ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 64 อาวุธ
ตอนที่ 64 อาวุธ
ในรูปแบบของศพ?
ลูเมี่ยนฟังแล้วรู้สึกแน่นหน้าอก
หากร่างของแรมงด์ถูกพาออกจากวัฏจักรผ่านการสังเวย ก็คงไม่คืนชีพในวัฏจักรรอบใหม่แล้ว และเมื่อความผิดปกติในหมู่บ้านกอร์ตูถูกแก้ไข ไม่ใช่แค่การหายตัวไป แต่เขาจะตายจริงๆ
แม้ลูเมี่ยนจะไม่อยากยอมรับไอ้ทึ่มอย่างแรมงด์เป็นเพื่อน แต่ทั้งสองก็รู้จักกันมาเกือบห้าปี เล่นพิเรนทร์ด้วยกัน เล่นสนุกด้วยกัน ผ่านประสบการณ์มากมายด้วยกัน ไม่มีทางมองว่าเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงแน่นอน
เมื่อลองย้อนนึกกลับไป เขาพบว่านอกจากโอลัวร์แล้ว แรมงด์อาจเป็นคนที่ตนมีปฏิสัมพันธ์ด้วยมากที่สุด
ไหนโอลัวร์ชอบพูดว่า ‘ยิ่งโง่ก็ยิ่งมีความสุข’ … แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ… ลูเมี่ยนพยายามหาข้อโต้แย้ง
“ถึงจะกลายเป็นศพ แต่ก็ต้องเหลือวิญญาณไม่ใช่หรือ? วัฏจักรยังคงถูกกระตุ้นอยู่ดี”
โอลัวร์ถอนหายใจเบาๆ
“บางที ตัวตนซ่อนเร้นนั่นอาจไม่สนใจวิญญาณ ต้องการเพียงเลือดเนื้อ?”
“บางที พระองค์อาจไม่อยากกระตุ้นวัฏจักร จึงรับเครื่องเซ่นเพียงเลือดเนื้อ ไม่รวมถึงวิญญาณของแรมงด์ ส่งผลให้วิญญาณของเขายังอยู่ในกอร์ตู หรือไม่ก็ถูกทำลายไปแล้ว?”
หากเป็นเช่นนั้น ศพแรมงด์ก็จะถือเป็นสสารบริสุทธิ์ปราศจากวิญญาณ สามารถออกจากวัฏจักรได้โดยไม่กระตุ้นให้เริ่มต้นใหม่
ได้ยินคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบของพี่สาว ลูเมี่ยนลองจินตนาการสิ่งที่อาจเกิดขึ้น
หลังจากทุกคนออกจากริมแม่น้ำ แรมงด์ยังว่ายต่อไปอีกสักพัก แต่ทันใดนั้นก็ถูกแรงที่มองไม่เห็นดึงขาลงไป ปิดปากปิดจมูก ถูกกระชากลึกลงไปในแม่น้ำจนกระทั่งขาดอากาศหายใจตาย
หลังจากนั้น วิญญาณของเขายังคงอยู่ที่ก้นแม่น้ำ หรือไม่ก็ถูกทำลาย ส่วนร่างกายล่องลอยไปยังสถานที่ลึกลับ กลายเป็นเครื่องเซ่นสังเวย…
คิดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนลองตั้งทฤษฎี
“ไม่ว่าวิญญาณของแรมงด์จะถูกทิ้งไว้หรือถูกทำลาย แต่เมื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่ วิญญาณของเขาต้องยังอยู่”
“ตามหลักแล้วก็ใช่” โอลัวร์พยักหน้าด้วยท่าทีครุ่นคิด “หลังจากฟ้ามืด ฉันจะประกอบพิธีสื่อวิญญาณเพื่อดูว่าจะหาวิญญาณของแรมงด์พบหรือไม่… หืม… จะยิ่งดีถ้ามีข้าวของเครื่องใช้ที่แรมงด์ใช้บ่อย”
ลูเมี่ยนตอบโดยไม่ลังเล
“หลังจากสำรวจปราสาทตอนบ่าย ฉันจะแวะไปที่บ้านแรมงด์ ยังไงเสีย พ่อแม่ของเขาก็อยากเจอฉันเพื่อถามถึงลูกชายอยู่แล้ว”
ถึงตอนนั้น อาศัยสามารถของ ‘นักล่า’ และความตื่นตัวของลูเมี่ยน การจะหยิบฉวยข้าวของเครื่องใช้จากบ้านแรมงด์ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
“ตกลง” โอลัวร์ไม่คัดค้าน
ลูเมี่ยนถอนหายใจแล้วถามต่อ
“โอลัวร์ เอ่อ พี่สื่อวิญญาณได้ด้วยหรือ…”
“ในฐานะ ‘ผู้ส่องความลับ’ ฉันรู้เรื่องทุกอย่างอย่างละนิด” โอลัวร์หัวเราะเยาะกับตัวของ “ว่าแต่… คุยกับสามคนแปลกหน้าได้เรื่องยังไงบ้าง”
ลูเมี่ยนรีบเล่าบทสนทนาระหว่างตนกับมาดามลึกลับ รวมถึงบทสนทนากับไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์ แน่นอนว่าข้าม ‘คำนิยาม’ ของตัวตนซ่อนเร้น
โอลัวร์เงียบฟังจนจบ แล้วจึงถอนหายใจเบาๆ
“การอาสารับมลพิษไว้กับตัวถือว่าอันตรายมาก แต่เพื่อความก้าวหน้าในการสำรวจซากปรักหักพังความฝัน เพื่อไขปริศนาภายในนั้นและค้นหากุญแจสำหรับทำลายวัฏจักร เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ฉันเสียใจที่ทำให้นายต้องเป็นทุกข์…”
“พี่จะเสียใจทำไม” ลูเมี่ยนตบหน้าอก “ฉันกำลังช่วยเหลือตัวเองต่างหาก”
โอลัวร์พยักหน้าเบาๆ
“อำพันสีเทาใช้จากน้ำหอมของฉันได้ กานพลูก็มีที่บ้าน และฉันก็มีมัสก์กับวัสดุดิบหล่อเทียน ตอนนี้เหลือแค่ดอกทิวลิปแล้ว”
“หืม… จำได้ว่าในแปลงดอกไม้ของคุณนายปัวริสมี แต่ไม่แน่ใจว่าบานหรือยัง”
“บานแล้ว” ลูเมี่ยนตอบอย่างมั่นใจ
ในวัฏจักรรอบก่อน เมื่อเขากับโอลัวร์ไปยังปราสาทเพื่อยืมรถม้า สองพี่น้องพบดอกไม้บานอยู่ในแปลง ซึ่งไม่สอดคล้องกับช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิบนภูเขา
โอลัวร์ ‘อืม’ หนึ่งคำ
“ไหนๆ ก็ไปสำรวจปราสาทตอนบ่ายอยู่แล้ว หาโอกาสเด็ดดอกไม้มาด้วยเลยสิ…”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ? มาดามลึกลับจะช่วยนำสิ่งของเข้าไปในความฝันให้?”
“ใช่” ลูเมี่ยนรู้สึกว่าคงเป็นแบบนั้น
โอลัวร์คิดสักพัก แล้วจึงพูด
“ก่อนจะออกไปตอนบ่าย ฉันจะให้นายพก ‘เข็มกลัดซื่อตรง’ ติดตัวไว้ ปราสาทของคุณนายปัวริสมีมลทินอย่างชัดเจน อาจมีความเกี่ยวข้องกับภูตผีปีศาจ มันน่าจะมีประโยชน์”
“ไม่จำเป็น พี่เก็บไว้ใช้กับคุณนายปัวริสเถอะ” เมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนเตรียมจะโน้มน้าว ลูเมี่ยนรีบอธิบายเสริม “วาเลนไทน์คนนั้นเป็นผู้ศรัทธาสุริยันเจิดจรัสอย่างแรงกล้า… อ้างอิงจากคำพูดของพี่ เขาน่าจะเป็นผู้วิเศษเส้นทาง ‘สุริยัน’ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเข็มกลัดซื่อตรง”
จากการสังเกตของโอลัวร์ในช่วงหลายปีหลัง เหล่าสาวกผู้ศรัทธาสุริยันเจิดจรัสอย่างแรงกล้ามักเลือกเส้นทาง ‘สุริยัน’
หรืออาจมองในมุมกลับ ผู้ศรัทธาสุริยันเจิดจรัสที่เลือกเส้นทาง ‘สุริยัน’ ส่วนใหญ่จะยิ่งมีศรัทธาแรงกล้าเมื่อเวลาผ่านไป เว้นเสียแต่จะไม่เชื่อในเทพแท้จริงองค์นี้ตั้งแต่ต้น
“ก็จริง” โอลัวร์เลิกโน้มน้าว เปลี่ยนเป็นคำสั่งแทน “ตอนนี้นายฝึกทางลัดเปิดเนตรวิญญาณไปก่อน จากนั้นก็งีบตอนเที่ยงเพื่อฟื้นคืนพลัง… สำหรับภาษาเฮอร์มิสกับเฮอร์มิสโบราณที่จำเป็นต่อพิธีกรรม ฉันจะสอนให้ช่วงเย็น”
ได้ยินคำพูดพี่สาว ลูเมี่ยนพลันนึกถึงคำที่อีกฝ่ายชอบพูดตอนปั่นต้นฉบับ
“เวลามีจำกัด ภารกิจมีมากมาย”
…
บ่าย 3 โมง 20 นาที ด้านข้างเนินเขา—ที่ตั้งปราสาทจวนเจ้าหน้าที่ปกครอง
ลูเมี่ยนเห็นคุณนายปัวริสในชุดกระโปรงยาวสีเทาอมฟ้าที่ดูเรียบหรู ผมเกล้ามวยอย่างสง่างามตามแบบฉบับสตรีสูงศักดิ์ กำลังเดินไปทางหมู่บ้านพร้อมกับคาสซี่ สาวใช้ส่วนตัวของเธอ
เมื่ออีกฝ่ายเดินห่างออกไป ลูเมี่ยนรีบหันหลังกลับ อ้อมไปทางด้านหลังเนินเขา
ไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์มารออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนยังคงแต่งกายคล้ายเดิม บอกไม่ได้ว่าเตรียมตัวมาเป็นพิเศษหรือไม่
ลูเมี่ยนชำเลืองฝ่ามืออันว่างเปล่าของทั้งสาม พลางถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ไม่ได้พกอาวุธมาด้วย?”
ไรอันที่สวมทวีตแจ็กเกตสีน้ำตาล กางเกงขายาวสีเหลืองอ่อน รองเท้าหนังสีดำ และหมวกโบว์เลอร์สีเข้ม เจ้าของความสูงปริ่มๆ หนึ่งเมตรเจ็ด พูดยิ้มๆ
“อาวุธของฉันไม่จำเป็นต้องพก”
ถัดมา วาเลนไทน์ผู้สวมเสื้อกั๊กสีขาวกับทวีตแจ็กเกตสีน้ำเงิน เอ่ยปาก
“ฉันไม่ต้องใช้อาวุธ”
“ส่วนนี่คืออาวุธของฉัน” ลีอาที่สวมกระโปรงผ้าแคชเมียร์เข้ารูปสีขาว แจ็กเกตสีเบจ และรองเท้าบูตมาร์เซล ชักปืนพกออกจากที่ใดสักแห่ง
ปืนพกมีสีเงินวาว กะทัดรัด และประณีต ลีอายังถอดแมกาซีนซึ่งกระสุนแต่ละนัดมีลวดลายต่างกันออกมาให้ดู พลางอธิบายลูเมี่ยนแบบรวบๆ
“แต่ละนัดมีพลังเหนือธรรมชาติที่แตกต่างกัน”
แกร่ก! หญิงสาวสอดแมกาซีนกลับ ซ่อนปืนพก แล้วยิ้มถามกับลูเมี่ยน
“แล้วเธอล่ะพ่อหนุ่ม พกอาวุธแบบไหนมา?”
คนหนึ่งไม่ต้องการอาวุธ… คนหนึ่งไม่ต้องพกอาวุธ… ส่วนอีกคนก็พกปืนสวยๆ ที่ดูแล้วทรงพลัง ทำเอาของเราดูโง่ไปเลย… ลูเมี่ยนหันหลังโดยไม่พูดไม่จา เลิกชายแจ็กเกตสีเข้มขึ้น เผยให้เห็นขวานเหล็กดำที่เหน็บไว้กับเข็มขัดตรงตะโพก
โดยไม่รอให้พวกไรอันพูดอะไร เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางตัดพ้อ
“พวกคุณทำตัวเหมือนผู้วิเศษมืออาชีพ… ส่วนฉันเหมือนนักเลงที่จะไปต่อยตี”
ลีอาหัวเราะพร้อมเสียงกรุ๊งกริ๊ง
“เล่นตัวเองเจ็บน้อยที่สุด”
“ดูถูกตัวเองดีกว่าให้คนอื่นดูถูก” ลูเมี่ยนชี้ไปทางด้านหลังเนินเขาสูงชัน “เริ่มปีนกันเถอะ อย่ามัวเสียเวลากันอยู่เลย”
“ตกลง” ลีอาที่สวมกระโปรงเข้ารูป อาสาปีนขึ้นไปเป็นคนแรก
จุดที่น่าทึ่งที่สุดก็คือ กระดิ่งเงินเล็กๆ บนตัวไม่ขยับหรือส่งเสียงแม้แต่น้อย
ลูเมี่ยนไล่ตามไปไม่ห่าง แม้จะดูไม่สง่างามหรือชดช้อยเท่า แต่โอสถนักล่าช่วยเพิ่มกำลังวังชาได้มาก อาศัยพวกก้อนหินรากไม้เป็นฐานเหยียบ ไม่นานปีนถึงยอดเนินที่เมื่อก่อนไม่เคยปีนได้
เมื่อตั้งหลักเสร็จ เด็กหนุ่มมองย้อนกลับไป และพบว่าไรอันกำลังกอดคอพยุงวาเลนไทน์
ไรอันกระโดดหนึ่งครั้ง เหยียบลงบนก้อนหินกลางความชันของเนินเขา
จากนั้นก็กระโดดอีกครั้ง พาวาเลนไทน์มาอยู่ข้างๆ ลูเมี่ยนกับลีอาอย่างมั่นคง
ตลอดกระบวนการ ไรอันดูตัวใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย
ฉากดังกล่าวทำให้ลูเมี่ยนค่อนข้างตะลึง
เนินเขาไม่สูงมากก็จริง แต่การกระโดดสองครั้งถึงยอดมันไม่เกินไปหน่อยหรือ?
ยังไง ‘นักล่า’ ก็ทำไม่ได้แน่นอน!
เด็กหนุ่มรีบดึงสติกลับมา หันไปมองปราสาทสีดำลึกที่มีหอคอยสองแห่ง กว่าครึ่งของปราสาทถูกสวนล้อมไว้
ลูเมี่ยนพูดกับสามคนต่างถิ่น
“อ้อมเข้าประตูหลังกัน”
“เดี๋ยว” ไรอันรั้งไว้ก่อน แล้วหันไปหาลีอา
ลีอาไม่พูดไม่จา เดินสองก้าวไปทางประตูหลังของอาคารรูปทรงปราสาท
หญิงสาวพึมพำบางสิ่งโดยไม่มีเสียงเล็ดลอด
วินาทีถัดมา กระดิ่งเงินใบเล็กสี่ใบ ซึ่งผูกไว้กับหมวกผ้าคลุมหน้าและรองเท้าบูต ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง
เสียงนั้นไม่ดังมาก แต่หนักแน่นและเร่งรีบ
ลีอาหันกลับมา พูดกับพวกลูเมี่ยน
“เส้นทางนี้อันตรายมาก ถ้าไปจะเกิดปัญหาใหญ่”
เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ดังยาว แถมยังหนักแน่นและรวดเร็วกว่าเดิม
“ถ้าเข้าประตูหน้าอาจได้เจอกับปัญหาใหญ่” ลีอาพูดเสียงเครียด แต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มอ่อนๆ
“แล้วถ้าปีนเข้าหน้าต่างล่ะ?” ไรอันถาม
ลีอาพยักหน้ารับ หันหัวแล้วเดินไปทางสวน
คราวนี้แม้กระดิ่งจะดัง แต่ก็เสียงเบาและช้าลงมาก
“ไปทางนี้ได้” ลีอาถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม
ฉากเมื่อสักครู่สร้างความสับสนให้ลูเมี่ยน ไม่ค่อยเข้าใจว่าคนต่างถิ่นกำลังทำอะไรอยู่
นี่คือการทำงานของผู้วิเศษมืออาชีพ? เด็กหนุ่มนึกถึงคำสอนของพี่สาว แล้วจึงถาม
“ทำนายหาความเสี่ยง?”
“ใช่” ลีอาผงกหัวรับ ก่อนจะหันไปหาวาเลนไทน์ “ฉันจะไปดูลาดเลาก่อน คุณเตรียมตัวให้พร้อม”
“ตกลง” วาเลนไทน์ตอบเสียงขรึม
“เตรียมตัวทำอะไร?” ลูเมี่ยนถามด้วยเสียงงุนงง เนื่องจากยังไม่เข้าใจอะไรเลย
ลีอายิ้ม
“เตรียมใช้เวทศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างไฟ”
แล้วสร้างไฟไปทำไม? โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนถาม ลีอาเดินดุ่มเข้าไปในสวนด้านข้างปราสาท
ไม่นานหญิงสาวก็ไปถึงหน้าต่างบานหนึ่ง แล้วหันกลับมาส่งภาษากายเป็นนัยว่าทางสะดวก
“ไปกันเถอะ” ไรอันเตือนสั้นๆ พร้อมกับรีบตามลีอาไป
ลูเมี่ยนกับวาเลนไทน์ก็รีบตามไปไม่ห่าง
เมื่อเดินผ่านดอกทิวลิป ลูเมี่ยนเตรียมเอื้อมมือไปหยิบฉวย แต่ถูกไรอันใช้แขนขวางไว้
เขาไม่ได้ถามถึงเหตุผลของลูเมี่ยน เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ต้องรีบร้อน รอให้ออกมาก่อนค่อยหยิบก็ยังไม่สาย…”
“หากการเด็ดดอกไม้ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน แผนการถัดไปของเราก็จะล้มทั้งหมด”
ก็จริง… ลูเมี่ยนซึมซับประสบการณ์ของมืออาชีพอย่างเต็มที่
ไม่นานทุกคนก็มาถึงหน้าต่างฝั่งด้านข้างปราสาท
……………………………………………………..