ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 497 ความเป็นมาของเศษชิ้นส่วน
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 497 ความเป็นมาของเศษชิ้นส่วน
ตอนที่ 497 ความเป็นมาของเศษชิ้นส่วน
…………….
เมื่อทราบว่าลูเมี่ยนจะเดินทางไปเฟเนพ็อต มิสเตอร์ K ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่คอยย้ำเตือนว่า หากประสบปัญหา สามารถใช้นิ้วนั้นได้ตลอดเวลา ขอเพียงไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมพิเศษ ผู้แจ้งสารแห่ง ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ รายนี้จะรับรู้ผ่านการเชื่อมโยงกับเลือดเนื้อได้ทันที แล้วรีบมอบความช่วยเหลือในเวลาอันสั้น
รัศมีการรับรู้ไกลพอสมควร เพราะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเอง? ไม่รู้ว่าพอ ‘นางมาร’ ได้นิ้วนี้ไป จะใช้เป็นสื่อกลางเพื่อสาปแช่งได้ไหม…ลูเมี่ยนคิดเรื่อยเปื่อยขณะกล่าวอำลามิสเตอร์ K แล้วออกจากบ้านหรูหราสีขาวครีมเลขที่ 19 ถนนเฌอร์
…………
เมืองชาโย หน้าประตูคฤหาสน์ รายล้อมด้วยเถาองุ่นกับต้นองุ่น
ฟรังก้าเห็นบราวส์·เซารอน ผู้มีผมสีส้มแดงยาวสยายดั่งน้ำตก
นางมารรายนี้ยิ้มเย้ยหยันพลางกล่าว
“ได้ยินมาว่า คนรักของคุณตายไปแล้ว?”
“คุณเพิ่งดื่มโอสถ ‘นักยั่วยุ’ มาหรือไง” ฟรังก้าไม่ยอมอ่อนข้อ ถากถางอีกฝ่ายกลับ “หรือว่าตระกูลเซารอนเกิดมาพร้อมตะกอนพลัง ‘นักยั่วยุ’ จางๆ กันล่ะ?”
โดยไม่รอให้บราวส์ตอบ ฟรังก้าเดินผ่านเธอไป พลางหัวเราะแผ่วเบาขณะสวนกัน
“ใช่ การ์ดเนอร์·มาร์ตินตายแล้ว ฉันฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง”
รูม่านตาของบราวส์ขยายกว้าง รีบหันหน้ากลับอย่างตกตะลึง จ้องฟรังก้าจากด้านหลัง เห็นนางมารน้องใหม่รายนี้ เผยรอยยิ้มเบาบางบนใบหน้า แต่แววตากลับลึกล้ำและมืดมน มอบความรู้สึกทั้งสุขสมและทุกข์ระทม ทั้งลุ่มลึกและโหดเหี้ยมในเวลาเดียวกัน
ฟรังก้าอยากจะพูดเสริมอีกว่า ‘ฉันยังได้ยินเสียงกรีดร้องของบรรพบุรุษคุณตอนถูกฆ่าด้วย’ แต่นั่นจะเปิดเผยความจริงว่า เธอครอบครองข้อมูล ครอบครองความรู้ศาสตร์เร้นลับเกินระดับตัวเองไปมาก ซึ่งอาจทำให้นิกายนางมารเกิดความสงสัย เธอจึงต้องละทิ้งความคิดดังกล่าว แล้วเดินหน้าต่อไปพลางพูดยิ้มๆ
“นอกจากนั้น ฉันยังได้เจอวัตถุที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินกับพวกพ้อง ลักลอบขนเข้ามาในทรีอาร์ผ่านใต้ดิน”
“พบแล้วหรือ? มันคืออะไร?” บราวส์คาดไม่ถึงว่าฟรังก้าจะทำภารกิจนี้สำเร็จได้จริง จึงทั้งประหลาดใจระคนอิจฉา
หญิงสาวหยิบเทวรูปสีดำ ที่มีทรงผมขัดกับแบบดั้งเดิมออกมา แล้วแกว่งไปมาตรงหน้าบราวส์
สีหน้าของบราวส์แข็งค้างในทันที ราวกับเพิ่งได้เห็นสิ่งที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
“ม…มันเกิด…มันเกิดขึ้นได้ยังไง…” เสียงของ ‘นางมารสุขสม’ รายนี้เบาลงตามลำดับ น้ำเสียงแฝงความตกตะลึงอันยากจะเก็บซ่อน
“คุณรู้หรือว่ามันคืออะไร?” ฟรังก้าถือโอกาสถาม
บราวส์ได้สติกลับมา พูดด้วยแววตาวูบไหว
“อาจารย์ของฉันจะบอกคุณเอง”
ฟรังก้าไม่ซักไซ้ต่อ เพียงยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“ทำไมอาจารย์ของคุณถึงเรียกตัวเองว่า ‘นางมารดำ’ ล่ะ? ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปมองคำว่า ‘นางมาร’ เป็นสิ่งไม่ดีหรอกหรือ?”
“แต่ละคนมีรสนิยมไม่เหมือนกัน บางคนชอบเรียกตัวเองว่านักบุญ บางคนคิดว่านางมารดูเท่ มีบุคลิกไม่เหมือนใคร และไม่จำเจ” บราวส์แสดงออกชัดเจน ว่าเธอเอนเอียงไปทางอย่างหลัง
ผู้ชายจนตายก็ยังเป็นเด็กหนุ่ม ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางเสมอเลยสินะ? ไม่เว้นแม้แต่อดีตผู้ชาย…ฟรังก้าครุ่นคิดจริงจัง แล้วพบว่าหากมีคนเรียกเธอว่านางมารอะไรสักอย่าง ก็คงจะรู้สึกอึดอัดปนๆ กับภาคภูมิใจ แต่หากเปลี่ยนเป็นนักบุญอะไรสักอย่าง เธอคงจะขนลุกไปทั้งตัว จนอยากใช้นิ้วเท้าขุดหลุมฝังตัวเอง
ไม่นานนัก ฟรังก้าได้พบกับ ‘นางมารดำ’ ในศาลาทรงกลม ท่ามกลางต้นองุ่นและดงเถาวัลย์
ดวงตาสีเทาเข้มของแคลริส เจือความเศร้าโศกบางเบา กวาดมองใบหน้าของฟรังก้าและเทวรูป ‘นางมารต้นกำเนิด’ สีดำในมืออีกฝ่าย
เธอตรึงสายตาอยู่กับเทวรูปสองสามวินาทีแล้วพูด
“ได้สิ่งนี้มาจาก ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ หรือ?”
“ใช่ค่ะ” ฟรังก้าเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อคืนโดยไม่รอให้ถูกถาม
เธอเริ่มเล่าตั้งแต่การสะกดรอยตามสมาชิกพรรคเผาถ่าน แต่คลาดกันกลางทาง จนกระทั่งตนกับอ็องโตนี·รีด ขณะอยู่ในอพาร์ตเมนต์ 601 บ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาว กลับได้รับผลกระทบจากเทวรูป ‘นางมารต้นกำเนิด’ และกระจกเงินโบราณนั่น ทำให้หลุดเข้าไปในทรีอาร์ยุคที่สี่ในผนึกอย่างน่าประหลาด
เธอเลิกปิดบังการมีอยู่ของกระจกเงินโบราณ เพียงแต่เล่าว่า ได้มาโดยบังเอิญจากใต้ดินเมื่อไม่กี่เดือนก่อน โดยในเหตุการณ์คราวนี้ มันส่งอิทธิพลบางอย่าง ก่อนจะจมลงใต้ดินแล้วหายไป ไม่ทราบชะตากรรมอีก
ทุกคำล้วนเป็นความจริง ทุกประโยคคือข้อเท็จจริง
‘นางมารดำ’ แคลริสขัดจังหวะการเล่าของฟรังก้า ถามอย่างครุ่นคิด
“พอเข้าไป คุณก็เจอการ์ดเนอร์·มาร์ตินทันทีเลยใช่ไหม?”
แม้เธอจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ดูเหมือนจะคาดเดาเหตุการณ์ได้
“ใช่ค่ะ ยังมีสมาชิกพรรคเผาถ่านคนนั้นด้วย เขาคือนายพลฟิลิปผู้แกล้งตาย เทวรูปประหลาดนี้ก็เอามาจากศพเขา” ฟรังก้าตอบตามจริง “ตอนนั้นฉันกับอ็องโตนีเกือบตายด้วยน้ำมือการ์ดเนอร์กับฟิลิป โชคยังดี ชาร์ลกับจินนาก็หลงเข้ามาอย่างไม่ทราบเหตุผล พวกเขาซ่อนตัวอยู่แถวนั้นพอดี”
เธอบรรยายการต่อสู้อย่างคร่าว โดยตั้งใจอธิบายพลังของจินนาให้เอนเอียงไปทาง ‘แวมไพร์’
หลังจากฟังไปสักพัก ‘นางมารดำ’ ยกมือขวาลูบใบหน้าตัวเองเบาๆ
“คุณบอกว่า ไกลออกไปบนทุ่งร้าง มีอาณาเขตที่สภาพอากาศวุ่นวาย ในอาณาเขตนั้นมีคนยักษ์รายล้อมด้วยพายุและหมอกหนา?”
“ใช่ค่ะ พวกเรายังได้ยินเสียงคำรามยักษ์นั่นด้วย แค่ฟังก็เกือบจะคลุ้มคลั่งคาที่ โชคยังดี เราหนีเข้าไปในซากเมืองที่ปกคลุมด้วยหมอกสีเทาทันเวลา เสียงจากภายนอกจึงบรรเทาลงมาก ดังไม่ชัดเจนสักเท่าไร” ฟรังก้าคาดไม่ถึงว่า ‘นางมารดำ’ จะสนใจเรื่องของคนยักษ์นั่นเป็นพิเศษ
แคลริสเงียบฟังจนจบ แล้วถอนหายใจแผ่วเบา เจือความเศร้า ความผิดหวัง และความรู้สึกโล่งอกอันยากจะบรรยาย สร้างความน่าเห็นใจอย่างยิ่ง
บราวส์มองอาจารย์ของตนด้วยสีหน้าฉงนใจ คล้ายกับไม่เข้าใจว่าเหตุใด ‘นางมารดำ’ ถึงตอบสนองเช่นนี้
ฟรังก้าก็เริ่มจากความไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ทันใดนั้นก็นึกออก
บราวส์เป็นคนตระกูลเซารอน หรือว่า ‘นางมารดำ’ ก็ด้วย?
ตระกูลสาขาของพวกเธอ เข้าร่วมกับนิกายนางมาร?
แต่สีผมกับสีตาของ ‘นางมารดำ’ ไม่เหมือนกับสมาชิกตระกูลเซารอนดั้งเดิมเลย…
ถ้าทั้งสองเป็นคนของตระกูลเซารอนจริง ‘นางมารดำ’ ก็อาจเป็นญาติของบราวส์ หรืออาจเป็นพ่อแม่ บราวส์ถึงได้ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้?
‘นางมารดำ’ ได้ฟังสถานการณ์ปัจจุบันของฟอม็องดา·เซารอน และเข้าใจแผนการของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ จึงรู้สึกเช่นนี้หรือ?
ขณะความคิดแวบวาบ ฟรังก้าเล่าต่อถึงการต่อสู้ระหว่างพวกตนสี่คนกับการ์ดเนอร์ในกระจก แล้วจึงหยิบ ‘เศษชิ้นส่วนโลกในกระจก’ สีดำชิ้นนั้นออกมา
“ท่าน ‘นางมารดำ’ สิ่งนี้คืออะไร? แล้วเทวรูปนี้คืออะไร?”
‘นางมารดำ’ แคลริส มองไปยัง ‘เศษชิ้นส่วนโลกในกระจก’ กับเทวรูป ‘นางมารต้นกำเนิด’ สีดำ ก่อนจะกล่าว
“ในศาสตร์เร้นลับทั่วไป โลกในกระจกไม่ใช่โลกแท้จริง แต่เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดเชิง ‘ประตู’ ที่เชื่อมต่อกระจกหลายบาน เชื่อมต่อสารพัดมิติเข้าด้วยกัน แต่เราหลายคนในนิกายนางมารต่างทราบดีว่า ในสถานที่พิเศษบางแห่ง ด้วยเหตุผลเฉพาะตัวบางอย่าง โลกในกระจกที่มีสัตว์ประหลาดนั้นมีอยู่จริง ดินแดนนั้นมีอยู่จริง แต่มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น สิ่งที่พวกคุณประสบมาคือหนึ่งในนั้น และนี่คือเศษชิ้นส่วนของโลกดังกล่าว…”
เธอเล่าสถานการณ์ของ ‘เศษชิ้นส่วนโลกในกระจก’ ที่ฟรังก้าทราบอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะปิดท้าย
“ตามปกติแล้ว คุณสามารถมอบให้ฉันเพื่อแลกกับรางวัล แต่จากคำบรรยายของคุณ ‘คนในกระจก’ จากใต้ดินไม่น้อย ได้แทรกซึมเข้ามาในกรุงทรีอาร์เรียบร้อยแล้ว เศษชิ้นส่วนนี้จะช่วยให้คุณติดตาม ค้นหา และกำจัดพวกมันได้ ดังนั้น คุณพกมันติดตัวไว้ก่อน จนกว่าภารกิจนี้จะลุล่วง”
“อา…นี่คือภารกิจถัดไปของคุณ กำจัด ‘คนในกระจก’ ในกรุงทรีอาร์ให้หมด แล้วรวบรวมเศษชิ้นส่วนที่คล้ายกันนี้มาจากศพพวกมัน บางคนอาจจะมี แต่บางคนก็อาจไม่มี”
ความเป็นมาและประโยชน์ของมัน ไม่ต่างจากคำอธิบายของมาดามเมจิกเชี่ยนเลย แคลริสไม่ได้โกหกเราสินะ…เฮ้อ ภารกิจต่อไปของเรายังอยู่ในกรุงทรีอาร์ ไม่อาจตามชาร์ลไปเฟเนพ็อตเพื่อสืบหา ‘กวีเร่ร่อน’ ได้…แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เรายังบอกให้เขา ‘เทเลพอร์ต’ มารับไปช่วยได้…ฟรังก้าถอนหายใจแผ่วเบา แล้วจึงกล่าว
“ได้ค่ะ ท่าน ‘นางมารดำ’”
‘นางมารดำ’ เปลี่ยนเรื่องคุย
“เทวรูปนี้มาจากหนึ่งในโลกในกระจกพิเศษเหล่านั้น”
“ศรัทธาของพวกเราคือ ‘องค์ต้นกำเนิด’ ในโลกความจริง ส่วนศรัทธาของ ‘คนในกระจก’ คือ ‘องค์ต้นกำเนิด’ ในกระจก แต่มันเป็นเพียงภาพสะท้อนในกระจกของ ‘องค์ต้นกำเนิด’ ตัวจริงเท่านั้น”
ตรงตามข้อสันนิษฐานของเรา…ภาพสะท้อนของ ‘นางมารต้นกำเนิด’ ในกระจก เกิดกลายพันธุ์ขึ้นมา มีจิตใจเป็นของตัวเอง ทำให้สภาพของพระองค์เริ่มย่ำแย่ลง? หรือว่าแคลริสไม่ได้เล่าความจริงทั้งหมด? ฟรังก้าส่งมอบเทวรูปพิเศษให้อีกฝ่ายตามภาษากายของ ‘นางมารดำ’
แคลริสพยักหน้าแผ่วเบา
“ภารกิจเกี่ยวกับ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ คราวนี้ คุณประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายฉันไปมาก ถึงกับนำเทวรูปพิเศษนี้กลับมาได้ อยากได้อะไรตอบแทนล่ะ?”
ฟรังก้าไม่ลังเล ตอบไปทันที
“สูตรโอสถ ‘ทุกข์ระทม’ หรือสมบัติวิเศษสำหรับข้ามโลกวิญญาณ”
‘นางมารดำ’ ยิ้มเล็กๆ
“คราวนี้ฉันจะมอบสูตรโอสถ ‘ทุกข์ระทม’ ให้ก่อน ไว้คุณทำภารกิจถัดไปสำเร็จ ค่อยเลือกสมบัติวิเศษประเภท ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ ก็แล้วกัน”
หมายความว่า ผลงานของเราคราวนี้ยังไม่เพียงพอต่อการแลกเป็นสมบัติประเภทเทเลพอร์ต แต่ก็มีมูลค่าสูงกว่าสูตรโอสถ ‘นางมารทุกข์ระทม’ สามารถเก็บไว้สมทบกับผลงานในอนาคต แล้วค่อยแลกรางวัลใหญ่ทีเดียว? ฟรังก้าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบ
“ตกลงค่ะ”
‘นางมารดำ’ แคลริส ยกมือขวาทันที ปัดอากาศว่างเปล่า
ทันใดนั้น ฟรังก้าเห็นคำศัพท์ภาษาเฮอร์มิสนับไม่ถ้วน สีดำเข้มราวกับหมึก ปรากฏขึ้นตรงขอบศาลา เหนือผิวน้ำท่วมขัง
“สูตรโอสถ ‘ทุกข์ระทม’”
“ลำดับ: 5”
“วัตถุดิบหลัก: ศีรษะของค้างคาวหน้าลาย ถุงน้ำดีของงูดำหางคู่”
“วัตถุดิบเสริม: เลือดค้างคาวหน้าลาย 30 มิลลิลิตร, เลือดมนุษย์ป่วยหนัก 50 มิลลิลิตร, ปลายหางของงูดำหางคู่, น้ำมันหอมระเหยยูคาลิปตัสสีน้ำเงิน 10 หยด”
“พิธีกรรม: ถูกย่างสดบนเสาประหารนาน 15 นาทีโดยไม่ใช้พลังประเภท ‘ตัวแทน’ แล้วรอดชีวิตมาได้โดยไม่เสียสติ”
ซี้ด…แค่อ่านคำอธิบายก็รู้สึกเจ็บแล้ว…ฟรังก้าหดคออย่างอดไม่ได้
หลังจากท่องสูตรโอสถเสร็จ เธอก็ออกจากคฤหาสน์โดยมีบราวส์เป็นเพื่อนร่วมทาง
‘นางมารดำ’ แคลริส มองดูเงาแผ่นหลังของฟรังก้าอย่างเงียบงัน แล้วหยิบสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋าลับในชุดราตรียาวสีดำ
มันคือเศษกระจก ผิวกระจกเป็นสีเข้ม
ดูคล้ายกับ ‘เศษชิ้นส่วนโลกในกระจก’ ในมือของฟรังก้ามาก แตกต่างกันเพียงรอยแตกขรุขระแถวๆ ส่วนขอบ
……………………………………………………..