ราชาโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 21
“ อึก ”
เหล่าคนแต่งกายในเครื่องแบบถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อมองไปบนหน้าจอยักษ์กลางห้อง บางคนก็หันหน้าหนี บางคนก็ลุกเดินออก ไม่มีใครอยากรับชมภาพดังกล่าว
ณ สำนักงานตำรวจพิเศษภายในเมืองหลวง ที่นี่ล้วนแต่ไปด้วยบุคลากรคุณภาพสูง ทักษะความสามารถถือเป็นชั้นนำในสายงานเดียวกัน และแน่นอนว่าทุกคนมีวุฒิภาวะมากพอจะไม่สั่นไหวกับอะไรง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะความโกรธหรือความกลัว ภาพเบื้องหน้าก็กำลังทำให้เกือบทั้งหมดตัวสั่น
มันคือสิ่งที่ผุดออกมาจากสัญชาตญาณ บังคับให้พวกเขาตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
“ ท่านรองฯครับ พวกเราจะยังรอต่อไปอีกเหรอครับ ผมเกรงว่าถ้ายังปล่อยไว้เรื่อยๆแบบนี้มัน… ”
ชายวัยกลางคนในชุดสูทตัดสินใจเอ่ยถามหญิงสาวที่ดูเป็นหัวหน้าของที่นี่ รอบตัวเธอมีบรรยากาศกดดันและเคร่งครึม เธอเหลือบมองชายวัยกลางคนพลางย่นคิ้วเข้าหากัน
“ ยังไม่ได้ หลักฐานที่เรามีตอนนี้ยังไม่มากพอจะใช้ต่อลองกับรัฐบาลจีนได้ คนพวกนั้นหัวแข็งจะตาย คงจะพยายามหาข้ออ้างขัดขวางไม่ให้พวกเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวแน่ ”
“ ทำไมกันล่ะครับ ประชาชนของพวกเขากำลังเดือดร้อนไม่ใช่เหรอ?! ”
“ ….รับมือได้ ”
“ ครับ? ”
“ คนพวกนั้นคิดว่าตัวเองสามารถรับมือได้ และยังไม่ทิ้งความคิดที่จะจับเป็น ‘ผู้ทำพันธสัญญากับฟูรฟูร’ น่ะสิ จนกว่าฝั่งนั้นจะเปลี่ยนใจพวกเราก็ยังทำอะไรไม่ได้ ”
หญิงสาวกล่าวอธิบายและมองไปยังหน้าจอยักษ์
ภาพที่หน้าจอยักษ์กำลังฉายอยู่คือวิดีโอที่ถูกถ่ายเก็บไว้ได้และถูกยืนยันเรียบร้อยแล้วว่าเป็นของจริง ผู้คนจำนวนมากพยายามวิ่งหนีสุดชีวิตจากคลื่นผีดิบด้านหลัง หลายคนที่วิ่งไม่ทันก็ถูกพวกผีดิบรุมทึ้งตาย
ผีดิบพวกนี้ไม่ได้กัดกินหรือเเพร่เชื้อเหมือนในหนัง เเต่พวกมันแค่จะฆ่าให้ตายเท่านั้น จุดประสงค์ของพวกมันคืออะไรไม่มีใครทราบแล้วก็ไม่มีใครอยากทราบด้วย
ทราย ไคม์ พี่สาวของแก้ว เธอคือหัวหน้าของที่แห่งนี้เเละเหตุการณ์ดังกล่าวก็คือคดีพิเศษที่เธอรับผิดชอบอยู่
“ นั่นมันเห็นแก่ตัวมากเลยนะครับ! ทำไมถึงตัดสินใจกันแบบนั้นได้! นี่พวกเขาไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่เลยรึไง! ”
“ เห้เพื่อน ฉันก็เข้าใจความรู้สึกนายนะ แต่อย่าไปตะโกนใส่ท่านรองฯสิ— ”
“ —ไม่เป็นไร… ”
ทรายเอ่ยห้ามชายอีกคนที่คิดจะเข้ามาหยุดชายวัยกลางคนที่กำลังหัวเสีย เจ้าหน้าที่ทุกคนในห้องนี้ ถึงจะไม่ได้พูดออกมากันเหมือนชายวัยกลางคน แต่ก็ล้วนรู้สึกโมโหไม่ต่างกัน ทรายเองก็กำหมัดแน่นและได้แต่เก็บความรู้สึกที่แท้จริงไว้
หลังจากที่ชายวัยกลางคนเริ่มได้สติ เขาก็รีบโค้งตัวขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ เอาล่ะ ถ้านายรู้สึกโกรธมากนัก ก็เปลี่ยนอารมณ์พวกนั้นไปใช้หาหลักฐานมาเพิ่มซะ ถ้าเรามีหลักฐานมากพอไปยื่นให้สภาเฟ็นรีร์ พวกเราก็น่าจะทำอะไรได้ อย่างพวกน้้นต้องเจอหลักฐานหนักๆซัดหน้าสักทีถึงจะหายบ้ากันได้ ”
“ อ๊ะ ครับผม!! ”
“ พวกนายที่เหลือก็เหมือนกัน ตั้งใจทำงานซะ! ”
“ “ ครับ!!/ค่ะ!! ” ”
ทุกคนที่ได้รับบัฟจากคำพูดปลุกใจรีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อทันที
ทรายยืนมองสำรวจลูกน้องตัวเองสักพัก ก่อนจะเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ตรงตำแหน่งหัวหน้า เธอนั่งไขว่ห้างพร้อมใช้มือเท้าค้าง ดวงตาถูกปิดลงเพื่อเพิ่มสมาธิในการวิเคราะห์สถานการณ์
เลขาสาวที่กำลังเดินเอาเอกสารมาให้เซ็นถึงกับต้องก้าวถอยหลังไม่กล้ารบกวน แววตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความหลงใหล
“ สมแล้วที่เป็นท่านรองฯ ขนาดกำลังครุ่นคิดก็ยังดูสง่างามเลย~ ไม่อยากเชื่อเลยนะเนี่ยว่าพวกเราอายุเท่ากันจริงๆ ”
“ เห้ย หยุดพูดมากได้แล้วน่า ถ้าว่างมากนักก็ไปกวาดพื้นซะสิ จะมายืนเอ้อระเหยอยู่ตรงนี้ทำไม ”
อีกคนที่พูดขึ้นมาคือชายหัวล้านที่บังเอิญได้ยินเข้า
“ นายน่ะหุบปากไปเลยไอ้หัวไม้ขีด! รีบๆกลายเป็นขี้เถ้าได้แล้ว ชิ้วๆ ”
“ นี่มันทรงสกินเฮดเว้ย! ”
“ อ๋อเหรอ แล้วทำไมสกินเฮดของนายมันถึงไม่มีผมสักเส้นเลยหะ หัวล้านล่ะสิไม่ว่า หัวล้านเอ้ย~หัวล้าน~ ”
“ อึก หัวล้านแล้วมันผิดตรงไหนกันหะ?! ”
“ อุ้ย ยอมรับแล้วเหรอว่าหัวล้าน โอ๋ๆนะ~ ”
เลขาสาวใช้มือขวาลูบไล้บนศีรษะของอีกฝ่ายพร้อมกับหัวเราะเยาะ ในใจของชายหัวล้านคิดอยากจะตั๊นหน้าอีกฝ่ายมาก แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงเผลอยิ้มออกมา
“ หยุดเล่นกันได้แล้ว ฉันต้องการสมาธิ… ”
“ อ๊ะ ขอโทษค่ะท่านรองฯ?! ”
“ ข—ขอโทษครับ! ”
ทรายเปิดตาขึ้นมาข้างนึงกล่าวตักเตือนทั้งคู่และปิดตาลงอีกครั้ง
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เลขาสาวกับชายหัวล้านก็หยุดกัดกันและแยกย้ายกลับไปทำงาน โดยที่เลขาสาวลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องเอาเอกสารไปให้ทรายเซ็น…
“ เมื่อกี้นี้ฉันเดินไปทำอะไรกันนะ? ”
ทราย ไคม์ หัวหน้าหน่วยตำรวจพิเศษแห่งนี้ หรือที่หลายคนรู้จักเธอในฐานะรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ
เธอมีใบหน้าที่เยาว์วัยและร่างกายที่ผอมเพรียว สัดส่วนของหน้าอกและบั้นท้ายก็เรียกได้ว่าดูดี นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นเองก็น่าดึงดูด และชุดที่เธอสวมอยู่ก็ยิ่งช่วยส่งเสริมให้เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จะให้อธิบายง่ายๆเลยคือเธอเป็นสาวสวยขนานแท้!
เธอเป็นคนที่มีทั้งความสามารถและไหวพริบที่ดี ความใจเย็นเมื่อยู่ในสถานการณ์ขับขันและยังสามารถออกคำสั่งได้ยอดเยี่ยมทำให้เธอเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีชื่อเสียงอยู่พอตัว ผลงานต่างๆที่เธอสร้างไว้ช่วยทำให้เธอขึ้นมาเป็นรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติได้อย่างไม่ยากเย็น
และเหตุผลที่เธอต้องหลับตาทำท่าทางครุ่นคิดแบบนี้ก็เพื่อจะได้นึกถึงหน้าตาของเด็กผู้ชายคนนึง
( อยากเจอเมฆจัง… )
ทรายนั้นมีความปราถนาอยู่หนึ่งอย่างที่ยากจะทำสำเร็จได้ นั่นก็คือการกลับไปเจอเด็กผู้ชายที่เธอรู้สึกดีด้วยคนนั้น ไม่เชิงว่ามันคือความรักแบบหนุ่มสาว ก็แค่เวลาเธอได้อยู่ใกล้ๆกับอีกฝ่ายแล้วจะรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
( อยากเอาตัวไปกอด…อยากให้ลูบหัว…อยากถูกหอมแก้ม…อยากป้อนอาหาร…อยากฟังนิทาน…อยากเล่นพ่อแม่ลูก… )
คิ้วของทรายค่อยๆถูกขมวดเข้าหากันอีกครั้งโดยที่ตายังปิดอยู่ และทันใดนั้น…
“ นี่มันเหมือนฉันเป็นเด็กเลยนี่หน่า!!? ”
ทรายพลันโพล่งขึ้นมาดังลั่นห้องพร้อมกับเปิดตาขึ้น เจ้าหน้าที่ทุกคนหันหน้ามองมาทางทรายเป็นตาเดียว แววตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจและงุนงง
“ ….เป็นอะไรรึเปล่าคะท่านรองฯ? ”
“ อะแฮ่ม ม—ไม่มีอะไรหรอก ตั้งใจทำงานต่อเถอะ…/// ”
“ อ๋อ ค่ะ ”
ทรายได้สติกลับมาก่อนจะกระแอมไอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ถึงอย่างนั้น หน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงไปถึงหูแล้ว
—ตุ๊ดๆ! ตุ๊ดๆ! ตุ๊ดๆ!
จู่ๆเสียงโทรเข้าก็ดังขึ้นท่ามกลางความสับสนภายในห้อง ทรายใช้จังหวะนี้กล่าวเปลี่ยนความสนใจของทุกคน เธอปรับสีหน้ากลับมาเคร่งครึมเหมือนเดิมขณะตะโกนออกไป
“ เสียงเครื่องของใครน่ะ รีบๆปิดเสียงซะ มันรบกวนคนอื่น ”
“ เอ่อ…คือว่าท่านรองฯครับ… ”
“ อะไร? ”
ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็ยกมือขึ้น เขาหันไปมองคนรอบข้างเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง
“ ….เสียงมันน่าจะมาจากของท่านนะครับ ”
“ หือ ของฉันเหรอ? ”
เมื่อทรายมองมาบนโต๊ะทำงานของเธอเอง สมาร์ทโฟนที่เธอรู้จักดีก็กำลังสั่นอยู่ ซึ่งเสียงโทรเข้าที่ดังขึ้นนั้นยังไงก็เป็นของเธอแน่
“ ….อ—อ๋อเหรอ ของฉันเองสินะ อื้มๆ ของฉันนี่เอง/// ”
ใบหน้าของทรายเปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง เธอรีบหยิบสมาร์ทโฟนก่อนจะเดินออกจากห้องไป แต่สุดท้ายก็ไม่วายสร้างตำนานประจำหน่วยพิเศษขึ้นมาอีกอย่างการสะดุดล้มหน้าประตู
เจ้าหน้าที่บางคนที่ทำงานภายใต้ทรายมานานก็ถึงกับต้องถอนหายใจ พวกเขารู้จักหัวหน้าของตัวเองดี ถึงเธอคนนั้นจะพยายามวางมาดให้ดูดีต่อหน้าลูกน้องสักเท่าไร แต่มันก็ยังเปลี่ยนเรื่องที่เธอเป็นพวก ‘ตอนลงมือทำจะมั่นใจเต็มที่ เเต่เมื่อทำพลาดก็จะไปไม่เป็น’ ไม่ได้…
—เฮ้อ หัวหน้าก็ยังเป็นหัวหน้าสินะ…(น่ารัก)
—ใช่ ยังไงก็ยังเป็นหัวหน้าอยู่ดี…(น่ารัก)
—อื้มๆ…(น่ารัก)
~★★★~
[[ ฮัลโหลๆ ได้ยินไหม? ]]
“ ได้ยินค่ะคุณยาย ”
ทรายตอบกลับเสียงปลายสายพลางใช้มือลูบหน้าผากเบาๆ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอเห็นชื่อของคนที่โทรมาเธอก็ตื่นตระหนกนิดหน่อย แต่เพราะความเจ็บปวดตรงหน้าผากช่วยให้เธอใจเย็นลงบ้างแล้ว
“ มีธุระอะไรรึเปล่าคะคุณยาย? ”
[[ ก็มีนั่นแหละ แต่เสียงหลานดูเครียดนะ พักผ่อนสักหน่อยก็ได้ ไม่ต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นหรอก ]]
“ ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ คุณยายเองก็พักผ่อนเยอะๆนะคะ ”
หัวใจของทรายรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆที่บทสนาพวกนี้ก็ดูปกติแท้ๆ แต่เธอก็เผยรอยยิ้มออกมา
“ แล้วธุระที่โทรมาคืออะไรเหรอคะ? ”
[[ รีบจังเลยนะ ]]
“ ขอโทษด้วยนะคะ พอดีหนูกำลังอยู่ในเวลางานน่ะค่ะ ”
[[ อ๋อ ถ้างั้นยายจะรีบสรุปให้ง่ายๆละกันนะ…หลานช่วยพาแก้วกลับมาที่บ้านหลักหน่อย พอดีมันใกล้ถึงเวลาที่ยายต้องตัดสินใจเเล้ว ]]
ทั้งตัวของทรายถึงกับหยุดนิ่ง รอยยิ้มของเธอหายไป เธอก้าวถอยหลังพิงกำแพงอาคารและพยายามควบคุมจังหวะการหายใจ
“ ….เข้าใจแล้วค่ะ หนูจะพยายามรีบให้นะคะ ”
[[ อืม ก็มีแค่นี้แหละ ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ ]]
“ ค่ะ… ”
ตุ๊ด…
สายถูกวางไป
ทรายปิดตาลงก่อนจะพรูลมหายใจ เธอยืนอยู่อย่างงั้นสักพักนึงและตัดสินใจโทรไปหาคนๆหนึ่งที่เธอคิดว่ามีประโยชน์ในสถานการณ์นี้
เมื่อกดโทรไป ปลายสายก็รับทันที
[[ โอ้ นี่พี่โทรมาได้พอดีกับเวลาพักของผมเลยนะครับเนี่ย ]]
“ เร็วๆนี้นายว่างไหม? ”
[[ เอ๊ะ? เอ่อ…ไม่น่าว่างนะครับ ]]
“ งั้นก็ดี ภพ นายช่วยไปรับเมฆแล้วไปส่งที่โรงเเรมอิกดราซิลให้ที ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวพี่ค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ”
[[ หะ? ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ว่างน่ะครับ ]]
“ งั้นนายก็ขอลาหยุดซะสิ แค่ไปรับไปส่งมันไม่น่าเกิน4วันหรอกน่า ฝากด้วยล่ะ ”
[[ ด—เดี๋ยวก่อนสิครับพี่??!! ]]
ตุ๊ด…
สายถูกวาง ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เหมือนถูกเล่นซ้ำ เพียงแต่ว่าคราวนี้คนที่รู้สึกหนักใจก็คือผู้ชายจากปลายสาย
~★★★~
“ เฮ้อ เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย? ”
ภพเก็บสมาร์ทโฟนที่พึ่งถูกวางสายใส่พลางใช้มือเกาหัว สมองของเขารู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิดแล้ว และไม่ว่าใครก็ต้องเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไร ไม่เข้าใจว่าทำไม
หลังจากพยายามคิดหาคำตอบนานสองนาน เขาก็ยังไม่เข้าใจอะไรอยู่ดี สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมแพ้เลิกคิดมากและลุกขึ้นเดินไปทางห้องของคนดูแลค่ายฝึกนี้
เขาเคาะประตูก่อนที่จะมีเสียงอนุญาตให้เข้าไปได้
“ ขอโทษที่มารบกวนนะครับ ”
“ หืม? นายเองเหรอพันตรี มีธุระอะไรรึเปล่า ”
“ ครับ… ”
ถ้าจะให้อธิบายชีวิตของชายหนุ่มที่มีชื่อว่าภพ ไคม์ คนนี้แล้วละก็…ตั้งแต่เด็กเลย ภพแทบไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวจริงๆของตัวเองมากนัก เมื่อตอนที่เขาอายุได้13ปี เขาถูกนำไปแลกเปลี่ยนกับครอบครัวแปลกหน้าตามธรรมเนียมของตระกูลไคม์
ซึ่งตระกูลที่เขาถูกย้ายไปอยู่ด้วยนั้นบังคับให้เขาเริ่มฝึกฝนแบบเดียวกับทหารนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตารางฝึกของเขาในแต่ละวันแน่นมาก นอกจากเวลาพักแล้วก็มีแต่ฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก
หลังจากเขาได้กลายเป็นทหารเต็มตัวและทำผลงานได้ดีเยี่ยม เขาก็ได้รับยศพันตรีมา ด้วยสถานะนี้เขาก็ไม่ทำให้ตระกูลของตัวเองต้องเสียเกียรติเเล้ว
“ ผมมาขอลาหยุดครับ ”
“ โฮ๋? ครั้งเเรกเลยนะที่นายมาขอลาหยุดน่ะ อ่า…ก็ได้ เเต่รีบกลับมาหน่อยก็เเล้วกัน ช่วงนี้พวกลัทธิประหลาดนั่นโผล่หางออกมากันเเล้วล่ะ ระวังตัวด้วย ”
“ ขอบคุณครับ! ”
ตามจริงเเล้ว ภพสามารถเลือกที่จะเลิกฝึกฝนเเล้วกลับไปที่ตระกูลไคม์ได้ตั้งเเต่หลายปีก่อนแล้วหลังจากที่เกิดปัญหาครั้งนั้นขึ้น เเต่เหตุผลที่เขายังอยู่ต่อไม่ใช่เพราะถูกล้างสมองหรือถูกบังคับ เขาก็แค่ชื่นชอบเเละพอใจกับชีวิตเเบบนี้ต่างหาก ได้ปกป้องชาติ ได้ฝึกทหารใหม่ ได้อยู่กับคนรัก
เขาไม่คิดว่าชีวิตประจำวันเเบบนี้จะสามารถหาได้จากที่อื่นหรอกนะ…