ราชาซากศพ - บทที่ 465 ดำเนินภารกิจ
บทที่ 465
ดำเนินภารกิจ
นั่นคือหลายคนพบว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่บนกระดานภารกิจ แต่โชคดีที่ช่องว่างเหล่านี้ถูกเติมเต็มไปด้วยงานใหม่
ในไม่ช้าจึงไม่มีปัญหาใด ๆ
หากพวกเขารู้ว่าพื้นที่ว่างนี้ เกิดจากการที่มีคนรับงานมากกว่า 10,000 งาน ในคราวเดียว คาดว่าจะเกิดการจลาจลครั้งใหญ่ หลังจากออกจากห้องโถงรางวัล หลินเว่ยก็ไปที่ห้องสมุด
เนื่องจากความเข้าใจของหลินเว่ยเกี่ยวกับสัตว์อสูรในโลกมีจำกัดมาก ดังนั้นเขาจึงไปที่ห้องสมุดมาก่อนหน้า และรู้ว่ามีบันทึกเกี่ยวกับสัตว์อสูรอยู่ในนั้น
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที หลินเว่ยก็ออกมาจากห้องสมุดและในแหวนมิติของเขามีแผ่นคริสตัลกว้างขนาดสองนิ้ว มันใช้เพื่อบันทึกข้อมูลบางอย่าง นอกจากนี้ยังไม่มีประโยชน์อื่นใด
โชคดีที่มีราคาถูก หลินเว่ยใช้เวลาสิบคะแนนสมทบเพื่อซื้อคริสตัลความทรงจำ ซึ่งบันทึกข้อมูลสัตว์อสูรจำนวนมากมาด้วย ยังคงมีคะแนนสมทบหลงเหลือ บนป้ายหยกประจำตัวจำนวน 90 คะแนน
ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งมอบให้สำนักในปีนี้ หากโชคดีเขากลับมายังหุบเขาเทียนซินได้ทันเวลา จะไม่มีการคำนวณดอกเบี้ย แม้ว่าเขาจะออกไปเป็นเวลาสิบปีก็ตาม
หลังจากที่เขากลับมาคะแนนสมทบที่ต้องจ่ายให้กับสำนัก มีเพียง 1,000 คะแนนสมทบเท่านั้น แน่นอนว่า เมื่อเขากลับไปที่หุบเขาเทียนซิน คะแนนสมทบของเขาจะมากกว่า 90 คะแนน ซึ่งหลินเว่ยไม่ได้ใส่ใจเบี้ยปรับมากนัก
หลังจากทุกอย่างพร้อมแล้วร่างของหลินเว่ยทะยานออกจากหุบเขาเทียนซิน โดยหลินเว่ยเรียกมังกรดำที่มีพลังมาถึงขั้นทองระดับสี่ออกมา และบินไปยังหุบเขาเทียนฉง
ระหว่างทางเขาได้พบกับลูกศิษย์หลายคนของหุบเขาเทียนซิน แต่พวกเขาทั้งหมดก็รีบร้อนและทุกคนดูยุ่งวุ่นวายมาก วันหนึ่งต่อมา ภายใต้การบินเต็มกำลังของเสี่ยวเฮย หลินเว่ยก็มาถึงหุบเขาจื่อหยุน
หุบเขาจื่อหยุนนั้นไม่สูงมากนัก แต่มีพื้นที่กว้างมาก มีชื่อเสียงในด้านไม้นานาพรรณ และอยู่ใกล้กับหุบเขาเทียนฉง มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และระดับไม่สูงเกินไปนัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับหลินเว่ยเป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมทัพโครงกระดูกที่อ่อนล้า ในวันนี้เป็นวันที่เก้าแล้วที่หลินเว่ยมาหยุดอยู่ที่หุบเขาจื่อหยุน และกองทัพโครงกระดูกของเขาก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
โครงกระดูกทั้งหมด 2,000 โครง ภายใต้คำสั่งของ หลินเว่ยยังคงไล่ล่าสัตว์อสูร ที่อยู่ใกล้ ๆอย่างเต็มกำลัง
ด้วยจำนวนโครงกระดูกที่เพิ่มขึ้นมาก ความเร็วในการล่าและสังหารสัตว์อสูรของหลินเว่ยก็ดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้การโจมตีของโครงกระดูกจำนวนมากและต่อสู้อย่างเป็นระเบียบ แม้แต่สัตว์อสูรขั้นเงินก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีหลายรอบได้
ส่วนสัตว์อสูรขั้นทองนั้นมีไม่มากนัก ทันทีที่พวกมันปรากฏตัว พวกมันจะถูกปิดล้อมโดย เสี่ยวไป๋ และ โครงกระดูกขั้นทอง ส่วนมากพวกเขาโจมตีเพียงหนึ่งหรือสองครั้ง จากนั้นสัตว์อสูรเบื้องหน้าก็ถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี
สองเดือนต่อมา มีเงาดำทะมึนเหนือหุบเขาจื่อหยุน และบินไปยังส่วนที่ลึกกว่าของหุบเขา เพื่อไปยังหุบเขาเทียนฉง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับสองเดือนที่แล้วหุบเขาจื่อหยุนทั้งลูกเงียบสงัดลงไปมาก
เสียงคำรามของสัตว์อสูรที่สามารถได้ยินได้ทุกที่ ในขณะนี้กลับได้ยินเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ต่อมามีศิษย์บางคนของหุบเขาเทียนซิน มาที่หุบเขาจื่อหยุนเพื่อล่าสัตว์อสูร พวกเขาตกตะลึง เมื่อพบว่าพวกเขาค้นหาไปทั่วหุบเขาจื่อหยุน ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรมากมาย กลายเป็นสัตว์หายาก หลงเหลืออยู่ไม่กี่ตัวทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ดาษดื่นเต็มไปหมด
นี่คือความเมตตาของหลินเว่ย เขาไม่ได้สังหารสัตว์อสูรโดยเปล่าประโยชน์ และเลือกที่จะปล่อยสัตว์อสูรที่ตั้งท้องไป และเลือกโจมตีสัตว์อสูรระดับสูงและโตเต็มวัยเท่านั้น
หลินเว่ยใช้เวลาเกือบสองเดือนครึ่ง ในการกวาดล้างสัตว์อสูรระดับสูงของหุบเขาจื่อหยุน จากขั้นเหล็กดำและถึงขั้นทองขาว แน่นอนว่าบนหุบเขาจื่อหยุน หลินเว่ยพบเพียงสัตว์อสูรขั้นทองขาว
เบื้องหน้าของหลินเว่ยในตอนนี้ เขาพบกับฉางกุ้ย ขั้นทองขาวระดับสาม ลักษณะของมันดูคล้ายกับเหมือนลิงบาบูนและดูหน้าตาคล้ายผีร้าย เห็นได้ชัดว่าในฐานะลิงบาบูน ขั้นทองขาวตนเดียวในหุบเขาจื่อหยุนทั้งหมด
เป็นอาณาเขตของมัน แต่เป็นมันกลับเหลือเพียงชื่อ เนื่องจากมาพบกับหลินเว่ย ถึงคราวโชคร้ายแท้ๆ
แต่เดิมหลินเว่ยต้องการรับมันเป็นผู้อัญเชิญ แต่เมื่อหลินเว่ยมองไปที่ใบหน้าของมัน ในอกของเขาก็มีอาการอึดอัดเล็กน้อย หลินเว่ยจึงเพียงขอให้จินหยูออกมาช่วยแก้ปัญหา จากนั้นจึงนำศพก็มันไปและใช้ทักษะคืนชีพโครงกระดูก
หลินเว่ยคิดว่าหลังจากที่มันกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายโครงกระดูกแล้ว อาจจะไม่น่าเกลียดขนาดนี้
…………
“เอ๋…นี่น่าจะเป็นสัตว์อสูรมดมนตร์ดำตามที่บันทึกไว้ในหนังสือ แต่ละตัวจะมีขนาดใหญ่เท่าแตงโมหนึ่งลูก” ร่างของหลินเว่ยลอยอยู่ในอากาศ และถือป้ายหยกประจำตัวไว้ในมือข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งขมวดคิ้วและขบคิด
ตามข้อมูลภารกิจในมือของหลินเว่ย หลินเว่ยจำเป็นต้องฆ่าสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขั้นเงินจำนวน 300 ตัว และสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขั้นทอง 3 ตัว และเป้าหมายของงานคือ กรดกัดกร่อนในร่างของสัตว์อสูรมดมนตร์ดำ
งานนี้ดูเหมือนจะง่ายดายเพียงสังหารสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขั้นเงินจำนวน 300 และสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขั้นทองจำนวนสามตัว แต่ระดับของงานนี้สูงถึงขั้นทอง และรางวัลของงานคือ 33,000คะแนนสมทบ เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
หลินเว่ยคาดเดาสิ่งนี้ หลังจากที่เขารู้ว่าเป้าหมายของภารกิจคือสัตว์อสูรสัตว์อสูรมดมนตร์ดำ
เนื่องจากในบรรดาสัตว์อสูรต่าง ๆสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขึ้นชื่อ ในด้านปริมาณที่มหาศาล แม้แต่ผึ้งโลหิตก็ยังพ่ายแพ้ บนพื้นเชิงเขา หลินเว่ยมองเห็นเนินสูง ใต้เนินเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ามีทางเข้าสู่รังของสัตว์อสูรมดมนตร์ดำใต้ดิน
“ได้เวลาทำงาน!” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลินเว่ยโบกมือทันที! โครงกระดูกห้าพันโครง ถูกปล่อยออกมาโดยเขา และในพื้นที่มิติของเขา ล้วนมีซากศพของสัตว์อสูรมากกว่า 100,000 ชิ้น
ในขั้นต้น เมื่อสัตว์อสูรมดมนตร์ดำเดินตรวจตราไป รอบ ๆ เนินเขาย่อมๆ มันเห็นโครงกระดูกหลายพัน พวกมันก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมาและรีบวิ่งไปที่โครงกระดูก
“ สวบ สวบ สวบ … !” นอกจากนี้ ยังมีสัตว์อสูรมดมนตร์ดำอีกหลายพันตัว ในไม่ช้า การต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรมดมนตร์ดำ และโครงกระดูกก็เกิดขึ้น ภายใต้การจับจ้องของหลินเว่ย
ในพริบตา สัตว์อสูรมดมนตร์ดำทั้งหมด ที่โจมตีสัตว์ร้ายโครงกระดูกก็ถูกสังหาร จำนวนระหว่างทั้งสองฝ่าย ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายนั้น ด้อยกว่ากันเล็กน้อย
เนื่องจากความแข็งแกร่งของมดมนตร์ดำเหล่านั้นอยู่ในขั้นเหล็กดำเท่านั้น ไม่ใช่ขั้นทองแดงหรือสูงกว่านั้น เมื่อสลัดซากมดมนตร์ดำออกไป หลินเว่ยคิดว่าบางที อาจจะใช้ประโยชน์จากพวกมันในภายหลังได้!
มดดำนับพันตัวเหล่านี้ เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย แม้ว่า หลินเว่ยจะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรมดมนตร์ดำเหล่านั้นส่งข้อความสื่อสารกันอย่างไร แต่เขาก็มั่นใจได้ว่า มดมนตร์ดำภายในรัง จะต้องรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก
เป็นไปตามที่หลินเว่ยคาดไว้ ในเวลาอันสั้น สัตว์อสูรมดมนตร์ดำจำนวนมากคลานออกมาจากเนินเขานับพันร่าง จากนั้นหันไปสบตากับหลินเว่ยและโครงกระดูกนับพัน
“ สวบสาบ สวบสาบ … !” ในไม่ช้าสัตว์อสูรมดมนตร์ดำก็โจมตีโครงกระดูกอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ มดมนตร์ดำเหล่านี้ยังคงเป็นขั้นเหล็กดำ แต่บางครั้งก็มีมดขั้นทองแดงหลายตัว แต่ยังไม่มีวี่แววของขั้นเงินโผล่มา หลังจากสังหารมดพวกนั้นหมด หลินเว่ยสั่งให้โครงกระดูกล้อมรอบเนินเขาเอาไว้ ร่างกายของพวกมันใหญ่โตกว่า
รังของมดมนตร์ดำมาก
แม้ว่าจะมีเนินเขาเล็ก ๆ ประมาณ 1,000 แห่ง แต่ก็มีโครงกระดูกจำนวน 5,000 ตัวล้อมรอบ รังของมดมนตร์ดำแต่ละแห่งถูกล้อมรอบโครงกระดูกสี่หรือห้าตัว มดดำที่เพิ่งโผล่ออกมา จะถูกฆ่าอย่างง่ายดาย โดยที่ศัตรูมองไม่เห็นด้วยซ้ำ
เมื่อเวลาผ่านไปในแหวนมิติของหลินเว่ย มีร่างของมดมนตร์ดำกองสูงกว่ารังของพวกมันหลายร้อยเมตร แต่รังของมดมนตร์ดำเบื้องหน้า ยังคงเต็มไปด้วยมดมนตร์ดำโผล่ออกมา เรื่อย ๆ และไม่มีที่สิ้นสุด
และสัตว์อสูรมดมนตร์ดำเหล่านั้น ดูเหมือนจะออกมาตายเพียงอย่างเดียว พวกมันไม่รู้จักปรับตัว รีบคลานออกมาออกรังใต้ดิน แต่ไม่รู้วิธีขุดโพรงใหม่เพื่อหลบหนี
อย่างไรก็ตามความคิดของหลินเว่ยเพิ่งผุดขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน พื้นซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงกระดูกก็พังทลายลงไปในทันที โครงกระดูกทั้งหมดตกลงไปในถ้ำมืดมิด ในช่วงเวลาที่ตกลงไป
หลินเว่ยรู้สึกว่าโครงกระดูกทั้งหมดถูกโจมตี แต่โชคดีที่ความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีเหล่านั้นไม่มากนัก
“ สวบสวบ … !” โดยธรรมชาติแล้ว หลินเว่ยจะไม่ปล่อยให้โครงกระดูกถูกทุบตีเปล่าประโยชน์ ดังนั้นโครงกระดูกที่ตกลงไปจึงทะยานขึ้นจากถ้ำ
ทันใดนั้น หลินเว่ยรู้สึกว่าเมื่อสัตว์โครงกระดูกกำลังจะออกจากถ้ำ จู่ ๆก็ขาดการติดต่อกับสัตว์โครงกระดูกจำนวนสิบสองตัว เมื่อรู้สึกเช่นนี้ ดวงตาของหลินเว่ยก็สว่างขึ้น แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้วและคิดว่า “อืม…ขั้นเงินหรือว่าทองกันแน่?”
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เห็นได้ชัดว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังหารสัตว์โครงกระดูกขั้นทองแดง แข็งแกร่งในระดับเดียวกัน ด้วยวิธีนี้มีเพียงสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขั้นเงินเท่านั้นที่สามารถทำได้
หลินเว่ยเสียเวลานานกับสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขั้นเหล็กดำ และขั้นทองแดง โชคดีที่ในที่สุด เขาก็มองเห็นแสงสว่าง เขาต้องการเพียงสังหารสัตว์อสูรมดมนตร์ดำระดับเงินจำนวน 300 ตัว
และสัตว์อสูรมดมนตร์ดำขั้นทองจำนวนสามตัว แล้วนำร่างของพวกมันเก็บรักษาไว้ ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสัตว์ อสูรมดมนตร์ดำขั้นเงิน โผล่ออกมาแล้ว
หลังจากนั้น หลินเว่ยออกคำสั่งให้สัตว์โครงกระดูกทั้งหมดรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและจัดเรียงตามระดับพลังอย่างมีชั้นเชิง
หลังจากที่โครงกระดูกที่เหลือสามารถหลุดออกจากรังใต้ดิน สัตว์อสูรมดมนตร์ดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินออกมาจากพื้นดินที่พังทลาย แต่พวกมันไม่รีบไปที่โครงกระดูก พวกเขามันสร้างกองทัพมดขึ้นมา ราวกับได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
และไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้น แต่กองทัพเป็นไปด้วยความมีระเบียบไม่วุ่นวาย เมฆดำสองก้อน ค่อยๆปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในขณะนี้