ราชาซากศพ - บทที่ 358 การประลอง (6)
บทที่ 358
การประลอง (6)
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินเว่ยใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจ ในการรับรู้ไปยังร่างของอีกฝ่ายหลายครั้ง แต่เขาไม่พบซวนฉีใด ๆ จากนั้น หลินเว่ยก็เตะก้นของอีกฝ่ายให้ออกไปนอกสนามประลองทันที
”ปัง!” เสียงหนัก ๆตกลงไปยังพื้น ร่างของฟาจ้านก็อยู่ในลักษณะเช่นเดียวกับเฉินเฉิน ไม่มีผิด
หลังจากนั้นครู่หนึ่งร่างกายของฟาจ้านก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน เห็นได้ชัดว่าความชาของร่างกายของเขา ลดลงไปแล้ว
“ เจ้ามันคนชั่ว! คืนมงกุฎมาให้ข้า ฟาจ้านมองหลินเว่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ แต่เขากลับไม่ได้รีบร้อนกลับขึ้นไปบนสนามประลอง แม้ว่าเขาจะโกรธแต่ก็ไม่เสียสติ
หนึ่งเป็นเพราะความแข็งแกร่งของหลินเว่ย แม้ว่าเขาจะขึ้นไปอีกครั้ง เขาก็คาดว่าตนเองจะถูกเตะลงมาอีก ประการที่สอง คาดว่าการที่เขาขึ้นไปอีกครั้ง จะนำไปสู่ความไม่พึงพอใจของเหล่าผู้พิพากษา
หลังจากก่อนหน้านั้น เฉินเฉินเป็นคนแรกที่ทำเช่นนั้น กลายเป็นตัวตลกของทุกคนไปทั่วอาณาจักรกังหลัน
“ คืนให้เจ้า..เพราะเหตุใด? นี่คือ รางวัลของข้า” เมื่อได้ยินคำถามจากฟาจ้าน หลินเว่ยก็สวมมงกุฎไว้บนศีรษะของเขา แล้วกางมือออกพลาง กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ เจ้าเป็นโจรรึ?” เมื่อได้ยินคำพูดที่แสดงความยุติธรรมของหลินเว่ย ฟาจ้านก็มีท่าทางตกตะลึง และจากนั้นใบหน้าของเขาก็ดูโกรธเกรี้ยว เขาร้องว่า “นี่คือการแข่งขันไม่ใช่การต่อสู้จริง ๆการปล้นชิงเช่นนี้คืออะไร?เห็นได้ชัดว่าเจ้าละโมบในอาวุธของข้า และจงใจปล้นมันไป เจ้าคือ อรหันต์ที่แข็งแกร่ง เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่ใช่กลัวที่จะถูกเยาะเย้ยงั้นหรือ”
”อืม! พูดมากไร้สาระ ความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ไร้ประโยชน์ที่จะพูดมากมาย” หลินเว่ยพยักหน้าและยิ้มเย็น ๆ จากนั้นเขาก็ไม่สนใจคำพูดของฟาจ้าน เขาหันไปสบตาคนอื่น ๆ ที่อยู่ใต้เวที แล้วพูดแผ่วเบาว่า “ใครต้องการสู้อีกเป็นคนต่อไป”
“ ……” แม้ว่าจะได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ผู้คนรอบข้างก็ไม่พอใจมาก แต่หลังจากได้เผชิญกับดวงตาของหลินเว่ย พวกเขาก็ก้มหัวลงทีละคน และไม่มีใครกล้าต่อสู้
”ไม่มีใครเลยหรือ?” หลังจากรอสักครู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมาที่สนามประลองของหลินเว่ย เขาก็หันไปมองทางที่นั่งของผู้พิพากษา และพูดด้วยเสียงดัง “ทุกคน…นี่คือข้าเข้ารอบแล้วหรือ?”
ตามกฎการแข่งขัน ภายในครึ่งชั่วโมง หากไม่มีใครท้าทายเจ้า เจ้าจะสามารถเข้าสู้รอบต่อไป” หลงฉีพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”ดี! ข้าเข้าใจแล้ว” หลินเว่ยพยักหน้า แต่แล้วเขาก็นั่งลงรอคู่ต่อสู้อยู่ในสนามประลอง ราวกับจะรอดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครกล้าท้าทายเขา
สำหรับฟาจ้าน เขาถูกทิ้งไว้ราวกับไม่มีตัวตน เนื่องจากหลินเว่ยไม่สนใจเขา เขาไม่สามารถขึ้นไปยังสนามประลองได้อีก และเขาไม่มีความกล้าพอที่จะขึ้นไป แล้วเขาจะทำอย่างไรได้?
สิ่งที่เขาทำไม่ต่างจากแม่ค้าปากร้ายในตลาด ยิ่งไปกว่านั้น ผิวหน้าของหลินเว่ยนั้น หนาอย่างที่เขาไม่เคยพบเจอ และเขาไม่ใส่ใจว่าใครจะพูดอย่างไร
เห็นได้ชัดว่า หากเขาไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะโต้แย้งอันใดกับหลินเว่ย เพื่อแย่งของซวนฉีกลับคืนมา ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของหลินเว่ยก็ไม่เลวร้ายไปกว่าผู้อาวุโสเหล่านั้น และเบื้องหลังของเขาก็ซับซ้อน
ดังนั้นฟาจ้านจึงเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากซ่งลุ่ย แต่เขากลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธโดยตรง และถูกเยาะเย้ยสองสามคำ เขาจึงจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
จากนั้นเขาเข้าไปหา กัวหลี่ ผู้ซึ่งสูญเสียมังกรดำในดินแดนลับ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีท่าทีเหมือนซ่งลุ่ย แต่เขาก็ปฏิเสธคำขอของเขา และบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเว่ย
ในด้านของเขาเอง ชายทั้งสองคนที่พอจะเป็นกำลังให้เขาได้ กลับไม่เต็มใจที่จะเป็นคนออกหน้าในเรื่องนี้ ฟาจ้านราวกับคนไร้วิญญาณ และพร้อมที่จะเข้าท้าทายคนอื่นๆ อีกครั้ง แม้ว่าเขาจะสูญเสียซวนฉีไป
แต่การฝึกฝนของเขา ก็ยังคงยืนอยู่ที่จุดสูงสุดยังมีโอกาสที่จะเข้าสู่รอบต่อไป
ในอีกด้านหนึ่ง ซูว่าน หลังจากการต่อสู้อีกหลายครั้ง นางสามารถเอาชนะ นักรบชายขั้นจักรพรรดิระดับห้า และในเวลาต่อมา ก็ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายนางอีกต่อไป
แน่นอนว่าส่วนหนึ่ง มาจากความแข็งแกร่งของซูว่านเอง ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธของหลินเว่ย ที่ทำให้พลังการต่อสู้ของนางดีดตัวสูงขึ้น นางจึงสามารถเอาชนะชายที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าตนเองได้ แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือ อาวุธจากหลินเว่ย
ท้ายที่สุดสำหรับฟาจ้าน คือคนที่สูญเสียมากที่สุด และเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก แม้แต่ซวนฉีของตนเองก็รักษาไว้ไม่ได้ อาวุธชิ้นเดียวก็ถูกปล้นโดยหลินเว่ย ในความคิดของผู้คน หลินเว่ยนั้นได้แก้แค้นให้เฉินเฉิน ในสิ่งที่ฟาจ้านเคยทำมาก่อน!
ถ้าไม่เช่นนั้น เหตุใดหลินเว่ยจึงเลือกสนามประลองของฟาจ้าน สำหรับซูว่าน คนอื่นก็หวาดกลัวการแก้แค้นจึงไม่มีใครเข้าไปท้าทายนางอีกเลย
แม้ว่าในใจของฟาจ้านจะเกลียด หลินเว่ยมาก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปยั่วยุหลินเว่ย เขาเกรงว่า หากได้พบกับ หลินเว่ยอีกครั้ง ในรอบที่สาม อันดับของเขาและชะตากรรมของเขา จะแย่ยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเทียบกับ หลินเว่ยแล้ว ซูว่านรู้สึกอับอายมาก เมื่อมีคนมองมาที่นาง นางเข้าใจโดยธรรมชาติว่า ผู้คนล้วนมองว่านางเป็นผู้หญิงของหลินเว่ย แม้ว่านางจะไม่ได้ไม่พอใจสิ่งนี้ แต่นางก็รู้สึกประดักประเดิดมากเช่นกัน แต่นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ทำได้เพียงหน้าแดงและใบหน้ายุ่งเหยิง นี่อาจจะความทุกข์ที่เคลือบด้วยความสุขปะปนกันไป!
ระยะเวลาที่ใช้ในรอบการป้องกันนั้น จะนานกว่าการแข่งขันในรอบคัดออก จนกระทั่งตกกลางคืน มีผู้ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 40 คน เพื่อเข้าสู่รอบต่อไป และเข้าสู่การแข่งขันนี้ มีจำนวนคนที่น้อยกว่าที่คาดเอาไว้มาก
ท้ายที่สุดแม้ว่าคู่ต่อสู้มีโอกาสในการเข้าไปท้าทายอย่างไม่จำกัด แต่พวกเขามีโอกาสเพียงสองครั้งเท่านั้น ที่จะป้องกันและเอาชนะผู้ที่เข้ามาท้าประลอง หากไม่เช่นนั้นจะตกรอบทันที
หลังจากจบการแข่งขันทุกคนก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในวันถัดไป
………… ภายในห้องพักชองหลินเว่ย เขามุ่งมั่นที่จะตรวจสอบข้อสงสัยในใจของตนเอง และเริ่มขัดเกลาอาวุธที่ได้มาจากฟาจ้านให้เรียบร้อย
”อาวุธนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับอาวุธที่ข้าได้มาก่อนหน้านี้หรือไม่?” หลินเว่ยมองไปที่มงกุฎในมือของเขา จากนั้นก็ถอดต่างหูของตนเองออกมา เพื่อตรวจสอบ จู่ ๆเขาก็พบความคล้ายคลึงกันมากมาย และอดไม่ได้ที่จะมีความสุข
ดังนั้นหลินเว่ยจึงเริ่มขัดเกลามงกุฎให้เข้ากับร่างกายของเขา ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาสามารถตรวจสอบได้ว่า การคาดเดาของเขาถูกต้องหรือไม่?
พลังจิตวิญญาณพุ่งออกมาจากหัวคิ้ว และฉีดเข้าไปในมงกุฎทันที หลังจากนั้นหลินเว่ยรู้สึกได้ถึงอุปสรรคบางอย่าง ซึ่งทำให้เขาไม่แปลกใจ
หลังจากการขัดเกลาของฟาจ้าน มงกุฎนี้เหมาะสำหรับเขา แต่อย่างไรก็ตาม มันถูกบังคับให้ลบตราประทับโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม ดังนั้นจึงยังมีร่องรอยพลังปราณของฟาจ้านติดแน่นอยู่ การขัดเกลาอาวุธนี้ ค่อนข้างยุ่งยากกว่า อาวุธที่ถอดจากศพ
นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลามากขึ้นในการขัดเกลาและขจัดพลังปราณที่ยังหลงเหลืออยู่จากเจ้าของเดิม
โชคดีที่ หลินเว่ยไม่รีบร้อนที่จะใช้ซวนฉีชิ้นนี้ เขามีเวลามากพอที่จะค่อยๆ ขัดเกลามันไปอย่างช้า ค่อยเป็นค่อยไป
สิบนาทีต่อมา หลินเว่ยได้ปรับแต่งซวนฉีเสร็จเรียบร้อย และประทับตราวิญญาณของเขาลงไป กระแสข้อมูลไหลเข้าสู่ความคิดของหลินเว่ย ซึ่งเป็นการแนะนำซวนฉีให้แก่เขา
มงกุฎนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือเทียนหู รวมถึงต่างหูที่หลินเว่ยได้รับมา อย่างไรก็ตาม ต่างหูนี้ น่าจะมีทั้งสองชิ้น ดังนั้นชุดเครื่องมือซวนฉีชุดนี้ยังไม่สมบูรณ์
“ ไม่แปลกใจเลย ที่มันทำให้ข้ารู้สึกแปลก ๆ ปรากฏว่าชุดเครื่องมือนี้ยังขาดไปอีกมาก” หลินเว่ยนึกออกขึ้นมาทันใด ชุดเครื่องมือเทียนหู มีทั้งหมดเก้าชิ้นคือ แหวนคู่ กำไลคู่ ต่างหู สร้อยคอ มงกุฎ และหน้ากาก
ทั้งเก้าชิ้น เป็นเครื่องมือซวนฉีชั้นยอด แต่ละชิ้นสามารถใช้งานแยกชิ้นส่วนกัน แต่หากรวบรวมได้ครบชุด ผลของการซ้อนทับในการใช้พลังจะเหนือกว่ามาก
อันที่จริงชุดเครื่องมือเทียนหู ไม่ได้ถูกหลอมขึ้นโดยมนุษย์ แต่เป็นชุดเครื่องมือเทียนหู จากดินแดนภูตวิญญาณ ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าที่สุด ชุดเครื่องมือเทียนหู หากสามารถรวบรวมครบชุด
พลังของมันจะเทียบเท่ากับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอด ยิ่งไปกว่านั้นชุดเครื่องมือเทียนหู น่าจะเป็นชุดเครื่องมือสำหรับหญิงสาว
ในตอนนี้หลินเว่ยมีสองชิ้น หลังจากการรวบรวมแล้ว พลังของทั้งสองชิ้นเทียบได้กับ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำ ซึ่งหากทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น หลินเว่ยย่อมไม่สน? ว่าจะเป็นหญิงสาวที่ใช้ หรือชาย โดยไม่พูดพร่ำ ต่างหูและมงกุฎทั้งหมดได้เข้าสู่ทะเลจิตสำนึก และเริ่มขัดเกลาด้วยพลังปราณของหลินเว่ย
เหตุผลที่เขาใส่เครื่องมือทั้งสองชิ้นลงไปพร้อมๆ กันคือ เขาต้องการเร่งเวลาของการขัดเกลามงกุฎ ด้วยต่างหูของเขา ท้ายที่สุดอาวุธทั้งสองนั้น มาจากแหล่งเดียวกัน และมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้
หลินเว่ยตื่นเต้นมาก กับการเก็บเกี่ยวอาวุธที่ได้รับมาโดยไม่คาดคิด นอกจากนี้ ในไม่ช้าเขาจะต้องได้รับมาเพิ่มอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะยังรวบรวมได้ไม่ครบ และเป็นเพียงศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำ
แต่หลินเว่ยก็พึงพอใจมาก กับความจริงที่ว่ายังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับ จำนวนสองชิ้นในโลกนี้ ที่เขาได้ครอบครอง
ท้ายที่สุด ทั้งเหลยเป่า ซางกวนฮ่าวหยาง พวกเขายังใช้เครื่องมือซวนชั้นยอด มีเพียงหลงซีเฉินเท่านั้น ที่เป็นเจ้าของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยไม่รู้ว่า สิ่งที่นางมีอยู่มันคืออะไรกันแน่?
ความสามารถของอาวุธที่เขาได้มาเพิ่ม ทั้งสองชิ้น มีความสามารถคล้ายๆ กัน แต่ช่วยเพิ่มทักษะความทรงพลังมากขึ้น เมื่อได้มารวมอยู่ด้วยกัน หลินเว่ยสังเกตเห็น เมื่อครั้งที่เขาทดสอบต่างหูชิ้นแรกที่ได้มา และรู้ว่าคุ้นเคยกับมงกุฎเป็นอย่างดี
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าพวกมันสามารถเพิ่มพลังจิตได้มากเพียงใด แต่หลินเว่ยเชื่อว่า หากสามารถรวบรวมมาได้ ย่อมมีความสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของ หลินเว่ยมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยคาดหวังว่า หลังจากที่เขาขัดเกลามงกุฎอย่างเต็มที่ พลังของมันจะต้องทวีคูณมากขึ้น และเมื่อรวมเข้ากับต่างหู หลังจากนั้นก็ถึง พลังก็จะยิ่งเหนือไปอีกสองเท่า!