ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 75 พบคุณนายปัวริสอีกครั้ง
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 75 พบคุณนายปัวริสอีกครั้ง
ตอนที่ 75 พบคุณนายปัวริสอีกครั้ง
ณ จวนเจ้าหน้าที่ปกครอง บ้านที่ดัดแปลงจากปราสาท
ลูเมี่ยนเดินผ่านสวนไปถึงประตูไม้ แล้วกล่าวกับคนรับใช้ชายที่ยืนเฝ้าอยู่
“ฉันมีธุระกับคุณนายปัวริส”
คนรับใช้ชายที่สวมเสื้อสีแดง กางเกงขายาวสีขาว เพ่งพิศลูเมี่ยนหัวจรดเท้า แล้วถามอย่างรอบคอบ
“ธุระเรื่องอะไรหรือ”
ไอเด็กแสบนี่ไม่ได้มาแกล้งกันเล่นใช่ไหม? ฉันไม่ได้ตกเป็นเหยื่อใช่ไหม?
ลูเมี่ยน ‘หึ’ หนึ่งคำ
“นายไม่จำเป็นต้องรู้”
เป็นแค่คนรับใช้ อยากรู้อะไรเยอะแยะ? นายชื่ออะไร นามสกุลอะไร คลอดลูกมากี่คนแล้ว?
คนรับใช้ชายลังเลอยู่สักพัก แล้วได้ข้อสรุปว่ายังไงก็ควรไปบอกคุณนายก่อน ส่วนจะออกมาต้อนรับไอเด็กแสบนี่ไหม ให้อีกฝ่ายตัดสินใจเอาเอง
ลูเมี่ยนยืนรออยู่ที่ประตู จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่นาที เขาเห็นคนรับใช้ชายเดินกลับมาพร้อมกับพูดว่า
“คุณนายให้ไปรอที่ห้องรับรองเล็ก”
ลูเมี่ยนรู้จักห้องรับรองเล็กนั่นเป็นอย่างดี เพราะเคยตามพี่สาวมาที่ปราสาทหลายครั้ง และมักถูกต้อนรับที่นั่น
เด็กหนุ่มไม่ต้องการคนนำทาง ย่ำเท้าเดินดุ่มไปที่ห้องปลายทางด้วยตัวเอง ปล่อยให้คนรับใช้ชายกลายเป็น ‘ผู้ติดตาม’
ลูเมี่ยนนั่งลงบนโซฟายาวในห้องรับรองเล็ก ดื่มชาดำรออยู่สักพัก ไม่นานก็เห็นคุณนายปัวริสเข้ามาจากทางประตู
วันนี้อีกฝ่ายมาในชุดกระโปรงรัดทรงสตรีสีดำ ไหล่คลุมด้วยผ้าสีเดียวกัน สวมหมวกกลมเล็กทำมุมเอียงเล็กน้อย บนอกสวมสร้อยคอเพชรที่ประดับทองคำ
ลูเมี่ยนรู้สึกคุ้นตากับเครื่องแต่งกายเซตนี้
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เด็กหนุ่มนึกออกแล้วว่า นี่คือชุดที่คุณนายปัวริสสวมขณะเข้ามาเยี่ยมบ้านของตน และ ‘ยั่วยวน’ ตนในวัฏจักรก่อนๆ
จงใจสินะ? ลูเมี่ยนรำพัน พลางยิ้มพร้อมกับทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ คุณนายปัวริส”
เมื่อพูดจบ ลูเมี่ยนสังเกตเห็นว่าคนที่ตามคุณนายปัวริสมา มิใช่สาวใช้ส่วนตัวนามว่าคาสซี่ หากแต่เป็น ‘หมอตำแย’ ที่ถูกไรอันฆ่าตายไปเมื่อวาน
หมอตำแยสวมชุดกระโปรงสีเทาขาว ดวงเนตรดูว่างเปล่า หน้าตาไร้อารมณ์ สีผิวค่อนไปทางซีดเขียว สภาพเดียวกับที่ลูเมี่ยนเห็นในสวนเมื่อเย็นวาน เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ตัดแต่งกิ่ง
ไม่พาสาวใช้ส่วนตัว แต่พาหมอตำแยมา? จงใจ? ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะรำพันอีกครั้ง
คุณนายปัวริสยิ้มอ่อนๆ
“ตอนนี้เที่ยงแล้วหรือเปล่า?”
หญิงสาวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว ซึ่งเป็นตำแหน่งของเจ้าบ้าน โดยมีหมอตำแยยืนอยู่ข้างๆ
“ถ้ายังไม่กินมื้อกลางวัน ก็ยังไม่ถือเป็นเวลากลางวัน” ลูเมี่ยนฝืนแถ
ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มเริ่มใจเต้นแรง ด้วยเกรงว่าคุณนายปัวริสอาจพาหมอตำแยมาเพื่อสอบปากคำเรื่องเมื่อวาน
หากตนตอบคำถามได้ไม่ดี และสามคนต่างถิ่นกระตุ้นการเริ่มใหม่ของวัฏจักรไม่ทันเวลา ลูเมี่ยนเชื่อว่าตนคงได้เป็น ‘พ่อ’ สักสองสามนาที หรืออาจนานถึงสิบนาที
คุณนายปัวริสมองหน้าเด็กหนุ่ม นัยน์ตาที่สว่างไสวคล้ายผิวทะเลสาบระยิบระยับ แฝงความรู้สึกอันยากจะบรรยาย
มาดามถามอย่างเป็นกันเอง
“มีธุระอะไรล่ะ”
ลูเมี่ยนเลือกจะพูดตรงๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มาดาม… คุณคงรู้อยู่แล้วใช่ไหม ว่าเรากำลังติดอยู่ในวัฏจักรเวลา?”
ขณะพูดก็มองหน้าคุณนายปัวริสอย่างไม่ละสายตา เพื่อสังเกตสีหน้าแววตาของเธอ
หากอีกฝ่ายแสดงอาการประหลาดใจ ตกใจ หรือสับสน เขาจะรีบพูดต่อทันทีว่า ‘ฮะฮะ! หยอกๆ’ และเริ่มเล่าเรื่องแปลกๆ สักเรื่องสองเรื่อง เพื่อดูท่าทีและทัศนคติของคุณนายปัวริส จึงค่อยตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องวัฏจักรเวลาหรือไม่
แน่นอน หากคุณนายปัวริสทำหน้าทำนองว่า ‘เธอรู้แล้วสินะ’ หรือ ‘ความลับของฉันถูกเปิดเผยแล้วสินะ’ เด็กหนุ่มก็ต้องรีบหาทางหนี
แม้สถานการณ์จะดูสิ้นหวัง โอกาสหนีรอดมีเพียงริบหรี่ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่มีวันรู้ว่ารอดหรือไม่รอด
คุณนายปัวริสจ้องหน้าลูเมี่ยนสักพัก แล้วพูดยิ้มๆ
“ดูเหมือนว่าเธอจะพบกับบอสแล้วสินะ”
หญิงสาวไม่ตื่นตกใจกับคำว่า ‘วัฏจักรเวลา’ ไม่มีท่าทีของความไม่เข้าใจหรือสงสัย ซึ่งนั่นเท่ากับว่า คุณนายปัวริสไม่ปฏิเสธเรื่องที่ตน ‘เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดี’
บอส? โอลัวร์ชอบใช้คำนี้ในนิยาย… คุณนายปัวริสหมายถึงตัวตนซ่อนเร้นที่คอยประทานพร? ลูเมี่ยนพยายามถอดรหัสคำพูดอีกฝ่ายในใจ
จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่า เธอสามารถรักษาความทรงจำบางส่วนข้ามวัฏจักรเพราะได้รับพรจาก ‘บอส’
ลูเมี่ยนยิ้มพลางทำหน้าโล่งใจ
“โล่งอกไปที นึกว่าต้องเสียเวลาอธิบายยืดยาว”
“แล้วสรุปว่า ธุระของเธอคืออะไร” คุณนายปัวริสถามยิ้มๆ
หมอตำแยยังคงยืนข้างๆ อย่างเฉยเมยปานประหนึ่งรูปปั้น
ลูเมี่ยนที่เตรียมคำพูดไว้แล้ว เริ่มงัดทักษะการชักแม่น้ำทั้งห้า
“ตอนนี้คนนอกหมู่บ้านตระหนักถึงความผิดปกติของกอร์ตูแล้ว… ถ้าเรายุติวัฏจักรเวลาไม่ทัน ที่นี่จะถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง และทุกคนจะต้องตาย…”
“พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องผนึกกำลังกันไว้เพื่อไม่ให้เรือล่ม เพื่อยื้อเวลาสำหรับสืบหากุญแจของวัฏจักร แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติกัน…”
“มาดาม เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว มาร่วมมือกันเถอะ”
คุณนายปัวริสฟังคำพูดขอลูเมี่ยนตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ขัดจังหวะ
เธอหัวเราะเบาๆ พร้อมกับกล่าว
“ใครบอกเธอว่าเราลงเรือลำเดียวกัน”
หา? เธออยากให้เรือจมหรือไง? ลูเมี่ยนแอบตกใจ
คุณนายปัวริสพูดต่อโดยยังคงยิ้ม
“ทำไมฉันต้องร่วมมือกับพวกเธอด้วยล่ะ… เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฉันสามารถออกจากที่นี่ได้เอง”
อะไรกัน… ลูเมี่ยนตกใจปนตื่นเต้น
“กำลังจะบอกว่า… คุณมีวิธีหลุดพ้นจากวัฏจักรเวลา?”
“แค่รอจนถึงจุดเวลาที่กำหนด แล้วก็ลงมือทำบางอย่าง?”
คุณนายปัวริสพยักหน้าเล็กน้อย ยกถ้วยชาเซรามิกสีขาวขึ้นดื่มหนึ่งคำ แต่ไม่มอบข้อมูลเพิ่มเติม
การมีตัวตนซ่อนเร้นคอยปกป้องช่างสะดวกสบายจริงๆ … แต่เดี๋ยวก่อน… นี่ไม่ใช่วัฏจักรรอบแรกสักหน่อย ทำไมเธอถึงยังไม่หลุดออกจากวัฏจักร…? หรือว่าวัฏจักรรอบก่อนๆ เริ่มต้นใหม่เรื่อยๆ จนไปไม่ถึงจุดเวลาที่เธอต้องการ? นั่นสินะ… แบบนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดเธอถึงไม่แก้แค้นเรื่องที่พวกเราบุกรุกปราสาทและฆ่าหมอตำแย… คุณนายคงไม่อยากยุ่งกับพวกนักสืบทั้งสาม เพราะอาจเป็นการบีบให้หนึ่งในนั้นกระตุ้นการเริ่มต้นใหม่ของวัฏจักร… ลูเมี่ยนสามารถไขปริศนาที่ตนค้างคาใจมานาน
เขาเชื่อว่าคุณนายปัวริสก็รอคืนที่สิบสองเช่นกัน
ท่ามกลางกระแสความคิด เด็กหนุ่มอมยิ้ม
“ไม่ทราบว่าคุณนาย… สามารถพาฉันกับโอลัวร์ออกจากวัฏจักรเวลาไปด้วยได้ไหม?”
พวกนักสืบเป็นใคร? ฉันไม่รู้จัก!
คุณนายปัวริสมองลูเมี่ยนอย่างชอบใจ พลางเพ่งพินิจหัวจรดเท้า
“แล้วทำไมฉันต้องช่วยพวกเธอด้วยล่ะ?”
“ไม่ใช่คุณเคยบอกว่ารัก…” ลูเมี่ยนพูดไม่ทันจบคำก็เงียบไปเอง
เขาตั้งใจจะเอ่ยถึง ‘ความรัก’ ที่คุณนายปัวริสเคยพูด เพื่อหวังให้อีกฝ่ายใจอ่อนและช่วยเขากับโอลัวร์ แต่เนื่องจากเป้าหมายของ ‘ความรัก’ อาจเป็นพี่สาวของตน เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเงียบเอาไว้
หากคุณนายปัวริสรักชอบตน คนหน้าด้านอย่างลูเมี่ยนย่อมไม่ลังเลที่จะงัดไพ่ ‘ความรัก’ ออกมาใช้ โดยยินดีเสนอร่างกายให้เป็นพ่อของลูก
ก็นะ ถ้าเขาเป็นคนอุ้มท้องเอง ก็ยังพอกัดฟันทนไหว เพื่อให้คุณนายปัวริสช่วยพาตนกับโอลัวร์หนีออกจากวัฏจักร
สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ความเงียบปกคลุมอยู่สักพัก จนกระทั่งคุณนายเอ่ยปาก
“เธออยากจะพูดว่า ‘ความรักคือสิ่งที่ยากจะเข้าใจ แม้เจ้าหล่อนจะทำผิดจนอยากให้ไปตาย แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ตายไม่ลง’ ใช่ไหม?”
ลูเมี่ยนไม่ตอบ เนื่องจากสังเกตเห็นว่าคุณนายปัวริสใช้สรรพนาม ‘เจ้าหล่อน’
เธอก็ไม่ได้คาดหวังให้เด็กหนุ่มตอบอะไร เพียงถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
“แต่ถ้าเกิดว่า… ฉันช่วยเจ้าหล่อนไม่ได้จริงๆ ล่ะ?”
ช่วยไม่ได้จริงๆ … หัวใจลูเมี่ยนเริ่มจมดิ่ง ราวกับถูกโยนลงทะเลสาบน้ำแข็งต้นฤดูใบไม้ผลิ
หลังจากปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เขาถามเพื่อยืนยัน
“คุณหมายความว่า เมื่อถึงจุดเวลาดังกล่าว คุณสามารถออกไปได้เพียงลำพัง หรืออาจพาผู้ติดตามไปได้นิดหน่อย แต่ไม่รวมฉันกับโอลัวร์?”
คุณนายปัวริสพยักหน้าเบาๆ
“จะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิด”
มีแต่ต้องพึ่งพาตัวเองสินะ… ลูเมี่ยนถอนหายใจแผ่วเบา พยายามปรับอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทาง
ความหวังที่โผล่ขึ้นมาฉับพลัน ก็สลายไปอย่างฉับพลันเช่นกัน เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์เลยจริงๆ
เด็กหนุ่มครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะยกมุมปากขึ้น พลางพูดยิ้มๆ
“มาดาม ฉันกับพวกคนต่างถิ่นกำลังจะไปสำรวจใต้โบสถ์ ถ้าระหว่างนั้นเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น… วัฏจักรอาจเริ่มต้นใหม่ก่อนเวลาอันควร จนไปไม่ถึงแม้แต่เทศกาลมหาพรต”
ไม่ต้องพูดถึงคืนที่สิบสอง!
คุณนายปัวริสหรี่ตาเล็กน้อย ยกคางขึ้นช้าๆ
“เธอกำลังขู่ฉัน?”
“เปล่า แค่เตือนความจำน่ะ” ลูเมี่ยนยิ้มแย้ม ภาษากายดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง
แต่นั่นเป็นเพียงผิวนอก ในความเป็นจริง เขากำลังกระสับกระส่ายอย่างหนัก กลัวว่าคุณนายปัวริสจะโมโหปรอทแตก จับตนขังไว้ในปราสาทเพื่อคลอดลูก ต้องรอนานกว่าสิบห้านาทีกว่านักสืบทั้งสามจะรอไม่ไหวแล้วเดินไปเริ่มต้นวัฏจักรใหม่
คุณนายปัวริสมองเข้าไปในแววตาลูเมี่ยนหลายวินาที เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สั่นกลัวหรือเบือนหน้าหนี หญิงสาวพูดยิ้มๆ
“ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ … ถ้าได้เธอกับพี่สาวมาเป็นคนรักคงดีไม่น้อย”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ คุณนายปัวริสหันไปมอง ‘หมอตำแย’ แล้วพูด
“พวกเธอทำลาย ‘เจ้าวิชามาร’ ของฉันไปหนึ่งคน ไม่เพียงฉันจะไม่เอาเรื่อง ซึ่งถือว่าเป็นความกรุณาอย่างยิ่งแล้ว พวกเธอกลับยังคาดหวังความช่วยเหลือจากฉัน?”
เจ้าวิชามาร? ลูเมี่ยนบันทึกคำศัพท์ใหม่ พลางพูดด้วยสีหน้าจริงใจ
“ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย”
คุณนายปัวริสเงียบไปสักพัก ไม่นานก็ยิ้มอีกครั้ง
“ฉันจะไม่ไปสำรวจใต้โบสถ์กับพวกเธอ แต่เพื่อโอลัวร์ เพื่อความกล้าหาญของเธอ ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้น ฉันจะยื่นมือช่วยเหลือตามสมควร”
ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจแล้ว ลูเมี่ยนมีความสุขจนอธิบายไม่ถูก จึงรีบยืนขึ้นแล้วทำท่าเลียนแบบสิ่งที่เคยอ่านเจอในนิยายของพี่สาว—มารยาทของสุภาพบุรุษ—วางมือไว้บนอกพร้อมกับโค้งคำนับอย่างนอบน้อมสง่างาม
“ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง มาดามของฉัน”
คุณนายปัวริสหัวเราะเบาๆ
“มันควรจะเป็น ‘ดวงอาทิตย์ของฉัน’ มิใช่หรือ?”
เธอสื่อถึงคำพูดของลูเมี่ยนในวัฏจักรก่อนๆ ที่เคยกล่าวไว้ว่า ‘มาดาม คุณคือดวงอาทิตย์ของฉัน’
ลูเมี่ยนพลันกระอักกระอ่วน แต่ด้วยความที่เป็นคนหน้าหนา จึงแสร้งทำหูทวนลม แล้วเดินออกจากห้องรับรองเล็กทันที
…
เมื่อลงจากเนินเขาที่ตั้งปราสาท เมื่อเข้าเขตหมู่บ้านกอร์ตู ลูเมี่ยนเห็นลีอา ไรอัน และวาเลนไทน์เดินเข้ามาใกล้
“เป็นยังไงบ้าง” ลีอาถามยิ้มๆ
ลูเมี่ยนเล่าบทสนทนากับคุณนายปัวริสให้ฟัง โดยเน้นจุดสำคัญ แล้วสรุปปิดท้าย
“นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วล่ะ”
“ใช่ อย่างน้อยในยามที่เผชิญปัญหาร้ายแรง เรายังพอคาดหวังความช่วยเหลือได้” ไรอันพยักหน้า
ลูเมี่ยนจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ทางนั้นตอบโทรเลขมาหรือยัง”
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเข้าไปในปราสาท ไรอันไปส่งโทรเลขรายงานเบื้องบน เรื่องที่ตระกูลโร้คฟอร์ไม่มีคนชื่อปัวริส และเรื่องที่มีรูปพูลิตในห้องของเธอ
ลีอาถอนหายใจสั้น ก่อนจะตอบแทนไรอัน
“ทางเบื้องบนเตือนเราว่า พูลิตอาจกลายเป็นสตรีด้วยโอสถหรือพลังบางอย่าง”
“อาฮะ” ลูเมี่ยนถามถึงแผนการถัดไป “แล้วเราจะสำรวจใต้โบสถ์กันเมื่อไร?”
ไรอันที่คิดคำตอบเตรียมไว้แล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ตอนนี้เลย”
……………………………………………………..