นิยาย ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 138 : สํานักจือหลิง
เก้าหัวเมืองเทพประกอบด้วยเก้าแคว้นและเก้าแคว้นประกอบด้วย เส้นทางตะวันออกทะเลทรายตะวันตกแดนใต้รกร้างศูนย์กลาง เกาะศักดิ์สิทธิ์ตะวันออกถ้ํามารตะวันตกปีศาจศักดิ์สิทธิ์แดนใต้ ทะเลมายาแดนเหนือ
แต่ละแคว้นนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และประกอบด้วยหัวเมืองและเมืองอีกมากมายแต่ละเมืองมีผู้คนนับล้านหลากเชื้อชาติอาศัยอยู่ และยังมีองค์กรมากมายกระจายทั่วพื้นที่อยู่อาศัยและแบ่งออกเป็นเก้าชั้น
ชั้นหนึ่งเป็นองค์กรที่อ่อนแอ และอยู่ ต่ําที่สุดการดํารงอยู่ไม่เป็นที่ยอมรับนักชั้นสองและสามเป็นองค์กรที่ดีกว่าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นองค์กรที่อยู่ในเมืองเล็ก ๆ และยังมีตระกูลอีกมากมายชั้นสี่จะเป็นองค์กรที่เริ่มเป็นที่ยอมรับ
ขณะองค์กรชั้นห้าและชั้นหก พวกเขาล้วนต่างเป็นผู้แข็งแกร่ง เนื่องจากองค์กรเหล่านี้มีอํานาจมากขึ้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่อิทธิพลของพวกเขาจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งดินแดนอย่างกว้างขวาง สําห รับองค์กรชั้นเจ็ด พวกเขาล้วนมีชื่อเสียงและโด่งดังองค์กรซึ่งเป็นชนชั้นสูง ของแต่ละแคว้นสําหรับองค์กรชั้นแปดและชั้นเก้า พวกเขาล้วนเป็นตํานานเมื่อนั่งบนบัลลังก์พวกเขาเพิกเฉยต่อเก้าหัวเมืองเทพและเป็นที่หวาดกลัวนัก
ตําหนักยุทธ์และสถาบันประตูธงล้วนเป็นองค์กรพื้นฐานชั้นหนึ่ง เป็นองค์กรที่มีอยู่แต่ไม่ได้รับการยอมขณะองค์กรภายในนครขอบนภาพวกเขาล้วนเป็นองค์กรชั้นสองขณะที่พลับพลาขอบนภาซึ่งทําหน้าที่เป็นสถาบันฝึกยุทธ์หลักของเมืองถือเป็นองค์กรระดับสูงสุดชั้นสามที่มีโอกาศเป็นชั้นสี่
พลับพลาขอบนภามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจัก รพรรดิอยู่แต่ก็ยังเป็นเพียงองค์กรชั้นสามเราคงไม่อาจจินตนาการได้ว่าชั้นที่สูงกว่าจะเป็นเช่นไร
ในพื้นที่ภูเขาของทะเลทรายตะวันตก
ภูเขาสูงตระหง่านมากมาย และสิ่งก่อ สร้างจํานวนมากตั้งตระหง่านท่ามกลางหุบเขา ยอดเขาเต็มไปด้วยหมอกและจากที่ไกลออกไปสถานที่แห่งนี้ช่างดูราวกับภาพวาดอันวิจิตรที่ถูกสรรสร้างโดยสรวงสวรรค์
ผู้ฝึกยุทธ์จํานวนมากสามารถบินอยู่บนอากาศได้เสียงคํารามแห่งแผ่นดินและสัตว์ร้ายที่บินอย่างไม่หยุดหย่อนป่าไม้อันเขียวชอุ่ม และแกว่งไกวไปมาในอากาศทั้งยังมีกลิ่นหอมจางอบอวลไปทั่ว ด้วยเทือกเขายังเต็มไปด้วยแสงสีม่วงหมุนวนดูเป็นมงคลอย่างไม่น่าเชื่อ
ประตูขนาดใหญ่กว่าหนึ่งร้อยเมตรตั้งตระหง่านที่ทางเข้าของเทือกเขาบนประตูถูกสลักคําที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนไว้ “สํานักจื่อหลิง”
ในฐานะองค์กรชั้นเจ็ด ไม่ต้องสงสัยเลยว่านิกายจื่อหลิงนั้นมีอํานาจยิ่งใหญ่เพียงใดด้วยยังมีโอกาสขึ้นไปเป็นองค์กรชั้นแปดเสียด้วยซ้ํา
แต่โชคไม่ดี เหล่ายอดฝีมืออันดับหนึ่ง ของนิกายแห่งนี้และยังเป็นผู้ก่อตั้ง “เซี่ ยงหยางจาน” ได้หายตัวไปหลังจากต่อสู้กับยอดฝีมือระดับสูงของแคว้นฆาต พิพากษาฉางกวนอู่เฉิงการต่อสู้เกิด ขึ้นในเขตหวงห้ามของเส้นทางอู่โม่ไม่มีผู้ใดทราบถึงผลการต่อสู้ และทั้งสองได้หายตัวไปในเวลาต่อมา
บ้างก็กล่าวว่าทั้งสองได้สิ้นชีพลงใน การประลองบ้างก็กล่าวว่าพวกเขาทั้งสองติดอยู่ในเส้นทางอู่โม่ บ้างก็ว่าฉางกวนอู่เฉิงได้สังหารเซียงหยางจ้าน
สํานักจือหลิงมีความหวังว่าจะได้เป็นองค์กรชั้นแปดภายในหนึ่งพันปี แต่ จากการหายตัวไปของเซียงหยางจานได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้แก่น กาย นอกเหนือจากนั้นความผิดปกติ ภายในยังปะทุขึ้นเช่นกัน มีผู้ทรยศได้ใช้โอกาศนี้สังหารบุตรชายคนเดียวของเซี่ ยงหยางจ้านและเข้ายึดครองนิกายแห่ง
ด้วยเหตุนี้เพราะทรัพยากรจํานวนมากของสํานักจื่อหลิงจึงหมดลง ทําให้นิกายซึ่งแต่เดิมสามารถขึ้นเป็นองค์กรชั้นแปดแทบจะไม่สามารถดํารงอยู่ในองค์กรชั้นเจ็ดได้ภายในสํานักจื่อหลิงมีภูเขาที่ถูกเรียกว่ายอดเขาเส้าหยุนและบนภูเขานั่นเป็นพื้นที่อันหรูหราอย่างไม่น่าเชื่อ
สิ่งก่อสร้างซึ่งใช้พื้นที่กว่าครึ่งของ ภูเขาหนึ่งลูกภายในกว้างขวาง สามารถมองเห็นศาลาที่สวยงามหลายแห่ง และแต่ละหลังสร้างจากไม้อายุกว่าพันปีศาลาเหล่านี้ได้รับการออกแบบอย่าง ประณีต มังกร และนกฟินิกซ์ที่แกะสลักบนคานและเสาทําให้ศาลาดูสูงส่ง
ทั้งยังมีลานกว้างที่เต็มไปด้วยสวนหินน้ําพุแผงลอยแท่นหยก และสิ่งอื่นอีก มากมาย ทุกส่วนของที่นี่เต็มไปด้วยภาพวาดอันวิจิตร เมื่อเดินเข้าไปแต่ละก้าวจะพบกับทิวทัศน์ใหม่ที่เปิดขึ้นตรง หน้า กางมองดูที่แห่งนี้ด้วยมุมที่ต่างกันช่างให้ความรู้สึกที่แตกต่างเช่นกันโดยรวมแล้วเหมือนจะถูกออกแบบเพื่อสร้างความสุขให้แก่ผู้มาเยือน
มันช่างเป็นศาลาที่งดงาม และไร้ผู้คน ดูเยือกเย็น และอ้างว้าง ในบางครั้งมีสายลมพัดผ่าน ทําให้มีเศษใบไม้เกลื่อน อยู่บนดิน
วันนี้ มีชายหนุ่ม และหญิงสาวได้มาถึง ยอดเขาเส้าหยุนที่รกร้างมาอย่างยาวนานทั้งสองดูเปล่งประกายความสง่างามอันไร้ที่ติดราวกับเป็นผู้อมตะที่ สืบเชื้อสายมาจากโลกแห่งความตาย ทั้งสองจับมือกันและก้าวเข้าไปด้านใน
ชายหนุ่มซึ่งดูมีอายุราวสิบแปดปี ใบ หน้าผุดผ่องราวกับหยกขาวบริสุทธิ์ดวงตาละม้ายคล้ายกับดวงจันทร์คู่ที่ส่อง สว่างร่างกายสูงตรงและอิริยาบทอันน่าประทับใจทําให้ผู้พบเห็นไม่อาจลืมเลือนได้หลังจากมองชายหนุ่มเพียงครั้งเดียว
ส่วนหญิงสาวนั้นมีใบหน้าสวยงาม ราวกับดอกไม้แรกแย้ม ดวงตาของนางสดใสราวกับบ่อน้ําที่ใสที่สุด ผิวกายที่ ขาวราวกับหิมะ ในขณะที่อิริยาบถของนางช่างดูสง่างาม และอ่อนช้อย เผยให้ เห็นโครงร่างที่ชัดเจน รูปร่างอันไร้ที่ตินางสวมอาภรณ์ผ้าไหมอันงดงามปลิว ไสวตามสายลม ในแต่ละย่างก้าวช่างดูสง่างามและสมบูรณ์แบบซึ่งสามารถสะกดทุกสายตาได้
หากมีผู้พบเห็นคงจะอุทานว่า ทั้งสอง ช่างเป็นคู่ที่น่าดึงดูด และไร้ที่ติ
“ยอดเขาเส้หยุนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นส ถานที่คึกคัก และความตื่นตาตื่นใจบัดนี้กลายเป็นสถานที่รกร้าง และเงียบสงบ เสียแล้ว ช่างน่าเสียดายนัก” ชายหนุ่มกล่าวขณะจ้องไปที่แผ่นจารึกซึ่งสลักคํา ว่า “ยอดเขาเส้าหยุน”
หญิงสาวมองดูแผ่นจารึก ความเศร้าโศกปกคลุมไปทั่วทั้งดวงตา เพียงเสี่ยววินาทีก่อนที่จะหายไปรอมฝีปากอันมี เสน่ห์ได้ส่งเสียงออก “ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นบันฑิตเจ้าสําราญอันดับหนึ่ง แต่ช่าง โชคร้าย นี่คือโลกแห่งการฝึกฝนวรยุทธ์บันฑิตผู้อ่อนแอเป็นได้เพียงขยะเท่านั้น”
“เหอะ เหอะ เจ้าคิดว่าเขาเป็นชายเจ้าสําราญจริงหรือ?” ชายหนุ่มถาม
“ที่แห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยสาวใช้ที่น่าหลงใหลหลายร้อยคน ทั้งหมดเพื่อรับใช้เขาเพียงคนเดียวการใช้ชีวิตเช่นนี้จะไม่ให้เรียกหนุ่มเจ้าสําราญได้เช่นไรเล่า” หญิงสาวกล่าวด้วยแววตา ซับซ้อน
“ฮ่า ฮ่า ผู้คนต่างทราบเพียงว่าเขาเป็นขยะ และบัณฑิตหนุ่มเจ้าสําราญ แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉ ริยะที่น่าภาคภูมิใจ?” ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ
จากนั้น เขากระแทกฝ่ามือไปยังแผ่นจารึกส่งพลังทําลายล้างออก
ตู้ม!
ทันใดนั้น แผ่นป้ายจารึกได้กลายเป็นผงฝุ่น แม้จะยังเยาว์วัยแต่เขาก็เป็นถึงช่วงกลางของผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาที่เหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาทั่วไป
ทันที่ที่แผ่นป้ายจารึกถูกทําลายหญิงสาวรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะความเสียใจพลุ่งพล่านจนเกือบระงับไม่อยู่
เขากระโดดไปตามสายลม… แววตาหญิงสาวแปรเปลี่ยนจากความเศร้าโศกกลายเป็นแววตาอันชั่วร้าย
“นับแต่นี้ไป ยอดเขาเส้าหยุนจะไม่มีอีก” ชายกนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา
“ใช่ จะไม่มียอดเขาเส้หยุนอีก แต่จะเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขาเล่า? นี่เจ้าถอนรากถอนโคนแล้วหรือ?” หญิงสาวถาม
“หม หากผู้ภักดีของเขาไม่ปกป้องไว้ด้วยชีวิต เขาคงถูกสังหารไปนานแล้ว ตอนนี้คงยังหลบหนีไปที่ดินแดนศัตรูข้ามีคนที่คอยสอดส่องอยู่ และเชื่อว่าจะจับ เขาได้ในเร็ววัน”ชายหนุ่มกล่าวอย่างไร้ เหตุผล เขาหยุดก่อนจะเสริม “แม่ว่าจะตายไปแล้วแต่ข้าจะไม่มีวันพักจนกว่า จะได้เห็นร่างอันไร้วิญญาณของเขาด้วยตาตนเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
“แน่นอน เราไม่อาจปล่อยเขาให้รอด ไปได้”หญิงสาวกล่าวและกล่าวเสริม “ไปเถอะข้าไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก”
MANGA DISCUSSION