ราชาซากศพ - บทที่ 611 ล่มสลาย
บทที่ 611
ล่มสลาย
“บิดา…เฟิงอู๋เสวี่ยมองไปที่คนสามคนที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาอยู่ท่ามกลางว่างเปล่า และอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาอย่างอ่อนแรง
“หุบปาก! อย่าเรียกข้าว่าบิดา ข้าไม่มีลูกอย่างเจ้า เฟิงเฉียนจงโมโห เมื่อได้ยินเสียงบุตรชาย ใบหน้าของเขาก็มืดมน ความโกรธของเขาปะทุขึ้นอีกครั้งและเขาเริ่มดุด่า
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเฉียนจง เฟิงอู๋เสวี่ยก็ตกตะลึง ไคหูและ เจียงชาน ต่างก็รู้สึกว่า เฟิงเฉียนจงนั้นเลอะเลือนไปแล้ว ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่พูดว่า ไม่มีลูกอย่างเฟิงอู๋เสวี่ย หลังจากนั้นพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
“บิดา…ท่านอย่าโกรธไปเลย ข้าแค่อยากเตือนว่า…เราควรออกจากที่นี่ในตอนนี้ ตามที่ท่านบอก น่าจะมีกองกำลังมากมายบุกมาหาเราที่นี่ หากพวกเขาพบเรา… เราจะตายกันหมด “เฟิงอู๋เสวี่ยกลัวจนถอยหลังสองก้าว จากนั้นกล่าวขึ้น
“นายน้อยพูดถูก! เราต้องรีบออกไปก่อนดีกว่า เมื่อเราออกจากเมืองเซินเฟิง เราจะปลอดภัย คนเหล่านั้นต้องยุ่งอยู่กับการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าเมืองและไม่มีเวลาสนใจเรา
พวกเขาไม่ควรส่งคนมาตามล่าพวกเรา” เจียงซานพยักหน้าอย่างเร่งรีบและกล่าวด้วยความเห็นชอบ
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ เราจะไม่ปะทะกับคนเหล่านั้น” เฟิงเฉียนจงก็พยักหน้าอย่างเร่งรีบ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงพร้อมที่จะลุกขึ้นและเดินจากไป ในเวลานี้ก็มีเสียงหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านเจ้าเมือง จะรีบไปไหนล่ะ”
“ไม่!นายท่านจาง ข้าไม่ได้คาดหวังว่าการกระทำของท่านจะรวดเร็วขนาดนี้ เราเพิ่งจะสูญเสียอะไรไปมากมาย ดูเหมือนว่าท่านจางได้นำคนไปซุ่มโจมตีนอกเมือง เพื่อรอเวลานี้ ”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ใบหน้าของ เฟิงเฉียนจงก็เปลี่ยนไปในทันใด เขามองไปที่ทิศทางของเสียงและพูดอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าเมือง! ดูสิ่งที่ท่านพูดสิ ข้าแค่เกรงว่าท่านจะแอบหนีไป? หากไร้ “เจ้าเมือง” เราจะอยู่รอดได้อย่างไร? ” เสียงที่หยิ่งผยองอย่างยิ่งดังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นมีเสียงของการฉีกกระชากอากาศดังขึ้น และจำนวนคนนับไม่ถ้วนก็มาจากทุกทิศทุกทาง ไม่ว่าจะลอยอยู่ในอากาศหรือยืนอยู่บนกำแพงของจวนเจ้าเมือง ผู้คนตรงเข้าล้อมรอบเฟิงเฉียนจงและคนอีกทั้งสามคน
” จางไท่, จื่อเจีย, หงเจีย หลิงเฟิงลั่ว เสวี่ยฉากัง และคนอื่น ๆ ข้าไม่ได้คาดหวังว่า กองกำลังระดับสูงทั้งหมดในเมือง เซินเฟิงจะบุกเข้ามาที่นี่
ในตอนที่เรากำลังลำบากแต่เจ้ากลับไม่เข้าร่วมการต่อสู้ แต่เมื่อทุกอย่างสิ้นสุด กลับรีบวิ่งมาที่นี่ ช่างเป็นการประจบสอพลอจริงอย่างตรงไปตรงมา!” ดวงตาของเฟิงเฉียนจงกวาดไปทั่วใบหน้าของบุคคลนั้นทีละคน แล้วหัวเราะกลับ
“ท่านพูดได้อย่างไร ในเมื่อตนเองเป็นเจ้าเมืองมาหลายปีแล้ว และการฝึกฝนของท่านก็สูงกว่าทุกคนในเมืองเซินเฟิงทั้งหมด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครแซงหน้าท่าน ใครจะไปรู้ว่า เราอาจจะต้องแบกรับค่าใช้จ่าย หากเราไม่คิดหน้าคิดหลัง
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ พวกเราได้คุยกันแล้วว่า เราควรกำจัดท่านก่อน แล้วค่อยคุยกันว่าใครจะเป็นเจ้าเมืองคนต่อไป” จางไท่ไม่ได้มีใบหน้าเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อเขาถูกเฟิงเฉียนจงเยาะเย้ย
เมื่อรู้สึกถึงเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของจางไท่ใบหน้าของเฟิงเฉียนจงและใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็ดูน่าเกลียดมาก จากนั้นเฟิงเฉียนจงกล่าวว่า “หากข้าเต็มใจที่จะสละตำแหน่งผู้นำเมือง
และสัญญาว่าจะออกจากเมืองเซินเฟิงทันที และสาบานว่าจะไม่กลับมา เจ้าจะปล่อยเราไปได้หรือไม่”
“เฟิงเฉียนจง! ข้าขอโทษจริง ๆ หากเจ้าสามารถฟื้นฟูการฝึกฝนขึ้นมาได้ ข้าเกรงว่า เจ้าจะกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน ในตอนนั้น คงไม่มีใครรอดไปได้ เพื่อความปลอดภัย เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า ส่งพวกเจ้าพ่อลูกและสุนัขสองตัวของเจ้ากลับไปยังบ้านเก่าน่าจะดีกว่า” จางไท่ส่ายหัวและพูดเยาะเย้ย
“เจ้า… เจ้าไม่ยอมปล่อยเราไปจริงๆ สินะ แม้ว่าข้าจะตาย ข้าจะพาพวกเจ้าไปฝังลงไปพร้อมกับข้า” เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของจางไท่นั้นแข็งกร้าวและไม่มีที่ว่างให้ต่อรอง เฟิงเฉียนจงก็ข่มขู่ในทันที โดยหวังว่าจะทำให้จางไท่และคนอื่น ๆ หวาดกลัว
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเฉียนจง จางไท่มองไปที่ใบหน้าของเฟิงเฉียนจง ดวงตาของเขาฉายประกายความบ้าคลั่ง สีหน้าของจางไท่เริ่มลังเล ดวงตาของเขาสั่นไหวและเริ่มขบคิด
“พี่จาง! และพวกเจ้าทุกคน อย่าหลงกลเขา เพียงเพราะเขาพิการ ตราบใดที่เราทำงานร่วมกัน พวกเขาทั้งสี่ไม่สามารถทำได้อย่าที่คิด ตราบใดที่เราไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ใกล้ชิดกัน แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่จะระเบิดตัวเอง เราก็จะปลอดภัย?”
ชายชราตัวโต หัวโล้นอยู่ตรงกลาง และบางคนที่อยู่รอบตัวเขา ก้าวไปข้างหน้า มองไปรอบ ๆ และพูดออกมาดัง ๆ
“พี่จื่อพูดถูก ด้วยความแข็งแกร่งของคนจำนวนมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าพวกเขา อย่าลืมว่าวันนี้ เฟิงเฉียนจงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่มีศิลปวัตถุ บาดแผลสาหัสก็ยังไม่หายดี ไม่มีอะไรต้องกลัว ” ชายวัยกลางคน ผู้แข็งแกร่งในชุดเกราะสีแดงสะท้อนกล่าวเบา ๆ
“เจ้าพูดถูก! ทุกคน ฟังคำสั่งของข้า และสังหารคนทั้งสี่ในครั้งเดียว” จางไท่ก็ร้องออกมาอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายสิ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงมุ่งมั่นจะสังหารเขา เฟิงเฉียนจงโกรธหนัก หน้ากลายเป็นซีดเผือด หัวใจตื่นตระหนกผิดปกติ
“ไม่เอา! ข้าไม่อยากตาย! บิดา ทำอะไรสักอย่าง ข้าไม่อยากตาย!” เฟิงอู๋เสวี่ยสั่นสะท้านไปทั้งตัว และเอามือคว้าแขนของเฟิงเฉียนจง ร้องไห้ตะโกน
“ขยะ!” เมื่อเห็นท่าทางของเฟิงอู๋เสวี่ย เฟิงเฉียนจงพลันดุด่าอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นจางไท่ที่เริ่มโจมตีแล้ว ไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาพูดกับ ไคหูและ เจียงชาน: “ไคหู เจียงชาน!
ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างโอกาสให้เจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะฉวยโอกาสพาบุตรชายของข้าหนีไปให้ไกล และปล่อยให้เขาแต่งงาน และมีลูกสืบสายเลือดของตระกูลเฟิงต่อไป และอย่าคิดที่จะแก้แค้น”
“ท่าน เจ้า..เมือง…!” เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเฉียนจง ใบหน้าของเจียงชานและ ไคหูก็เปลี่ยนไป พวกเขาเริ่มร้องอย่างกังวลใจ แต่ก่อนที่พวกเขาจะพูดจบ พวกเขาเห็น เฟิงเฉียนจงโค้งคำนับพวกเขา และพูดว่า “ได้โปรด”
“อย่ากังวล เจ้าเมือง! ไคหูและข้าจะต่อสู้จนตายเพื่อช่วยเหลือนายน้อย” เจียงชายกัดฟัน ดวงตาสีแดงก่ำ พยักหน้าอย่างหนัก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ
“ขอบคุณมาก” เมื่อได้ยินคำพูดของ เจียงชาน เฟิงเฉียนจงก็พยักหน้าและกล่าวด้วยความขอบคุณ
จากนั้นเฟิงเฉียนจงหันไปมองเฟิงอู๋เสวี่ย และพูดด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน: “ไม่มีข้าแล้ว! หลังจากที่พ่อจากไป เจ้าต้องเชื่อฟัง ลุงทั้งสองของเจ้า”
ด้วยเหตุนี้ ร่างกายของ เฟิงเฉียนจงจึงพุ่งออกมา และตรงไปยังทิศทางที่การป้องกันนั้นอ่อนแอที่สุด ลมปราณในร่างกายของเขารุนแรงขึ้นทันใด ร่างกายของเขาเริ่มขยายตัว และเส้นเอ็นก็ระเบิดขึ้น ผิวของเขาแตกและใบหน้าของเขาก็ดุร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาสีแดงเลือดของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งไม่รู้จบ
“ไม่ เขากำลังจะระเบิดตัวเอง ทุกคนถอยออกไป” ชายชราหัวล้านเห็นเฟิงเฉียนจง เขาตกใจและร้องออกมา
“ข้าพูดแล้ว! ต่อให้ตาย ข้าก็ต้องดึงพวกเจ้าไปด้วย” เสียงของเฟิงเฉียนจงลดลง และลูกบอลแสงขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้น แต่หลังจากการหดตัวเล็กน้อย ลูกบอลแห่งแสงก็ระเบิดออกในทันใด
“มาเถอะ มาร่วมมือกันป้องกัน เราต้องปิดกั้นมัน”
ด้วยการระเบิดของพลังนี้ ปรากฏคลื่นกระแทกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และเสียงร้องก็หายไปทันที ไฟลุกลามไปทั่วท้องฟ้า ซึ่งไม่เพียงแต่บดบังสายตาของผู้คน แต่ยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพวกเขาด้วย
ค่ายกลที่ล้อมรอบแต่เดิมนั้นเต็มไปด้วยช่องว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่เฟิงเฉียนจงสร้างขึ้น
“ไป เจียงซานและไคหู ตะโกนและคว้าโอกาสนี้ไว้ และเฟิงอู๋เสวี่ยที่หมดสติไปเพราะถูกผลกระทบนี้ ได้พุ่งออกไปในทิศทางของการหลบหนีที่เกิดจากเฟิงเฉียนจงสร้างขึ้น
“บัดซบ! อย่าปล่อยให้เขาหนีไป” ชายชราหัวล้านที่อยู่ในความโกลาหลไปทั่วตะโกนอย่างโกรธจัด
เมื่อเทียบกับชายชราหัวล้าน จางไท่ และคนอื่น ๆ นั้นดีกว่า เพราะ เฟิงเฉียนจงเลือกตำแหน่งที่จะระเบิดตัวเอง ซึ่งอยู่ใกล้กับชายชราหัวล้านมากที่สุด แม้ว่าชายชราหัวล้านจะสภาพยับเยินเล็กน้อย
แต่คนที่เขาพามาหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและหลายคนเสียชีวิต แต่โชคดีที่ผู้บาดเจ็บไม่มากนัก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ ทุกคนรู้ว่า เฟิงเฉียนจงกำลังจะระเบิดตนเอง
“มันก็แค่เด็กคนนึง! ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่ เฟิงเฉียนจงตาย เป้าหมายของเราก็สำเร็จ จากนั้นขั้นตอนต่อไปคือการดำรงอยู่ในตำแหน่งเจ้าเมือง” จางไท่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นจางไท่ก็โบกมือไปไกล ๆ และทุกคนก็พบว่ามีร่างบินอยู่เกือบยี่สิบคน ครู่ต่อมา พวกเขาทั้งหมดก็ร่อนลงเบื้องหลังจางไท่ คนเหล่านี้เป็นราชันย์ที่พึ่งออกจากจวนเจ้าเมืองก่อนหน้านี้
“การเป็นเจ้าเมืองนั้นง่ายมาก เราทุกคนไม่ต้องต่อสู้และฆ่ากัน มันง่ายกว่านิดหน่อย ใครก็ตามที่มีราชันย์มากกว่าจะเป็นเจ้าเมือง และคนที่สองและสามจะถูกเลือกให้เป็น เป็นรองเจ้าเมืองอันดับหนึ่ง และอันดับที่สอง คนที่เหลือดำรงตำแหน่งขุนนาง ทุกคนย่อมเห็นด้วยอย่างแน่นอน” เมื่อเห็นว่าใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเนื่องจากการมาถึงของคนเหล่านี้ข้างหลังเขา จางไท่จึงรู้สึกภาคภูมิใจและพูดอย่างอดไม่ได้
“วิธีนี้แปลกใหม่ แต่เนื่องจากมันสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ทุกคนฆ่ากันเอง ตระกูลจื่อของข้าจึงเห็นด้วย!” ชายชราหัวล้านพูดพร้อมกับยิ้มอย่างรวดเร็ว
“ใช่ ข้าเห็นด้วยกับวิธีการนี้” ชายชุดเกราะเลือดพยักหน้า