ราชาโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 15 คุณครูประจำชั้น(1)
เด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะพร้อมกับส่งเสียงหอบออกมาเป็นระยะ
“ แฮกแฮ่ก…ฉันขอสาบาน…แฮกแฮ่ก…ว่าจะไม่ไปให้คำสัญญากับใครมั่วๆอีก…แฮกแฮ่ก…รู้สึกเหมือนขามันกำลังจะหลุดเลย ”
เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
วันนี้คือวันที่ฉันจะต้องไปโรงเรียนหลังจากหยุดอย่างกระทันหันเมื่อวานนี้ และในตอนนี้ก็เป็นเวลาตี4 ท้องฟ้ายังไม่สว่างเลยด้วยซ้ำ
ในหัวของฉันเคยคิดจะเริ่มออกกำลังกายมาสักพักนึงแล้ว แต่เพราะความขี้เกียจส่วนตัวเลยผัดวันประกันพรุ่งมาตลอด เอาตามจริงแล้ว ฉันก็ยังไม่คิดจะเริ่มทำวันนี้ด้วยซ้ำ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เพราะฉันดันไปให้คำสัญญากับใครบางคนไว้อีกน่ะสิ…
—ที่รัก เราควรโทรเรียกรถพยาบาลให้เค้าดีไหม? เค้าดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วนะ
ตัวฉันในสภาพกึ่งเป็นกี่งตายกำลังพยายามออกแรงสุดชีวิตวิ่งวนรอบสวนสาธารณะแบบไม่ลืมหูลืมตา อีกนิดเดียวทั้งตัวฉันก็น่าจะลงไปคลานกับพื้นแล้ว
—อย่าไปขัดจิตวิญญาณแห่งลูกผู้ชายสิ เธอลองมองไปที่สายตานั่นให้ดี สายตาที่บ่งบอกว่าต่อให้ต้องตายก็ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาดยังไงล่ะ!
—โฮ๋~! อย่างงั้นเหรอที่รัก
เพราะท่าทางการวิ่งที่พิลึกกึกกือของฉันได้ไปสะดุดตาใครหลายคนเข้าโดยไม่ตั้งใจ ยกตัวอย่างง่ายๆก็เช่น คู่รักที่มาออกกำลังกายเหมือนกันนี้ พวกเขาทั้งคู่กำลังพูดถึงฉันกันโดยไม่ได้รู้เลยว่าภายในใจของฉันตอนนี้อยากให้มีคนโทรเรียกรถพยาบาลมารับสุดๆเลย…
คำสัญญา มันคือสิ่งที่เปราะบางยิ่งกว่าแผ่นกระดาษซะอีก เพียงคนเราแค่พูดคำว่า‘สัญญา’ก็จะมั่นใจได้แล้วเหรอว่าอีกฝ่ายจะทำตาม…กับอีแค่คำพูดเนี่ยนะ?
สำหรับฉันแล้ว สัญญาคือสิ่งที่จะทำลายเมื่อไรก็ได้หากต้องการ แต่ถ้าหากทำลายสัญญาไปแล้วตัวฉันจะยังเชื่อใจตัวเองได้อยู่รึเปล่าล่ะ การทำสัญญามันไม่ได้อาศัยแค่ต้องเชื่อใจอีกฝ่ายเพียงเท่านั้น ความเชื่อใจในตัวเองก็เป็นแก่นสำคัญของสัญญาด้วยเหมือนกัน
มันน่ากลัวนะถ้าหากไม่สามารถกระทั่งเชื่อใจตัวเองได้น่ะ…
—พยายามเข้าล่ะพ่อหนุ่ม วัยรุ่นมันต้องร้อนแรงหน่อยสิ
—ถ้าเหนื่อยก็ไปพักได้นะ ครั้งแรกอย่าไปฝืนร่างกายเลย เดี๋ยวหลังจากนี้ก็ปวดไปทั้วตัวหรอกเหมือนคนแก่หรอก
—เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงตัวเองสมัยก่อนเลยเนอะ ทำเรื่องบ้าบิ่นโดยไม่สนอะไร มีความสุขกับชีวิตวัยรุ่นไปวันๆ
—พูดยังกับคนแก่เลยนะ
—อายุ75อย่างพวกเรานี่ไม่เรียกว่าคนแก่เหรอ?
—เรียกว่าวัยรุ่นหนังเหี่ยวมากประสบการณ์จะดีกว่านะ ฮะฮ่าๆๆ!
กลุ่มคุณลุงคุณป้าที่น่าจะมาวิ่งที่นี่เป็นประจำได้แวะวิ่งผ่านมาให้กำลังใจฉันก่อนจะวิ่งแซงไป ถึงจะไม่ได้ตั้งใจนับจริงจังแต่ฉันน่าจะถูกพวกเขาทั้งหมดวิ่งน็อครอบไปแล้วประมาณ3รอบได้ละมั้ง
พวกเขาไม่ได้วิ่งเร็ว แต่เป็นฉันต่างหากที่วิ่งช้า ในช่วงแรกๆที่ออกวิ่งฟอร์มก็ยังดีอยู่หรอก แต่พอวิ่งได้ครบรอบนึงแล้วแขนขามันก็หนักขึ้นทันทีจนค่อยๆอยๆวิ่งช้าลง แต่ท้ายที่สุดฉันก็ฝืนวิ่งไปเรื่อยๆจนครบหนึ่งชั่วโมงได้สำเร็จ
ฉันได้เดินหอบมานั่งพักที่ม้านั่งคนเดียว ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้งวหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คนที่บ้านก็คงใกล้จะตื่นนอนแล้วเหมือนกัน
หลังจากหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ ฉันก็กะจะลุกไปซื้อน้ำมาดื่มแก้คอแห้งสักหน่อย แต่พอฉันลองล้วงกระเป๋าดูกลับเจอแต่ความว่างเปล่า…ใช่แล้วล่ะ ฉันลืมเอากระเป๋าตังค์มาด้วย ในตอนนี้ไม่มีทั้งเงิน ไม่มีทั้งน้ำ และจะให้เดินกลับไปเอาที่บ้านก็คงไม่ไหว ขืนทำงั้นฉันได้ล้มฟุบระหว่างทางแน่
( อ๊าาาาาาา ทั้งๆที่เช็คของก่อนออกมาแล้วแท้ๆ แต่ไหงถึงได้ลืมสิ่งที่จำเป็นสุดได้ล่ะเนี่ย อยากต่อยหน้าตัวเองสักหมัดจริงเลย ถ้าไม่ติดที่กลัวเจ็บนะ…เฮ้อ~คราวนี้คงได้ซี้แหงแก๋… )
และในระหว่างที่ฉันกำลังนั่งตัดพ้อกับชีวิตอยู่นั้น จู่ๆก็มีขวดน้ำเย็นถูกยื่นมาให้ฉัน…
เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าคนที่ยื่นน้ำมาให้นั้นคือเด็กผู้หญิงสวมแว่นที่ฉันไม่รู้จัก
“ เอ๊ะ?…อา ขอบคุณครับ? ”
ฉันกล่าวขอบคุณเธอไปพร้อมกับยื่นมือไปรับขวดน้ำนั้นมา
เธอพยักหน้าตอบกลับมาง่ายๆก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้ฉันตกอยู่ในความมึนงงคนเดียว ดูจากใบหน้าเธอแล้ว เธอน่าจะเด็กกว่าฉันประมาณสองปีได้…ม.1งั้นเหรอ?
หลังจากที่ดื่มน้ำจนหมดฉันก็รีบกลับบ้านเตรียมตัวไปโรงเรียนทันที และแน่นอนว่าฉันยังต้องไปปลุกคุณหนูแก้วอีกด้วย โชคดีที่เธอเดินมาเปิดประตูเอง เพราะถ้าเกิดเรื่องน่ารำคาญแบบเมื่อวานนี้ขึ้นอีกละก็ฉันคงได้ปวดหัวตายแน่ๆ…
“ นี่ฟ้า ถ้าจำไม่ผิดปีนี้อยู่ป.3ใช่ไหม ได้อยู่ห้องอะไรเหรอ? ”
“ หนูอยู่ห้อง2ค่ะ เเล้วพี่เเก้วอยู่ห้องไหนคะ? ”
“ ….พี่อยู่ห้องเดียวกับไอ้หมอนั่นเเหละ ”
ในระหว่างที่พวกเราเดินไปโรงเรียนด้วยกัน แก้วที่ไม่รู้โกรธฉันแต่ไหนมาจู่ๆก็ชี้มาทางฉันด้วยน้ำเสียงที่ฉุนเฉียว…หรือว่าเธอจะยังโกรธเรื่องเมื่อคืนกันนะ?
ฉันไม่ได้สนใจสิ่งที่ทั้งคู่คุยกันมากนัก เอาแต่ก้มหน้าเดินเหม่อตลอดทาง เป็นเพราะฉันต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกายตั้งแต่เช้าเลยทำให้ฉันในตอนนี้ง่วงมากๆ เปลือกตาแทบจะปิดลงตลอดเวลาเลย แขนขามันก็ล้าไปหมดแล้วด้วย
และขอยอมรับตามตรงว่าตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้เรียนอยู่ห้องไหน ตามแผนที่คิดไว้คือฉันแค่ต้องเดินตามหลังแก้วไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึงห้องเรียนเองแหละ เพราะปีนี้พวกเราก็น่าจะได้อยู่ห้องเดียวกันตามเคย…ก็คิดไว้แบบนั้นอยู่หรอก…
“ น—นายจะตามฉันเข้ามาในห้องน้ำหญิงทำไมเนี่ย!? ”
“ อ๊ะ? ขอโทษที…พอดีหูอื้อนิดหน่อย เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ”
“ ขึกกก หุปปากเเล้วออกไปได้เเล้วย่ะ! ”
เป็นเพราะความเหม่อลอยเลยทำให้ฉันเดินตามหลังเธอมาโดยไม่ได้คิดอะไร เเต่ใครจะไปรู้กันเล่าว่าปลายทางของเธอคือห้องน้ำหญิงน่ะ?!
ฉันถูกเตะลอยออกมาจากห้องน้ำหญิงอย่างสวยงามราวกับผีเสื้อโบยบิน แก้มของฉันได้แดงไปหมดจากตอนที่หน้าไถลกับพื้นทางเดิน
“ เฮ้อ~แล้วฉันจะไปห้องเรียนยังไงล่ะเนี่ย…? ”
ฉันยืนมองรอบๆเผื่อมีคนให้ถามทาง ถ้ามีคนรู้ว่าฉันเรียนที่นี่มา2ปีแล้วยังต้องถามทางคนอื่นหาห้องเรียนอยู่ล่ะก็ ฉันคงได้กลายเป็นตัวตลกของทั้งชั้นเรียนแน่
ฉันที่ไม่มีที่พึ่งจึงได้ตัดสินใจนั่งรอแก้วอยู่หน้าห้องน้ำหญิง จะไม่แปลกเลยถ้าหากมีคนคิดว่าฉันเป็นพวกโรคจิตที่กำลังดักรออยู่หน้าห้องน้ำหญิง
ทันใดนั้นเองเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องน้ำหญิง ในตอนแรกเธอยังมองไม่เห็นฉันที่นั่งอยู่ เธอเลยหยิบผ้ามาเช็ดมืออย่างสบายใจ และเมื่อเธอหันมาเห็นฉันเธอก็มีท่าทีตกใจเพียงชั่งครู่เท่านั้น
พวกเราทั้งคู่สบตากันโดยไม่พูดอะไร และถึงจะไม่ได้พูดอะไรกันแต่เหงื่อของฉันมันก็ไหลออกมาไม่หยุดเลย
“ คนโรคจิต? ”
“ ไม่ใช่ครับ เอ่อ…จะอธิบายยังไงดีล่ะเนี่ย มันเป็— ”
“ —ปรมาจารย์แห่งคนโรคจิตทั้งมวล? ”
“ ฟังให้จบก่อนสิฟะ!? ”
ยัยผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าอะไรเนี่ย? เพิ่งจะเจอกันแท้ๆแต่กลับพูดเหมือนเราสนิทกันเลย
ดวงตาสีเเดงสวยสง่า เส้นผมสีม่วงยาวถึงช่วงบ่าเเละสายตาขี้เล่นราวกับเด็กน้อย ผิวพรรณของเธอขาวเนียนเหมือนได้รับการดูแลรักษาอย่างดี รูปลักษณ์ของเธอดูโดดเด่นมาก แต่ฉันจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยรู้จักเธอ?
เด็กผู้หญิงประหลาดคนนั้นหัวเราะออกมาก่อนจะเดินจากไปและแก้วก็เดินตามออกมาทีหลัง
“ คนโรคจิต? ”
“ ไม่ใช่เฟ้ย! ”
“ สุดยอดปรมาจารย์แห่งคนโรคจิตทั้งมวล? ”
“ นี่เธอแอบได้ยินเรื่องเมื่อกี้ด้วยงั้นเรอะ?! แล้วไอ้คำว่า‘สุดยอด’มาจากไหนฟะ!? ”
หลังจากนั้นฉันกับแก้วก็เดินหาห้องเรียนของพวกเราต่อ ก่อนที่ฉันพึ่งจะนึกเรื่องบางอย่างได้…แว่นของฉันยังไม่ได้คืนเลยนี่หน่า
“ นี่เธอน่ะ เมื่อไรจะคืนเเว่นฉันสักทีล่ะ มันก็เกือบครบเดือนนึงเเล้วนะ? ”
ทันใดนั้นแก้วก็หยุดฝีเท้าที่เดินอยู่พร้อมกับหันหน้ามองไปทางอื่น…หลบหน้าฉันเหรอ?
“ อะ…ยังคืนตอนนี้ไม่ได้…อ—เอ่อ พอดีว่ามันเปียกอยู่น่ะ ฉันบังเอิญทำมันตกน้ำ ใช่ๆ! ฉันบังเอิญทำมันตกน้ำ! ”
“ ไปทำอีท่าไหนมันถึงตกน้ำล่ะเนี่ย?! เธอใส่มันตอนอาบน้ำด้วยรึไง? ”
“ ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยนิ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าน้ำมันจะกระฉูดไปโดนเเว่นกัน… ”
กระฉูด? ทำไมถึงใช้คำแปลกจัง แต่แว่นของฉันไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าสักหน่อย ตกน้ำไปก็แค่เอามาเช็ดก็ได้แล้วรึเปล่าฟะ? ช่างเหอะ…
ครั้งล่าสุดที่ฉันเห็นเธอใส่เเว่นก็คือเมื่อสองวันก่อน เเต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นใส่อีกเลย ถ้าแค่เอาไปอ่านหนังสือมันไม่มีทางเปียกหรอก สรุปเเล้วเธอเอาไปทำอะไรกันเเน่เนี่ย?
“ เเล้วเสื้อยืดตัวโปรดของฉันล่ะ เมื่อไรจะได้คืน? ”
“ มันก็เปียกเหมือนกันนั่นเเหละ อ๊ะ!? ย—หยุดถามมากได้เเล้วน่า! นั่นมันเรื่องส่วนตัวนะ…แล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายหรอก/// ”
“ เเต่มันเป็นของของตรูเฟ้ย! กลับไปก็รีบคืนมาด้วย! ”
มีของหลายชิ้นมากที่ฉันถูกเธอยืมไปและจนถึงตอนนี้ของซะส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้คืน ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเอาของของฉันไปทำไม แต่ทุกชิ้นที่ถูกยืมไปฉันก็ไม่เคยยินยอมเลย
หลายครั้งที่เธอจะมายืมของของฉัน เธอมักจะมาขออนุญาตก่อนเสมอ แต่เธอไม่ได้มาขอฉันน่ะสิ เธอดันไปขอคุณแม่ของฉันแทนซะอย่างงั้น และคุณแม่ก็อนุญาตตลอดโดยไม่ถามความเห็นของฉันเลยว่ายินยอมรึเปล่า
( ในอนาคตก็คงจะไม่เเปลกเเล้วล่ะ ถ้าจู่ๆกางเกงในของฉันหายไปจากลิ้นชัก…ไม่สิ มันไม่มีทางหายไปหรอก เธอไม่ได้มีเหตุผลที่ต้องใช้มันสักหน่อยเนอะ? )
ท้ายที่สุดพวกเราทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องเรียนและที่หน้าห้องมีป้ายแขวนไว้ชัดเจนว่า ‘ห้อง5’ แต่กว่าจะเดินมาถึงก็ทำฉันต้องล้มลุกคลุกคลานขึ้นบรรรไดมาเลยล่ะ ห้อง5คือห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารและอยู่ริมสุดของอาคาร พูดง่ายๆคือไกลสุดถ้าวัดจากทางเดิน
ฉันอดดีใจไม่ได้ที่จะได้พักสักที และหลังจากที่แก้วเปิดประตูนั้น นักเรียนส่วนใหญ่ภายในห้องพลันแตกตื่นรีบวิ่งแห่เข้ามาหาพวกเราทันที…ไม่สิ มาหาแก้วคนเดียวต่างหาก
—ประธานครับ!? เมื่อวานไม่สบายเหรอครับถึงไม่ได้มาโรงเรียน?!
—ตอนนี้หายดียังคะท่านประธาน? ถ้ายังรู้สึกปวดหัวบอกได้เลยนะคะ ฉันจะรีบโทรเรียกโรงพยาบาลให้ทันที
—หายดีแล้วเหรอครับท่านประธาน?
ไม่ว่าจะคนไหนๆก็เอาแต่เรียกแก้วว่า…ประธาน…ประธาน…ประธาน กันทั้งนั้นเหมือนกับคนบ้าเลย
โรงเรียนเอกชนอาสการ์ คือโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าดีสุดในภูมิภาคแล้ว เป็นโรงเรียนที่มอบอิสระให้นักเรียนสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นกฏโรงเรียนหรืองานโรงเรียนจะมีเด็กนักเรียนเป็นผู้ตัดสินกันเองและการที่จะตัดสินกันให้แน่นอนก็ต้องมีตัวแทน ซึ่งตัวแทนของนักเรียนทั้งหมดก็คือ สภานักเรียน
สภานักเรียนจะถูกเด็กนักเรียนจากทั้งโรงเรียนร่วมกันโหวตมา ทั้งโรงเรียนจะมีสภานักเรียนเพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น ทำให้สภานักเรียนต้องเป็นผู้จัดการปัญหาต่างๆมากมาย แน่นอนว่าคนในสภานักเรียนเองก็จะได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่างด้วยเหมือนกัน
เมื่อประมาณ2ปีก่อน แก้วที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ในฐานะเด็กม.1 ได้ทำการจัดตั้งกลุ่มเป็นของตัวเองขึ้นมาแล้วลงสมัครสภานักเรียนโดยที่มีตัวเองเป็นผู้นำ และด้วยบุคลิกที่พิเศษของเธอก็สามารถคว้าตำแหน่งมาได้อย่างยุติธรรม น่าประหลาดที่นักเรียนทุกคนเลือกเธอที่เป็นเด็กใหม่
( ก็นะ ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ตลอด… )
และวีรกรรมหลังจากที่เธอได้ตำแหน่งมานั้น เธอก็สามารถเป็นที่ประทับใจของนักเรียนส่วนใหญ่ได้อย่างราบรื่น อีกทั้งโรงเรียนอาสการ์เองก็มีชื่อเสียงเพิ่มมากขี้นจากผลงานของเธอด้วย เหตุผลส่วนหนึ่งที่โรงเรียนอาสการ์ถูกเรียกว่าดีสุดในภูมิภาคก็เป็นผลมาจากแก้วเองนี่แหละ
ในปีถัดมากลุ่มของเธอก็ได้เป็นสภานักเรียนอีกครั้ง เเละในปีนี้ทุกคนก็คงคิดว่าเธอจะได้เป็นประธานนักเรียนอีกครั้งเเน่ จึงแทบไม่มีใครเรียกเธอด้วยชื่อเลย เอาแต่เรียกว่า ประธาน…ประธาน…เหมือนคนบ้าเลย
เเละมีเรื่องนึงที่ฉันคิดว่าเเปลกสุดๆคือ ภายในหมู่นักเรียนเริ่มมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ที่ชื่นชมเเละหลงใหลในตัวเเก้วโดยใช้ชื่อว่า ‘สมาคมG’ ในตอนเเรกฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากกับกลุ่มนี้ เเต่ฉันได้บังเอิญไปรู้มาว่ามีเด็กนักเรียนถึง75%จากทั้งโรงเรียนอยู่ภายในกลุ่มนี้…
( ไม่สิ…คงจะเรียกมันว่า‘กลุ่ม’ไม่ได้แล้วล่ะ จะดีกว่าถ้าเรียกมันว่า‘ลัทธิ’แทน )
ฉันจำได้ว่ามีอยู่ครั้งนึงที่กระเป๋านักเรียนของฉันหายไปจากโต๊ะ ต่อมาฉันก็ได้รู้ว่าคนที่ขโมยไปก็คือหนี่งในพวกสาวกของลัทธิประหลาดนี่ และจุดประสงค์ที่เอาไปก็เพราะไม่ชอบที่แก้วมาคลุกคลีกับฉันบ่อยๆเลยตัดสินใจบ้าๆอย่างการเอากระเป๋าของฉันไปจุดไฟเผาเพื่อเป็นการแก้แค้น
แน่นอนว่าคนทำผิดก็ต้องมีบทลงโทษรออยู่ ในตอนนั้นฉันเลยตัดนิ้วก้อยมือของอีกฝ่ายเป็นการลงโทษก่อนจะปล่อยตัวกลับไป และอีกฝ่ายยังโชคดีที่ฉันดันเป็นคนอ่อนโยนจึงคืนนิ้วให้ด้วย…
( ก็หวังว่าจะหาวิธีต่อกลับมาได้นะ… )