ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 91 เจ้าเล่ห์
ตอนที่ 91 เจ้าเล่ห์
ลูเมี่ยนเริ่มเต้นระบำดึงดูดสัตว์ประหลาด หวังล่องหนเข้าไปใกล้ๆ เพื่อเก็บรายละเอียดพฤติกรรมและกิจวัตรของสัตว์ประหลาดไฟ รวบรวมข้อมูลให้เพียงพอต่อการล่าในอนาคต
ผ่านไปสักสามสี่สิบวินาที เขาเปล่งภาษาเฮอร์มิสโบราณอีกครั้งเพื่อเรียกสัตว์ประหลาดปากมาสถิตร่าง
ความรู้สึกหิวโหยอย่างแรงกล้าแผ่ซ่านไปทุกอณูกาย ลูเมี่ยนถูกบังคับให้อ้าปากกว้าง ราวกับว่าเขาเองก็มีอวัยวะปากที่เต็มไปด้วยซี่ฟันเรียงเป็นเกลียวก้นหอย
เด็กหนุ่มรีบข่มความกระหายเลือด ข่มความคิดอันบ้าคลั่งที่กำลังเอ่อล้น มือหนึ่งหยิบคุกกี้แผ่นเล็กกับก้อนชีสหั่นเต๋ายัดใส่ปาก เคี้ยวแล้วก็กลืนลงคอ
ในเวลาเดียวกัน เขากระตุ้นพลังล่องหนของสัตว์ประหลาดปาก ก่อนจะหายตัวไปจากตำแหน่ง
หลังจากบรรเทาท้องหิวได้บางส่วน ลูเมี่ยนฝืนปิดปากอย่างยากลำบาก เพื่อป้องกันมิให้กลิ่นของคุกกี้กับชีสกระจายออกไป
ถัดมา เขาเลียบเคียงไปตามขอบถนน ไล่ล่าร่องรอยของสัตว์ประหลาดไฟอย่างไม่ลดละ
เพียงไม่กี่อึดใจ ลูเมี่ยนก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตที่ร่างกายดำเกรียม เนื้อตัวมีรอยไหม้หลายจุด
มันกำลังติดตั้งกับดักใหม่ในพื้นที่โล่งเดียวกับคราวก่อน
ถึงจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ก็ยังมีความเป็นมืออาชีพ? ลูเมี่ยนจิกกัดในใจ
แน่นอน เขาทราบดีว่านี่คงเป็นการทำตามสัญชาตญาณ
ลูเมี่ยนไม่กล้าเข้าใกล้เกินไปนัก จึงหยุดใกล้กับซากกำแพงรอบนอกพื้นที่โล่ง
เขาสังเกตการณ์สัตว์ประหลาดไฟอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองกลับไปยังถนนที่ตนผ่านมา
รอยเท้าของตนแม้จะตื้นเขิน พร่าเลือน และซ่อนอยู่ในจุดที่สังเกตเห็นได้ยาก แต่มันก็มีอยู่จริงๆ
ก้มมองตำแหน่งของตัวเอง ลูเมี่ยนผุดความคิดใหม่
คอยจับตามองพฤติกรรมสัตว์ประหลาดอยู่สักพัก จนกระทั่งอีกฝ่ายหยิบหินก้อนใหญ่ขว้างไปด้านข้าง ลูเมี่ยนรีบใช้มือขวาจับด้านบนกำแพง แล้วดึงตัวขึ้นไปยืนบนกำแพงอย่างมั่นคงปลอดภัย
ตึง! เสียงที่ลูเมี่ยนทำ ถูกกลบสนิทโดยเสียงของหินกระแทกพื้น
หลังจากเปลี่ยนจุดสังเกตการณ์ ลูเมี่ยนเบาใจลงหลายเปลาะ ตาจดจ่ออยู่กับสัตว์ประหลาดไฟ แต่ใจจดจ่ออยู่กับอัตราการสิ้นเปลืองพลังวิญญาณ
ไม่นานเขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่า กับดักของสัตว์ประหลาดไฟ มิได้ลับซ่อนหรือหาพบได้ยาก มิได้มีไว้เพื่อเล่นงานช่องโหว่ทางจิตใต้สำนึกหรือพฤติกรรมของเหยื่อ มีเพียงความเรียบง่ายและไม่พยายามปกปิด
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ อีกฟากหนึ่งของพื้นที่โล่ง สัตว์ประหลาดไฟได้ขึงเชือกไว้ระหว่างซากบ้านสองหลัง สูงระดับข้อเท้าเท่านั้น
คนหรือสัตว์ที่มีค่าสายตาปกติย่อมต้องมองเห็นแน่นอน
ทีแรกลูเมี่ยนก็ไม่เข้าใจจุดประสงค์ แต่หลังจากลองจินตนาการว่าเป็นตัวเอง เขาเริ่มมองเห็นเหตุผลที่เป็นไปได้
กับดักเหล่านี้มิได้มีเป้าหมายเพื่อทำอันตรายหรือดักจับศัตรู แต่เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้นักล่าลงมือได้ง่ายขึ้น
ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด เป้าหมายที่ไม่ถนัดการ ‘สังเกตสภาพแวดล้อม’ เหมือนกับนักล่า จำเป็นต้องแบ่งสมาธิไปยังกับดักเหล่านี้ไม่มากก็น้อย บางครั้งก็อาจต้องชะลอความเร็วหรือเปลี่ยนท่าทางเพื่อหลบหลีกกับดัก ในขณะที่ ‘นักล่า’ สามารถจดจำสภาพแวดล้อมได้ทั้งหมด และใช้ประโยชน์จากมันได้สูงสุด
ด้วยวิธีนี้ ฝ่ายหนึ่งจะถดถอย ส่วนอีกฝ่ายจะผงาด
นี่สินะ สิ่งที่โอลัวร์เรียกว่า ‘ลูกไม้โจ่งแจ้ง’ … ลูเมี่ยนผงกหัวด้วยความกระจ่าง
ทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนสัตว์ประหลาดไฟเป็นอาจารย์ผู้เข้มงวด คอยประสิทธิ์ประสาทวิชาบางส่วนของนักล่า
แทบจะในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มนึกถึงเนื้อหาบทหนึ่งในนิยายของโอลัวร์
การขโมยวิชาอาจนำพาไปสู่ความตาย!
ผ่านไปสักพัก สัตว์ประหลาดไฟหยุดพฤติกรรม ใบหน้าดำเกรียมของมันมองไปรอบๆ ตามนิสัย
ถัดมา มันเดินตรงไปทางรอบนอกของพื้นที่โล่ง ตำแหน่งใกล้กับลูเมี่ยน ร่างกายมีเปลวไฟลุกไหม้ตลอดเวลา
“เดินตามเส้นทางที่ตายตัว เพื่อไปยังจุดถัดไป?” ลูเมี่ยนคิดอย่างใคร่ครวญปนตื่นเต้น
สำหรับนักล่า การได้ทราบเส้นทางตายตัวของเหยื่อ นับว่ามีมูลค่ามหาศาล
กับดักส่วนใหญ่จะถูกวางไว้บนเส้นทางเหล่านี้!
สัตว์ประหลาดไฟยังคงเดินไป พลางสอดส่ายสายตาด้วยความหวาดระแวง คอยสำรวจพื้นดิน ไม่แสดงถึงความประมาท
สิ่งนี้ทำให้ลูเมี่ยนขมวดคิ้ว เนื่องจากตระหนักว่า ‘นักล่า’ ระดับสูงๆ ช่างรับมือได้ยากเข็ญ
สำหรับผู้วิเศษหรือสัตว์วิเศษ ศัตรูตัวฉกาจที่สุดคงหนีไม่พ้นลำดับสูงของเส้นทางตัวเอง แม้จะสูงกว่าเพียงหนึ่งหรือสองลำดับก็ตาม
ไม่ว่าจะถนัดอะไร อีกฝ่ายจะถนัดกว่าเสมอ แถมยังมีในสิ่งที่เราไม่มี!
หากมิใช่เพราะความสามารถของ ‘นักเต้น’ กับ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ลูเมี่ยนคงยังไม่กล้ากำหนดเป้าหมายเป็นสัตว์ประหลาดไฟ
ราวๆ เจ็ดแปดวินาทีถัดมา สัตว์ประหลาดไฟมาถึงริมขอบของพื้นที่โล่ง ห่างจากซากกำแพงชำรุดห้าถึงหกเมตร
เฉกเช่นก่อนหน้านี้ สัตว์ประหลาดไฟมองมาแถวๆ ลูเมี่ยน
คล้ายกับมันมองเห็นรอยเท้าที่อาจบ่งบอกว่ามีคนกำลังยืนอยู่บนกำแพง
ตึกตัก! หัวใจลูเมี่ยนพลันเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม
เขายังไม่พร้อมที่จะล่าสัตว์ประหลาดไฟ
ยังไม่ต้องไปสนเรื่องที่ระยะห่างตอนนี้คือห้าถึงหกเมตร ลำพังความจริงที่ว่า ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ยังไม่ได้กักเก็บชะตากรรมสำหรับแลกเปลี่ยน ทำให้ลูเมี่ยนไม่มีความมั่นใจที่จะสังหารมัน
หากเกิดศึกปะทะเอาเป็นเอาตาย โดยไม่มีเวลาให้กระตุ้นสัญลักษณ์หนามดำครึ่งหนึ่ง ฝ่ายที่ถูกล่าคงไม่แคล้วเป็นเขาเสียเอง!
ลูเมี่ยนฝืนข่มลมหายใจที่กำลังหอบ ข่มการเต้นของหัวใจ วางมือขวาลงบนผ้าสีดำที่พันรอบใบมีดของ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ท่าทางคล้ายกับพร้อมฉีกออกในทุกเมื่อ
ด้วยระยะห่างในปัจจุบัน ขอเพียงได้กระโดดก้าวใหญ่สักครั้ง ก็คงเข้าใกล้ตัวสัตว์ประหลาดไฟได้อย่างไม่ยากเย็น หลีกเลี่ยงศึกระยะไกลที่ตนตกเป็นรองทุกประตู
ผ่านไปราวๆ สองสามวินาทีที่ยาวนานยังกับนิรันดร สัตว์ประหลาดไฟถอนสายตากลับ แล้วมุ่งหน้าต่อไปยังเส้นทางเก่า
คล้ายกับยังมองไม่เห็นรอยเท้าของลูเมี่ยน
หลังจากมันเดินไปได้สิบกว่าเมตร ก็หันหลังกลับอย่างฉับพลัน
เปลวไฟที่พวยพุ่งออกจากร่าง แปรเปลี่ยนเป็นลูกไฟสีขาวโพลนขนาดมหึมา
รวดเร็วปานกระสุนปืนใหญ่ ลูกไฟพุ่งมายังตำแหน่งของลูเมี่ยน—บนซากกำแพงรอบนอกพื้นที่ว่าง
ลูเมี่ยนที่กำลังนั่งยองบนกำแพง ไม่มัวขบคิดให้ปวดหัว รีบกระโดดลงตามสัญชาตญาณ ทิศทางคืออีกฝั่งหนึ่งของกำแพง ซึ่งสัตว์ประหลาดไฟเพิ่งวางกับดักไว้
บึ้ม!
คลื่นไฟระเบิดกระจาย กำแพงที่เป็นซากอยู่แล้วถล่มลงอย่างสมบูรณ์
เมื่อปลายเท้าสัมผัสพื้น ลูเมี่ยนกลิ้งม้วนหน้าสองตลบเพื่อหลบเศษหินที่กระจัดกระจาย หลบคลื่นกระแทกที่ปะปนอยู่กับเปลวไฟ
จากนั้น เด็กหนุ่มกระโดดต่อทันทีโดยยังไม่หลุดจากภาวะล่องหน วิ่งผ่านกับดักที่สัตว์ประหลาดไฟวางไว้เอง ปลายทางก็คืออีกหนึ่งทางเข้าออกของพื้นที่โล่ง
สัตว์ประหลาดไฟที่ยังหาศัตรูไม่พบ เพ่งสมาธิไปกับการค้นหาร่องรอย
จนในที่สุดก็ค้นพบชุดของรอยเท้า
ทว่า ลูเมี่ยนวิ่งหนีมาไกลถึง ‘กับดักเชือก’ ระหว่างซากบ้านแล้ว เพียงกระโดดข้ามมันไปอย่างง่าย เตรียมออกจากเขตพื้นที่โล่ง
เด็กหนุ่มได้กลับเข้าสู่เขต ‘กับดักธรรมชาติ’ อีกทั้ง ทิ้งห่างสัตว์ประหลาดไฟอย่างไม่เห็นฝุ่น
นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นพลางยกเลิกสถานะล่องหน ลูเมี่ยนสบถด่าด้วยความหัวเสีย
“เจ้าเล่ห์เพทุบายนักนะ!”
“สัตว์ประหลาดพวกนี้สมองดียิ่งกว่าเจ้าปงส์เสียอีก… หลังจากที่พบรอยเท้าของเรา และคำนึงว่าทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันเกินไปจนอาจทำให้ตัวเองถูกตอบโต้ มันจึงแกล้งทำไก๋แล้วตีเนียนสร้างระยะห่าง!”
ลูเมี่ยน สบถเสร็จก็รู้สึกเหมือนได้เรียนวิชา
ชัดเจนแล้วว่า วิธีนี้มีข้อเสียหลักๆ อยู่
การสร้างระยะห่าง ถือเป็นการเปิดช่องทางให้ลูเมี่ยนหนี
มิหนำซ้ำ พลังล่องหนยังทำให้สัตว์ประหลาดไฟแกะรอยได้ลำบาก ช่วยให้เด็กหนุ่มหนีออกมาได้ค่อนข้างง่าย
หลังจากได้พักหายใจหายคอและฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมาบางส่วน ลูเมี่ยน กินคุกกี้กับชีสพลางพึมพำ
“คำนึงจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ตราบใดที่เราวางแผนได้ดี หลังจากทำให้มันบาดเจ็บได้ ก็มีโอกาสใช้ ‘ล่องหน’ เพื่อสร้างระยะห่างและหนีออกมาไกลๆ … รอคอยให้กระบวนการสลับชะตากรรมแผลงฤทธิ์”
ในจังหวะที่โจมตีใส่ สถานะล่องหนคงถูกยกเลิก แต่เมื่อใดที่ร่างกายเลิกสัมผัสกัน ลูเมี่ยนสามารถใช้ล่องหนได้อีกครั้ง
นี่คือข้อมูลสำคัญที่ได้จากการลาดตระเวนเมื่อสักครู่
ทันใดนั้น เขาค้นพบอีกหนึ่งปัญหา
“เป็นนักล่าแท้ๆ แต่กลับ ‘ออกล่า’ โดยไม่ได้พกน้ำ!”
“คอแห้งจะตายอยู่แล้ว!”
ทั้งชีสและคุกกี้ ต่างก็ต้องใช้น้ำหล่อลื่น
เนื้อตากแห้งที่คิดจะทำก็เหมือนกัน
หลังจากพักผ่อนจนพอใจ เด็กหนุ่มตัดสินใจล่า ‘มนุษย์บะหมี่’ เพื่อชิงชะตากรรมแย่ๆ บางส่วนมาเก็บไว้ใน ‘ปรอทเสื่อมทราม’ เนื่องจากไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ ‘มีโอกาส แต่ไม่มีปัญญาจะฆ่า’ เหมือนกับเมื่อสักครู่
ชะตากรรมของหุ่นเชิดอาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ และสามารถนำไปสับเปลี่ยนได้ก็จริง แต่ลูเมี่ยนไม่ใช่ ‘คนถือมีด’ ไม่อาจแลกเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเองกับใคร ไม่อย่างนั้นเขาก็ยินดีเหลือเกินที่หยิบยื่นระเบิดให้กับอีกฝ่าย
…
ราวๆ ครึ่งชั่วโมงถัดมา ลูเมี่ยนพบมนุษย์บะหมี่เจ้าของแขนขาและอวัยวะผิดเพี้ยน
หลังจากเต้นบวงสรวงล่วงหน้า เขาเป็นฝ่ายเข้าไปหาอย่างกล้าหาญ และเห็นมนุษย์บะหมี่พังทลายลงอย่างที่คิดไว้ เอาแต่หมอบราบไปกับพื้นดิน
“ว่านอนสอนง่ายดีนี่…” ลูเมี่ยนชื่นชม
ในมือขวาถือขวานเหล็กสีดำ ในมือซ้ายถือ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ที่ส่วนคมสีเงินโผล่ออกจากผ้า
หลังจากได้ลองถือมีดประหลาดเล่มนี้มานาน ลูเมี่ยนค่อนข้างมั่นใจว่า แม้ไม่ได้สัมผัสผ่านเนื้อหนังกันโดยตรง เขาก็ยังได้รับการปนเปื้อนอย่างเจือจาง ซึ่งสิ่งนี้จะค่อยๆ นำไปสู่ภาวะคลุ้มคลั่งของผู้วิเศษส่วนใหญ่ แต่โชคดีที่ลูเมี่ยนชินแล้ว แถมยังดูเหมือนจะต่อต้านได้บางส่วน
หลังจากยืนมองมนุษย์บะหมี่สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่สักพัก ลูเมี่ยนถอนหายใจสั้นๆ พร้อมกับกล่าว
“โอลัวร์เคยบอกไว้ว่า ด้วยสภาพของแกในตอนนี้ ความตายอาจเปรียบดังการปลดทุกข์… ยิ่งตายเร็วก็ยิ่งได้พบกับความสงบเร็ว”
ขณะพูด เด็กหนุ่มคุกเข่าลงหนึ่งข้าง แทงมีดสั้นสีเงินดำใส่ท้ายทอยมนุษย์บะหมี่อย่างฉับไว จนคมมีดฝังเข้าไปลึก
มนุษย์บะหมี่สั่นแรงยิ่งกว่าเก่า แต่ก็ยังไม่มีการดิ้นรนขัดขืน
ลูเมี่ยนชักมือซ้ายออกทันที แล้วถือขวานเหล็กดำด้วยสองมือ พร้อมกับจามลงไปสุดแรง
ท่ามกลางเสียงทื่อๆ ของคมขวานแหวกผ่านเนื้อหนัง ศีรษะของมนุษย์บะหมี่กระเด็นหลุดออกจากบ่า กลิ้งหลุนๆ ไปพร้อมกับปรอทเสื่อมทรามที่ปักคาอยู่
เลือดสดสาดกระจายไปทุกที่
หลังจากตัวกระตุกอยู่สักพัก ร่างของมนุษย์บะหมี่ก็แน่นิ่งไม่กระดุกกระดิก
ลูเมี่ยนเดินก้าวใหญ่ เข้าใกล้ส่วนหัวของมนุษย์บะหมี่ แล้วยื่นมือซ้ายจับ ‘ปรอทเสื่อมทราม’
วินาทีถัดมา เขามองเห็นสายน้ำลวงตาที่พร่างพรายด้วยแสงสะท้อน
สายน้ำประกอบกันจากสัญลักษณ์สีเงินอันแล้วอันเล่า แต่ละอันเหมือนลำธารเล็กๆ อันคดเคี้ยวเลี้ยวพัน
ที่ปลายสายน้ำลวงตา แขนงลำธารเล็กเลือนหายไปทั้งหมด เหลือเพียงแม่น้ำสายหลักที่ถูกตัดขาด รูปทรงโค้งงอคล้ายพยายามวกกลับหาจุดเริ่มต้น
……………………………………………………..