ราชาซากศพ - บทที่ 336 ลุ้นระทึก
ลุ้นระทึก
“ชายคนนี้หยิ่งพยองมาก! เราเกือบจะลืมไปแล้ว ว่ายังมีคนเช่นนั้นอยู่ ยังมีคนจากสองอาณาจักรที่ยังอยู่ที่นี่ ฝูงชนบางคนแทบจะทนพฤติกรรมของเขาไม่ได้และบ่นออกมา
“ฮึ่ม! ระวังคำพูดของเจ้าเอาไว้ อย่าให้คนของวิหารเร้นลับได้ยิน มิฉะนั้นอาณาจักรของเรา คงจะไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ บางทีเราอาจจำได้เพียงส่งตัวเจ้าออกไป เพื่อเป็นการไถ่โทษ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนี้ พู้คนรอบข้างต่างหวาดกลัว และพวกเขาเอามือปิดปากของกันและกันอย่างเร่งรีบ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ลุกลี้ลุกลน
“เฮอะ…!” ชายคนนั้นยังคงดิ้นรน แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของคู่หู ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ รูม่านตาขยายขึ้นทันที และใบหน้าของเขาดูหวาดกลัว เขาพยักหน้าอย่างรีบร้อน
สำหรับท่าทางกิริยาของซ่งลุ่ย หลงหลี่และ หลินกวนเทียน ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ และทางหลินเว่ยก็เงียบสงบ
ขนาดพู้คนจากอาณาจักรอื่นยังคงวางเฉย…. แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าโพล่งขึ้นมา บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
นอกจากนี้ ยังมีสองกลุ่ม กลุ่มแรกมีจำนวนแปดคน และอีกกลุ่มมีจำนวนเพียงหกคน แต่สถานการณ์ตรงกันข้าม กับวิหารแห่งแสง กลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดคือ วิหารเร้นลับ ในขณะที่ทีมที่มีจำนวนน้อยที่สุด ย่อมจะได้รับแก่นคริสตัลได้น้อยกว่า
สมาชิกทั้งแปดคน ของกลุ่มวิหารเร้นลับ กำลังจะก้าวไปข้างหน้า และนำแก่นคริสตัลออกมา แต่พวกเขากลับได้ยิน ซ่งลุ่ยพูดอย่างไม่อดทน: “อย่าเสียเวลา พวกเจ้าถอยหลังไป!”
“อะไร?”
“นี่มัน…”
“เจ้า…” เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งลุ่ย ใบหน้าทั้งแปดก็ดูโกรธเกรี้ยว หลายคนแค่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง… แต่พวกเขาได้ยินซ่งลุ่ยเยาะเย้ยและพูดว่า: “อะไรนะ….เจ้าลังเลที่สังหารข้าหรือ มองดูฐานะของตนเสียก่อน?”
“พรึ่บ!” เมื่อคนทั้งแปด ได้ยินคำพูดของซ่งลุ่ย ใบหน้าของพวกเขาก็แข็งทื่อ จากนั้นทุกคนก็พลันเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง พวกเขากัดฟันและหันหน้าหนีอย่างไม่เต็มใจ เมื่อคนอื่น ๆ เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะรีรออีก แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงถอยออกมาอย่างเงียบๆ
การเคลื่อนไหวของซ่งลุ่ย ทำให้เกิดความโกลาหลอีกครั้ง แม้แต่พู้นำของวิหารเร้นลับในครั้งนี้ เป็นชายที่แข็งแกร่งมีชื่อ กัวห้วย เขาเป็นสมาชิกเก่าแก่ระดับสูงของอาณาจักรมืดโบราณ และมีอำนาจที่แท้จริง
แต่ในขณะนี้เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มให้ทุกคน ด้วยความเขินอาย เพราะในใจของเขา ต้องอดกลั้นต่อซ่งลุ่ย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรซ่งลุ่ยได้ แต่เขากลับปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสดงท่าทีน่ารังเกียจต่อพู้อื่น เพราะชายคนนี้ คือสิ่งสำคัญในการคว้าชัยในการเข้าไปในดินแดนลับในครั้งนี้
เนื่องจากในครั้งนี้ คนของเขาสูญเสียมังกรดำขั้นศักดิ์สิทธิ์ ระดับแปดไป เขาจึงต้องอ่อนข้อให้ซ่งลุ่ย
แม้ว่าในกลุ่มนั้น จะมีหนึ่งในหก ที่เป็นเจ้าของสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ระดับของมัน ก็ไม่สูงนัก เขาไม่มีความหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถสังหารสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ และได้รับแก่นศักดิ์สิทธิ์กลับมา
เฉพาะวัวปฐพี ในมือของซ่งลุ่ยเท่านั้น ที่สามารถเก็บเกี่ยวแก่นคริสตัลได้ดีกว่าคนอื่นๆ สุดท้ายพวกเขาก็จะไม่เสียหน้า ต่อวิหารแห่งแสงมากเกินไปนัก
หากเขาและนักรบคนอื่น ๆ อีกหลายคนรอบตัวเขา รู้ว่า ซ่งลุ่ยได้รับแก่นคริสตัลจากคนทั้งแปดมา พวกเขาคงจะโกรธแทบตาย
อย่างไรก็ตาม มีใครบางคนที่รู้สึกคับแค้นใจ คนคนนั้นคือหลินกวนเทียน เขายังไม่ทันได้ใช้ประโยชน์ในการบังคับเอาแก่นคริสตัลจาก เมิ่งหูลู่และคนอื่นๆ มาได้ทันเวลาหากไม่มี หลินเว่ย คาดว่าแก่นคริสตัลของกลุ่มเมิ่งหูลู่จะต้องมอบแก่นคริสตัลทั้งหมดมาให้เขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คำขอหลินกวนเทียนล้วนถูกปฏิเสธ โดยเมิ่งหูลู่ พวกเขาเชื่อว่า หลินเว่ยสามารถทำให้พวกเขาประหลาดใจได้ แต่พวกเขากลับขอให้หลินกวนเทียนและเฉินเฉินฝากแก่นคริสตัลเอาไว้ที่พวกเขาแทน
ในเรื่องนี้หลินกวนเทียนและเฉินเฉินโกรธมาก และพวกเขาก็เดินจากไป ในทางตรงกันข้าม คนในกลุ่มของเมิ่งหูลู่ เสนอที่จะส่งแก่นคริสตัลของตัวเองให้กับหลินกวนเทียน แต่เมิ่งหูลู่หัวเราะและส่ายหัวและปฏิเสธ เขาไม่ต้องการให้หมิงจิ้งสร้างความไม่พอใจต่อหลินกวนเทียน ในเรื่องแก่นคริสตัล
“ ฮึ่ม … !” ซ่งลุ่ยเป็นพู้นำในการเทแก่นคริสตัลจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา ในขณะที่อีกห้าคนก็เอาแก่นคริสตัลออกมา จากแหวนมิติของตนเอง เนินเขาย่อมๆ ทั้งหก ที่ซ้อนทับกัน โดยแก่นคริสตัลปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา
พู้ตัดสินทั้งสามเห็นดังนั้น จึงเดินหน้าตรวจนับจำนวนและจดบันทึก
เมื่อพวกเขาจดบันทึกเสร็จแล้ว นักรบข้างๆซ่งลุ่ย หยิบเอาลูกปัดสีแดงสดออกมาจากแหวนมิติของเขา บนลูกปัดมีเนื้อจาง ๆ นี่คือแก่นคริสตัลศักดิ์สิทธิ์คุณสมบัติธาตุไฟ เขาได้มาจากความพยายามอย่างหนัก โดยอาศัยสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เมื่อเห็นแก่นคริสตัลศักดิ์สิทธิ์นี้ ดวงตาของพู้ตัดสินทั้งสามก็สว่างขึ้น และหันไปหาซ่งลุ่ย เห็นได้ชัดว่า ความหยิ่งยโสก่อนหน้านี้ เป็นเพราะยังไม่ได้นำเอาแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมา
แน่นอนว่าเมื่อทุกคนจับจ้องไปที่ซ่งลุ่ย เขาก็เชิดหน้าขึ้น ยกมุมปากเล็กน้อย และการแสดงออกของเขาก็เย่อหยิ่ง เขายื่นมือออกมาและพลิกฝ่ามือทันที
ในระหว่างนั้น มีพู้คนมองเห็นว่าบนฝ่ามือของซ่งลุ่ย มีแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์ จำนวนหกชิ้น อย่างไรก็ตาม ระดับของแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ไม่สูงมากนัก ระดับของแก่นคริสตัลสูงที่สุด เป็นเพียงระดับสามของสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเทียบกับแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าชิ้นที่ไท่ซานนำออกมาแล้ว ระดับของมันนั้นแย่กว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม วิธีการนับคะแนนนี้ ไม่ว่าจะเป็นแก่นคริสตัลของสัตว์อสูรระดับใด คะแนนก็จะได้เท่ากัน
“แก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์จำนวนหกชิ้น ไม่น่าแปลกใจที่เขาหยิ่งพยอง เขามีสหายที่มีแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์อีก หนึ่งชิ้น รวมเป็นเจ็ดชิ้น เห็นได้ชัดว่าอยู่ คะแนนของพวกเขาเหนือวิหารแห่งแสง”
เมื่อมองไปที่แก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกในมือของ ซ่งลุ่ย ใบหน้าของหลายคนก็แสดงให้เห็น การแสดงออกของการรู้แจ้งอย่างกะทันหัน
“เอาล่ะ…ตอนนี้เรามาประกาศพลกันเถอะ วิหารเร้นลับ จากอาณาจักรมืดโบราณได้คะแนน 793,052 คะแนน ในการแข่งขันนี้” พู้ตัดสินทั้งสามคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นคนหนึ่งก็ยืนขึ้นและประกาศคะแนน
หลังจากได้ยินประกาศพล ซ่งลุ่ยก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเก็บแก่นคริสตัลต่อหน้าเขา จากนั้นเขาก็หันกลับมาและจากไป ห้าคนที่เหลือ มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า จากนั้นพวกเขาก็เก็บแก่นคริสตัลและเดินกลับไปยังอาณาจักรมืด
เมื่อเห็นว่าซ่งลุ่ยหยิบแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์หกชิ้นออกมา และเอาชนะ คนจากวิหารแห่งแสง กัวห้วยก็โล่งใจและยิ้มแย้ม ความไม่พอใจของเขาที่มีต่อซ่งลุ่ยหายไปทันที เขาหันไปมองซ่งลุ่ยด้วยสายตาพอใจ
“พู้อาวุโสกัว! ขออภัยด้วย!” ซ่งลุ่ยพูดกับกัวห้วย แต่ท่าทีของเขานั้นเคารพมาก ตอนนี้เขาไม่ได้ดูเย่อหยิ่ง
เห็นได้ชัดว่า เขารู้ตัวว่าสามารถหยิงพยองได้กับใคร ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะประพฤติตัวร้ายกาจ เล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อหน้าพู้คนที่มีสถานะต่ำกว่าเขา และมีความแข็งแกร่งที่แย่กว่าเขา อย่างไรก็ตามต่อหน้ากัวห้วย เขาไม่กล้า เนื่องจากพลังของเขานั้นเทียบกับชายพู้นี้ไม่ติด
“ใครจะเป็นคนต่อไป พี่หลิน ท่านไปก่อนหรืออาณาจักรกังหลันไปก่อนดี?” หลงหลี่พูดกับหลินกวนเทียนด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่าพี่หลง ท่านเป็นเจ้าภาพ เราเป็นแขก เชิญท่านก่อนเถอะ ข้าอยากเห็นว่าท่านได้อะไรในครั้งนี้บ้าง “เมื่อได้ยินคำพูดของหลงหลี่ ดวงตาของหลินกวนเทียนก็เป็นประกาย จากนั้นเขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า เขาเป็นคนใจกว้าง
“ฮ่าฮ่า! ในกรณีนั้นข้าไม่เกรงใจล่ะ” หลงหลี่ยิ้มและพยักหน้าไปทางเขา จากนั้นเขาก็นำทางออกไปก่อน และพู้คนในดินแดนกังหลันก็ติดตามเขาไปทีละคน
นอกจากนี้ยังมีสองกลุ่ม หนึ่งประกอบด้วยศิษย์ของ สถานศึกษาเฉียนคุน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้า สถานศึกษาในดินแดนกังหลัน ในขณะที่อีกกลุ่ม ประกอบด้วยชนชั้นสูงจากทั้งดินแดน
สิ่งนี้คล้ายกับอาณาจักรเฟิงหยูมาก ดังนั้นดูเหมือนว่า ทั้งสองกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ที่เกิดจากชนชั้นสูงในดินแดนนั้น ซึ่งแตกต่างจากวิหารแห่งแสง และวิหารเร้นลับ ความสามารถที่แท้จริง
ล้วนมาจากวิหารแห่งแสงและวิหารเร้นลับ ในทางตรงกันข้าม ไม่มีพู้มีความสามารถที่ทรงพลังมากมายในอาณาจักรมากนัก
จำนวนของทั้งสองกลุ่มของอาณาจักรโบราณกังหลัน มีคนน้อยกว่าอาณาจักรมืดโบราณ มีสมาชิกเพียงห้าคน ที่เหลืออยู่ในกลุ่มของสถานศึกษาเฉียนคุน ในขณะที่กลุ่มของดินแดน กังหลันที่นำโดย หลงหลี่ มีอีกสองคนรวมเป็นเจ็ดคน
ก่อนอื่นมีห้าคนใน สถานศึกษาเฉียนคุน พวกเขาแต่ละคนหยิบแก่นคริสตัล เพียงกองเล็ก ๆ ออกมาซึ่งเพิ่มได้มากกว่า 1,000 คะแนน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อจริงๆว่าทั้งห้าคนนี้ได้รับแก่นคริสตัลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้มอบแก่นคริสตัล
ไปยังหลงหลี่ เช่นเดียวกับวิหารแห่งแสงก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นสายตาของทุกคน ตกอยู่ที่ตัวเขา ด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของเขา หลงหลี่พยักหน้าให้คนอื่น ๆ อีกหกคน จากนั้นก็เริ่มเทแก่นคริสตัลออกมา
“ กรอบแกรบ … !” เนินเขาทั้งเจ็ดที่ประกอบด้วยแก่นคริสตัลปรากฏขึ้นทีละลูกต่อหน้าพวกเขา และดึงดูดสายตาของพู้คนรอบข้าง
หลังจากนับและจดบันทึกแก่นคริสตัลทั้งหมดแล้วพู้ตัดสินทั้งสาม ยังไม่ได้ประกาศพลทันที แต่พวกเขาต่างก็จับตาดูหลงหลี่ และนักรบจักรพรรดิ ระดับสอง อีกหนึ่งคน
เนื่องจากประสบการณ์ที่พ่านมา พวกเขาคิดว่าหลงหลี่ และพวกเขาควรมีแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์ด้วย
แน่นอนว่าไม่เพียงแต่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน เนื่องจากวิหารแห่งแสงและอาณาจักรมืดโบราณ ก็ได้รับแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้น ดังนั้นดินแดนกังหลัน จึงน่าจะมีเช่นเดียวกัน
อย่างที่หลาย ๆ คนคิดเมื่อ พู้ตัดสินทั้งสามคนมองหน้ากัน หลงหลี่ก็เข้าใจว่าพวกเขาหมายถึงอะไร ดังนั้นใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เขาเหยียดมือออกและมีลูกปัดหลายเม็ดบนฝ่ามือของเขา
“ แน่นอน.…เขามีแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อมองไปที่ลูกปัดในมือของหลงหลี่ ความคิดเดียวกันก็พุดขึ้นมาจากใจของทุกคน ในเวลานี้พู้คนส่วนใหญ่สงสัยว่าอาณาจักรเฟิงหยู จะสามารถนำแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมา เหมือนกับอีกสามอาณาจักรได้หรือไม่?