ราชาซากศพ - บทที่ 394 อยากเป็นผู้นำไหม
บทที่ 394
อยากเป็นผู้นำไหม
”เจ้า…” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ที่แสดงออกถึงการกลั่นแกล้งเขาอย่างเห็นได้ชัด หนิงฉีโกรธมากจนกัดฟัน แต่ในไม่ช้า เขาก็ควบคุมอารมณ์ได้และสงบใจลง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะบอกเจ้าตามตรง! ชายผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ข้างหลังข้า คือองค์ชายสี่ ตอนนี้เจ้าควรเข้าใจหรือไม่ ตราบเท่าที่เจ้ายอมจำนนต่อองค์ชาย ข้าจะช่วยให้เจ้ากลายเป็นผู้นำของค่ายหลินเมิ่ง และหากมีอะไรผิดปกติกับค่ายหลินเมิ่ง องค์ชายสี่จะช่วยเจ้าได้เช่นกัน”
“ องค์ชายแห่งอาณาจักรเวเนเชี่ยน?” หลินเว่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
เขารู้ว่ามีบางคนที่อยู่เบื้องหลังเถาจุน มิฉะนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีการพัฒนาไปถึงระดับนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนในราชสำนัก
ผลประโยชน์ถูกจัดสรรเกือบหมด แล้วจะคายออกมาได้อย่างไร หากไม่มีการสนับสนุนจากเขา ค่ายหลินเมิ่งคงจะถูกกลืนกินไปนานแล้ว และไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้เบื้องหลัง
ไม่นับว่ามีปรมาจารย์ระดับขั้นจักรพรรดิสองคนในค่ายหลินเมิ่ง ซึ่งคนพวกนี้มักจะอยู่ในตระกูลที่ทรงพลัง ด้วยวิธีนี้ในฐานะกองกำลังใหม่ค่ายหลินเมิ่งจึงพอมีศักยภาพอยู่บ้าง หากตั้งอยู่ในเมืองรองอย่างเมืองเฮยสุ่ย ก็จะกลายเป็นเจ้าเมืองได้ อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนจากราชสำนัก
ในตอนนี้เย่ชิงเฟิงและคนอื่น ๆ เข้าใจดีว่า ในตอนนี้หลายสิ่งที่พวกเขาขบคิดไม่ตก ในตอนนี้เริ่มกระจ่างขึ้นทีละอย่าง
ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเขามาที่เมืองหลวง ในครั้งแรกพวกเขาดิ้นรนและวิ่งพล่านไปทั่ว เพื่อช่วยให้ค่ายพัฒนาศักยภาพ สถานการณ์นี้คงอยู่เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่เถาจุนกลับมาพร้อมหนิงฉี สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ในอีกไม่กี่ปีต่อมา การพัฒนาของค่ายหลินเมิ่งก็ราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ เถาจุนอธิบายให้พวกเขาฟังว่า เขาได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย และพวกเขาจำเป็นต้องมอบกำไรส่วนหนึ่งให้ เพื่อช่วยให้ค่ายพัฒนามากยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ แม้ว่าผลกำไรจะน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง แต่ก็มากกว่าผลกำไรที่เคยทำมาก่อนหน้านี้มากกว่า 10 เท่า
หากคนที่อยู่เบื้องหลังหนิงฉี เป็นองค์ชายสี่จริง ๆก็คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับเรื่องนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถที่จะทำให้คนพวกนั้นขุ่นเคืองได้
แต่โชคดีที่ หนิงฉีเห็นได้ชัดว่า เถาจุนยอมแพ้ และคิดจะสนับสนุนหลินเว่ยแทน เห็นได้ชัดว่าตราบใดที่ หลินเว่ยพยักหน้า ทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก องค์ชายสี่ยังคงสนับสนุนค่ายหลินเมิ่ง และหากไม่มีเถาจุน พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่ชิงเฟิงก็กำลังจะก้าวไปข้างหน้า และพยายามเกลี้ยกล่อมให้หลินเว่ยเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นใบหน้าของหลินเว่ย แสดงท่าทางประชดประชัน หัวใจของเขาก็บีบรัดตัว ก่อนที่เขาจะทันได้หยุดหลินเว่ย เขาได้ยินหลินเว่ยเย้ยหยันและพูดว่า “องค์ชายสี่หรือ ข้าต้องการให้เขาคืนทรัพยากรที่เขาได้รับจากค่ายหลินเมิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา .”
”สามหาว! เจ้ารู้ตัวหรือไม่… กำลังพูดถึงใคร เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับองค์ชายสี่งั้นหรือ?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ใบหน้าของหนิงฉีก็ดูสับสน และคิดว่าเขากำลังได้ยินสิ่งต่าง ๆผิดไป แต่แล้วเขาก็กลับมามีสติสัมปชัญญะ ทั้งร่างตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาชูนิ้วที่สั่นเทาและชี้ไปที่หลินเว่ย อย่างไรก็ตาม เขากลัวว่าหลินเว่ยจะโกรธจนขาดสติและสังหารเขา เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ดี ท้ายที่สุดหลินเว่ยถึงกับไม่หวาดกลัวองค์ชายสี่ เขาทำได้เพียงกังวลความปลอดภัยของตนเอง
”มันจบแล้ว! นี่คือจบสิ้นของค่ายหลินเมิ่ง เย่ชิงเฟิงหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด และร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง ดังที่หนิงฉีกล่าว พวกเขาจะถูกกำจัด ในความคิดของพวกเขา หลินเว่ยเพียงคนเดียวไม่ได้มีปัญหามากนัก
แต่เขามีตระกูลที่ต้องดูแล อาจจะต้องจบสิ้นในช่วงชีวิตของเขา
เถาจุนและคนอื่น ๆ ต่างก็โง่งมเช่นกัน ในขณะนี้ พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า หลินเว่ยจะกล้าหาญขนาดนี้และต่อสู้โดยตรงกับองค์ชายสี่ พวกเขามีความสุขมาก
แต่ทันใดนั้น เถาจุนก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“ เขาจะสังหารเราหรือไม่? จู่ ๆความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของผู้คน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ใบหน้าของเถาจุนก็ซีดเผือด และสั่นเทา ใบหน้าของหนิงฉีหวาดกลัว เขากลืนน้ำลายลงไปเรื่อย ๆ และเหงื่อเย็น ๆ ก็ไหลลงมาเรื่อย ๆ เย่ชิงเฟิงและ กู่ม่อสามคน มองหน้ากันจ้องไปที่หนิงฉี และเต็มไปด้วยไอสังหารรอบตัว
”ตุ๊บ เมื่อรู้สึกถึงเจตนาสังหารของเย่ชิงเฟิง ขาของหนิงฉีก็รู้สึกว่าอ่อนแรง และคุกเข่าลงบนพื้น เขามองไปที่หลินเว่ยด้วยความหวาดกลัวและร้องขอความเมตตา: “อย่าสังหารข้า! วันนี้ข้าสัญญาว่า ข้าจะไม่ก้าวขาออกไปข้างนอก”
”ไม่ต้องกังวล! ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า! ข้าจะปล่อยเจ้าไป และให้เจ้ารายงานกลับไปที่องค์ชายสี่” หลินเว่ยส่ายหัวและพูดอย่างใจเย็น
”อะไรนะ?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ทุกคนก็ตกใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป กู่ม่อก้าวไปข้างหน้าและพยายามพูด แต่หลินเว่ยโบกมือให้เขาหยุด
เมื่อเห็นเช่นนี้ กู่ม่อทำได้เพียงกัดฟัน ถอนหายใจและถอยกลับไปด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ เขาส่ายหัวไปที่เย่ชิงเฟิงและซูเหมย
”จริงหรือ เจ้าไม่ได้ล้อเล่นหรือ หนิงฉีคิดว่าเขาได้ยินอะไรผิดไป หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองไปที่หลินเว่ยด้วยใบหน้าที่กังวล น้ำเสียงเผยให้เห็นร่องรอยของการไม่เชื่อ
”ข้าเบื่อแล้ว ข้าจะให้เวลาเจ้าพักสามวินาที เพื่อหายไปจากสายตาของข้า หากเจ้ายังอยู่ที่นี่ ข้าจะหักแขนขาของเจ้าซะ ให้หลงเหลือเพียงปาก เพื่อกลับไปรายงานเรื่องนี้” หลินเว่ยเบ้ปากและมองไปที่หนิงฉี ด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและพูดแผ่วเบา
”อา?” หลังจากเห็นหลินเว่ยราวกับว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น หนิงฉีก็อ้าปากกว้าง และมองไปที่ดวงตาของหลินเว่ย ซึ่งดูแปลกมาก ในช่วงท้าย หลินเว่ยเริ่มนับถอยหลัง
”หนึ่ง”
”สอง”
“ หวา!” เมื่อหลินเว่ยร้องนับถอยหลัง หนิงฉีก็ตอบรับ เมื่อหลินเว่ยนับถึงสอง ร่างของหนิงฉีก็หายไปจากประตู
“ นายน้อย! ท่านปล่อยเขาไปเพื่ออะไร? ให้เขากลับไปรายงานข่าว ไม่นานเขาจะนำองค์ชายสี่เจ้าปัญหามายังที่นี่” หลังจากที่หนิงฉีจากไป บรรยากาศในห้องโถงรับแขกก็ดูเหมือน น่าเบื่อเล็กน้อย เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูว่านก็ได้รับสัญญาณของซูเหมย และเอ่ยถามหลินเว่ยขึ้น
“ ฮ่าฮ่า! เจ้าคิดว่าองค์ชายสี่สร้างความลำบากให้ข้าได้หรือ?” หลินเว่ยยืดตัวสักพัก เคลื่อนไหวร่างให้อีกฝ่ายนวดไหล่ให้เขา กล่าวด้วยรอยยิ้มบางเบา
“ ไม่แน่นอน แม้แต่องค์ชายแห่งอาณาจักรเฟิงหยูก็ถูกท่านเหยียบย่ำ ไม่ต้องพูดถึงองค์ชายแห่งอาณาจักรขนาดกลาง อย่างไรก็ตาม หากเจ้าทำเช่นนี้จะเป็นผลเสียหรือไม่ คนอื่นอาจจะผสมโรงหาเรื่องท่าน จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ?” ซูว่านส่ายหัวอย่างรีบร้อน และกล่าวอย่างชื่นชม
”ฮึ่ม! เขาเป็นคนยั่วโมโหข้าก่อน ข้าปล้นชิงคนอื่นตลอดเวลา เมื่อมีคนอื่นมาหา เพื่อปล้นชิงข้า และกล้าที่จะมาชุบมือเปิบกับกองกำลังที่ข้าสร้างขึ้น มีแกะอ้วนมารอเชือด อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้าไม่เพียงแต่ขอให้เขาคายอาหารทั้งหมดที่เขากินไป
แต่ยังขอให้ราชวงศ์แห่งอาณาจักรเวเนเชี่ยนจ่ายดอกเบี้ยสำหรับนายน้อยผู้นี้ด้วย” หลินเว่ยกล่าวอย่างขุ่นเคือง ราวกับว่าเขามีความเกลียดชังอยู่ลึก ๆ
”ฮิฮิ!”
เมื่อเห็นท่าทางของหลินเว่ย ซูว่านก็อดรู้สึกตลก และหัวเราะออกมาไม่ได้ “วีรกรรม” ของหลินเว่ยในอาณาจักรเฟิงหยูและอาณาจักรกังหลัน เป็นที่รู้จักกันดี จากสถานศึกษาเทียนหยู นางรู้ว่าหลินเว่ยชอบปล้นชิงผู้อื่นแม้แต่ราชวงศ์ของอาณาจักรเฟิงหยูก็ถูกปล้นมากกว่าหนึ่งครั้ง
ด้วยการสนทนาระหว่างหลินเว่ยและ ซูว่าน เย่ชิงเฟิง และ ซูเหมยไม่แปลกใจ แต่ตกใจ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรู้สึกโล่งใจมาก และทั้งร่างรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
แม้ว่าการกระทำของหลินเว่ยจะเกิดขึ้นในอาณาจักร เฟิงหยู แต่ก็แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาหลายปี อาณาจักรเวเนเชี่ยนเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรเฟิงหยู และข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปที่นี่เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามข่าวลือ
ว่าหลินเว่ยมีพลังมาก เสียจนไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็น หลินเว่ยคนเดียวกัน จากค่ายหลินเมิ่ง
ท้ายที่สุดเมื่อ หลินเว่ยจากไปความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่สูงนักและ หลินเว่ย ในข่าวลือนั้นไม่เพียง แต่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี แต่ยังน่าเกรงขามยิ่งกว่า แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาเข้าใจ ไม่ใช่ข้อมูลโดยตรง แต่เป็นข้อมูลที่ได้รับการขัดเกลาเปลี่ยนแปลงไป
มิฉะนั้นด้วยลักษณะบางอย่างของหลินเว่ย เมื่อได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ต้องคิดถึงหลินเว่ย แน่นอน ตัวอย่างเช่นสัตว์อัญเชิญที่เป็นเอกลักษณ์ของหลินเว่ย และจำนวนสัตว์อัญเชิญล้วนเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของหลินเว่ย สาเหตุส่วนหนึ่งคือ หลินเว่ยจงใจปกปิดความแข็งแกร่งของเขา แม้กระทั่งซูว่านเอง นางก็เปลี่ยนแปลงเพื่อปกปิดเครื่องมือซวนฉีที่นางสวมใส่เอาไว้
เย่ชิงเฟิงและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาต่างโล่งใจ ถึงคราวที่เถาจุนย่ำแย่ ถ้าเป็นความจริงอย่างที่ซูว่านพูด นับประสาอะไรกับความแข็งแกร่งของหลินเว่ย ทั้งยังมีสถานศึกษาเทียนหยูที่ยืนเบื้องหลังเขา
แม้ว่าราชวงศ์ของอาณาจักรเวเนเชี่ยนยังยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ต้องไว้หน้า หลินเว่ยในฐานะอัจฉริยะของสถานศึกษาเทียนหยู เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เถาจุนรู้สึกเพียงว่าอนาคตของเขามืดมนเสียแล้ว
“ จูต้าชาง!” หลินเว่ยหันศีรษะและมองไปที่ จูต้าชาง
”มีอะไรต้องการให้ข้าทำหรือ นายท่าน จูต้าชางกล่าวด้วยความเคารพ
เนื่องจากเขารู้ว่าหลินเว่ยได้สังหารอรหันต์ไปหลายคน และพลังการกดขี่ของหลินเว่ยก็ถึงจุดสุดยอด แม้ว่าหลินเว่ยจะบอกเขาว่า สิ่งที่เรียกว่าเทพสงครามในดินแดนกังหลันไม่ใช่ระดับพลังที่แท้จริงแต่ก็เป็นเพียงสถานะที่สอง หลังจากการทะลวงผ่านขั้นอรหันต์ไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถลดการเคารพเลื่อมใสของเขาที่มีต่อหลินเว่ย
”ไม่รู้ว่า….เจ้าสนใจตำแหน่งผู้นำค่ายหรือไม่” หลินเว่ย ถามด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากจูต้าชางเป็นคนที่สามารถไว้วางใจได้