นิยาย ราชาเหนือราชั้น ตอนที่ 139 : พี่น้องแยกทาง หลังจากออกจากหุบเขาแม่น้ําทองคําเซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้กลับไปยังตําหนักยุทธ์เขากลับท่องไปอย่างไร้จุดหมายกับเสี่ยวไปและจิ้นหวูในขณะที่ออกเดินทางจิตใจของเด็กหนุ่มได้ล่องลอยภาพเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาได้ฉายขึ้นในหัวสรวงสวรรค์ที่เคยอาศัย ชายร่างสูงและตรงที่คอยปกป้องเขาตลอดเวลาทุกคนได้ปรากฏขึ้นด้วยความปรารถนาที่โหยหามาเนิ่นนานในอดีตที่เสียสูญไป “เจ้าคือบุตรชายของพ่อดังนั้นจึงมีอิส ระต่อสิ่งที่พ่อสร้างไว้ให้มีผู้ใดกล้ากล่าวอะไรอีกไหม?” “ลูกชาย สาวใช้ที่เจ้าต้องการอยู่ที่นี่ หากลูกเก่งจริงจงมีหลานให้พ่อสักหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นพ่อจะเลี้ยงลูกของเจ้าเอง” “อะไรนะ? ลูกเอายาราชาไปให้สุนั ขกินหรือ? แน่นอนลูกจะทําอะไรก็ได้กับยานั่นหากต้องการเรามีมันมากมายอยู่แล้ว” “ลูกชายข้าต้องไปสู้กับใครบางคนรอพ่อกลับมาพร้อมชัยชนะ เมื่อพ่อกลับมาจัดงานแต่งให้ลูกในภายภาคหน้าลูกต้องตั้งใจทําหลานให้พ่อนะพ่ออยากเป็นปู่แล้ว” ดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนค่อยชุ่มชื่นขึ้นเขาเติบโตโดยไม่มีแม่พ่อจึงเป็นทั้งสองในเวลาเดียวกันและคอยเอาใจใส่ตนอยู่เสมอมันเป็นช่วงเวลาที่มีความ สุขที่สุดในชีวิตการหายตัวไปของพ่อหลังจากการต่อสู้เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้ ชายที่ทั้งแข็งแกร่ง และมั่นใจพอที่ จะต่อสู้กับคนทั้งโลกเซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจเชื่อว่าคนเช่นนี้จะพ่ายแพ้ “ท่านพ่อ ท่านบอกจะกลับมาจัดงาน แต่งให้ลูกหากท่านยังปฏิเสธที่จะกลับมาข้าจะอยู่เป็นโสดจนกว่าจะสิ้นอายุขัยสายเลือดของตระกูลเซี่ยงจักต้องจบที่เรา” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิด สับหรับเขาแล้ว การสาบานว่าจะอยู่เป็นโสดตลอดชีวิตหากชายผู้นั้นไม่กลับมาเป็นสิ่งชัดเจนว่าชายผู้นั้นสําคัญมากเพียงใด “ลูกพี่ เราจะไปที่ไหนกัน?” เสี่ยวไปถามทําให้เซี่ยงเส้าหยุนได้สติ เขาสงบสติอารมณ์ก่อนจะกล่าว “เจ้ามี สิ่งใดในใจหรือ?” “ข้าอยากจะไปเยี่ยมเยียนเทือกเขา ร้อยสัตว์อสูรเสียหน่อย”เสี่ยวไปกล่าวก่อนจะเสริม “ข้าต้องการบางสิ่งในนามบรรพบุรุษข้าอยากไปอีกสักครั้ง” “แน่นอน เจ้าไปได้ แต่ข้าจะไม่ไปกับเจ้า”เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวแม้ไม่ได้ เต็มใจจะแยกทางกับเสี่ยวไปนักแต่ก็ตัดสินใจปล่อยเสี่ยวไปไป ด้วยไม่คิดว่าเสี่ยวไปหาข้ออ้างทิ้งตนไปหลังจากแข็งแกร่งขึ้น เสี่ยวไปคงมีบางสิ่งต้องทํา “เหตุใดท่านจึงไม่ไปกับข้าล่ะลูกพี่?ข้าจะติดตามท่านต่อไปท่านจะไปที่ใดก็ได้หลังเสร็จภารกิจของข้าแล้ว” เสี่ยวไปกล่าวด้วยลังเลที่จะแยกทางกับเซี่ยงเส้าหยุน เซี่ยงเส้หยุนตบไหล่เสี่ยวไป และกล่าว“ลูกพี่ของเจ้ามีภารกิจที่ต้องไปทําให้สําเร็จเมื่อวันหนึ่งมาถึงเราคงได้พบกันอีกครั้ง” “ลูกพี่ ข้าจะตามหาท่านหลังเสร็จสิ้นภารกิจหรือท่านจะมาหาข้าเมื่อไหร่ก็ได้” เสี่ยวไปกล่าว “ฮ่า ฮ่า ตกลง ไม่จําเป็นต้องประจบเช่นนี้ตกลงนี่คือหน้าที่ของเรา” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว “ลูกพี่ เก็บนไว้ ด้วยสิ่งนี้ เราจะสามาร ถสัมผัสถึงกันและกันได้ทุกเมื่อที่เราอยู่ใกล้กันมันจะทําให้เราได้พบกันอีกครั้งในอนาคต” เสี่ยวไปกล่าวขณะนหยาดเลือดออกจากหน้าผากของตน มันทําให้จิ้นหวี่ตกใจมาก เขาตระหนักดีว่าหยาดเลือดนั้นแท้จริงแล้วคือโลหิต อันเป็นแก่นแท้ของหัวใจมันเป็นแก่นแท้ของพยัคฆ์ขาวและมีค่ามหาศาลหาที่เปรียบมิได้ เซี่ยงเส้าหยุนยอมรับ และเก็บเอาหยาดโลหิตไว้ในทะเลจักรวาลดวงดาวเขากอดเสี่ยวไปแน่น และกล่าว“ข้าไม่รู้ว่าภารกิจของเจ้าคืออะไรและคงมิอาจช่วยเจ้าได้เช่นกัน แต่หวังว่าเจ้าจะระ มัดระวังตัวในทุกสิ่งที่กระทําใครจะรู้บางทีเจ้าอาจจะเป็นผู้รวบรวมสัตว์ปี ศาจและช่วยให้ข้าได้ครอบครองโลกใบนี้ก็ได้!” “แน่นอน ข้าจะทําให้ดี ลูกพี่” เสี่ยวไปกล่าวอย่างมั่นใจ พี่น้องที่ต้องแยกทางกัน เสี่ยวไปต้องการให้จิ้นหวี่คอยปกป้องเซี่ยงเส้าหยุน แต่เซี่ยงเส้าหยุนปฏิเสธเสี่ยวไปต้องการความช่วยเหลือที่เทือกเขาร้อยสัตว์ปีศาจดังนั้นเขาจะต้องต้องการจิ้นหวี่ มากกว่า ในตอนนั้น จิ้นหวี่สับสนต่อบทสน ทนาตรงหน้า การบอกให้ติดตามเซี่ยงเส้หยุนนั้นไม่ต่างกับการที่เสี่ยวไปจะทิ้งตนไปโชคดีที่เซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมในการอนุญาตให้ตนได้อยู่กับเสี่ยวไปมามอแวว ดังนั้น เสี่ยวไปจึงจากไปยังเทือกเขาร้อยสัตว์ปีศาจพร้อมจิ้นหวี่ เขาหันกลับมามองเซียงเส้าหยุนขณะก้าวเดินแววตาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจจนกระทั่งในที่สุดเซี่ยงเส้าหยนได้โบกมือให้และ เดินจากไปโดยปราศจากความกังวล “ลูกพี่ ข้าจะกลับมาหาท่านโดยเร็ว!” เสี่ยวไปสาบานในใจ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังจิ้นหวูและบินจากไป หลังจากเสี่ยวไปจากไปเซี่ยงเส้าหยุนหันไปรอบข้างเขาเลิกตาขึ้นขณะกล่าวคําเบา“เสี่ยวไปเจ้าเป็นราชาแห่งสัตว์ร้ายลูกพี่ของเจ้าจะต้องเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์” ตอนนี้ เขาโดดเดี่ยวอีกครั้งในขณะเดียวกันเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังสําหรับอนาคตที่มีความหวังนอกเหนือจากการเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองแล้วความมุ่งมั่นในการทวงคืนสิ่งที่เคยเป็นของตนเองในรอบสิบปีได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เซี่ยงเส้าหยุนเดนทางด้วยเท้าทุกครั้งที่หยุดจะชมทิวทัศน์ และดื่มด่กับธรรมชาติในบางครั้งเขาได้ผ่านหมู่บ้าน และเข้าไปสัมผัสผู้คนที่มีขนบธรรมเนียมและภูมิหลังที่ต่างกัน จากประสบการณ์เหล่านั้นทําให้หัวใจของเขาสงบและชัดเจนขึ้น นอกจากนั้นยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาวิทยายุทธ์ระหว่างเดินทาง ซึ่งได้ รับการปรับปรุงจากการศึกษาของเขาเองวิชาขั้นสามที่เขาทราบดาบอัสนี่คลั่งและดัชนีทลายดวงดาวทั้งสองนั้นเขาได้เชี่ยวชาญอย่างเต็มที่แล้ว ด้วยพลังงานทองคําอันร้ายการที่เพิ่งเพิ่มมาเขาได้เริ่มศึกษาวิชาขั้นสาม“หมัดเกลียวทองคํา”ซึ่งได้รับจากอดีตจ้าวเมืองอู่มีสิบแปดกระบวนท่าในวิชานั่นและแต่ละกระบวนท่านั้นแข็งแกร่งกว่ากระบวนท่าก่อนทั้งแต่ละกระบวนท่าที่ปล่อยออกทั้งลําบากและยังเป็นหมัดเกลียวที่ไม่อาจทําลายได้ ตอนนี้เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระ ดับแปรสภาพจึงเป็นเรื่องง่ายในการฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับสามแต่ก่อนที่จะได้ทดสอบวิชาหมัดเกลียวทองคําในการต่อสู้จริงเขาจะต้องบรรลุความเชี่ยวชาญแปดในสิบเสียก่อนแต่เมื่อเชี่ยวชาญถึงขีดสุดเขาจะต้องเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ในการใช้ หลังจากนั้น การต่อสู้ที่แท้จริงเป็นวิธีเดียวที่ผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถใช้และฝึกฝนวิชาได้อย่างเต็มกําลังและได้รับความเข้าใจต่อแก่นของวิชานอกเหนือจากหมัดเกลียวทองคําแล้วเซี่ยงเส้าหยุนยังเริ่มฝึกฝนท่วงท่าแรกของวิชากระบี่เก้าราชันผ่าเมฆาอัสนีฟาดฟันเมื่อฟ้าใส วิชากระบี่เก้าราชันผ่าเมฆาเป็นวิชาที่น่าประทับใจวิชาซึ่งสามารถฟาดฟันได้ แม้กระทั่งทวยเทพดังนั้นการฝึกฝนท่วงท่าแรกจึงไม่ใช่เรื่อวง่าย หากกล่าวโดยทั่วไป มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกท่วงท่าแรกอัสนีฟาดฟันเมื่อ ฟ้าใส หากไม่ได้บรรลุระดับล่องนภาด้วยเพราะท่วงท่าแรกต้องใช้พลังสายฟ้าเพื่อปลดปล่อยพลังมหาศาลของวิชา
ทางอันไร้จุดหมายเซียงเส้หยุนได้มาถึงเมืองหุบเขาทมิฬโดยไม่รู้ตัวนี้คืออาณาเขตของนิกายหุบเขา ทมิฬ เมื่อทันทีที่มาถึง เซี่ยงเส้าหยุนหรี่ตาและกล่าวคําเบา “เหล่าผู้คนที่พยายามสังหารเราในหุบเขาแม่น้ําทองคําคือคนของนิกายหุบเขาทมิฬ” จากนั้นเด็กหนุ่มจึงเดินเข้าไปในเมืองหุบเขาทมิฬซึ่งเป็นสิบอันดับแรกภายใต้นครขอบนภา
นิยาย ราชาเหนือราชั้น ตอนที่ 139 : พี่น้องแยกทาง
หลังจากออกจากหุบเขาแม่น้ําทองคําเซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้กลับไปยังตําหนักยุทธ์เขากลับท่องไปอย่างไร้จุดหมายกับเสี่ยวไปและจิ้นหวูในขณะที่ออกเดินทางจิตใจของเด็กหนุ่มได้ล่องลอยภาพเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาได้ฉายขึ้นในหัวสรวงสวรรค์ที่เคยอาศัย ชายร่างสูงและตรงที่คอยปกป้องเขาตลอดเวลาทุกคนได้ปรากฏขึ้นด้วยความปรารถนาที่โหยหามาเนิ่นนานในอดีตที่เสียสูญไป
“เจ้าคือบุตรชายของพ่อดังนั้นจึงมีอิส ระต่อสิ่งที่พ่อสร้างไว้ให้มีผู้ใดกล้ากล่าวอะไรอีกไหม?”
“ลูกชาย สาวใช้ที่เจ้าต้องการอยู่ที่นี่ หากลูกเก่งจริงจงมีหลานให้พ่อสักหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นพ่อจะเลี้ยงลูกของเจ้าเอง”
“อะไรนะ? ลูกเอายาราชาไปให้สุนั ขกินหรือ? แน่นอนลูกจะทําอะไรก็ได้กับยานั่นหากต้องการเรามีมันมากมายอยู่แล้ว”
“ลูกชายข้าต้องไปสู้กับใครบางคนรอพ่อกลับมาพร้อมชัยชนะ เมื่อพ่อกลับมาจัดงานแต่งให้ลูกในภายภาคหน้าลูกต้องตั้งใจทําหลานให้พ่อนะพ่ออยากเป็นปู่แล้ว”
ดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนค่อยชุ่มชื่นขึ้นเขาเติบโตโดยไม่มีแม่พ่อจึงเป็นทั้งสองในเวลาเดียวกันและคอยเอาใจใส่ตนอยู่เสมอมันเป็นช่วงเวลาที่มีความ สุขที่สุดในชีวิตการหายตัวไปของพ่อหลังจากการต่อสู้เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้
ชายที่ทั้งแข็งแกร่ง และมั่นใจพอที่ จะต่อสู้กับคนทั้งโลกเซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจเชื่อว่าคนเช่นนี้จะพ่ายแพ้
“ท่านพ่อ ท่านบอกจะกลับมาจัดงาน แต่งให้ลูกหากท่านยังปฏิเสธที่จะกลับมาข้าจะอยู่เป็นโสดจนกว่าจะสิ้นอายุขัยสายเลือดของตระกูลเซี่ยงจักต้องจบที่เรา” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิด
สับหรับเขาแล้ว การสาบานว่าจะอยู่เป็นโสดตลอดชีวิตหากชายผู้นั้นไม่กลับมาเป็นสิ่งชัดเจนว่าชายผู้นั้นสําคัญมากเพียงใด
“ลูกพี่ เราจะไปที่ไหนกัน?” เสี่ยวไปถามทําให้เซี่ยงเส้าหยุนได้สติ
เขาสงบสติอารมณ์ก่อนจะกล่าว “เจ้ามี สิ่งใดในใจหรือ?”
“ข้าอยากจะไปเยี่ยมเยียนเทือกเขา ร้อยสัตว์อสูรเสียหน่อย”เสี่ยวไปกล่าวก่อนจะเสริม “ข้าต้องการบางสิ่งในนามบรรพบุรุษข้าอยากไปอีกสักครั้ง”
“แน่นอน เจ้าไปได้ แต่ข้าจะไม่ไปกับเจ้า”เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวแม้ไม่ได้ เต็มใจจะแยกทางกับเสี่ยวไปนักแต่ก็ตัดสินใจปล่อยเสี่ยวไปไป ด้วยไม่คิดว่าเสี่ยวไปหาข้ออ้างทิ้งตนไปหลังจากแข็งแกร่งขึ้น เสี่ยวไปคงมีบางสิ่งต้องทํา
“เหตุใดท่านจึงไม่ไปกับข้าล่ะลูกพี่?ข้าจะติดตามท่านต่อไปท่านจะไปที่ใดก็ได้หลังเสร็จภารกิจของข้าแล้ว” เสี่ยวไปกล่าวด้วยลังเลที่จะแยกทางกับเซี่ยงเส้าหยุน
เซี่ยงเส้หยุนตบไหล่เสี่ยวไป และกล่าว“ลูกพี่ของเจ้ามีภารกิจที่ต้องไปทําให้สําเร็จเมื่อวันหนึ่งมาถึงเราคงได้พบกันอีกครั้ง”
“ลูกพี่ ข้าจะตามหาท่านหลังเสร็จสิ้นภารกิจหรือท่านจะมาหาข้าเมื่อไหร่ก็ได้” เสี่ยวไปกล่าว
“ฮ่า ฮ่า ตกลง ไม่จําเป็นต้องประจบเช่นนี้ตกลงนี่คือหน้าที่ของเรา” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว
“ลูกพี่ เก็บนไว้ ด้วยสิ่งนี้ เราจะสามาร ถสัมผัสถึงกันและกันได้ทุกเมื่อที่เราอยู่ใกล้กันมันจะทําให้เราได้พบกันอีกครั้งในอนาคต” เสี่ยวไปกล่าวขณะนหยาดเลือดออกจากหน้าผากของตน
มันทําให้จิ้นหวี่ตกใจมาก เขาตระหนักดีว่าหยาดเลือดนั้นแท้จริงแล้วคือโลหิต อันเป็นแก่นแท้ของหัวใจมันเป็นแก่นแท้ของพยัคฆ์ขาวและมีค่ามหาศาลหาที่เปรียบมิได้
เซี่ยงเส้าหยุนยอมรับ และเก็บเอาหยาดโลหิตไว้ในทะเลจักรวาลดวงดาวเขากอดเสี่ยวไปแน่น และกล่าว“ข้าไม่รู้ว่าภารกิจของเจ้าคืออะไรและคงมิอาจช่วยเจ้าได้เช่นกัน แต่หวังว่าเจ้าจะระ มัดระวังตัวในทุกสิ่งที่กระทําใครจะรู้บางทีเจ้าอาจจะเป็นผู้รวบรวมสัตว์ปี ศาจและช่วยให้ข้าได้ครอบครองโลกใบนี้ก็ได้!”
“แน่นอน ข้าจะทําให้ดี ลูกพี่” เสี่ยวไปกล่าวอย่างมั่นใจ
พี่น้องที่ต้องแยกทางกัน เสี่ยวไปต้องการให้จิ้นหวี่คอยปกป้องเซี่ยงเส้าหยุน แต่เซี่ยงเส้าหยุนปฏิเสธเสี่ยวไปต้องการความช่วยเหลือที่เทือกเขาร้อยสัตว์ปีศาจดังนั้นเขาจะต้องต้องการจิ้นหวี่ มากกว่า
ในตอนนั้น จิ้นหวี่สับสนต่อบทสน ทนาตรงหน้า การบอกให้ติดตามเซี่ยงเส้หยุนนั้นไม่ต่างกับการที่เสี่ยวไปจะทิ้งตนไปโชคดีที่เซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมในการอนุญาตให้ตนได้อยู่กับเสี่ยวไปมามอแวว
ดังนั้น เสี่ยวไปจึงจากไปยังเทือกเขาร้อยสัตว์ปีศาจพร้อมจิ้นหวี่ เขาหันกลับมามองเซียงเส้าหยุนขณะก้าวเดินแววตาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจจนกระทั่งในที่สุดเซี่ยงเส้าหยนได้โบกมือให้และ เดินจากไปโดยปราศจากความกังวล
“ลูกพี่ ข้าจะกลับมาหาท่านโดยเร็ว!” เสี่ยวไปสาบานในใจ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังจิ้นหวูและบินจากไป
หลังจากเสี่ยวไปจากไปเซี่ยงเส้าหยุนหันไปรอบข้างเขาเลิกตาขึ้นขณะกล่าวคําเบา“เสี่ยวไปเจ้าเป็นราชาแห่งสัตว์ร้ายลูกพี่ของเจ้าจะต้องเป็นราชันแห่งมวลมนุษย์”
ตอนนี้ เขาโดดเดี่ยวอีกครั้งในขณะเดียวกันเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังสําหรับอนาคตที่มีความหวังนอกเหนือจากการเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองแล้วความมุ่งมั่นในการทวงคืนสิ่งที่เคยเป็นของตนเองในรอบสิบปีได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เซี่ยงเส้าหยุนเดนทางด้วยเท้าทุกครั้งที่หยุดจะชมทิวทัศน์ และดื่มด่กับธรรมชาติในบางครั้งเขาได้ผ่านหมู่บ้าน และเข้าไปสัมผัสผู้คนที่มีขนบธรรมเนียมและภูมิหลังที่ต่างกัน จากประสบการณ์เหล่านั้นทําให้หัวใจของเขาสงบและชัดเจนขึ้น
นอกจากนั้นยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาวิทยายุทธ์ระหว่างเดินทาง ซึ่งได้ รับการปรับปรุงจากการศึกษาของเขาเองวิชาขั้นสามที่เขาทราบดาบอัสนี่คลั่งและดัชนีทลายดวงดาวทั้งสองนั้นเขาได้เชี่ยวชาญอย่างเต็มที่แล้ว
ด้วยพลังงานทองคําอันร้ายการที่เพิ่งเพิ่มมาเขาได้เริ่มศึกษาวิชาขั้นสาม“หมัดเกลียวทองคํา”ซึ่งได้รับจากอดีตจ้าวเมืองอู่มีสิบแปดกระบวนท่าในวิชานั่นและแต่ละกระบวนท่านั้นแข็งแกร่งกว่ากระบวนท่าก่อนทั้งแต่ละกระบวนท่าที่ปล่อยออกทั้งลําบากและยังเป็นหมัดเกลียวที่ไม่อาจทําลายได้
ตอนนี้เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระ ดับแปรสภาพจึงเป็นเรื่องง่ายในการฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับสามแต่ก่อนที่จะได้ทดสอบวิชาหมัดเกลียวทองคําในการต่อสู้จริงเขาจะต้องบรรลุความเชี่ยวชาญแปดในสิบเสียก่อนแต่เมื่อเชี่ยวชาญถึงขีดสุดเขาจะต้องเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ในการใช้
หลังจากนั้น การต่อสู้ที่แท้จริงเป็นวิธีเดียวที่ผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถใช้และฝึกฝนวิชาได้อย่างเต็มกําลังและได้รับความเข้าใจต่อแก่นของวิชานอกเหนือจากหมัดเกลียวทองคําแล้วเซี่ยงเส้าหยุนยังเริ่มฝึกฝนท่วงท่าแรกของวิชากระบี่เก้าราชันผ่าเมฆาอัสนีฟาดฟันเมื่อฟ้าใส
วิชากระบี่เก้าราชันผ่าเมฆาเป็นวิชาที่น่าประทับใจวิชาซึ่งสามารถฟาดฟันได้ แม้กระทั่งทวยเทพดังนั้นการฝึกฝนท่วงท่าแรกจึงไม่ใช่เรื่อวง่าย
หากกล่าวโดยทั่วไป มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกท่วงท่าแรกอัสนีฟาดฟันเมื่อ
ฟ้าใส หากไม่ได้บรรลุระดับล่องนภาด้วยเพราะท่วงท่าแรกต้องใช้พลังสายฟ้าเพื่อปลดปล่อยพลังมหาศาลของวิชา
ทางอันไร้จุดหมายเซียงเส้หยุนได้มาถึงเมืองหุบเขาทมิฬโดยไม่รู้ตัวนี้คืออาณาเขตของนิกายหุบเขา ทมิฬ
เมื่อทันทีที่มาถึง เซี่ยงเส้าหยุนหรี่ตาและกล่าวคําเบา “เหล่าผู้คนที่พยายามสังหารเราในหุบเขาแม่น้ําทองคําคือคนของนิกายหุบเขาทมิฬ”
จากนั้นเด็กหนุ่มจึงเดินเข้าไปในเมืองหุบเขาทมิฬซึ่งเป็นสิบอันดับแรกภายใต้นครขอบนภา
MANGA DISCUSSION