ราชาโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 25
‘ตลาดกลางคืน’ ก็ตรงตามชื่อของมัน เป็นสถานที่ซื้อขายของต่างๆเหมือนตลาดทั่วไป เพียงแต่มันเปิดตอนกลางคืนก็เท่านั้น
หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่ตลาดคือแหล่งข้อมูลที่สามารถบอกได้ถึงความเป็นอยู่ของประชากรส่วนใหญ่และวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น
ซึ่งกลยุทธ์ทางการค้าถือเป็นสิ่งที่สำคัญของแต่ละร้านมาก ยกตัวอย่างก็เช่น ร้านขนมครกตรงหน้าของฉันตอนนี้ที่เปิดเพลงตื๊ดเสียงดังและมีแม่ค้ามาเต้นยกเอวไปมาเพื่อดึงดูดความสนใจ จากรูปลักษณ์ภายนอกจะสามารถบอกได้ทันทีว่าเธอมีอายุมากกว่า50ปีเเน่
และที่น่าเศร้าเลยคือ แม้เธอจะส่ายเอวไปมาจนส่งเสียงกร็อบแกร็บ แต่ร้านของเธอก็ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาอยู่ดี…
( มาแล้ว มาแล้ว! )
หลังจากที่คุณป้าเต้นมานานหลายนาที ในที่สุดลูกค้าคนแรกก็โผล่หัวออกมาแล้ว เธอพยายามฝืนยิ้มกลบอาการหอบจากที่พึ่งเต้นไป ใบหน้าของเธอยังคงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธอใช้ผ้าที่อยู่พาดบนบ่าเช็ดเหงื่อพวกนั้นออกก่อนจะเริ่มทำขนมครกทันที
“ ขอบคุณที่มาอุดหนุนป้านะจ๊ะ~ ”
“ ครับ ”
ฉันยื่นมือไปรับถุงขนมครกและจ่ายเงินให้กับคุณป้าไป ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับก็ถูกคุณป้าเอ่ยรั้งเอาไว้ก่อน
“ พ่อหนุ่มเป็นลูกค้าคนเเรกของวันนี้เลยนะ อยากให้ป้าเต้นให้ดูอีกสักเพลงไหมจ๊ะ เลือกเพลงได้ตามต้องการเลยนะ ”
“ เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ ”
ฉันทำมือเป็นเชิงเกรงใจพลางยิ้มเจื่อนๆให้ คุณป้าแสดงสีหน้าเศร้านิดๆ แต่ก็ส่งยิ้มตอบกลับมา เธอโบกมือลาพร้อมกับอวยพรให้
“ ขอบคุณนะจ๊ะ ขอให้วันนี้เป็นวันที่โชคดีล่ะพ่อหนุ่ม ”
“ ครับ ”
เวลาขณะนี้คือ23.59น. คำอวยพรของคุณป้าคงอยู่กับฉันได้เเค่1นาทีเท่านั้นล่ะมั้ง…
หลังจากที่ออกมาจากโรงแรม ฉันก็มาเดินเที่ยวเล่นภายในตัวเมือง แม้ท้องฟ้าจะไม่มีแสงอาทิตย์แล้ว แต่แสงไฟจากแฝงขายของก็ทำให้ทุกอย่างดูสว่างจนเหมือนยังเช้าอยู่
คนที่มาซื้อของในช่วงกลางคืนก็ไม่ได้น้อยไปกว่าช่วงกลางวันเลย เผลอๆอาจจะมีจำนวนมากกว่าด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะจังหวัดนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ได้ จึงทำให้ฉันเห็นผู้คนหลายเชื้อชาติเดินผ่านไปผ่านมาบ่อยๆ
( อืม…จะไปมือเปล่าก็ดูไร้มารยาท ซื้อของไปฝากด้วยดีไหมนะ )
ฉันใช้มือลูบคางไปมาเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง และหลังจากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบกำไลเล็กๆบนแผงลอยตรงหน้าขึ้นมาดู
เจ้าของร้านที่นั่งอยู่หลังแผงก็เอาแต่จ้องหน้าฉันเหมือนกลัวฉันจะวิ่งหนีไปพร้อมกับกำไล
“ กำไลอันนี้เท่าไรครับ? ”
“ หือ…แพงนะ ขอบอกไว้ก่อน ”
“ อ—เอ๊ะ…? ”
“ ล้อเล่นน่ะ ราคา60บาท คิดรวมกับคู่ของมันด้วย ”
เจ้าของร้านลุกขึ้นชี้นิ้วไปที่กำไลอีกอันข้างๆพลางกล่าวอธิบาย
กำไลอีกอันข้างๆมีลักษณะภายนอกเหมือนกันกับอันที่ฉันถืออยู่แทบทุกอย่าง มีเพียงแค่สีของลายเท่านั้นที่แตกต่างกัน
“ มันเป็นกำไลคู่รักงั้นเหรอ? ”
“ มันเป็นกำไลคู่ครอบครัวต่างหาก ฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอกเพราะฉันเป็นแค่คนรับมาขาย แต่คนที่สร้างบอกแค่ว่ามันเป็นกำไลคู่ครอบครัวน่ะ ”
“ อา? ”
“ แล้วสรุปจะซื้อหรือไม่ซื้อล่ะ ถ้าไม่ซื้อก็ช่วยหลบไปหน่อย ลูกค้าคนอื่นจะได้เข้ามาเลือกได้ ”
“ อ๊ะ ซื้อครับ ”
ฉันหยิบกำไลอีกอันขึ้นมาและรีบจ่ายเงินไปตามจำนวนที่ถูกบอกก่อนจะเดินหลบลูกค้าคนอื่นที่เข้ามา
ขณะที่หลบ ฉันก็สังเกตเห็นว่าลูกค้าคนอื่นๆก็เอาแต่มองฉันเป็นตาเดียว ทีแรกก็คิดว่าอาจเป็นเพราะฉันยืนเลือกของนานไป แต่เมื่อคิดดีๆฉันก็เข้าใจ…
( …ลืมไปเลยว่าใส่ชุดบ้านี่อยู่ )
เสื้อสูทสีขาว เสื้อเชิ้ตกับกางเกงเองก็เป็นขาว กระดุมสีทอง รองเท้าสีดำ(ที่บ้านมีแค่สีดำ) เนกไทสีชมพูลายทาง จะให้อธิบายสภาพตัวเองในตอนนี้ง่ายๆก็คือ ‘ตัวประหลาด’
ใส่สูทขาวเดินเที่ยวเล่นรอบตลาดนานหลายชั่วโมง บางครั้งก็แวะตรงนู้นตรงนี้ไปเรื่อยเปื่อยโดยที่ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับเครื่องแต่งกายของตัวเองเลยสักนิด
( อ๊าาาาาา น่าอายชะมัด! โคตรน่าอายเลย! น่าอายๆๆๆๆ! …อยากกลับบ้านแล้ว~ )
ระหว่างเดิน ฉันแทบจะอยากเอาหน้ามุดดินหนี ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าแม่ค้า พ่อค้า หรือลูกค้า ก็มักจะเหลียวหลังกลับมาเมื่อเดินผ่านฉันไป
บางคนก็เหมือนจะเข้ามาพูดอะไรบางอย่าง แต่พอฉันหน้าไปมอง อีกฝ่ายก็หันหน้าหนีทันที
“ มีอะไรรึเปล่าครับ? ”
“ ป—ป่าวครับ ”
“ เอ่อ… ”
“ ข—ขอโทษที่มารบกวนนะครับ! ”
“ ห๊ะ? ”
หนีไปแล้ว…
~★★★~
“ เฮ้อ สุดท้ายก็กลับมาตายโรงแรมอยู่ดี ”
ฉันบ่มงึมงำๆกับตัวเองอยู่คนเดียวพลางใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องพักเข้าไป
ถึงจะยังไม่ได้เปิดไฟ ภายในห้องเองก็ดูหรูหราหมาเห่าไม่แพ้กับภายนอกเลย ไม่แปลกที่พวกมหาเศรษฐีจะมาพักที่แบบนี้บ่อยๆ
“ เมี๊ยว~ ”
ฉันเมินเสียงร้องเรียกและถอดเสื้อสูทกับรองเท้าออกก่อนจะกระโจนลงบนเตียงที่กว้างมากพอจะมีคน4คนมานอนด้วย จากนั้นก็กลิ้งไปกลิ้งมาขณะเอาหน้าซุกหมอน
“ เตียงนุ่มจังน้า~ นอนดีกว่า ”
“ ….เมี๊ยว~ ”
เส้นเลือดเล็กๆเริ่มปูดขึ้นมาบนหน้า แต่ฉันก็พยายามข่มใจเอาไว้และทำเป็นแกล้งหลับไปแล้ว
เมื่อสิ่งมีชีวิตขนปุยเห็นว่าการส่งเสียงร้องเรียกของมันไม่ได้ผล มันจึงกระโดดลงจากชั้นวางของแล้วเดินตรงมาหาฉัน มันขึ้นมาบนเตียงแล้วเอาตัวมาถูไถไล่จากเท้าขึ้นมาถึงมือพลางส่งเสียงร้องเรียกอีกครั้ง
“ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ ”
“ หุบปากซะไอ้แมวโง่ คนเค้ากำลังจะนอน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ”
“ ….?! ”
ฉันยกแขนข้างที่ถูกเอาตัวมาถูพลิกไปอีกฝั่ง นอนตะแคงหันหลังให้สิ่งมีชีวิตขนปุย พยายามเมินเฉยแบบสมบูรณ์
ม่านตาของมันขยายขึ้นฉายแววสงสัยงุนงง ก่อนจะได้สติกลับมาอีกครั้ง ปฏิกิริยาการตอบสนองของคนตรงหน้ามันคือสิ่งเหนือความคาดหมาย
มันก็พอจะคิดได้ว่าคนตรงหน้าอาจจะพอเดาได้คร่าวๆแล้วว่ามันคืออะไร แต่ก็ไม่คิดว่าการตอบสนองจะเป็นอย่างนี้
“ นี่มันจะเเปลกเกินไปเเล้วนะเมี๊ยว?? ไม่ใช่ว่าพอนายเจอฉันจะต้องสะดุ้งโหย่งและถามฉันด้วยท่าทางหวาดระเเวงอย่าง ‘เเกเป็นใคร’ เเล้วหลังจากนั้นฉันก็จะเฉลยตัวจริงที่ยิ่งใหญ่จนนายต้องตกใจ…มันควรจะเป็นอย่างงี้ไม่ใช่เหรอเมี๊ยว? ”
จู่ๆสิ่งมีชีวิตขนปุยหรือก็คือแมวขนสีเงินก็พูดโพล่งออกมาโดยไม่สนความผิดปกติหรือความสมเหตุสมผลใดๆ มันยกเท้าหน้าทั้งสองข้างขึ้นมานวดเป็นวงกลมที่หัวราวกับคนที่พิ่งถูกหวยกินยังไงอย่างงั้น
“ ฉันบอกให้หุบปากไง ไม่ได้ยินเหรอ… ”
“ ทำไมถึงได้ตอบสนองแบบนั้นล่ะเมี๊ยว!? ไม่ตกใจหน่อยเหรอ? ช่วยตกใจหน่อยสิ? ”
“ …… ”
“ เดี๋ยวสิเมี๊ยว?! หลับไปแล้วเหรอ… ”
ในตอนที่ฉันเปิดประตูเข้ามาเมื่อครู่ก็พอจะสังเกตเห็นไอ้เจ้าแมวตัวนี้แล้ว ถึงก่อนหน้านี้จะบังเอิญเจอกันบ่อยๆก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจอะไรมากนัก ก็เพราะเจอกันแต่ในบริเวณใกล้เคียง
แต่ถึงขั้นเดินทางข้ามจังหวัดมาแล้วยังเจอมันในห้องได้อีก จะไม่ให้ตระหนักได้ไงว่ามันไม่ใช่แมวธรรมดา…
( เล่นตามมาถึงที่นี่เลยเหรอเนี่ย น่าเสียดายขนนุ่มนิ่มนั่นจังแฮะ ดันเป็นของปลอมซะได้ )
พอแอบคิดฉันก็เกิดความรู้สึกเสียใจนิดๆ เหมือนเวลาถูกแฟนสาวที่คบกันมานานบอกว่า ‘ที่จริงฉันเป็นพ่อของนายเองแหละ’ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น…
“ เน้ๆ~ ตื่นขึ้นมาคุยกับฉันก่อนสิเมี๊ยว~ อย่าทำกับฉันแบบนี้เลยน่า~นะ ”
“ …… ”
ไอ้เจ้าแมวใช้เท้าหน้าข้างนึงจิ้มแก้มของฉันที่แกล้งหลับอยู่ แต่เมื่อเห็นฉันไม่ตอบโต้อะไรเลยมันจึงขึ้นไปยืนบนหน้าเลย
ฉันพยายามควบคุมการเปลี่ยนแปลงใบหน้าและเมินทุกการกระทำของมัน ทำเหมือนมันเป็นแค่ก้อนโมเลกุลส่วนเกิน ถึงภายในใจตอนนี้จะรู้สึกเดือดปุดๆก็เถอะ
และในขณะนั้นเอง เสียงโทรเข้าก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของฉัน
ตุ๊ดๆ ตุ๊ดๆ ตุ๊ดๆ….
รอยยิ้มเยาะที่แสนเจ้าเล่ห์ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าแมวนั่น
“ โอ้ ถ้ายังไม่ตื่นอีกฉันจะรับสายให้แทนนะเมี๊ยว~ ”
“ ไม่ต้อง…ฉันรับสายเองได้ ”
“ หึ ทีอย่างนี้ละตื่นไวเชียวนะเมี๊ยว! ”
ฉันเมินคำพูดแซะของไอ้เจ้าแมวแล้วกดรับสายทันที เสียงจากปลายสายคือเสียงที่คุ้นเคย เสียงของหญิงสาวผู้ที่คอยช่วยฉันมาตลอดหลายปีเเละยังเป็นพี่สาวเเท้ๆของเเก้วอีกด้วย…
“ ฮัลโหลครับ ”
[[ อ้า ขอโทษที่ส่งคนไปรับช้านะเมฆ… ]]
“ ครับ? ”
เมื่อปลายสายรู้ว่าฉันรับสายแล้ว เธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ฉันถึงกับแปลกใจเพราะไม่ทันได้รับคำอธิบายใดๆก็ได้รับคำขอโทษมาก่อนซะแล้ว
[[ พอดีที่บ้านตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อยน่ะ…ไม่สิ จะบอกว่านิดหน่อยก็ไม่ถูกสักเท่าไร เเต่ช่างมันเถอะ ]]
“ ผมไม่คิดว่าจะช่างมันได้นะครับ…? ”
[[ อืม ตอนนี้ฉันส่งคนไปรับแล้วนะ ขอโทษด้วยจริงๆ ]]
“ ครับ ไม่เป็นไรครับ นอนพักในโรงแรมหรูโดยไม่ได้จ่ายเงินเองแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ”
[[ งั้นเหรอ ]]
ปลายสายถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นห่วงกันขนาดนั้นด้วย แค่ส่งคนมารับช้าก็เท่านั้นเอง
[[ นี่เมฆ เดี๋ยวถ้าว่างเมื่อไร ฉันขอคุยอะไรด้วยกันสักหน่อยได้ไหม…เกี่ยวกับสัญญาของพวกเราน่ะ ]]
“ ….แล้วผมมีสิทธิ์ปฏิเสธไหม? ”
[[ ไม่มี ]]
“ งั้นก็โอเคครับ ”
ฉันถอนหายใจออกมาพลางคิดว่า ‘เป็นพี่น้องที่เหมือนกันซะจริง’ ก่อนจะวางสายไป
เมื่อไอ้เจ้าแมวเห็นว่าตอนนี้ฉันว่างแล้ว มันก็ใช้โอกาสนี้กระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของฉันพลางว่าด้วยน้ำเสียงท้อใจ
“ แล้วตอนนี้จะคุยกับฉันได้ยังละเมี๊ยว ”
“ ….เฮ้อ มีอะไรก็รีบพูดมา ”
ตอนนี้ฉันยอมแพ้แล้ว ไอ้เจ้าแมวตัวนี้มันดื้อด้านมากกว่าที่คิดซะอีก ทีแรกก็คิดว่าถ้าเมินใส่สักพักเดี๋ยวมันก็คงกลับไปเอง
“ ฉันอยากให้นายดูสิ่งนี้หน่อยน่ะเมี๊ยว ฉันการันตีเลยว่านายจะต้องตกใจมากแน่! ”
“ แล้วถ้าฉันไม่ตกใจ ฉันขอเตะก้นแกสักครั้งได้ไหม? ”
“ อ—เอ๊ะ? …ก—ก็ได้เมี๊ยว งั้นเตรียมตกใจได้เลย! ”
ทีแรกมันก็ดูลังเล แต่เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้มันก็กลับมาแสดงสีหน้ามั่นใจ
ขาหน้าทั้งสองข้างถูกยกชูขึ้นทำให้ตอนนี้มันกำลังยืนสองขา ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่พอคิดว่าด้านในอาจเป็นตาลุงหนวดเฟิ้มวัย40ก็ทำให้รู้สึกหดหู่แปลกๆเลยแฮะ
ทันใดนั้นระหว่างขาหน้าทั้งสองก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นก่อนที่จะมีสมุดโน็ตโผล่ออกมาหลังแสงจางลง
สภาพปกดูเก่าโทรมมากซะจนไม่น่าจะมีใครอ่านได้ เเต่เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้ตัวเเผ่นกระดาษด้านในยังคงอยู่ในสภาพที่ดี
“「บันทึกโลกไร้ราชา#24」?? ”
“ ว้าว~ นายอ่านมันออกด้วยสินะเมี๊ยว ฉันก็นึกว่านอกจากเหล่า«ร่างทรง»เเล้วก็คงไม่มีใครอ่านออกแล้วซะอีกนะ~ ”
“ ……?! ”
“「บันทึกโลกไร้ราชา」คือสมุดโน็ตประหลาดที่จะปรากฏอยู่ภายในห้องลับของโบราณสถานบางเเห่งเท่านั้นเมี๊ยว ซึ่งเนื้อหาด้านในไม่มีใครสามารถอ่านออกได้เลย ผู้เชียวชาญภาษาจากทั่วโลกต่างก็พยายามศึกษาสมุดโน็ตประหลาดนี่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่านอกจากเหล่า«ร่างทรง»เเล้วก็ไม่มีใครเข้าใจมันได้อีก ทั้งที่เป็นเเบบนั้น เเต่สิ่งนี้มันกลับมีมูลค่ามากกว่าอาวุธโบราณระดับสูงซะอีกนะมี๊ยว แถมยังมีจอมโจรมากมายที่หมายตาสิ่งนี้ไว้ด้วยล่ะ ”
ฉันไม่รู้ว่าไอ้เจ้าแมวตัวนี้ไปเอาแว่นมาใส่ตอนไหน มันทำท่าทางเหมือนอาจารย์ที่กำลังสอนหนังสือ และหลังจากที่มันพูดเสร็จมันก็ถอดแว่นออกแล้วทำหน้าประมาณว่า ‘หึ เป็นไงบ้างล่ะ อยากฟังฉันพูดอีกรึเปล่าล่ะ’
“ ….ก็ถ้าจากที่แกเล่ามา งั้นก็หมายความว่าแกต้องการจะขโมยมันไปหากฉันมีงั้นเหรอ~? ”
ฉันพูดพลางเผยรอยยิ้มแจ่มใจ แต่สายตาที่มองกลับเย็นยะเยือกจับใจ ทำเอาขนทั่วร่างของแมวขนสีเงินลุกชูชันทันทีที่สบกับแววตานั้น
“ ป—ป่าวนะเมี๊ยว!? ถ้าฉันจะมาขโมยก็คงไม่มาโผล่ให้นายเห็นตั้งเเต่เเรกเเล้ว ฉันเเค่กะจะมาเเลกเปลี่ยนหากนายมีมันน่ะเมี๊ยว ”
“ ….อา ก็เเค่ถามไปอย่างงั้นเเหละ ฉันไม่มีมันหรอก อืม ถ้าพูดจบเเล้วก็รีบออกไปซะ ชิ้วๆ ”
ที่ฉันพูดน่ะเป็นเรื่องจริง ฉันไม่รู้จักมัน「บันทึกโลกไร้ราชา」ก็เป็นชื่อที่ฉันพึ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งเเรก เเต่ทว่าภาษาที่เขียนนั้นฉันรู้จักมัน…
“ น่าเสียดายจังเลยนะเมี๊ยว~ พอดีช่วงนี้ฉันกำลังสะสมสมุดโน็ตเเบบนี้อยู่น่ะ ฉันสามารถขโม———อะ เเฮ่ม!! ฉันสามารถหามาได้ตั้ง 5 เล่มเชียวนะ! ”
ขณะที่มันกำลังพูด จู่ๆมันก็ชะงักแล้วทำเนียนเปลี่ยนคำพูด
“ ….เมื่อกี้จะพูดว่าขโมยใช่ไหม? ”
“ น—นายเเค่หูฝาดไปเองน่ะเมี๊ยว!? …เเต่นายไม่ได้มีมันจริงๆใช่ไหม? ไม่ได้โกหกแมวหน้าตาน่ารักอย่างฉันใช่ไหม? ใช่ไหม~? ”
“ เฮ้อ เเล้วฉันจะโกหกไปทำไมเล่า ”
“ ก็นายอาจจะโกหกเพราะต้องการไล่ให้ฉันออกไปเร็วๆไงล่ะเมี๊ยว ”
“ ถ้าเอ็งรู้ตัวดีก็รีบออกไปได้เเล้วสิฟะเห้ย! ”
ฉันเอื้อมมือไปคว้าหางของไอ้เจ้าแมวทีเผลอและยกขึ้นเหวี่ยงเป็นวงกลม ถ้าเป็นปกตินี่คงเป็นการทารุณกรรมสัตว์อย่างไม่น่าให้อภัยได้ แต่สิ่งที่ฉันทำอยู่…เอาจริงๆก็ทารุณกรรมไม่ต่างกันนั่นแหละ
ฉันเดินไปเปิดประตูระเบียงพร้อมที่จะโยนสิ่งในมือลงไปได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่านี่คือชั้น7 ต่อให้สิ่งที่โยนลงไปเป็นแมวแต่ก็คงจะตายคาที่100เปอร์เซ็นต์
“ ว๊ากกกกก! ใจเย็นก่อนนะเมี๊ยววววว!? นี่มันชั้น7เลยน้าาาาา! ”
“ พูดออกมาซะว่าหลังจากนี้จะไม่มากวนฉันอีก! ”
“ ว๊ากกกกกกกก!! ”
“ พูดซะ! ”
“ อุก….ฉัน…จะ…อ๊วก…แล้ว…เมี๊ยววววววว~ ”
“ เอ๊ะ อย่านะเห้ย?! ไม่งั้นฉันปล่อยมือจริงนะ! อั้นไว้ก่อน! ”