ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 79 ผู้ทนทุกข์
ตอนที่ 79 ผู้ทนทุกข์
หลังจากตระหนักว่าแสงสว่างซาลง ลูเมี่ยนรีบเปิดตา
ชุดคลุมสีดำที่ ‘มนุษย์ล่องหน’ สวมใส่กำลังนอนคว่ำอยู่บนแท่นบูชา พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยไหม้ แต่มันมิได้นิ่งสนิทเสียทีเดียว ยังคงพยายามฝ่าเปลวไฟสีทองของวาเลนไทน์เพื่อผงาดกลับขึ้นมาใหม่
ใบหน้าโปร่งใสรวมถึงหน้าของแรมงด์ ผลุบๆ โผล่ๆ อย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งสลับจากสถานะ ‘อนาคต’ ที่ถูกทำลาย มายัง ‘ปัจจุบัน’ ที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไรอันเห็นดังนั้น จึงรีบตะโกนเสียงต่ำ
“ก้มลง!”
ลูเมี่ยนไม่ลังเลที่จะเก็บคองอเข่าแล้วก้มต่ำ
หากมิใช่เพราะมีเวลาไม่พอ ป่านนี้เขาคงหมอบคลานลงไปกับพื้นแล้ว
ลีอากับวาเลนไทน์ก็ไม่ได้ช้ากว่ากันมากนัก ก้มตัวลงต่ำเช่นกัน
ระหว่างนั้น ไรอันแทง ‘ดาบแสงแรก’ ใส่กึ่งกลางแท่นบูชา ปลายดาบปักลงบนชุดคลุมสีดำ
ท่ามกลางความเงียบสงัด ดาบแสงเล่มใหญ่สลายกลายเป็นอนุภาคเล็กๆ จำนวนมาก ก่อกำเนิดพายุรุ่งอรุณระยิบระยับตระการตารายล้อมแท่นบูชา ฉีกกระชากทุกสิ่ง ทำลายล้างทุกอย่าง
เมื่อพายุแห่งแสงสงบลง ลูเมี่ยนเงยหน้ามอง และพบว่าความสูงของแท่นบูชาลดลงไปราวๆ หนึ่งส่วนสาม ทั้งสัญลักษณ์หนาม น้ำมันหอมระเหย ชุดคลุมสีดำ ต่างก็มลายหายไปหมดสิ้น กลายเป็นผงธุลีโปรยปรายกระจายในอากาศ
เป็นท่าที่ทรงพลังจริงๆ … ลูเมี่ยนคิดแบบนี้มาตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน
“จบแล้วใช่ไหม…” เด็กหนุ่มเอ่ยปากถาม
ลีอาลุกขึ้นยืน หมุนตัวอยู่กับที่ กระดิ่งเงินเล็กๆ สี่ใบบนหมวกคลุมหน้ากับรองเท้าดังขึ้นอีกระลอก ดังแว่วแต่ไม่แผ่วเบา และไม่รุนแรง
“ยังมีอันตรายซ่อนเร้นอยู่” เธอเตือนไรอันกับวาเลนไทน์ แล้วพึมพำด้วยความสงสัย “ในเมื่อไม่มีแท่นบูชาแล้ว อันตรายจะมาจากไหน?”
ขณะหญิงสาวตั้งคำถาม วาเลนไทน์สร้างเปลวไฟสีทอง บังคับให้พวกมันลอยอยู่กลางอากาศ สาดแสงไปทุกสารทิศ
ณ ริมขอบของห้องใต้ดิน นอกจากกองกระดูกมนุษย์และหนังแกะไม่กี่แผ่น ก็ไม่หลงเหลือสิ่งอื่นใดอยู่อีก กระทั่งเพดานก็ยังดูเกลี้ยงเกลา ไม่มีแม้แต่โคมไฟระย้า
ลูเมี่ยน ‘หือ’ ออกมาหนึ่งคำ
“ไม่มีตะกอนพลัง?”
“อาจจะถูกเสนอเป็นเครื่องบูชาไปแล้ว” ไรอันตอบไม่ซับซ้อน “หรืออาจเป็นเพราะช่วงแรกๆ พวกเขายังได้รับ ‘พร’ ที่ไม่ดีนัก พลังไม่แข็งแกร่ง มีปัญญาจับแค่คนธรรมดามาเป็นเครื่องสังเวย… จนกระทั่งได้รับพลังวิเศษที่ดีขึ้น เฉกเช่นในคราวนี้ พวกขาจึงเริ่มหมายปองผู้วิเศษ”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูจะคุ้นเคยกับการรับ ‘พร’ ในลักษณะนี้
ไรอันกล่าวต่อ
“ในเมื่อไม่พบอะไรเพิ่มแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเผชิญหน้ากับอันตรายซ่อนเร้น”
ลูเมี่ยนไม่ตอบ เพียงมองไปรอบๆ อีกครั้ง เผื่อว่าจะค้นพบประตูลับได้จากร่องรอยเล็กๆ
คำตอบคือไม่มี
เขาจึงเดินนำทางทุกคนอีกครั้ง พาลีอา ไรอัน วาเลนไทน์ เดินตามเส้นทางปลอดภัยไปถึงยังทางออกของห้องใต้ดิน
ขณะทั้งสี่เดินพ้นกรอบประตู มุ่งหน้าไปยังบันไดที่แคบและชัน ไรอันส่งเสียงร้องครวญครางอย่างกะทันหัน
ร่างกายของเขาลอยขึ้นเอง แล้วพุ่งกระแทกกับประตูไม้สีน้ำตาลหน้าห้องใต้ดิน แรงกระแทกหนักหน่วงจนสะเทือนไปถึงบันได
ซวก!
หน้าอกไรอันคล้ายกับถูก ‘หอก’ ล่องหนเสียบทะลุ เกิดแผลฉกรรจ์แหว่งโหว่น่าหวาดเสียว ร่างกายถูกตรึงไว้บนกำแพงในสภาพเลือดทะลัก
หากมิใช่เพราะไรอันตอบสนองได้รวดเร็วยิ่ง โยกตัวหลบว่องไว บิดร่างกายว่องไว อาวุธปริศนาคงแทงทะลุหัวใจไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ลีอาที่เปิดเนตรวิญญาณไว้ตลอดเวลา กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้โจมตี!
ยังกับว่าไรอันกำลังได้รับ ‘ทัณฑ์สวรรค์’
ก่อนที่จะมีใครค้นพบต้นตอของปัญหา ใบหน้าอันยิ้มแย้มของลีอาพลันบิดเบี้ยว
แขนของเธองอพับไปข้างหลังเอง
ด้วยเสียง ‘กร๊อบ’ กระดูกแขนหญิงสาวหักสะบั้น ปลายแขนห้อยต่องแต่งไร้การยึดเกาะ
ถัดมา ท้องน้อยของหญิงสาวปรากฏรอยบุ๋มลึก เหมือนกับถูกกำปั้นยักษ์ชกใส่ ร่างกายกระเด็นไปชนกับผนังด้านข้าง!
วาเลนไทน์ที่ยังไม่ได้ขึ้นบันได ก็ส่งเสียงโหวกเหวกด้วยความเจ็บปวดเป็นรายถัดมา
กระดูกซี่โครงด้านหน้าทยอยหักทีละหนึ่ง ราวกับถูกใครบางคนทุบด้วยค้อนยักษ์
ด้วยเสียง ‘ปุปุ’ แผลโชกเลือดโผล่บนท้องและหน้าอกของลีอากับวาเลนไทน์ ทะลุผ่านร่างกายลึกเข้าไปในกำแพงหิน
ลูเมี่ยนเห็นแล้วก็ตะลึงงัน แง่หนึ่งก็สับสนกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจทำความเข้าใจ อีกแง่หนึ่งก็โล่งอกที่ดูเหมือนว่าตนจะรอดพ้นจากการจู่โจมลึกลับ
สัญลักษณ์หนามดำปกป้องเราไว้อีกแล้ว? ทันทีที่คิดแบบนี้ เด็กหนุ่มพบว่ามีพลังล่องหน ผลักตนเข้าไปชนกับผนังหินข้างบันได
ด้วยเนตรวิญญาณที่เปิดค้างไว้อยู่ เขามองไม่เห็นสิ่งใดตรงหน้าเลย
ระลึกถึงชะตากรรมของพวกไรอัน ลูเมี่ยนรีบฉากหลบไปด้านข้าง
ความเจ็บปวดแสนสาหัสเข้าครอบงำจิตใจทันที เปลือกหนังบริเวณหน้าอกขวาเริ่มปริแตก เลือดเนื้อสาดกระจาย เผยให้เห็นเยื่อหุ้มปอดอย่างเลือนราง
ลูเมี่ยนรู้สึกคล้ายกับถูก ‘แท่ง’ ที่มีชีวิตจิตใจ ทิ่มทะลุร่างกายและปักตรึงตนไว้กับผนัง
ในสภาพที่เลือดสีแดงสดยังคงไหลริน ไรอันเปลี่ยนบริเวณใกล้เคียงให้ท่วมท้นไปด้วยแสงรุ่งอรุณ สรรพคุณคือการขับไล่ความชั่วร้ายและทำลายภาพมายาได้ชะงักงัน
ทว่า ทั้งสี่คนก็ยังมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เปรี้ยง!
หน้าอกไรอันถูกค้อนล่องหนทุบใส่อย่างแรง จนบุ๋มลึกเข้าไป
ขณะที่กระดิ่งเงินใบเล็กบนตัวลีอายังคงดังเกรี้ยวกราด เล็บบนมือของเธอถูกแรงลึกลับล่องหนกระชากออกทีละหนึ่ง เลือดสดสีแดงฉานสาดกระเซ็น
ความเจ็บปวดอันยากจะทานทนทำให้เธอไม่อาจควบคุมสีหน้า แปรเปลี่ยนเป็นหวาดผวาอย่างบิดเบี้ยวเหยเก
วาเลนไทน์กางแขนกว้าง สร้างแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์สาดส่องจากเบื้องบน เป้าหมายคือการกลืนกินร่างกายตัวเอง
แสงสุริยันระเบิดจ้าอย่างฉับพลัน ขจัดทุกความชั่วร้ายทั้งปวง พร้อมกับจุดไฟบนร่างกายวาเลนไทน์
แต่ท่ามกลางแสงสุริยัน มือของเขากลับอยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งสองข้างเหยียดออกจนสุด ในลักษณะหันหลังแนบกับผนัง
บนข้อมือวาเลนไทน์ปรากฏรูโหว่โชกเลือดข้างละหนึ่งรู ท่าทางดูคล้ายกับถูกตรึงไว้บนไม้กางเขน
เมื่อแสงสว่างซาลง ใบหน้าวาเลนไทน์เต็มไปด้วยรอยไหม้สีดำ ผิวหนังหลุดลอกทีละแผ่นด้วยความเจ็บปวด
ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ลูเมี่ยนอดเจ็บแทนไม่ได้
ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะสัญลักษณ์หนามสีดำถูกกระตุ้น เด็กหนุ่มมิได้บาดเจ็บหนักเท่าทั้งสาม เพียงถูกตบหน้าโดยฝ่ามือล่องหนอย่างต่อเนื่อง ซ้ายที ขวาที ซ้ายที ขวาที ตบจนใบหน้าระบมช้ำ ฟันโยกคลอน พูดจาไม่ได้ศัพท์
เมื่อการโจมตีระลอกใหม่ใกล้จะเริ่ม ลูเมี่ยนพบว่าการมองเห็นของตนเกิดสั่นไหว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นทุ่งร้างอันกว้างใหญ่
ไกลออกไปคือภูเขา ใกล้เบื้องหน้าคือทุ่งหญ้าเขียวขจี
สัตว์ประหลาดสองตัวที่มีเขาแพะ กำลังชักลากรถม้าที่ห้องโดยสารมีรูปทรงคล้ายเปลือกหอยสังข์สีแดงเข้ม แล่นมาจากไกลๆ เข้าใกล้พวกลูเมี่ยนอย่างรวดเร็ว
บนรถม้ามีหญิงสาวนั่งอยู่หนึ่งคน สวมชุดกระโปรงสีเขียวสดใส สวมมงกุฎดอกไม้ ผมยาวสีน้ำตาลถูกมัดสูง นัยน์ตาสีน้ำตาลสว่างและมีน้ำตา บุคลิกสูงสง่า หน้าตาละม้ายคล้ายคุณนายปัวริสที่ดูมีอายุมากกว่าปกติ
เธอมาช่วยตามสัญญา? ลูเมี่ยนประหลาดใจในทีแรก ต่อมาจึงพบว่าตนกับพวกไรอันไม่ถูกโจมตีโดยพลังล่องหนอีก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากลับไม่ยักรู้สึกว่าสตรีตรงหน้าคือคุณนายปัวริส หรืออย่างน้อยก็ไม่เหมือนกับคุณนายขนาดนั้น ประหนึ่งชิ้นงานที่ถูกเย็บเข้ากับคุณนายปัวริสอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
เมื่อเทียบกันแล้ว ลูเมี่ยนอยากเรียกสตรีผู้นี้ว่า ‘คุณนายราตรี’ มากกว่า
ต่างจากตอนที่พบกันในโลกอีกฝั่ง คุณนายปัวริสถือกิ่งโอ๊กที่พันพืชมิสเซิลโท (Mistletoe) อยู่ตรงปลาย อีกมือหนึ่งถือชามใบเล็กที่ทำจากหยกสีเขียว
ในชามเล็กนั่นมีของเหลวส่องแสงเป็นริ้วริ้ว
คุณนายปัวริสใช้กิ่งโอ๊กจุ่มเอาของเหลวในชามหยก โปรยปรายใส่พวกลูเมี่ยนจากบนรถ
หลังจากโปรยไปสามครั้ง ลูเมี่ยนพบว่าแผลบนหน้าอกของตนสมานเข้าด้วยกัน รอยแดงและอาการบวมเริ่มเลือนหาย ไม่รู้สึกเหมือนเมื่อตอนถูกตรึงไว้บนผนังในสภาพไม่อาจกระดุกกระดิก
ทางลีอา ไรอัน วาเลนไทน์ก็หายกลับเป็นปกติ ไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ จากอาการบาดเจ็บอันโหดร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้น
คุณนายปัวริสที่นั่งบนรถม้าสีแดงเข้ม ตอบกลับด้วยท่าทีของผู้สูงศักดิ์
“พวกเธอได้รับออร่าของ ‘ผู้ทนทุกข์’ ไปเล็กน้อย ยังดีที่มีแค่เล็กน้อย ไม่อย่างนั้นอาจต้องคิดเรื่องการเริ่มต้นใหม่”
“ออร่าของ ‘ผู้ทนทุกข์’ คืออะไร?” ลูเมี่ยนหันไปพวกไรอัน และพบว่าอีกฝ่ายก็เผยสีหน้าฉงนสนเท่ห์
คุณนายปัวริสตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นั่นคือเท่าที่ฉันรู้”
“แล้วคุณรู้เรื่องสุสานของจอมเวทกับนกฮูกนั่นไหม?” ลูเมี่ยนถามต่อ
คุณนายปัวริสหันมามอง
“ถ้ารู้ก็คงไม่ลงเอยเช่นนี้… เดิมที ฉันตั้งใจจะทำให้ที่นี่เป็น ‘ดินแดน’ ของฉัน แต่ตอนนี้คงทำได้แค่จากไป”
ทำให้เป็นดินแดนของเธอ? ลูเมี่ยนตกตะลึงอยู่ในใจ พลางพบว่าการติดอยู่ในวัฏจักรเวลา อาจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด
“ถ้าคุณนายปัวริสทำตามเป้าหมายเดิมสำเร็จ เรากับโอลัวร์คงคลอดลูกกันไปหลายครอกแล้ว!”
“เมื่อเทียบกับจุดจบเช่นนั้น การตกอยู่ในวัฏจักรเวลาที่อาจถูกทำลายได้ทุกเมื่อ ถือว่ามิได้เลวร้ายสักเท่าไร”
“อย่างน้อยก็ยังได้ตายอย่างสะอาดสะอ้าน!”
คุณนายปัวริสหันไปมองพวกลีอา แต่ไม่พูดอะไรต่อ เพียงออกคำสั่งให้สัตว์ประหลาดสีดำที่ดูคล้ายปีศาจ ชักลากรถม้าเปลือกหอยสังข์ไปทางทุ่งร้างไกลลิบๆ
เมื่อเงาของเธอหายไปจากการมองเห็นของพวกลูเมี่ยน ทุ่งร้างก็อันตรธานหายตาม
ขณะนี้ ทั้งสี่พบว่าพวกตนยังอยู่ในห้องใต้ดิน ครึ่งหนึ่งอยู่บนขั้นบันได อีกครึ่งอยู่ใกล้กับประตูไม้
หากมิใช่เพราะยังมีเลือดและเล็บหล่นอยู่ตามพื้นและผนัง พวกเขาอาจคิดว่าสิ่งที่ตนเพิ่งเผชิญ คือภาพลวงตาที่เสมือนสมจริง
“รีบกลับกันเถอะ” ไรอันรวบรวมสติได้เร็วกว่าใคร ออกคำสั่งกับวาเลนไทน์ “กำจัดร่องรอยของพวกเราด้วย”
วาเลนไทน์พยักหน้ารับ แล้วอัญเชิญเปลวไฟมายาสีทอง เผาทำลายรอยเลือดและเล็บหน้าห้อง
ตลอดทางกลับขึ้นไปบนโบสถ์ พวกเขาไม่ถูกโจมตีเพิ่มเติม
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะออร่าของ ‘ผู้ทนทุกข์’ หมดฤทธิ์ไปเอง หรือถูกของเหลวที่คุณนายปัวริสโปรยขจัดทิ้งกันแน่
ขณะลูเมี่ยนเตรียมจะออกจากโบสถ์ด้วยประตูฝั่งด้านข้าง ก็เหลือบไปเห็นรองอธิการโบสถ์มิเชล·การีกู ยืนอยู่หน้าห้องที่มีคนรับใช้สามคนหมดสติ
กินอิ่มแล้วกลับมาแล้ว? พอดีกับที่ลูเมี่ยนคิดจะลักลอบหลบออกไป มิเชลเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหยักศก ใบหน้าหล่อเหลา หันหัวมาเห็นทุกคนเข้าพอดี
ขณะไรอันเตรียมจะเข้าไปทำให้สลบ มิเชล·การีกูก็ยิ้มแย้ม พลางถามด้วยความกระตือรือร้น
“มาสวดมนต์? หรือสารภาพบาป?”
คนอื่นในโบสถ์สลบเหมือดไปหมดแล้วแท้ๆ แต่กลับยังมัวสนใจเรื่องสารภาพบาป? ลูเมี่ยนมองมิเชลเหมือนกำลังมองคนบ้า
เมื่อเทียบกับคราวก่อน ความผิดปกติของเขายิ่งชัดเสียยิ่งกว่าชัด!
……………………………………………………..