ราชาเหนือราชัน - ตอนที่ 158 : นั่นก็แค่โชคดี
นิยาย ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 158 : นั่นก็แค่โชคดี
เซี่ยงเส้าหยุนลืมตาอันเฉียบคมขึ้น ความปิติยินดีเผยขึ้นบนใบหน้า ด้วยใช้เวลากว่าหนึ่งเดือน และในที่สุดก็สามารถสัมผัสถึงแนวคิดของเจตนากระบี่ โดยเข้าใจถึงความสามัคคีระหว่างมนุษย์ และกระบี่ ต้นไผ่กว่าหนึ่งร้อยต้นถูกโค่นลงตรงหน้าเด็กหนุ่ม ร่องรอยการฟันอันไร้ที่ติเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดที่แสดงถึงความเข้าใจ
ความสามัคคีระหว่างกระบี่มนุษย์ไม่เพียงแต่ขึ้นกับความเข้ากันได้กับกระบี่เท่านั้น สิ่งสําคัญกว่าคือการเข้าใจในกระบุอย่างถูกต้อง ด้วยความเข้าใจจะทําให้สามารถใช้วิชากระบี่ได้ดีขึ้น
ควรใช้กระบี่เช่นไร? การฟันแนวตั้ง ฟันแนวนอน เฉือน หรือแทง? ผู้ใช้จะทราบว่าเมื่อใดควรใช้ท่าไหนที่จะทําให้ใช้กระปได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อคนพบวิธีใช้ที่ประสิทธิผลที่สุด มือข้างหนึ่งจะเคลื่อนที่ไปตามประสงค์ และกระบี่จะเคลื่อนไปตามร่างกาย ทําลายทุกสิ่งที่ขวางทางมัน กระบี่เป็นราวกับส่วนหนึ่งของร่างกายผู้ใช้จะใช้มัน เหมือนแขนขาของตนเอง และทําในสิ่งที่ต้องการ
เขตแดนวิญญาณมีส่วนช่วยอย่างมากในขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนได้รับความเข้าใจในช่วงเวลาอันสั้น หากไร้ซึ่งขอบเขตวิญญาณที่ฉายภาพยอดฝีมือกระบี่ที่ฟันกระบี่ภายในป่าแห่งนี้ ก่อนที่จะฉายฉากนั้นซ้ําแล้วซ้ําเล่าในหัว มันยากมากที่จะจับจุดได้ถึงแก่นแท้ของการฟัน
แน่นอนว่าใบไม้ที่บาดใบหน้านั้นเป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้เขาเข้าใจ ใบไผ่ที่ปลิวไสวในสายลม ในตอนนั้นเองลมคือใบไม้ และใบไม้คือลืม เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับสายลม จึงสามารถบาดใบหน้าของเขาได้
แนวคิดเดียวกันนี้ใช้กับเขา และกระบี่ได้ ด้วยการบรรลุเอกภาพกระบี่มนุษย์ เขาจะสามารถปลดปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าได้จากกระบี่ของตนเอง
เมื่อลั่วหยงเฉิงมาถึง และได้เห็นต้นไผ่ที่ถูกตัด เขาตกตะลึงด้วยความตกใจ
“มันช่างเหมือนกันเสียจริง! น้องเซี่ยง เจ้าเข้าใจในเจตนากระบี่แล้ว!” ลั่วหยงเฉิงร้องเสียงดัง
ในตอนแรก เขาไม่ได้หวังว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะประสบความสําเร็จ หลังจากที่ผู้คนจากสถาบันไผ่เขียวล้มเหลวหลายครั้ง จึงพบว่ามันยากที่เชื่อว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถทําในสิ่งที่ผู้อื่นล้มเหลวให้สําเร็จได้ แต่ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนได้เข้าใจเจตนากระบี่ได้สําเร็จ
“มันเป็นเพียงโชคช่วย” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเจียมตัว
“หากเป็นเพราะโชคช่วยจริง คนของสถาบันไผ่เขียวคงจะต้องฆ่าตัวตายกันหมด” ลั่วหลงเฉิงบ่นพึมพํา เขาโบกมือ และกล่าว “ฮ่า ฮ่า นี่มันเยี่ยมมาก! อย่าลืมที่เจ้าสัญญา! ข้าจะกล่าวอาจารย์ใหญ่ และผู้อื่นในเรื่องนี้!”
“อย่าได้กังวล ข้าไม่ลืมสัญญาของเราหรอก เพียงขอเวลาสามวัน ข้าต้องการทําให้มันมั่นคง หลังจากสามวัน ข้าจะแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่สถาบัน” เซี่ยงเส้าหยุนพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา ใช้เวลาได้เต็มที่เลย” ลั่วหยงเฉิงกล่าว และจากไป
หลังจากลั่วหยงเฉิงจากไป เซี่ยงเส้หยุนลูบกระบี่อย่างเบาบาง ก่อนจะเหวี่ยงกระบี่ไปรอบด้านด้วยกระบวนท่าพื้นฐาน แต่ด้วยบางเหตุผล การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ดูกลมกลืนกันอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทําให้รู้สึกว่ากระบี่ และตนเองเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่สําคัญกว่านั้น พลังที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนั้นทรงพลังกว่าครั้งก่อนมาก แม้แต่กระบวนท่าพื้นฐานก็ดูราวกับกระบวนท่าสังหาร
เซี่ยงเส้หยุนค่อยเพิ่มความเร็วในการเหวี่ยงกระบี่ จนในที่สุด เขาก็คล้ายกับพายุที่บ้าคลั่ง การฟันแต่ละครั้งมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า ความเร็วของใบมีดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทําให้ช่องโหว่เล็กน้อยของวิชากระบี่ดั้งเดิมหายไป
นี่คือประโยชน์ในการเข้าใจเจตนากระบี่ ซึ่งทําให้วิชากระบี่ของเขามีคุณภาพสูงนี้มาก ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนฝึกฝน เขาได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ในใจ
“ตอนนี้ข้าก็นับเป็นเซียนกระบี่แล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนยิ้มอย่างพอใจ
จากนั้น เขากินอาหารจํานวนมากเพื่อเติมเต็มตนเอง เนื่องจากไม่ได้กินอะไรเป็นเวลานาน สาวันผ่านไป ในที่สุดก็เข้าสู่สถานะอันเหมาะสม เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบเชียบ รอคอยให้ลั่วหยงเฉิงมาพร้อมกับศิษย์ของสถาบันเพื่อมาเรียนกระบี่กับเขา
ขณะยืนมองป่ากระบี่ เขากล่าวคเบาในใจ “เซียนกระบี่เคยอยู่ที่นี่ และจงใจทิ้ง ร่องรอยไว้เบื้องหลัง มันไม่ใช่การฟันที่เพิ่งจะได้รับความเข้าใจ บางที เขาอาจจะบรรลุถึงขั้นที่สามารถควบคุมกระบี่แล้วในตอนนั้น ช่างเป็นเซียนกระบี่ที่น่าทึ่งเสียจริง”
ขณะเดียวกัน ลั่วหยงเฉิงได้มาถึงพร้อมกลุ่มคน มีทั้งผู้เยาว์ และคนสูงวัยปะปนกัน แต่มีจํานวนไม่มากนักโดยรวมน่าจะไม่ถึงสิบคนเสียด้วยซ้ํา
สถาบันแห่งนี้มีคนมารวมตัวกันเพียงน้อยนิด เดิมที่เซี่ยงเส้าหยุนสันนิษฐานว่าตนเองควรจะมอบบทเรียนให้แก่ทุกคนในสถาบัน ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อมองดูกลุ่มคนตรงหน้า
“น้องเซี่ยง นี่คืออาจารย์ใหญ่ สองคนนี้คือรองอาจารย์ใหญ่…” ลั่วหยงเฉิงเริ่มแนะนําตัวผู้คนด้วยความกระตือรือร้น
เซียงเส้าหยุนก้าวไปเบื้องหน้า และกล่าวว่าทักทายแบบตัวต่อตัว ไม่ว่าอย่างไรเขายังคงเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นสอง ดังนั้นจึงยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเมินเฉยต่อผู้สูงวัย
“เหอะ เหอะ ช่างเป็นวีรบุรุษวัยเยาว์ที่น่าชื่นชม ข้าไม่เคยคาดหวังว่าผู้รับภารกิจล่าหัวโจรหมาป่าแดงจะเป็นวีรบุรุษวัยเยาว์เยี่ยงเจ้า และยังบรรลุการเข้าใจในเจตนากระ บที่นี่อีกดูเหมือนเราจะแก่ตัวลงมากเสียแล้ว” อาจารย์ใหญ่กล่าว
อาจารย์ใหญ่เป็นชายสูงวัยร่างกายผอม และเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นแปดทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันไผ่เขียว
“ท่างช่างดูใจดีนัก ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าต้องขอขอบคุณสถาบันแห่งนี้ที่มอบโอกาส” เซี่ยงเส้าหยนกล่าว จากนั้นเขาได้เข้าเนื้อหาหลักทันที “เช่นนั้น เราเริ่มกันเลยไหม?”
“แน่นอน!” อาจารย์ใหญ่ยอมรับ เขาหันกลับไป และกล่าวกับผู้คนด้านหลัง “ทุกคนนั่งอย่างสงบ และฟังให้ดี นี่คือวีรบุรุษวัยเยาว์ผู้ที่เข้าถึงเจตนากระบี่ในป่ากระบี่นี้ และ จะมาแบ่งปันประสบการณ์กับเราในการทําความเข้าใจต่อเจตนากระบี่”
ทุกคนต้องมองเซี่ยงเส้าหยุนด้วยสายตาซับซ้อน เด็กหนุ่มตรงหน้ามิใช้ศิษย์ของสถาบันแห่งนี้เสียด้วยซ้ํา แต่กลับเป็นผู้คว้าโอกาสที่คนของสถาบันรอคอย พวกเขาต่างอิจฉา และเสียใจในเวลาเดียวกัน
ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้าขอปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเขานั้นเข้าใจในเจตนากระบี่เว้นแต่จะพิสูจน์ต่อหน้าเรา”
ผู้ที่กล่าวเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสมส่วน เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ และ ยังเป็นผู้อาวุโสของสถาบันไผ่เขียว
“น้องแปด ดูนี่ ต้นไผ่พวกนี้ถูกตัดโดยน้องเซี่ยง เจ้ายังไม่เชื่ออีกหรือ?” ลั่วหยงเฉงกล่าวอย่างเศร้าหมอง
“เหอะ รอยตัดแค่นี้จะพิสูจน์ได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสที่แปดตะคอกอย่างเย็นชา จากนั้นเขามองไปที่ผู้อื่น และกล่าว “ทุกคนอย่าได้หวาดกลัวในการแสดงความคิดของ เราควรให้เขาได้แสดงมันออกมามิใช่หรือ? หากเขาหลอกลวงจะสร้างความอับอายแก่เรามากนัก”
ผู้อาวุโสที่แปดโหมเปลวเพลิงใส่ผู้อื่น ทําให้เกิดเสียงแสดงความคิดเห็นมากมาย และพยายามให้เซี่ยงเส้าหยุนแสดงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาพวกเขาเต็มใจจะฟังบทเรียนของเด็กหนุ่มหากสาธิตให้ดู
“อาจารย์ใหญ่…” ลั่วหยงเฉิงจ้องมองไปที่อาจารย์ใหญ่ แววตาขอความช่วยเหลือ
แต่ก่อนที่อาจารย์ใหญ่จะทันได้กล่าว เซี่ยงเส้าหยุนยิ้ม และกล่าว “แน่นอน เหตุใดเราจึงไม่แลกเปลี่ยนคําแนะนําสักสองสามคําเล่า ท่านอาวุโส ท่านจะสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจตนากระบี่ด้วยตนเอง ใครจะทราบ ท่านอาจจะเรียนรู้บางสิ่งจากมันก็ได้!”