอะไรบางอย่าง ฉันรีบก้มหน้ามองถึงกับสะดุ้งในใจ ฉันย่อตัวลงขณะพยายามทำให้หัวใจกลับมาเต้นปกติ
( เฮ้ยๆ…เอาจริงดิ? เล่นมานอนรอหน้าห้องน้ำแบบนี้เลยเหรอเนี่ย? )
ฉันยื่นนิ้วชี้ออกไปสัมผัสกับแก้มขวาของไอ้เจ้าแมวที่กำลังงีบหลับอยู่ หลังจากนั้นก็ลองกดลงไปดู แก้มขวาของไอ้เจ้าแมวที่ถูกกดค่อยๆยุบลงไป ทันใดนั้นคิ้วของมันก็เกิดการกระตุกคล้ายกับว่ากำลังจะตื่น
พริบตานั้นเอง ฉันรีบดันตัวเองขึ้นก่อนจะถอยหลังกลับเข้าไปในห้องน้ำ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหนีด้วย แต่ร่างกายมันก็ตอบสนองไปก่อนเองแล้ว
“ หาวววว~ …นี่นายยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกเหรอเมี๊ยว~? ”
“ ….เสร็จแล้ว กำลังจะออกไปพอดี ”
ฉันควบคุมอารมณ์และปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นดังเดิมก่อนจะเปิดประตูเดินออกมา
ชุดที่ฉันใส่ยังคงเป็นสูทขาวตัวเดิม เนื่องจากไม่ได้เตรียมชุดมาเผื่อ และถึงในตู้เสื้อผ้าจะมีชุดที่ทางโรงแรมจัดเตรียมมาให้ลูกค้า แต่ฉันกำลังจะออกไปจากโรงแรมนี้แล้ว จะให้ใส่ชุดนั้นออกไปด้วยก็คงไม่ได้
“ นานจังเลยนะเมี๊ยว~ ขนาดงีบรอแล้วยังพึ่งเสร็จเอง …อ๊ะหรือว่า~ความจริงแล้วนายแอบเข้าไปทำร้ายตัวเองในห้องน้ำรึเปล่าน้าาาา~? ”
“ หุบปากไปเลยไอ้แมวโง่! ”
“ ม—แมวโง่เรอะเมี๊ยว?! นายเรียกฉันแบบนั้นมา2ครั้งแล้วนะ! หลังจากนี้พวกเรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกยาว ฉันจะไม่ยอมให้นายเรียกฉันด้วยชื่อนั้นอีกแน่เมี๊ยว!! ”
ไอ้เจ้าแมวทำแก้มป่องก่อนจะเชิดคางหันหน้าไปทางอื่นราวกับสาวน้อย และต่อให้มันจะกำลังงอนอยู่ แต่ด้วยร่างเล็กๆและขนนุ่มฟูจึงทำให้มันดูน่าเอ็นดูมาก
ทันใดนั้นร่างกายของฉันก็แข็งทื่อ ดวงตาเปิดเบิกโพลงเล็กน้อยฉายแววไม่มั่นใจ ทำหน้าตาน่าตลก
( ….เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันพูดว่าอยู่ด้วยกันอีกยาวใช่ไหม? หมายความว่าไง? ใครจะอยู่กับใคร? ทำไมต้องอยู่ด้วยกัน? …หรือว่าฉันได้ยินผิดไป?? )
ฉันพยายามย้อนนึกไปถึงคำพูดของไอ้เจ้าแมวก่อนหน้านี้ ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้ได้ยินผิดไปเอง
ดวงตาของไอ้เจ้าแมวเผยความขบขัน มุมปากยกสูงขึ้นเล็กน้อย มันหันหลังเดินไปก่อนจะกระโดดขึ้นบนเตียง ร่างกายพลิกหงายขึ้นทำราวกับว่าเตียงของฉันก็เป็นของของมันด้วย มันแหงนหน้ามามองโดยทำให้ขอบเตียงตรงกับคอของมัน
“ ฮะๆ นายได้ยินถูกแล้วล่ะเมี๊ยว~ ฉันบอกว่าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกย๊าววววววยาววววววเลยล่ะ~ ”
“ อ—อ่านใจได้เรอะ??!! ”
“ ฮะๆๆ! ก็หน้านายแสดงออกมาซะขนาดนั้น จะไม่ให้เดาออกได้ยังไงกันล่ะเมี๊ยว ฮะๆๆๆๆๆๆ!! ”
“ เฮ้ย! ไม่ต้องหัวเราะขนาดนั้นก็ได้! ”
“ ก—ก็หน้านายมันตลกนี่หน่าเมี๊ย—พุด! ฮะๆๆๆ! ”
“ เฮ้ย!! ”
ขณะที่ฉันกำหมัดแน่น เดินตรงจะไปฟาดหัวไอ้เจ้าแมวสักที จู่ๆไอ้เจ้าแมวที่หัวเราะจนใกล้บ้าเมื่อกี้ก็หยุดหัวเราะลง และกระโดดไปทางระเบียงพลางก้มมองไปข้างล่าง
“ อุว้า~ ดูเหมือนรถที่จะมารับนายมาถึงเเล้วนะเมี๊ยว นายจะปล่อยให้เค้ารอนานไม่ได้นะ รีบไปกันได้เเล้วล่ะเมี๊ยว… ”
มันหันมาพูดพลางส่งรอยยิ้มประหลาดให้
“ ….เฮ้อ ”
“ มีอะไรรึเปล่าเมี๊ยว~? ”
“ ป่าว แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ”
“ งั้นก็ไปกันเถอะเนาะ~ ”
ฉันยอมแพ้แล้วล่ะตอนนี้ ทุกครั้งที่ฉันจะพยายามไล่ไอ้แมวตัวนี้ทีไร ประเด็นหลักก็มักถูกเปลี่ยนหรือถูกบ่ายเบี่ยงไปได้อย่างแนบเนียนตลอด และต่อจะให้รู้มันก็สายไปแล้ว
“ จะให้ไปด้วยก็ได้ แต่อย่าสร้างปัญหาล่ะ ไม่งั้นฉันจับแกถอนขนหมดตัวแน่ เข้าใจไหม? ”
“ โอเคจ้า~ แต่นายต้องห้ามเรียกฉันว่า ‘ไอ้แมวโง่’ นะเมี๊ยว! ไม่งั้นฉันจะสร้างปัญหาให้นายจนเส้นเลือดในสมองแตกแน่! ”
มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันขณะแสดงสีหน้าขึงขัง สายตาฉายแววท้าทายไร้ความกลัว
“ ….โฮะโฮ่! เป็นคนตามมาเองแท้ๆ นี่แกมีสิทธิ์มาต่อรองกับฉันตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย? อยากเปลี่ยนเป็นสฟิงซ์(พันธุ์แมว)ใช่ไหม…? ”
“ อ๊ะ ช—เชิญนายท่านเรียกฉันด้วยชื่อไหนก็ได้เลยเมี๊ยว?! ”
มันรีบถอยหลังกลับและโค้งตัวมอบกราบราวกับกำลังขอการอภัยโทษจากพระราชา ฉันหลุดขำเล็กน้อย แต่ก็ปรับสีหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว
“ ไปกันได้แล้วล่ะ ”
“ เมี๊ยว~ ”
ฉันรีบเก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋ากางเกงและสวมเสื้อสูทให้เรียบร้อย จัดเนกไทให้ตรงก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป และในขณะที่กำลังจะกดลิฟต์ลงชั้น1 ไอ้เจ้าแมวที่เดินตามมาด้วยก็กล่าวเตือนขี้นมา
“ นายลืมล็อคห้องนะเมี๊ยว~ ”
“ เอ๊ะ!? อา ขอบคุณ… ”
“ ไม่~เป็น~ไร~ ”
~★★★~
“ อ่าาาา ทำไงดีเนี่ย รู้สึกประมาทจัง แค่งานแรกก็น่ากลัวขนาดนี้แล้ว ถึงหัวหน้าหน่วยจะบอกว่ามีรางวัลให้ก็เถอะ แต่แผนนี้มันเหมือนส่งผมมาตายเลยนี่หว่า… ”
ชายสวมสูทสีดำกำลังยืนบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่คนเดียว หน้าตาของเขาเป็นคนที่ดูไม่มีความมั่นใจเลย ท่ายืนก็เก้ๆกังๆ ชายเสื้อเชิ้ตก็ลอยอยู่นอกกางเกง ขนาดเชือกรองเท้าก็ยังลืมผูกด้วยซ้ำ
เขาใช้มือทั้งสองข้างขยุ้มหัวตัวเองพยายามลดความประมาทลง จนทำให้ทรงผมของเขาฟูขึ้นแทน
“ อ้าาาา!? พลาดอีกแล้ว! เอาอีกจนได้! ”
เขารีบหันหลังมุดเข้าไปในรถที่จอดอยู่แล้วหยิบเจลเซตผมออกมา ปาดซ้าย ปาดขวา จากนั้นก็ส่องกระจกตรวจความเรียบร้อย และฉับพลันนั้นเขาก็สังเกตเห็นอีกเงาในกระจก
“ จะไปเลยรึเปล่าครับ? ”
“ อ—เอ๊ะ?! ”
ร่างกายของเขาสะดุ้งโหยงยกตัวกระโดดถอยห่างอย่างรวดเร็ว
“ ม—ไม่ใช่นะครับ!? ผมไม่ได้กำลังคิดว่า ‘ตัวเองก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย’ นะครับ! ”
“ ….ครับ? ”
“ อ๊ะ นี่ใช่คุณเมฆ ค่ำคะนอง รึเปล่าครับ? ”
“ ใช่ครับ ”
“ ง—งั้นเชิญขึ้นรถเลยครับ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้นะครับ ”
“ ขอบคุณครับ… ”
เขารีบเดินไปเปิดประตูรถอย่างรนราน หน้าของเขายังคงแดงก่ำไปด้วยความอายเมื่อสักครู่ ถ้าเกิดไม่ติดที่ต้องขับรถไปส่งคนตรงหน้าแล้ว เขาคงจะขับรถพุ่งตกหน้าผาเพื่อกลบความอายนี้ไปแล้ว
~★★★~
“ อุว้า~ กว้างจังเลยนะเมี๊ยว อยากนอนอยู่ในนี้ตลอดไปเลยง่ะ~ ”
“ หยุดกลิ้งไปกลิ้งมาได้เเล้ว เเละก็อย่าพูดเสียงดังสิ ”
เมื่อพวกเราขึ้นรถมาแล้วก็ไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวังเลย ภายในมีพื้นที่กว้างมาก แถมมีทั้งทีวีและพวกขนมกับน้ำวางเรียงเอาไว้ด้วย เหมาะแก่การกินอยู่ในนี้สุดๆ
“ ไม่ต้องห่วงหรอกเมี๊ยว~ ถ้าฉันไม่อนุญาตก็จะไม่มีใครเข้าใจที่ฉันพูดทั้งนั้นแหละ เเต่นายรู้ไหมว่ามันยากเเค่ไหนเพื่อที่จะได้คุยกับนายแค่คนเดียวน่ะเมี๊ยว ร่างกายของนายนี่มันทำให้ฉันลำบากมากเลยนะรู้ไหม— ”
“ —งั้นก็หุบปากแล้วอยู่เงียบๆสิฟะ!! ”
ฉันใช้สองนิ้วคีบปากไอ้เจ้าแมวไว้ มันแสดงท่าทีขัดขืนโดยการดิ้นไปมาพลางส่งเสียงร้องโอดโอยและใช้เท้าเคาะมือของฉันถี่ๆ
ทันใดนั้นคนขับรถก็หันหน้ามาถามด้วยความสงสัยเพราะได้ยินเสียงโวยวายของฉัน เขาได้ยินแค่เสียงของฉันคนเดียวไม่ได้ยินเสียงของไอ้เจ้าแมวด้วย
“ เป็นอะไรรึเปล่าครับ…? ”
“ ป—ป่าวครับ แค่กำลังเล่นเกมอยู่ ”
“ อ๋อ ครับ ”
หน้าตาของเขากำลังบอกว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางทีตอนนี้เขาอาจจะคิดว่าฉันเป็นคนบ้าที่กำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่ก็ได้
“ โอ๊ย! เจ็บๆๆ นายใช้ความรุนแรงกับฉันอีกแล้วนะเมี๊ยว! ”
ฉันปล่อยมือที่คีบปากไอ้เจ้าแมวออกก่อนจะกลับมานั่งทำตัวปกติพลางใช้มือเท้าคางครุ่นคริดอะไรบางอย่าง
[ร่างไร้พร]ของฉันทำให้มานาทุกชนิดไม่สามารถไหลเข้าสู่ร่างกายได้ตามปกติ
ซึ่งตามปกติมนุษย์ทุกคนล้วนเเต่มีมานา เพียงเเค่สามารถสัมผัสได้ถึงมันหรือไม่ การที่มีคนสามารถไหลเวียนมานาได้ตามต้องการจะถูกเรียกว่าจอมเวท เเละจอมเวทจะเปลี่ยนมานาออกไปในสภาพเวทมนตร์
ถึงจะทั้งหมดจะฟังดูดี เเต่เเท้จริงเเล้วมันก็อันตรายมากเหมือนกัน เพราะการที่ร่างกายสามารถไหลเวียนมานาได้ ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกเวทมนตร์ประเภทคำสาปหรือประเภทพิษเเฝงเข้าไปในร่างกายได้โดยไม่รู้สึกตัวเช่นกัน
เเต่ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่สามารถเกิดขึ้นกับฉันได้เพราะ[ร่างไร้พร]ของฉันที่นอกจากจะทำให้ฉันกลายเป็นคนพิการเเล้ว ก็ยังทำให้ร่างกายของฉันไม่สามารถไหลเวียนมานาได้ ฉันจึงไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ถึงมานาเเละคนอื่นเองก็ไม่สามารถมองเห็นมานาในตัวฉันได้เช่นกัน
เเละเทคนิคที่ไอ้เจ้าเเมวตัวนี้ทำให้ฉันได้ยินเสียงได้ ฉันก็พอจะเดาออกเเล้วนิดหน่อย นั่นก็คือการทำให้ทุกคนไม่ได้ยินเเทนที่จะให้ได้ยินเเค่คนเดียวยังไงล่ะ
เเต่เทคนิคนี้จอมเวททั่วไปคงทำไม่ได้เเน่หากไม่ใช่…«ร่างทรง»… เพราะปริมาณมานาที่ต้องใช้ในการปกปิดประสาทสัมผัสเฉพาะส่วนของคนจำนวนมากมันไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว…
“ เป็นเเกเองสินะที่ทำให้เรื่องวุ่นวาย… ”
“ หืม~ ดูเหมือนนายเองก็พอจะเดาออกเเล้วสินะว่าฉันเป็นใครเมี๊ยว~ ”
“ ก็เเค่นิดหน่อยน่ะ… ”
จากสิ่งที่ฉันเคยได้ยินมา«ร่างทรง»นั้นจะมีประสาทสัมผัสพิเศษที่เอาไว้รับรู้ถึงตัวตนของกันเเละกัน ต่อให้อีกฝ่ายจะพยายามปกปิดเเค่ไหนก็ยังสามารถระบุตำเเหน่งได้คร่าวๆ
เเละสถานที่ที่ฉันกำลังมุ่งหน้าไปก็มี«ร่างทรง»คนนึงรออยู่ ยัยนั่นน่าจะสัมผัสได้ถึงไอ้เจ้าเเมวเเล้ว ส่วนไอ้เจ้าเเมวนี่เองก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอีกฝ่ายเช่นกัน
ทุกอย่างกระจ่างชัดเเล้ว ปัญหาวุ่นวายที่พี่ทรายเคยบอกก่อนหน้านี้ก็คือการที่มีตัวตนระดับ«ร่างทรง»บุกรุกอาณาเขตของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เเละทุกครั้งที่เกิดขึ้นมันมักจะมีปัญหาหรือเรื่องชวนปวดหัวตามมาตลอด…
( เฮ้อ…อยากกลับไปหาฟ้าจัง )
หลังจากผ่านไปสักพัก รถก็ได้หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์หรู
คฤหาสน์หลังนี้มีขนาดใหญ่โตมาก แถมยังดูหรูกว่าโรงแรมอิกดราซิลด้วย รอบข้างของคฤหาสน์ถูกตกแต่งไปด้วยสวนดอกไม้หลากสีสัน เเต่สวนดอกไม้นี้มันกว้างขวางมากจนอาจทำให้หลงทางได้เลยทีเดียว…
ตึก
เมื่อฉันปิดประตูรถ คนขับก็รีบเหยียบคันเร่งขับหนีหายไปเลยทันที เเน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่สมควรเเล้ว เพราะการต้อนรับเเรกที่พวกเราได้รับคือกลุ่มคนชุดดำจำนวนมากที่กำลังหันปลายกระบอกปืนชี้มาทางพวกเรา…ไม่สิ ทางไอ้เจ้าเเมวตัวเดียวต่างหาก
“ มาต้อนรับกันเพียบเลยนะเมี๊ยว~ ”
“ ฉัน ทราย ไคม์ ตัวเเทนตระกูลไคม์ชั่วคราว อยากทราบจุดประสงค์การมาเยือนที่ไม่ได้นัดหมายของคุณค่ะเเมวขโมยจันทร์ เเอนนา ดันทาเรีย ”
“ เรียกกันซะเต็มยศเลยนะเมี๊ยว ไม่รู้สึกคันปากเองบ้างเลยรึไงเนี่ย? ”
ปลายกระบอกปืนยังคงเล็งจ่อมาที่ไอ้เจ้าเเมวเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีที่จะเอาลงเลย
ถ้าเป็นกระสุนปืนปกติคงไม่สามารถทำร้ายกระทั่งจอมเวทระดับ2ได้เเน่ เเต่ถ้าเป็นกระสุนพิเศษเเล้วล่ะก็ เเม้เเต่จอมเวทระดับ5ยังต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกยิง
“ นี่… ”
ส่วนตัวฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไอ้เจ้าเเมวเองก็น่าจะคาดไว้อยู่เเล้วเหมือนกัน เเต่…
“ จะคุยกันก็ไปคุยที่อื่นสิเฟ้ย! เอ็งจะมานั่งบนหัวตรูทำหอกไรฟะ!? ”
เพราะไอ้เจ้าแมวมันกำลังนั่งบนหัวของฉันอยู่ ปลายกระบอกปืนทุกกระบอกจึงเหมือนชี้มาทางฉันด้วย…