ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 90 ลองอีกครั้ง
ตอนที่ 90 ลองอีกครั้ง
“อย่างที่คิด ไม่ว่าจะหลับไปตรงไหน เราก็จะตื่นที่นี่” ลูเมี่ยนกลิ้งออกจากเตียงนอน หันไปมอง ‘มีดล่าชะตากรรม’ ไม่สิ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ซึ่งวางอยู่ไม่ไกล แล้วจึงเดินแหวกหมอกสีเทาไปยังหน้าต่าง
สองมือค้ำกับโต๊ะอ่านหนังสือ ตามองไปยังภูเขาสีเลือด
บนยอดเขา สายหมอกซ้อนทับหนาทึบ ปกคลุมยักษ์สามเศียรหกกรอย่างมิดชิด
“คราวก่อน แค่ได้มองมันก็แทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว ถ้าหลังจากนี้ต้องเผชิญหน้ากันอีก ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง…” ลูเมี่ยนพ่นลมอย่างหนักใจ
เขาไม่จมอยู่กับอารมณ์นี้นานนัก เพราะยังมีอีกหลายเรื่องให้ต้องทำ
ลูเมี่ยนเริ่มระบำในห้องนอน เต้นอย่างบิดเบี้ยวบ้าบอเพื่อดึงดูดสัตว์ประหลาด กระจายพลังวิญญาณออกไปทุกทิศ ผสมผสานเข้ากับพลังธรรมชาติที่ถูกกระตุ้นและ ‘ถ่ายทอด’ ออกไปอย่างไร้ทิศทาง
ไม่นานเขาก็สัมผัสถึงการเข้าใกล้ของบางสิ่ง และเห็นร่างโปร่งใสอันพร่ามัวของสัตว์ประหลาดปาก สัตว์ประหลาดปืนลูกซอง และสัตว์ประหลาดไร้หนังบนกระจกหน้าต่าง
ลูเมี่ยนไม่รีบร้อน อาศัยจังหวะระหว่างท่าเต้น ชักกริชเงินพิธีกรรมออกมากรีดหลังมือซ้าย
หยดเลือดสีแดงสดผลุดออกมาทันที แล้วถูกพลังธรรมชาติกับพลังวิญญาณควบแน่นจนกลายเป็นลูกปัด ลอยลงบนผิวหนัง
ร่างทั้งสามเริ่มเคลื่อนไหวไม่ปกติ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาในบ้านลูเมี่ยนเพื่อสิงสู่
เด็กหนุ่มหมุนตัวครึ่งรอบ ยกมือซ้าย ก้าวเท้าพร้อมกับตะโกน
“ข้า!”
เพียงเปล่งเสียงเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ ทั่วห้องก็คล้ายกับสั่นเบาๆ ทันที จนหมอกสีเทาภายในเกิดการกระเพื่อม
ลูเมี่ยนใช้กริชเงินพิธีกรรมปาดหยดเลือดขึ้นจากหลังมือ แล้วชี้ไปยังสัตว์ประหลาด ‘ปาก’
“ขอสั่งเจ้า!”
“ให้เข้ามาในตัวข้า!”
นี่ก็ยังเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ ระหว่างพูดมีสายลมพัดผ่านแผ่วเบา
ร่างโปร่งใสอันพร่ามัวของสัตว์ประหลาดปาก สั่นสะท้านจนเห็นได้ชัด ราวกับถูกมนุษย์ล่องหนยกขึ้นแล้วเขย่าอย่างแรง
ขณะลูเมี่ยนเต้นจังหวะสุดท้ายพลางถอดใจว่าคงไม่สำเร็จ สัตว์ประหลาดปากลอยเข้ามาในบ้าน พุ่งใส่กริชเงินพิธีกรรมพร้อมกับกลืนหยดเลือดสีแดงสดเข้าไป
ทันใดนั้น มันสั่นเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะพุ่งเข้ามาสิงร่างลูเมี่ยนผ่านกริชเงิน
ปากลูเมี่ยนพลันอ้ากว้างอย่างไม่อาจควบคุม หัวสมองเต็มไปด้วยความคิดทำนอง ‘หิวมาก หิวมาก ฉันหิวมาก’
เด็กหนุ่มรีบหันไปมองกระจกเต็มตัวบนตู้เสื้อผ้า และพบว่าใบหน้าของตนกำลังซีดเซียวอมเขียวม่วง ปากอ้ากว้าง ใกล้เคียงกับซากศพมากกว่าคนเป็น
สำเร็จ… ระหว่างที่ลูเมี่ยนยินดีปรีดา ก็มองเข้าไปในกระจกด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังมองคนแปลกหน้า
ดูแปลกตาไปมากจริงๆ
ฝืนข่มความหิวโหยอันแรงกล้า เขาพยายามสัมผัสถึงสัตว์ประหลาดปากที่กำลังสิงร่างตน
ตอนนี้คล้ายกับมีสมองเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง โดยที่เกือบทั้งหมดท่วมท้นไปด้วยความคิดอย่าง ‘หิวโหย’ ‘กระหายเลือด’ และ ‘บ้าคลั่ง’ ส่วนที่เหลือคือสัญชาตญาณในการใช้จุดเด่นของตัวเอง
ลูเมี่ยนสามารถใช้พลังวิญญาณและพลังใจของตนเพื่อ ‘เน้น’ สัญชาตญาณเหล่านั้น มีผลเท่ากับการใช้จุดเด่นหรือความสามารถของสัตว์ประหลาดปากโดยตรง
โดยไม่มัวรีรอ เด็กหนุ่มลองใช้พลัง ‘ล่องหน’
ทันใดนั้น เขาพบว่าเงาสะท้อนของตนบนกระจกหายไป
ไม่ว่าจะร่างกาย เสื้อผ้า หรือกริชเงิน ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ
ลูเมี่ยนลองเดินไปเดินมาสองสามก้าว แต่ก็ไม่พบสิ่งใดสะท้อนบนกระจกเงาหรือกระจกหน้าต่าง
แต่แน่นอน รอยเท้ากับกลิ่นยังไม่หายไปไหน
ลูเมี่ยนเก็บกริชเงินพิธีกรรมที่โอลัวร์ให้มา ยกแขนขึ้น ชกลมไปสองสามหมัด
ท่ามกลางเสียงปึงปัง กระจกเงาเต็มตัวยังคงไม่สะท้อนภาพของเขา จนกระทั่งลูเมี่ยนลองชกใส่ผิวกระจก
เมื่อกำปั้นสัมผัสกับผิวกระจกเงา ร่างของเขาพลันปรากฏ เผยให้เห็นใบหน้าซีดเขียว แววตาค่อนข้างดุร้าย
“สุดยอด… ไม่ว่าเราจะทำอะไร ผลของ ‘ล่องหน’ ก็จะไม่หายไป เพียงแต่ไม่เก็บเสียง และทันทีที่ชกใส่กระจกเงา ภาวะล่องหนก็ถูกยกเลิก… ทีแรกโอลัวร์เคยสงสัยว่าอาจเป็นแค่การ ‘พรางตา’ ธรรมดาๆ แต่ดูเหมือนจะมีปัจจัยเร้นลับช่วยสนับสนุนด้วย… การโจมตีใส่บางสิ่งบางอย่าง เท่ากับเป็นการสร้างความเชื่อมโยงกับมัน ส่งผลให้ ‘ตา’ ของสิ่งนั้นสามารถเห็นเรา?” ลูเมี่ยนยังคงปล่อยให้หมัดขวาแช่ค้างอยู่บนผิวกระจกเงา
เมื่อยืนยันความสามารถและขีดจำกัดของการล่องหน เขาไม่อาจทานทนความหิวโหยอันแรงกล้า จึงเดินลงชั้นล่างและหยิบสเต๊กดิบสองชิ้นจากห้องใต้ดิน
หากมิใช่ว่ายังมีสติสตังดีอยู่ เขาคงเขมือบเนื้อสีเข้มๆ พวกนี้ทันทีที่ได้เห็น
เมื่อพิจารณาว่าสเต๊กยังดิบ และต้องย่างให้สุกอย่างน้อยสามส่วนก่อน ลูเมี่ยนถอดใจวางมันลง แล้วเปลี่ยนไปเลือกกินชีสในบ้านแทน
เขาไม่สนใจความสะอาด ไม่สนใจรสชาติ ปานประหนึ่งผีสางที่ตายเพราะหิวโซ เร่งสวาปามอาหารคำแล้วคำเล่า
หลังจากกินชีสที่หั่นเตรียมไว้หลายชิ้น ในที่สุดลูเมี่ยนก็เป็นอิสระจากความหิวอันแรงกล้า
“นี่คงเป็นผลข้างเคียงของสัตว์ประหลาดปาก…” เด็กหนุ่มประเมินอย่างรอบคอบ “โชคดีที่ยังควบคุมร่างกายได้ และไม่สูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปอย่างสิ้นเชิง… หมอนี่ยังอยากแก้แค้นเราอยู่ แต่ความรู้สึกนั้นถูกข่มไว้ด้วยความกลัวที่แรงกล้ายิ่งกว่า… เพียงเราพูดว่า ‘ออกไปซะ’ เป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ มันคงเผ่นไปเร็วยิ่งกว่าอะไร…”
ถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนยืนยันจนมั่นใจว่าผลข้างเคียงจากการปล่อยให้สัตว์ประหลาดปากสิงร่าง อยู่ในระดับที่รับได้ หลังจากนี้พลัง ‘ล่องหน’ จะกลายเป็นอาวุธสำคัญในการสำรวจและต่อสู้บนแดนซากปรักหักพังความฝัน
เมื่อผนวกกับ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ เขาสัมผัสได้ว่าตนแข็งแกร่งขึ้นราวๆ สองเท่า
ลูเมี่ยนกลับมายังโต๊ะอาหาร ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง รอคอยอย่างใจเย็นจนกว่าการสิงสู่จะสิ้นสุดลง
ผ่านไปไม่นาน พลังวิญญาณของเขาก็ใกล้เหือดแห้ง
เด็กหนุ่มไม่รีบร้อน เพียงแต่ยืนขึ้นแล้วเริ่มขยับกายอย่างบ้าบอ
เป็นท่าเต้นเดียวกับที่ใช้ดึงดูดสัตว์ประหลาด เพื่อไล่สิ่งที่กำลังสิงสู่ออกไป
โดยไม่ต้องรอให้ลูเมี่ยนออกคำสั่งเป็นเฮอร์มิสโบราณ ร่างอันโปร่งใสพร่ามัวของสัตว์ประหลาดปากก็บินหนีทันที พริบตาเดียวก็พุ่งพ้นหน้าต่างชั้นล่างโดยไม่เหลียวกลับมามอง
“ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลย… ในตัวฉันมีหลุมส้วมอยู่หรือไง” ลูเมี่ยนรำพันติดตลก
ตอนนี้สามารถยืนยันได้เบื้องต้นแล้วว่า พลังวิญญาณของตนสามารถคงสภาพการสิงสู่ได้ราวๆ สามนาที และเมื่อใช้พลังล่องหน อัตราสิ้นเปลืองจะทวีคูณ
แต่นั่นคือในสถานการณ์ปกติ หากจำเป็น ลูเมี่ยนสามารถยื้อเวลาการสิงร่างให้นานขึ้น แต่นั่นจะยิ่งเสี่ยงต่อการคลุ้มคลั่ง ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง
แม้สัตว์ประหลาดปากจะออกไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มยังคงหิวโซ จึงจุดเตาทำสเต๊กที่หยิบออกมา ปรุงจนสุกไปเจ็ดส่วน
ถัดมา เขาหยิบมีดส้อม หั่น เสียบ ยัดปากอย่างชำนิชำนาญ ดื่มด่ำไปกับน้ำเนื้อที่ถูกขังอยู่ในเนื้อ
ไม่ถึงสิบนาที ลูเมี่ยนจัดการสเต๊กสองชิ้นจนเกลี้ยง ขจัดความหิวโหยเป็นปลิดทิ้ง
มองจานเปล่าตรงหน้า เขาถอนหายใจรำพัน
“สิงร่างนานสามนาที ต้องฟื้นฟูนานสองชั่วโมง…”
นี่ไม่เพียงแต่หมายถึงการขจัดความหิว แต่ยังรวมถึงการฟื้นฟูพลังวิญญาณ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมาะแก่การสำรวจ ลูเมี่ยนควานหาแป้งกับน้ำตาล ใช้เตาอบในบ้านเพื่อทำคุกกี้
ร่วมกันกับชีส อาหารเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของเขาระหว่างสำรวจซากปรักหักพัง
หากมิใช่เพราะมีเวลาไม่พอ เด็กหนุ่มคงเตรียมทำเนื้อตากแห้งด้วยแล้ว — นี่เป็นจานหลักของคนเลี้ยงแกะ ชาวหมู่บ้านกอร์ตูอย่างเขาย่อมทำเป็นโดยปริยาย
ง่วนอยู่สักพัก ลูเมี่ยนเริ่มวางแผนขั้นถัดไป
“อา… ก่อนอื่น… สำรวจรอบ ‘กำแพงเมือง’ … นอกจากนั้นก็… ล่าสัตว์ประหลาดไฟ…”
“มีเพียงการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองเท่านั้น จึงจะสำรวจและไขปริศนาดินแดนความฝันได้ง่ายขึ้น…”
ความแข็งแกร่งที่สัตว์ประหลาดไฟแสดงออกมา เทียบเท่าลำดับ 7 เป็นอย่างน้อย และมีโอกาสสูงที่จะอยู่บนเส้นทาง ‘นักล่า’ กล่าวคือ มันเหนือกว่าลูเมี่ยนในทุกด้าน ทีแรกเขาจึงไม่คิดจะกลับไปต่อกรกับมันในเร็ววัน เปลี่ยนไปล่าเหยื่อที่อ่อนแอกว่าอย่าง ‘นักยั่วยุ’ ไปก่อน
ทว่า การมาของ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ กับพลัง ‘ล่องหน’ ทำให้เขามองเห็นความหวัง
เมื่อพลังวิญญาณฟื้นฟูกลับมาจนเกือบเต็ม ลูเมี่ยนนำคุกกี้ที่อบเสร็จ รวมถึงชิ้นชีสที่ตัดแบ่ง ใส่ในถุงผ้าและห้อยไว้ตรงเอว
ถัดมา เขาบรรจงห่อมือซ้ายด้วยเศษผ้าสีขาว แล้วใช้มันถือมีดสั้นชั่วร้ายนามว่า ‘ปรอทเสื่อมทราม’
สะพายปืนล่าสัตว์ เหน็บขวาน และพกพาสิ่งอื่นๆ ที่จำเป็น ลูเมี่ยนก้าวเท้ามายังประตูหน้า
ในวินาทีนี้ เขารู้สึกเหมือนตนเป็นนักล่าที่แต่งตัวเต็มยศ เตรียมออกไปล่าเหยื่ออันตราย
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวทันที
แผนการขั้นแรกก็คือ ทำความเข้าใจพฤติกรรมและรูปแบบของสัตว์ประหลาดไฟก่อน จากนั้นก็พึ่งพาพลังล่องหน ลอบเร้นเข้าไปใกล้ แล้วใช้ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ทำให้เกิดบาดแผล
แต่ก่อนอื่น เขาต้องล่าสัตว์ประหลาดอ่อนแอมาสักตัว ชิงชะตากรรมแย่ๆ ของมันเพื่อใช้แลกเปลี่ยนกับสัตว์ประหลาดไฟ
“ระหว่างที่ถูกสิงร่างจะเต้นบวงสรวงไม่ได้ เพราะถ้ากระตุ้นสัญลักษณ์หนามดำแม้เพียงน้อยนิด สัตว์ประหลาดปากจะหนีออกจากร่างทันที… ดังนั้น ส่วนที่ยากที่สุดของแผนการก็คือ หลังจากเอามีดแทงสัตว์ประหลาดไฟ ระหว่างรอให้ชะตากรรมออกฤทธิ์ เราต้องหนีจากมันยังไง… ถ้าแค่พึ่งพาพลังล่องหน คงถูกมันแกะรอยไล่ตามได้ไม่ยากเย็น…”
ลูเมี่ยนยังไม่พบคำตอบ แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนไปหลังจากรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเสร็จ
เมื่อเปิดประตูบ้าน เดินออกไปยังทุ่งร้าง ลางสังหรณ์ที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นภายในความคิด
“ถ้าเราล่าสัตว์ประหลาดไฟสำเร็จ โอสถนักล่าก็จะถูกย่อยอย่างสมบูรณ์…”
…
แถวๆ จุดที่ได้เจอกับสัตว์ประหลาดไฟเมื่อคราวก่อน ลูเมี่ยนถือมีดสั้นสีเงินดำด้วยมือซ้าย บรรจงค้นหาร่องรอยที่พอจะมองเห็น พลางระแวดระวังการลอบโจมตีทีเผลอ
หลังจากเดินอย่างรัดกุมนานเกือบสิบนาที ในที่สุดเขาก็พบร่องรอยที่น่าจะเป็นของสัตว์ประหลาดไฟ
ตรงมุมหนึ่งของซากบ้าน มีรอยไหม้สีดำบนหินบางก้อน โดยที่หินรอบๆ ไม่ได้เป็นเหมือนกัน
จากหนึ่งเป็นสอง ลูเมี่ยนสามารถยืนยันตำแหน่งคร่าวๆ ของสัตว์ประหลาดไฟ จึงเริ่มไล่ตามด้วยความรัดกุม
เมื่อร่องรอยเริ่มสดใหม่ เขาหยุดเดินและเริ่มเต้น
……………………………………………………..