ราชาโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 1: บทนำ
ณ ใจกลางเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์
ฝูงชนมากมายกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด บางคนก็ล้มลงจนถูกคลื่นมนุษย์เหยียบตาย บางคนก็ผลักคนอื่นเพื่อให้ตัวเองเร็วกว่า และบางคนก็ไม่ขยับเขยื้อนรอความตายที่ถูกหยิบยื่นมาให้แต่โดยดี
[ ข้าไม่รู้หรอกนะนะว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าสามารถทำให้ร่างสถิตของข้าต้องใช้ไพ่ตายได้แบบนี้มันน่าแปลกใจซะจริง ]
ร่างของชายผู้เปลื่อยกายกำลังลอยตัวอยู่บนอากาศด้วยปีกสีขาวใหญ่ยักษ์ราวกับเทวฑูต ส่วนหัวของมันไม่ใช่ของมนุยษ์แต่เป็นของนกฮูกที่มีดวงตาถึงสามดวง
“ ขอบคุณที่ชม แต่ทีหลังไม่ต้องก็ได้ พอดีฟังแล้วมันคันหูแปลกๆ ”
[ ข้ามีนามว่าแอนดราส ส่วนเจ้ามีนามว่าอะไร? ชนชั้นสูงอย่างข้าไม่สามารถสู้กับคู่ต่อสู้ที่ไม่รู้จักได้หรอกนะ ]
“ ชื่อของฉันก็คือชื่อเดียวกันกับป๊ะป๋าของเอ็งนั่นแหละ ”
ตัวของแอนดราสมันบินอยู่บนฟ้าในขณะที่ควบคุมหมาป่าขนสีแดงจำนวน117ตัว ไล่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า
[ คึกกกก! เจ้าชักจะลามปามกันเกินไปแล้วนะ! บิดาของข้านั้นเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนนรก แต่เจ้ากลับทำเหมือนท่านเป็นเพื่อนเล่น วันนี้เจ้าต้องตาย! ]
“ พูดมากจังนะ ถ้าชื่นชมซะขนาดนั้นทำไมถึงไม่กลับไปดูดนมมันในนรกเลยล่ะ? ”
[ อดทนไม่ไหวแล้วโว้ยยย! ]
แอนดราสโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มันสั่งให้หมาป่าที่อาละวาดทั้งหมดมาโจมตีเด็กชายเพียงคนเดียว
“ อา…สุดท้ายก็จบอย่างี้สินะ ”
[ เป็นอะไรไป เจ้ายอมรับความตายแล้วงั้นเหรอ ]
“ ยังไม่หยุดพูดมากอีกเหรอ? ”
เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่หมาป่าทุกตัวจะเข้ามาถึงตัวเด็กชาย ฉับพลันนั้นเองแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งใต้ฝ่าเท้าของเด็กชาย
[ เวทมนตร์อะไรกัน!? ทำไมข้าสัมผัสไม่ได้ถึงมานาตอนใช้เลยล่ะ?! ]
เมื่อแสงสีทองจางลงเด็กชายได้หายไปจากตำแหน่งนั้น…ไม่สิ เด็กชายได้ล่วงลงไปในแสงสีทองต่างหาก
และในขณะที่แอนดราสกำลังกวาดตาหาร่างของเด็กชาย แสงสีทองก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของมัน
“ มีตาตั้งสามดวง แต่ไร้ประโยชน์จังนะ ”
เด็กชายได้ล่วงลงมาจากแสงสีทองพร้อมกับดาบที่ใหญ่ซะยิ่งกว่าตัวของแอนดราสเท่าตัว
ดาบนั้นถูกยื่นออกมาด้านหน้าในขณะที่กำลังล่วงหล่น ด้วยน้ำหนักที่มหาศาลบวกกับแรงโน้มถ่วงทำให้ไม่ต้องออกแรงในการฟันเลยสักนิดเดียว เพียงปล่อยให้มันล่วงลงไปในแนวที่ต้องการ
ฉึบ!
ดาบยักษ์ได้ผ่าลงกลางศีรษะของแอนดราสเข้าจังๆ คมดาบสัมผัสที่หัว ผ่านที่ตัว ลงไปถึงกลางระหว่างขา
ร่างเปลือยกายของแอนดราสได้ขาดเป็นสองท่อนพร้อมกับล่วงหล่นลงพื้น เสียงของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่กระทบสู่พื้นดังสนั่นจนฝูงชนที่วิ่งหนีไปก่อนหน้ายังต้องหันกลับมามอง
—นั่นมันบ้าอะไรน่ะ!? แต่ฉันรอดแล้วใช่ไหม..?
—ได้ยังไง? พวกหมาป่าหายไปแล้ว?
—เด็กนั่นเป็นคนทำงั้นเหรอ ไม่สิ!? ไอดาบยักษ์ที่อยู่ในมือนั้นมันอะไรกัน!!?
ยังไม่ทันที่ความวุ่นวายจะจางหาย กลุ่มชายสวมสูทดำได้เดินมาปิดล้อมรอบตัวเด็กชายเอาไว้ บนอกของพวกเขาทุกคนล้วนติดเข็มกลัดปีสีดำซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ประจำตระกูลไคม์
และผู้หญิงที่เดินนำมาก็รีบตรงปลีกเข้ามาหาเด็กชายทันที
“ ทำไมนายไม่ทำตามแผนล่ะเมฆ! ดูสิเห็นเหตุการณ์มันวุ่นวายมากเกินไปแล้วเนี่ย ฉันบอกให้นายเข้าไปเจรจาก่อนไม่ใช่หรือไง ”
“ อีกฝ่ายไม่ยอมให้เข้าพบครับ มันก็เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องบุกไปตรงๆ ”
“ ห๋า? ถ้ามันผิดแผนนายก็ควรกลับมาบอกฉันก่อนสิ พวกเราจะได้ช่วยกันคิดแผนใหม่ แต่นายดันทำตามใจตัวเองเนี่ยนะ เฮ้อ…. ”
เธอคือหญิงสาวที่มีหน้าที่คอยสนับสนุนให้เด็กชายทำภารกิจให้สำเร็จและภารกิจนี้ก็เป็นภารกิจแรกที่พวกเขาได้ทำร่วมกัน ซึ่งผลลัพธ์ก็ตรงตามที่ต้องการ แต่เธอคิดว่ามันน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ วิธีที่สันติ วิธีที่ไม่ต้องมีใครตาย และวิธีที่เด็กชายเบื้องหน้าจะไม่ต้องสูญเสียบางสิ่ง….
“ แหวะ ตอนนี้ตัวนายเหม็นคาวสุดๆเลย เอาผ้าไปเช็ดหน้าก่อน ”
“ ขอโทษที่ทำให้เรื่องยุ่งยากนะครับ… ”
เธอได้ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูมาให้เด็กชายและเด็กชายก็รับไว้แต่โดยดี
“ เอาเถอะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจะจัดการเอง นายรีบกลับไปอาบน้ำรอที่โรงแรมก่อนเลย พรุ่งนี้พวกเราจะกลับบ้านกันแล้ว ”
“ ครับ… ”
เด็กชายเอ่ยปากพึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่จะหายตัวไปพร้อมกับแสงสีทอง
“ เฮ้อ~ทำไมคุณยายถึงยังยึดติดกับธรรมเนียมบ้าๆแบบนั้นกันด้วยนะ เมฆไม่ควรต้องมาทำงานแบบนี้ด้วยซ้ำ แถมค่าแรงก็แค่หนังสือเล่มเดียวอีก… ”
ธรรมเนียมโบราณระหว่างตระกูลไคม์กับตระกูลเกรโมรี่ การแลกเปลี่ยนบุตรหลานภายในตระกูลของตัวเองกับอีกฝ่าย การทำแบบนี้คือการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล
แต่นั้นก็แค่เปลือกนอก เพราะความจริงแล้วการส่งคนของตัวเองไปก็เพื่อล้วงข้อมูลลับของอีกฝ่ายเพื่อทำให้ตระกูลของตัวเองเหนือกว่า ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงนี้แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป
“ ท่านรองฯครับ! พวกเราทำการเก็บกู้ซากของ«ร่างทรง»แอนดราสเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ! ”
“ อืม ส่งหน่วยที่3ไปควบคุมความสงบของฝูงชนซะ และส่งหน่วยที่8ไปจัดเตรียมการกลับไทย ”
“ ครับท่านรองฯ! ”
ในเช้าวันถัดมาพวกเธอได้นั่งเครื่องบินมาลงที่ไทยและกลับไปยังสถานที่ที่ถูกเรียกว่าบ้าน…
“ รออยู่พอดีเลยทราย… ”
“ ค่ะคุณยาย ”
เด็กสาวสองคนออกมาต้อนรับการกลับมาถึงของทั้งคู่ พวกเธอนั้นคู่ควรแก่การเรียกว่า ‘น่ารัก’ แววตาที่ใสซื่อของคนข้างขวาสวนทางกับแววตาที่นิ่งสงบของคนด้านซ้าย พวกเธอทั้งสองคือครอบครัวของหญิงสาว
“ ข้าก็รอเจ้าอยู่เหมือนกันนะเมฆ ”
“ ไม่ต้องมาเห็นใจฉัน…หลบไป ฉันจะกลับขึ้นห้องแล้ว ”
“ เจ้าเองก็พยายามมากนะ ให้ข้าช่วยกอดสักหน่อยไหม ”
“ ไม่ล่ะ เกรงใ— ”
เด็กชายยังพูดไม่ทันจบก็พลันถูกเด็กสาวด้านซ้ายกระชากตัวเข้าไปในอ้อมกอด แรงแขนของเธอเยอะอย่างไม่น่าเชื่อจนเด็กชายไม่สามารถดิ้นหลุดได้
“ ฮ—เฮ้ย!? ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ ปล่อยนะเฟ้ย! ”
“ คนทำงานควรได้รับผลตอบแทนสิ และข้าจะไม่ปล่อยเจ้าให้โดดเดี่ยวหรอกนะ ”
“ ข—แข็ง!? ”
“ ….เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าหน้าอกเล็กใช่ไหม…. ”
ดวงตาที่แสดงความสงบก่อนหน้านี้แปลเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว เธอออกแรงรัดหัวของเด็กชายแรงกว่าเดิม จนเด็กชายต้องร้องโอดโอยขอให้ปล่อย
“ ฟู่วววว นึกว่าจะต้องตายอีกครั้งซะแล้ว… ”