ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 496 บาป
ตอนที่ 496 บาป
…………….
ได้ยินข้อเสนอของฟรังก้า ลูเมี่ยนพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ก็ได้ ถ้าใครในพวกคุณอยากใช้ชุดเกราะ ผมก็จะ ‘เทเลพอร์ต’ มาให้”
“นี่เรียกว่าอะไรรู้ไหม? ไปรษณีย์ชาร์ลยังไงล่ะ! บริการส่งด่วน!”
หลังจากพูดติดตลก เด็กหนุ่มเดินไปทาง ‘ชุดเกราะอหังการ’ ข้างโต๊ะกาแฟ แล้วยัดถุงมือเกราะสีเงินเข้าไปในปากของ ‘กระเป๋านักเดินทาง’
พร้อมกับการกระทำดังกล่าว ชุดเกราะเต็มตัว ขนาดสูงใหญ่ ก็หดเข้าไปในถุงผ้าสีดำเข้มใบเล็ก
ขอเพียงส่วนหนึ่งส่วนใดของสิ่งของสามารถยัดเข้าไปใน ‘กระเป๋านักเดินทาง’ ได้ ไม่ว่าขนาดจริงจะใหญ่โตสักเพียงใด ขอแค่ไม่ใหญ่ไปกว่าปริมาตรจัดเก็บ ก็จะผ่านเข้าไปทางปากถุงได้ทั้งหมด ส่วนร่างกายมีชีวิตไม่สามารถนำเข้าไปใน ‘กระเป๋านักเดินทาง’ ได้
ด้วยคุณสมบัติสองข้อนี้ ความคิดแรกของลูเมี่ยนเมื่อได้รับมันมาพร้อมกับ ‘คู่มือ’ คือการนำมาใส่ศพ
“มหัศจรรย์จริงๆ …” จินนามองภาพนี้ด้วยความชื่นชมไม่น้อย
เธอเข้าร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเห็นอะไรคล้ายแบบนี้มาก่อน ใกล้เคียงที่สุดกลับเป็นโลกในภาพวาดนั่น
หลังจากซ่อน ‘กระเป๋านักเดินทาง’ ไว้ด้านในเสื้อผ้า ลูเมี่ยนหัวเราะพลางมองไปรอบๆ แล้วพูดกับอ็องโตนีและจินนา
“หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พวกคุณคงเห็นแล้วว่าผมกับฟรังก้ามีองค์กรลับอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ และไม่ใช่นิกายนางมาร คิดว่ายังไงบ้าง สนใจเข้าร่วมไหม? ถ้าไม่ ผมต้องขอให้คุณลงนามในข้อตกลงรักษาความลับ หรือให้คำมั่นสัญญา ที่มีผลผูกพันในการรักษาความลับ”
จินนาเคยได้ยินลูเมี่ยนกับฟรังก้าเกริ่นถึงองค์กรลับดังกล่าวแล้ว รู้ว่าความศรัทธาจริงๆ ของทั้งสองคือมิสเตอร์ฟูล รู้ว่าพวกเขาใช้ไพ่ทาโรต์เป็นโค้ดเนม ในตอนนี้ เธอผู้เคยได้รับการตอบสนองจาก ‘เดอะฟูล’ จึงไม่ลังเลอีกต่อไป
“ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของพวกคุณ”
อ็องโตนี·รีดเงียบไปสองสามวินาที แล้วถามอย่างรอบคอบ
“องค์กรของพวกคุณ รับใช้องค์ซ่อนเร้นบางพระองค์ใช่ไหม?”
“เป็นเทพจารีต” ลูเมี่ยนพูดราวกับเข้าใจความกังวลของอีกฝ่าย “ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมพาคุณไปดูวิหารได้”
อ็องโตนีสังเกตสีหน้าแววตาของเด็กหนุ่ม แน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหก
‘นักจิตบำบัด’ รายนี้ยิ้มขมขื่นพลางพูด
“งั้นผมก็ไม่มีปัญหา ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ รวมถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ช่วยมอบบทเรียนหนึ่งให้ผม นั่นคือ ผมยังอ่อนแอเกินไป ไร้ความสามารถในการหยุดยั้งหายนะระดับนี้ ถึงมันจะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ผมกลับได้แค่มองดูตัวเอง มองดูคนรอบข้างดำดิ่งสู่นรกอย่างไม่อาจช่วยเหลือ”
และหากต้องการพัฒนาตัวเอง การเข้าร่วมองค์กรลับคือทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อองค์กรลับนั้นนับถือเทพจารีต
ในฐานะผู้ศรัทธา ‘เทพจักรกลไอน้ำ’ อ็องโตนีนึกตรึกตรองอย่างถี่ถ้วน พบว่าในคัมภีร์ของศาสนจักร เนื้อหาไม่ได้บ่งชี้ว่าพระองค์เป็นปฏิปักษ์กับเทพจารีตองค์ใด ไม่เหมือนกับ ‘สุริยันเจิดจรัส’ ที่มักสอนให้ศาสนิกชนเกลียดชังทุกสิ่งเกี่ยวกับ ‘วายุสลาตัน’ และ ‘เทพแห่งปัญญาความรู้’
กล่าวคือ สำหรับอ็องโตนี ศรัทธาจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าร่วมองค์กรลับจารีตอื่นๆ
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนกับฟรังก้าตอบ อ็องโตนีหัวเราะจิกกัดตัวเอง
“ผมเคยคิดจะกลับไปใช้ชีวิตในชนบทฝั่งตะวันตกของทะเลกลาง แต่ตอนนี้ผมกังวลมาก ว่านั่นอาจไม่ใช่การหลบหนีหายนะได้จริง เฉกเช่นผู้คนในเขตตลาด ใครกันอยากเผชิญการกลายพันธุ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ใครกันอยากลอยคออยู่ระหว่างความเป็นความตาย? แต่เจตจำนงและความปรารถนาของพวกเขา ก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้”
“จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม นับวันหายนะยิ่งเกิดถี่ขึ้น”
ลูเมี่ยนเย้ยหยันพวกพ้องของตน
“พอปัญหาทางจิตหายแล้ว กลายเป็นคนพูดมากทันทีเลยนะ”
จากนั้น เด็กหนุ่มเสริม
“รอให้พวกคุณได้รับการยืนยันว่า จะต้องสังกัดกับไพ่อาร์คาน่าใหญ่ใบไหน หรือได้รับภารกิจใด แล้วค่อยพูดถึงขั้นตอนต่อไป”
จินนาเม้มริมฝีปาก กล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย
“ใจจริง ฉันค่อนข้างชอบเขตตลาดนะ…”
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ทุกคนจะต้องย้ายออกแล้ว
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“นี่ถือเป็นการปกป้องเขตตลาดอย่างหนึ่ง เพราะ ‘นักล่า’ กับ ‘นางมาร’ มักนำพาหายนะมาให้”
มักนำหายนะมาให้ แม้จะไม่ได้ทำอะไรเลย? ดวงตาของจินนาหรี่ลง จมอยู่ในห้วงความคิด
“ไปให้พ้น! ตัวซวยมีแต่คุณเท่านั้นแหละ!” ฟรังก้าด่าด้วยความโกรธระคนขบขัน
ในช่วงไม่กี่เดือนหลัง หายนะส่วนใหญ่ในเขตตลาดล้วนเกิดขึ้นรอบตัวชาร์ล ฉันกับจินนาเกี่ยวอะไรด้วย?
หากไม่แล้ว นั่นจะเท่ากับว่า 007 พูดถูก!
หลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จ ท่ามกลางแสงแดดยามเช้า ลูเมี่ยนกับฟรังก้าเดินออกจากบ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาว คนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่ของนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ บนถนนเฌอร์ในเขตถนนหลวง อีกคนจะไปเมืองชาโย
ลูเมี่ยนไม่ได้นั่งรถม้าสาธารณะเหมือนทุกที แต่เลือกรถม้าเช่าแบบสี่ล้อสองเบาะ
นอกหน้าต่างรถ พ่อค้าแม่ค้าริมถนนกำลังขายไซเดอร์ พายเนื้อ ปลาน้ำจืด ขนมปังหัวหอม ซอสเผ็ด ถั่วบด และอีกหลายสิ่ง ผู้คนสัญจรไปมาบ้างก็หยุดซื้อ บ้างก็เดินผ่านไปอย่างเร่งรีบ บางคนแต่งตัวเหมือนพนักงานนั่งโต๊ะ บางคนสวมเครื่องแบบคนงานสีต่างๆ
หลังจากการจลาจล หลังจากฝนกระหน่ำราวกับวันสิ้นโลกเมื่อคืน ย่านนี้ก็กลับสู่สภาพอึกทึกคึกคักอีกครั้ง
สำหรับลูเมี่ยน แถวนี้ยังคงเป็นเขตตลาดเหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่ตนกลายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับอีกครั้ง ในฐานะสมาชิก ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ และหัวหน้าหน่วยพรรคซาฟาห์ — ชาร์ล·ดูบัวส์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ธุรกิจต่างๆ อย่างคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ล้วนถูกกองบัญชาการตำรวจยึดไป อำนาจของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ ในเขตตลาดถูกถอนรากถอนโคนจนแทบไม่เหลือ
ลูเมี่ยนรู้สึกเสียดายมากพอสมควร เพราะนั่นหมายความว่าเขาสูญเสียแหล่งรายได้ประจำ
แน่นอนว่า หลังจากให้ที่พักพิงแก่ลุดวิกเมื่อคืน และแจ้งเรื่องเอกสารฉบับดังกล่าวให้มาดามเมจิกเชี่ยนทราบ เด็กหนุ่มก็ฉวยโอกาสในขณะความวุ่นวายยังไม่ซาลง แอบกลับเข้าไปในคาบาเร่ต์ลมเอื่อย เพื่อนำเงิน 30,000 เฟลคินออกจากตู้นิรภัย ทำให้ตอนนี้มีเงินทั้งสิ้น 75,000 เฟลคิน กับทองคำมูลค่า 1,000
มองดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา ฟังเสียงร้องเร่ของคนค้าขาย ความคิดของลูเมี่ยนค่อยๆ ล่องลอยไป
หลังจาก ‘รายงาน’ เหตุการณ์เมื่อคืนให้มิสเตอร์ K และได้รับความเห็นชอบจากผู้แจ้งสารของ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ รายนี้เมื่อไร เด็กหนุ่มจะออกจากกรุงทรีอาร์ มุ่งหน้าสู่ราชอาณาจักรเฟเนพ็อต
หนึ่งคือ หาลูกาโน ผู้กลับมาว่างงานอีกครั้ง ถามอีกฝ่ายว่าอยากไปท่าเรือซานตา ในราชอาณาจักรเฟเนพ็อตกับตนหรือไม่ — ผู้วิเศษรายนี้ ผู้กลายเป็น ‘แพทย์’ ลำดับ 8 แล้ว เคยผจญภัยในราชอาณาจักรเฟเนพ็อตมาพอสมควร พูดภาษาที่ราบสูงได้คล่องแคล่ว ส่วนลูเมี่ยนพูดได้แค่ภาษาอินทิสกับฟุซัคโบราณ การไปถึงจุดหมายโดยไม่เตรียมตัวล่วงหน้า อาจทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องสื่อสารด้วยภาษากายเท่านั้น
สองคือ รอให้จินนากับอ็องโตนีได้ภารกิจจากไพ่อาร์คาน่าใหญ่ ดูว่าพวกเขาสามารถทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้หรือไม่
สามคือ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์โลกวิญญาณประเภท ‘ผู้ส่งสาร’ ที่มาดามเมจิกเชี่ยนเพิ่งให้มาพร้อมกับสูตรโอสถ ‘ยมทูต’ พยายามมีผู้ส่งสารของตัวเองสักตน นั่นจะช่วยให้หลังจากนี้ติดต่อกับพวกฟรังก้าสะดวกขึ้น นอกจากนั้นก็ต้องประกอบพิธีกรรม เพื่อเพิ่มพลังจากพันธสัญญาอีกสักหนึ่งถึงสองชนิด
…………
เขตถนนหลวง ถนนเฌอร์ บ้านเลขที่ 19
ชั้นล่างของคฤหาสน์หรูหราสีขาวครีม
ลูเมี่ยนพบมิสเตอร์ K อีกครั้งในห้องใต้ดิน
ผู้แจ้งสารรายนี้ ที่ใบหน้าถูกบดบังด้วยเงาของฮู้ด นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงสีแดง มองลูเมี่ยนด้วยสายตาลึกล้ำ
“เมื่อคืนผมเข้าไปในทรีอาร์ยุคที่สี่” ลูเมี่ยนพูดตรงประเด็น พยายามดึงความสนใจของมิสเตอร์ K มายังประเด็นนี้
ศีรษะในฮู้ดของมิสเตอร์ K ดูเหมือนจะพยักหน้าแผ่วเบา
“ผมรู้แล้ว เล่าเรื่องราวทั้งหมดมาอย่างละเอียด”
คุณรู้? ขณะลูเมี่ยนรู้สึกตกใจ ก็เริ่มเล่าตั้งแต่การจับตัวบูวาร์·ปงแปโร ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการแก้แค้นของตน ไปจนถึงตอนที่เขากับพวกฟรังก้าสังหารการ์ดเนอร์ในกระจก แล้วใช้โลกในกระจกพิเศษนั่น หนีออกจากทรีอาร์ยุคที่สี่
ในเรื่องราวทั้งหมด เด็กหนุ่มเล่าแค่ประสบการณ์ตัวเอง ไม่ได้พูดถึงประสบการณ์ของพวกจินนา หรือข้อสันนิษฐานที่ตนมีต่อเหตุการณ์นี้ อย่างเช่น เขาไม่ได้พูดถึงเหรียญทองนำโชค ไม่ได้พูดถึงการสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลของจินนา แค่บอกว่าตัวเองเข้าไปในโลกในภาพวาดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในทำนองเดียวกัน รายละเอียดหลายจุดก็ถูกข้ามไป
มิสเตอร์ K ตั้งใจฟังจนจบ โดยไม่ขัดจังหวะการเล่าของลูเมี่ยน
จนกระทั่งลูเมี่ยนเล่าว่า ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ สาขาเขตตลาด ถูกทางการกวาดล้างจนเหี้ยนเตียน ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ไม่สามารถหลบซ่อนได้อีก จำเป็นต้องออกจากกรุงทรีอาร์สักระยะ เพื่อไปติดตามศัตรูที่เฟเนพ็อต มิสเตอร์ K จึงลุกขึ้นยืน พร้อมกับกล่าวด้วยแสงแหบพร่า
“ไม่มีปัญหา”
“คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากผมได้ทุกเมื่อ”
พูดจบ โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบสนอง ผู้แจ้งสารของ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ รายนี้ก็หันหลังกลับ ทรุดตัวคุกเข่าอย่างฉับพลัน แล้วหมอบราบไปกับพื้น
ใบหน้าของมิสเตอร์ K แนบชิดกับพื้นกระเบื้อง พึมพำบางสิ่งบางอย่าง บอกไม่ได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
ลูเมี่ยนยืนรอเงียบๆ โดยไม่ขัดจังหวะมิสเตอร์ K เพียงรู้สึกว่าเงารอบตัวเข้มข้นขึ้น ราวกับภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยดวงตานับไม่ถ้วน ที่ล้วนจ้องมองมาทางตน ทำเอาถึงกับขนลุกซู่ เย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง
อย่างไรก็ดี เด็กหนุ่มมิได้แตกตื่น การทำตัวแปลกๆ อย่างกะทันหันของชาว ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ท่ามกลางบรรยากาศแข็งทื่ออันยากจะอธิบาย มิสเตอร์ K เริ่มไอเสียงดัง บนพื้นคล้ายกับมีละอองเลือดกระเซ็น
เขารีบเงยหน้า กล่าวด้วยเสียงแหบพร่าแฝงความคลั่งไคล้
“พระบิดาผู้ทรงเมตตา โปรดอภัยต่อบาปที่ข้าเพิ่งกระทำลงไป”
หลังจากพูดซ้ำสามครั้ง มิสเตอร์ K ก็แนบหน้าไปกับพื้นอีกครั้ง ส่งเสียงคล้ายกำลังเคี้ยวแล้วกลืน
ทำทั้งหมดนี้เสร็จ เขาลุกขึ้นยืน แตะหน้าอกตัวเองสี่ครั้งตามลำดับ บน ล่าง ซ้าย ขวา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องสารภาพบาป?” ลูเมี่ยนถามด้วยความสงสัย
มิสเตอร์ K ตอบด้วยเสียงแหบพร่า
“หายนะเมื่อคืนนี้ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ของเราตอบสนองไม่ทันเวลา จึงไม่ได้ร่วมมือกับคุณเพื่อทำลายพิธีกรรมนั่น ถือเป็นความบกพร่องของผม”
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” ลูเมี่ยนตอบ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย
เป็นเพราะ ‘ชุมนุมทาโรต์’ เคลื่อนไหว แผน ‘หอพัก’ จึงต้องถูกเข็นออกมาก่อนกำหนด แค่ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ทราบข่าวได้รวดเร็วก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องสารภาพบาป ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง
มิสเตอร์ K ส่ายหัว
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การไม่ทำให้ดีถือเป็นบาป”
อยากรับผิดชอบขนาดนั้นเลย? พวกคุณเป็นแค่องค์กรลับ ไม่ใช่พวกคลั่งศาสนาจาก ‘สุริยันเจิดจรัส’ สักหน่อย…ลูเมี่ยนรำพันในใจ
ราวกับรับรู้ความคิดของเด็กหนุ่ม มิสเตอร์ K กางแขนออก แล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้นผิดวิสัย
“เพราะพวกเรา ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ เกิดมาเพื่อแบกรับบาปทั้งหมด”
ไม่สุดโต่งไปหน่อยหรือไง…ลูเมี่ยนฝืนข่มสีหน้าอย่างยากลำบาก
……………………………………………………..