ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 74 ใบ้
ตอนที่ 74 ใบ้
เนื่องจากพี่สาวต้องพักผ่อน ลูเมี่ยนจึงไม่อาจศึกษาภาษาเฮอร์มิสกับเฮอร์มิสโบราณใหม่ๆ ทำได้เพียงทบทวนศัพท์ที่เข้าใจอยู่แล้ว รอจนประมาณสิบโมงเช้า เขาถึงออกจากบ้านแล้วตรงไปยังร้านเหล้าคร่ำครึ
แง่หนึ่ง เขาอยากรู้ว่าหลังจากตนกลายเป็น ‘นักเต้น’ มาดามลึกลับจะยังปรากฏตัวมาให้ความรู้เพิ่มเติมหรือไม่ ในอีกแง่หนึ่ง เป็นเพราะพวกลีอาพักอาศัยอยู่ที่นั่น หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน วันนี้ทั้งสามคงไม่คิดจะออกไปไหน
เดินเข้าไปในโรงเหล้าคร่ำครึ ลูเมี่ยนรีบกวาดสายตามอง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าที่นั่งประจำของมาดามยังว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่
เด็กหนุ่มหายใจออกช้าๆ แล้วเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์ เพื่อถามว่าสามคนต่างถิ่นยังอยู่ไหม
ขณะนี้ เจ้าของร้านอย่างมอริส·เบเนต์ทำหน้าง่วงซึมคล้ายกับเพิ่งตื่น ดูไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า แต่จมูกยังแดงไม่เปลี่ยน กำลังพูดคุยบางอย่างกับลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์บาร์
ลูกค้าคนนั้นดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ โบกไม้โบกมือไปมาพลางส่งเสียงอ๊าอ๊า แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียว
คนใบ้? ลูเมี่ยนขยับเข้าไปใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และพบว่าลูกค้าคนนั้นไม่ใช่หนึ่งในสองคนใบ้ของหมู่บ้าน แต่เป็นสามีของฌิบริล·แบรี—ฌ็อง·โมรี
ฌิบริลเป็นชู้รักของหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ เป็นพี่สาวของคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรี และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มก๊วนเล็กๆ นั่น
ฌ็อง·โมรีไม่ได้เป็นใบ้สักหน่อย… ลูเมี่ยนมองดูชายวัยกลางคนด้วยความสงสัย
ผมสีดำรกรุงรัง หนวดเคราไม่ถูกโกน แววตาเปี่ยมไปด้วยความโกรธเจือหวาดกลัว
แตกต่างจากนิสัยเงียบขรึมตามปกติ ตอนนี้เขาดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ มือไม้โบกบ่ายอย่างต่อเนื่องคล้ายพยายามสื่อสาร คล้ายอยากบอกบางสิ่งกับเจ้าของร้าน
ลูเมี่ยนคิดในใจว่า ‘แปลก’ พลางเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ยิ้มแล้วเคาะโต๊ะ
“หวัดดี เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“มอริส คุณขายเหล้าเถื่อนให้ฌ็องหรือไง… เห็นไหมเนี่ย เขาโกรธจนเป็นใบ้แล้ว”
“ไม่เกี่ยวกับฉัน!” มอริส·เบเนต์รีบปฏิเสธความรับผิดชอบ “เขากลายเป็นใบ้เอง”
ฌ็อง·โมรีหยุดการกระทำ หันมามองลูเมี่ยนครู่หนึ่ง แล้วกลับสู่สภาพหม่นหมองตามนิสัยปกติ
ฌ็องรีบเดินออกจากร้านเหล้าคร่ำครึไปทันที
จนกระทั่งลับสายตาจากประตู ลูเมี่ยนถามด้วยเสียงต่ำ
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
มอริส·เบเนต์มองออกไปข้างนอก แล้วก็ลดเสียงเช่นกัน
“ได้ยินว่าเมื่อคืนเขาเจอฌิบริลกับหลวงพ่อทำเรื่องอย่างว่ากันบนเตียง ก็เลยโกรธจัดจนเป็นใบ้ วันนี้เขาเดินไปทั่วเพื่อฟ้องทุกคนเกี่ยวกับเรื่องนั้น หึ… ไม่กล้าเดินทางไปดาลีแอชเพื่อฟ้องศาสนจักรด้วยซ้ำ ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ย! สมควรแล้วล่ะ!”
ลูเมี่ยนฟังด้วยความงุนงงปนประหลาดใจ
ถ้าจำไม่ผิด… ฌ็อง·โมรีทราบดีว่าฌิบริลภรรยาของตนเป็นชู้กับหลวงพ่อกิโยมมานานแล้ว เขาแค่ไม่อยากให้ฌิบริลไปมีสัมพันธ์สวาทกับชายอื่นอีก… แล้วทำไมถึงได้โกรธจนถึงกับเป็นใบ้กับเรื่องเล็กน้อยที่เตรียมใจมาพักใหญ่ๆ แล้ว?
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
แล้วอีกอย่าง ในวัฏจักรก่อนๆ ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ฌ็อง·โมรีตกใจจนเป็นใบ้ ไม่อย่างนั้นลูเมี่ยนก็ต้องทราบล่วงหน้า
ในหมู่บ้านกอร์ตู นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ที่แพร่กระจายได้รวดเร็ว
หรือเพราะว่าเราลงมือสืบสวน… ทำให้เกิดการแทรกแซงที่ไม่ปกติ จนฌ็อง·โมรีต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิด? ลูเมี่ยนลองคาดเดาสาเหตุ ระหว่างนั้นก็ทำหน้าตื่นเต้น
“จริงหรือ?”
“ฉันต้องไปถามเขาให้รู้เรื่อง!”
สำหรับความตื่นเต้นที่เด็กหนุ่มแสดงออกมา เจ้าของร้านมอริส·เบเนต์ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย คิดว่าปกติแล้วด้วยซ้ำ
มอริสหัวเราะพร้อมกับสบถ
“ไอ้เด็กเปรต อย่าไประรานคนที่น่าสงสารอยู่แล้วเลย”
“แล้วอีกอย่าง ตอนนี้หมอนั่นเป็นใบ้ แถมยังเขียนหนังสือไม่เป็น จะเล่าเรื่องให้นายฟังยังไง?”
ลูเมี่ยนหัวเราะ
“ให้ทำท่าทางก็ได้นี่?”
ในเขตดาลีแอชและทางตอนใต้ของอินทิส นี่เป็นภาษามือสากลที่หมายถึงเรื่องอย่างว่าระหว่างชายหญิง
มอริส·เบเนต์สบถด้วยความโกรธ
“ยังมีความเป็นคนเหลืออยู่บ้างไหม? อย่าไปแกล้งคนที่น่าสงสารแบบนั้นเลย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่อยาก ‘ฟัง’ เรื่องราวเท่านั้น” ลูเมี่ยนโบกมือแล้ววิ่งออกจากร้านเหล้า เพื่อตามหาฌ็อง·โมรี
แต่อีกฝ่ายหายตัวไปแล้ว แถมยังไม่ได้เที่ยวไปเล่า ‘เรื่องนั้น’ ให้ใครต่อใครฟังต่อ ลูเมี่ยนตามหาจนทั่วหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา
สุดท้าย เด็กหนุ่มตัดสินใจไปที่บ้านของฌ็อง·โมรี
ที่ประตูบ้าน ฌิบริล·แบรีในชุดกระโปรงสีเทาขาว กำลังตัดแต่งมันฝรั่งที่มีบางส่วนเน่าเสีย
“ว่าไง?” หญิงสาวเงยหน้ามองลูเมี่ยน
เธอมีนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนปิแยร์·แบรี ผมยาวสีดำอ่อนนุ่มปล่อยตามธรรมชาติ ผิดจากสตรีออกเรือนคนอื่นที่มักเกล้ามวยหรือมัดหางม้า
ลูเมี่ยนบอกไปตรงๆ
“ฉันมาหาฌ็อง·โมรี”
ฌิบริลเจ้าของแก้มอวบอิ่มและใบหน้าเป็นมิตร ตอบอย่างเฉยชา
“เขาไม่อยู่บ้าน”
“แล้วเขาไปไหน พอจะรู้ไหม?” ลูเมี่ยนซักไซ้
ฌิบริลตอบด้วยเสียงเทือกเดิม
“เมื่อคืนเราทะเลาะกัน เขาอาจจะหนีออกจากหมู่บ้านกอร์ตูไปแล้ว และคงไม่กลับมาอีกในเร็ววันนี้”
ลูเมี่ยนคิ้วกระตุกทันที
เขาพบความไม่ชอบมาพากลแล้ว
ค่อนข้างชัดเจนว่าฌ็อง·โมรีออกจากหมู่บ้านกอร์ตูไม่ได้ เพราะนั่นจะทำให้วัฏจักรเริ่มต้นใหม่!
ท่ามกลางกระแสความคิด เด็กหนุ่มทำหน้าซุกซน
เขาไม่ได้อธิบายด้วยคำพูด แต่ใช้มือขวาตบใส่กำปั้นซ้าย
ฌิบริลทำหน้าเย็นชา แผดเสียงตะโกนทุ้มต่ำ
“ออกไป!”
“ออกไปจากหน้าบ้านฉัน!”
ลูเมี่ยน ‘ชิชิ’ แล้วเดินออกจากบ้านของฌ็อง·โมรี
หลังจากเดินไปได้สักพัก รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนลับไปทันที
อันที่จริง เด็กหนุ่มไม่ได้อยากถามเรื่องที่ฌิบริลเป็นชู้กับหลวงพ่อสักเท่าไร กระทั่งร่างเปลือยของหลวงพ่อกับคุณนายปัวริสก็เห็นมาแล้ว ยังมีอะไรให้ต้องสงสัยอีก?
แต่ถ้าไม่ถาม มันก็จะขัดกับภาพลักษณ์ของ ‘ลูเมี่ยน’ ในสายตาชาวบ้าน ถ้าเกิดแวะไป ‘เยี่ยม’ บ้านไหนแล้วไม่ทำให้เจ้าของบ้านหัวเสีย ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าราชานักแกล้งแห่งหมู่บ้านกอร์ตูได้อีกหรือ?
ดังนั้นลูเมี่ยนจึงต้องถาม ไม่อย่างนั้นอาจถูกสงสัย
ภาพลักษณ์ที่จำเจบางครั้งก็มีประโยชน์ แต่บางครั้งก็มีโทษ
คำนึงจากวิธีลงมือของหลวงพ่อและข้อมูลในมือตอนนี้ ลูเมี่ยนสงสัยว่าฌ็อง·โมรีไม่ได้กลายเป็นใบ้เพราะค้นพบเรื่องชู้สาว แต่เป็นประเด็นอื่น
ไม่แน่ว่า เขาอาจถูกวางยาให้กลายเป็นใบ้!
ต้องรีบหาตัวให้เจอ… ถ้าฌ็อง·โมรีพยายามบอกความจริงกับคนอื่น คงมีชะตากรรมไม่ต่างจากคนที่พยายามร้องเรียนหลวงพ่อ—ถูกเชือดทิ้งง่ายๆ … ไม่สิ ตอนนี้ก็หายตัวไปแล้ว… ยิ่งลูเมี่ยนคิดก็ยิ่งมั่นใจว่าฌ็อง·โมรีกำลังเจอกับเรื่องไม่ดี
ชาวบ้านที่ไปแจ้งความที่ดาลีแอชก่อนหน้านี้ ผ่านไปไม่นานก็ตายไปอย่างเป็นปริศนา!
ขณะลูเมี่ยนพยายามตามหาฌ็อง·โมรีอย่างสุดความสามารถ เขาได้พบกับไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์ที่กำลัง ‘เดินเล่น’ อยู่ในหมู่บ้าน
ทุกคนยังสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิม
“อรุณสวัสดิ์ พวกกะหล่ำปลีของฉัน” ลูเมี่ยนยิ้มทักทาย
เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน เด็กหนุ่มถามด้วยเสียงเบา
“เมื่อวานไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ลีอาตอบยิ้มๆ
“ดูเหมือนคุณนายคนนั้นจะไม่อยากสืบสาวราวเรื่อง ก็เลยไม่ไล่ตามมา”
อย่างที่คิด… ลูเมี่ยนมองไปรอบๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ เขารีบแจ้งนักสืบจากทางการทั้งสาม เกี่ยวกับสมมติฐานของพี่สาว เรื่องเส้นทางของคุณนายปัวริสและตัวตนที่แท้จริงของพูลิต
วาเลนไทน์ฟังแล้วทำหน้าบูดบึ้ง ส่วนลีอาค่อนไปทางตื่นเต้น
ไรอันระลึกความทรงจำก่อนจะพูด
“ในแคว้นไรสตันมีแม่มดอยู่ไม่มากนัก เราจึงมีข้อมูลของเส้นทางนี้ค่อนข้างน้อย แต่ทางเบื้องบนคงรู้จักแม่มดดี ไว้ฉันจะส่งโทรเลขไปแจ้งเรื่องของคุณนายปัวริส… หืม… แต่คงบอกเพียงว่าในห้องของคุณนายปัวริสมีภาพของพูลิต และเรื่องที่ไม่มีคนชื่อปัวริสในตระกูลโร้คฟอร์”
เมื่อเห็นลูเมี่ยนทำหน้าสงสัยทำนองว่า ‘ทำไมเบื้องบนถึงรู้ดี?’ ไรอันจึงเสริม
“ในอินทิสมีคดีเกี่ยวกับแม่มดเกิดขึ้นบ่อย”
ถ้าอย่างนั้น เพื่อนทางจดหมายของพี่สาวก็อาจอยู่ในอินทิส? ลูเมี่ยนพยักหน้า แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“จากเท่าที่เห็น คุณนายปัวริสคงไม่เกี่ยวข้องกับวัฏจักร แต่อาจตระหนักถึงวัฏจักรเวลาได้ในระดับหนึ่ง นั่นคงเป็นเหตุผลที่ไม่พยายามแก้แค้นคนบุกรุกปราสาท…”
“พวกคุณมีความเห็นยังไงบ้าง หากเราจะร่วมมือกับเธอ?”
วาเลนไทน์โพล่งขึ้นมาทันที
“จะให้ร่วมมือกับคนสกปรกชั่วช้าที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าปีศาจนั่น?”
ลูเมี่ยนไม่แม้แต่จะหันไปมอง ยังคงคุยกับลีอาและไรอัน
เมื่อเห็นว่าพวกเขายังลังเล เด็กหนุ่มจึงเสริมอย่างจริงใจ
“เป็นความร่วมมือที่จำกัดเฉพาะในวัฏจักรเวลา…”
“เมื่อวัฏจักรเวรนี่ยุติลง พวกคุณจะจัดการกับเธอยังไงก็ได้!”
“จะบอกเงื่อนไขนี้กับเธอตรงๆ ก็ยังได้ ฉันเชื่อว่าทางนั้นเข้าใจและยอมรับได้”
ไรอันครุ่นคิดสักพัก แล้วตบบ่าของวาเลนไทน์ พลางหันมาคุยกับลูเมี่ยน
“ก็จริง สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการยุติวัฏจักร แต่พวกเรายังไม่มั่นใจกับท่าทีของเธอ ไม่กล้าเป็นฝ่ายไปหาด้วยตัวเอง เกรงว่าอาจต้องรบกวนเธอหรือพี่สาวช่วยเป็นคนกลางให้”
“ตกลง” ลูเมี่ยนขานรับทันที
เขาคิดจะไปเอง
หลังจากค้นพบว่าคุณนายปัวริสอาจมีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดากับพี่สาว เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังกับโอลัวร์อีก
ขณะฟังบทสนทนา สีหน้าวาเลนไทน์กลับมาเป็นเคร่งขรึม แต่ไม่คัดค้านหรือปฏิเสธ
ลูเมี่ยนมองไปรอบๆ อีกครั้ง
“ฉันมีเบาะแสเพิ่มสามเรื่อง…”
เขาเล่าเรื่องของแรมงด์ สถานการณ์ของฌ็อง·โมรี และเรื่องของนกฮูกที่บินเข้าไปใน ‘สุสาน’ อย่างละเอียด
ลีอาฟังด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมเธอถึงรวบรวมเบาะแสได้มากมายขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ?”
หญิงสาวเริ่มสงสัยว่า เด็กคนนี้หรือไม่ก็พี่สาวอาจมีความผิดปกติบางอย่าง จนทำให้รอบๆ ตัวเต็มไปด้วยเหตุการณ์พิลึกพิลั่น
ใครกันแน่ที่เป็นนักสืบมืออาชีพ? ทำไมพวกเราถึงยังไม่พบอะไรเลย?
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พวกคุณไม่ยอมรักษาความทรงจำจากวัฏจักรรอบก่อนๆ ไว้เอง” ลูเมี่ยนยิ้มอย่างซุกซนพร้อมกับแบะท่า
ลีอาพยักหน้า ยอมรับในคำแก้ต่าง
ไรอันไตร่ตรองสักพัก แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราต้องรีบสำรวจใต้โบสถ์นั่นโดยเร็ว…”
“อา… ที่นั่นน่าจะอันตราย เธอไปคุยกับคุณนายปัวริสไว้ก่อน ถ้าทางนั้นยอมร่วมมือ โอกาสสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นมาก”
……………………………………………………..