ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 487 สู้กับตัวเอง
ตอนที่ 487 สู้กับตัวเอง
ภายในทรีอาร์ยุคที่สี่ ซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาหนาทึบ
อัวซอง·ซ็องซง ชายผมทองดกหนา หนวดเคราเรียบร้อย ใบหน้าคมเข้ม กำลังเดินตามคำชี้นำของโชคชะตา ฝ่าถนนอันวุ่นวาย มุ่งหน้าไปยังพระราชวังหลังใหญ่ที่มองเห็นได้รางๆ
ทันใดนั้น แผ่นศิลาใต้เท้าของเขาแตกออก มือกระดูกสีขาวยื่นออกมา คว้าจับข้อเท้าของเขาอย่างแม่นยำรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน อัศวินในชุดเกราะสีดำหัวจรดเท้า ควบม้าตรงมาอย่างไว ยกดาบใหญ่หนักเคลือบเปลวไฟสีขาวซีด ฟันเฉียงลงบนร่างอัวซอง·ซ็องซง
ร่างของอัวซอง·ซ็องซงพลันเลือนราง ไม่ได้แตกสลายจากการโจมตีของอัศวินเกราะดำ เพียงแต่จางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเลือนหาย
ร่างจริงของเขาเผยตัวอีกครั้งห่างออกไปเกือบยี่สิบเมตร สายตาชำเลืองมองผู้โจมตีเมื่อครู่
ใต้กะบังหน้าสีดำของอัศวิน แสงสีแดงเข้มสองจุดวูบไหวราวกับเปลวเทียน บนหน้าอกและท้องมีแผลฉกรรจ์อันน่าหวาดเสียว ลำไส้สีขาวซีดห้อยโตงเตง เขานั่งบนหลังม้าสีขาวตัวผอมแห้ง เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ดูราวกับศพแห้งกรัง
ด้านหลังอัศวินคือทุ่งร้างขนาดเท่าลานกว้าง มีร่างนับไม่ถ้วนเดินวนเวียนเตร็ดเตร่ บางร่างสวมเสื้อผ้าลินินสีขาว ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาว่างเปล่า บางร่างเหลือเพียงโครงกระดูก บางร่างสวมหน้ากากกระดาษขาว
ณ ชายขอบทุ่งร้าง รถม้าเปิดประทุนสีแดงเข้มคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาใกล้ ถูกลากจูงโดยสองสิ่งมีชีวิต บนศีรษะมีเขาแกะ ร่างกายสีดำสนิท ดูคล้ายปีศาจ
บนรถม้ามีคุณนายท่าทางสง่างามนั่งอยู่ สวมมงกุฎดอกไม้ แต่งกายในชุดสีเขียว ผมสีน้ำตาลยาวเกล้าสูง ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย มือหนึ่งถือถ้วยเล็กทำจากหยก อีกมือถือกิ่งต้นโอ๊ก ปลายกิ่งมีต้นมิสเซิลโท (Mistletoe) พันอยู่ ไม่ใช่ใครนอกจากคุณนายปัวริส
“คิดจะทำอะไร?” อัวซอง·ซ็องซงถามเสียงทุ้มอย่างใจเย็น
คุณนายปัวริสยิ้มแล้วตอบ
“แน่นอนว่าเพื่อแก้แค้น”
ขณะพูด สายตาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับยังไม่จางหาย
“แก้แค้น…” อัวซอง·ซ็องซงทวนคำอย่างงุนงง หลังจากผ่านไปสองวินาที จึงขมวดคิ้วถามกลับ “ให้โอลัวร์นั่น?”
ขณะนี้ วิญญาณคนตายทั่วทุ่งร้าง รวมถึงอัศวินแห่งความตายหลายตน มิได้ลงมือโจมตีอัวซอง·ซ็องซง ประหนึ่งกำลังรอให้คุณนายของพวกตน ได้ระบายอารมณ์ให้เสร็จสิ้น
คุณนายปัวริสบนรถม้ายกมุมปาก หัวเราะเย้ยหยันตัวเอง
“สำหรับ ‘อันธพาล’ แล้ว ความรักฝ่ายเดียวมักไม่ยืนยาว ไม่นานความเร่าร้อนก็จะจางหาย แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ดังกล่าว เธอกลับตายจากไป มันจึงกลายเป็นหนามแหลม เสียดแทงลึกเข้ามาในหัวใจ ไม่อาจถอนออก นึกถึงทีไรก็มักจะเจ็บปวด โกรธแค้น และขุ่นเคือง”
“ทั้งหมดเป็นเพราะพวกแก!”
“ตอนที่เราเจอกันเมื่อครู่ ฉันก็อยากลงมือเต็มแก่แล้ว แต่สถานการณ์ไม่เหมาะ ‘มาดามจันทรา’ ก็ยังไม่ได้เข้ามา จะปล่อยให้แผนการขององค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่ล่าช้าไม่ได้ แต่ตอนนี้ ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่าไหม?”
อัวซอง·ซ็องซงหรี่ตาลง
“หลังได้รับพรจากองค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่ คุณควรเป็นอิสระจากความรู้สึกอันเปราะบางและแตกหักง่ายเหล่านี้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“ตอนนี้ คุณไม่กังวลว่าจะกระทบต่อแผนการขององค์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วหรือ?”
คุณนายปัวริสหัวเราะเบาๆ
“เรื่องนั้นก็ปล่อยให้คนที่เหมาะสมและแข็งแกร่งกว่าทำไป อย่างเช่น ‘มาดามจันทรา’”
“ส่วนฉันน่ะ…”
สีหน้าของเธอเริ่มคลุมเครือ เจือความอ่อนโยนเล็กๆ
“แต่ไหนแต่ไร การศรัทธาในองค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่ ก็เพื่อให้ได้รับพลังอันแข็งแกร่ง เป็นอิสระจากกรอบเก่าๆ อันล้าสมัยของศาสนจักร ไม่ต้องสนใจแรงกดดันทางศีลธรรมหรือกระแสสังคม ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเหยื่อคนไหนแก้แค้น อยากทำอะไรก็ทำได้”
“ในตอนนี้ ความต้องการเดียวของฉัน คือการแก้แค้น!”
คุณนายปัวริสพูดจบ ด้านหลังของเธอก็ปรากฏปีกขนาดมหึมา มองเห็นได้เลือนราง พริบตาเดียวมันก็กางออก บนผิวปีกมีขนนกสีน้ำตาลขนาดเท่าคนเรียงรายอยู่
“อ๊า!”
จากนั้น คุณนายผู้นี้ก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าวเหนือธรรมดา
กระจกตามซากอาคารหลังต่างๆ รอบทุ่งร้างแตกกระจายด้วยเสียงดังเพล้งๆ สมองของอัวซอง·ซ็องซงมึนงงไปชั่วขณะ ราวกับได้ยินเสียงครวญครางของร่างวิญญาณตัวเอง
…………
บนลานกว้างพังทลาย ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของ ‘เสารัตติกาลกริสโมนา’
ลูเมี่ยนจดจ่ออยู่กับ ‘ตัวเองในกระจก’ ในร่างสตรี
ตัวเขาอันตรายเพียงใด ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้ว!
อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาชิกตรงนี้ แต่มีความสามารถไม่เหมือนใคร มีพลังหลากหลาย ของวิเศษอีกเพียบ หากสบช่องเพียงนิดเดียว ก็พลิกกระดานสงครามได้ไม่ยาก จำเป็นต้องกำจัดทิ้งก่อนใคร!
ส่วนการ์ดเนอร์·มาร์ตินในกระจก สงสัยว่าจะมี ‘กระจกตัวแทน’ ไม่สามารถจัดการได้ในระยะสั้น จึงต้องกำจัดผู้ช่วยของเขาก่อน แล้วค่อยรวมพลังโจมตีเขาเป็นคนสุดท้าย
เมื่อถึงเวลานั้น ‘ก่อโรคประสาท’ ของ ‘นักจิตบำบัด’ การโจมตีของถุงมือสนับ ‘ทุบตี’ และการปลุกแรงกระหายของ ‘สร้อยคอเบียทริซ’ ล้วนสามารถเล่นงานจุดอ่อนของ ‘คนในกระจก’ ซึ่งมีสภาพจิตใจไม่มั่นคง มีอารมณ์ด้านลบมาก กระหายในความสำเร็จ และอยาก ‘แทนที่’ อย่างแรงกล้า
เมื่อรอยประทับสีดำบนไหล่สว่างวาบ ร่างของลูเมี่ยนหายวับในพริบตา เผยกายอีกครั้งจากด้านหลังลูเมี่ยนหญิง ผู้แต่งตัวคล้ายคลึงร่างจริง แต่มีผมสีดำและดูองอาจ
แทบจะในเวลาเดียวกัน ดวงตาสีน้ำเงินของลูเมี่ยนหญิงเผยแววเยาะหยัน
เธอหายตัวไปเช่นกัน
ร่างของเธอไปโผล่ด้านหลังอ็องโตนี·รีด ซึ่งร่างกายถูกเสาหินสีขาวต้นใหญ่บังไว้เกือบครึ่ง
ข้ามโลกวิญญาณ!
เธอก็ทำได้เหมือนกัน!
บัดซบ! ลูเมี่ยนสบถในใจอย่างเหลืออด พร้อมกับกระตุ้นรอยประทับสีดำบนไหล่ขวาให้เปล่งแสงสลัวอีกครั้ง
เด็กหนุ่มต้องรีบไปช่วยคน
ไม่ใช่เขาไม่เคยคิดว่า ‘ตัวเองในกระจก’ ก็อาจมีพลัง ‘เทเลพอร์ต’ ได้เช่นกัน เพียงแต่คิดว่าอีกฝ่ายคงเพ่งเล็งตน หวังจัดการกับตัวปัญหาอันดับหนึ่งอย่างตนก่อน อย่างมากก็แค่สลับตำแหน่งกัน คาดไม่ถึงว่าลูเมี่ยนหญิงจะเบนเป้าไปหาอ็องโตนี·รีด
ในชั่วขณะนี้ ลูเมี่ยนพอจะเข้าใจเหตุผล
ข้อแรก ‘คนในกระจก’ จะต้องเกลียดชัง แค้นเคือง และอยาก ‘แทนที่’ เจ้าของร่างเดิม เรียกได้ว่าเป็นพวกมีปัญหาทางจิตรุนแรง ย่อมถูกพลัง ‘ก่อโรคประสาท’ ของ ‘นักจิตบำบัด’ เล่นงานได้ง่าย ข้อสอง อ็องโตนี·รีดหลบหนีไม่เก่ง ไม่มีร่าง ‘ตัวแทน’ สารพัดชนิด การป้องกันก็แทบไม่เหนือกว่าคนทั่วไป สามารถจัดการได้ในพริบตา ลดจำนวนฝ่ายศัตรูลง
ขณะลูเมี่ยนชวนการ์ดเนอร์·มาร์ตินในกระจกคุย อ็องโตนี·รีดก็ซ่อนตัวอยู่หลังเสาหินสีเทาใกล้ๆ คอยสังเกตสถานการณ์รอบข้าง วิเคราะห์จิตใจของศัตรู เพื่อประเมินว่าตัวเองทำอะไรได้ และทำอะไรไม่ได้บ้าง
เมื่อเห็น ‘ตัวเองในกระจก’ ร่างสตรี เห็นการ์ดเนอร์ในกระจก เห็นจินนาชาย และเห็นฟรังก้าชาย บ้างก็ซ่อนในเงา บ้างก็ล่องหน อ็องโตนีตระหนักว่าปัญหาเริ่มซับซ้อนขึ้นทุกที สัญชาตญาณคอยตักเตือนเป็นระยะ ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ถูกจัดการได้ไม่ง่าย
เมื่อร่างของลูเมี่ยนหญิงหายไปจากตำแหน่ง อ็องโตนี·รีดผู้เคยเห็นลูเมี่ยนใช้พลัง ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ หลายครั้ง ก็เข้าใจพฤติกรรมและแนวคิดของสัตว์ประหลาดได้ทันที
เธอกำลัง ‘เทเลพอร์ต’ เป้าหมายคือตัวเขาเอง อีกฝ่ายคิดจะกำจัด ‘นักจิตบำบัด’ เป็นอันดับแรก!
เมื่อความคิดแล่นผ่าน อ็องโตนีมิได้กระโจนหลบไปด้านข้าง
ด้วยระยะห่างเพียงเท่านี้ ผนวกกับสมรรถภาพร่างกายที่ถูกยกระดับไม่มากนัก เขาไม่มีทางหนีจากเขตอันตรายไปยังเขตปลอดภัย ได้ทันก่อนลูเมี่ยนหญิงจะใช้พลังอื่น
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางเลือกเดียวก็คือ ต้องโจมตีสวนกลับไปแทนการป้องกันหรือหลบหลีก เพื่อขัดจังหวะการโจมตีอันหนักหน่วงที่ศัตรูอาจประเคนเข้าใส่!
อ็องโตนีฝืนบิดร่างกาย รูม่านตากลายเป็นแนวตั้งสีทองอ่อนอย่างเงียบงัน
เขาได้เห็นลูเมี่ยนหญิงหน้าตาสะสวยสง่างาม
อีกฝ่ายส่งเสียง ‘ฮึ่ม’ ออกมาแล้ว
วิชาฮึ่มฮ่า!
แสงสีขาวสองสายพุ่งออกจากรูจมูกลูเมี่ยนหญิง กระทบกับร่างอ็องโตนี
ขณะกระจกตาของอ็องโตนีสะท้อนแสงสีขาวสองสาย เขาไม่มีทีท่าว่าจะหลบ แต่ยืนหยัดใช้ ‘ก่อโรคประสาท’ ใส่อีกฝ่าย
ตุบ! เขาล้มลงอย่างไร้สติ
กล้ามเนื้อบนใบหน้าลูเมี่ยนหญิงบิดเบี้ยวทันที เส้นเลือดสีแดงคล้ำใต้ผิวหนังเริ่มปูดโปน ประหนึ่งนาคาเพลิงตัวน้อยทยอยมีชีวิตชีวา
ดวงตาสีน้ำเงินของเธอฉาบล้นด้วยอารมณ์ดุร้ายบ้าคลั่ง รอบกายแผ่เปลวไฟสีแดงจนเกือบขาว
ลูเมี่ยนเผยตัวอีกครั้งด้านข้างเธอกับอ็องโตนีผู้หมดสติ แต่ไม่ได้โจมตีใส่ด้วย ‘วิชาฮึ่มฮ่า’ เพียงกำมือขวาแน่น เคลือบด้วยเปลวไฟสีเกือบขาวโพลน ชกใส่ศีรษะของ ‘ตัวเองในกระจก’
ท่ามกลางเสียงเพล้ง ร่างของลูเมี่ยนหญิงแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกระจก
เธอเองก็มี ‘กระจกตัวแทน’ เช่นกัน!
เมื่อเห็นภาพนี้ ลูเมี่ยนสบถในใจอีกครั้ง
“แม่เย็*!”
แม้เด็กหนุ่มจะเผื่อใจไว้แล้วว่า พวก ‘คนในกระจก’ ล้วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับกระจก อาจมี ‘กระจกตัวแทน’ กันคนละสองสามบาน จึงไม่อยากสิ้นเปลืองพลังวิญญาณด้วย ‘วิชาฮึ่มฮ่า’ แต่เลือกใช้หมัดไฟเพื่อถนอมพลังวิญญาณ ซ้ำยังสร้างผลลัพธ์เพิ่มเติม แต่พอได้ยืนยันข้อเท็จจริงอันขื่นขมกับตาตัวเอง ความท้อแท้ก็ยังคงถาโถม ไม่ขาดแคลนความโกรธเคือง
มีแต่ต้องเผชิญหน้าด้วยตัวเองเท่านั้น จึงจะรู้ซึ้งว่าพลังจำพวก ‘กระจกตัวแทน’ ‘กระดาษคนตัวแทน’ น่ารังเกียจแค่ไหน!
ตอนนี้ ฝ่ายศัตรูทั้งห้าคนล้วนครอบครอง ‘กระจกตัวแทน’ มิหนำซ้ำ สี่จากห้าคนยังคัดลอกพลังของทีมเขาไป แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้?
ขณะเดียวกัน หมัดไฟที่ลูเมี่ยนชกออกไป ได้กระจายเปลวไฟไปทุกสารทิศ บางส่วนตกลงบนตัวอ็องโตนี·รีดตามที่เด็กหนุ่มคำนวณไว้
ความเจ็บปวดรวดร้าวจากการถูกไฟเผา ช่วยปลุก ‘นักจิตบำบัด’ รายนี้ให้ได้สติกลับมาทันที พร้อมกับกลิ้งตัวตามสัญชาตญาณเพื่อดับไฟ
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเยาะหยันของการ์ดเนอร์·มาร์ตินในกระจก ดังมาจากจุดใดสักแห่ง
“เป็นไงบ้าง? ผู้ช่วยของข้าน่ะ แข็งแกร่งใช่ไหมล่ะ?”
“น่าเสียดาย พวกเขาเกิดจากภาพสะท้อนในส่วนลึก จนเพศตรงกันข้าม หมดสิทธิ์แทนที่พวกเจ้าเพื่อใช้ชีวิตในโลกความจริง”
“ว่าไง? จะยอมมอบเทวรูปนั่น แลกกับมิตรภาพของข้า แลกกับโอกาสกลับออกไปแบบมีชีวิตรอดไหม? พวกเจ้าถือมันไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดหรอก”
แข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงไม่ฆ่าพวกเราแล้วชิงเทวรูปให้จบๆ ไปล่ะ? หรือกำลังระแวงอะไรอยู่ อย่างเช่น อิสรภาพของเทอร์มีโพลอส? หรือแค่พูดเพื่อบั่นทอนขวัญกำลังใจพวกเรา ตัวเองจะได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด? หรืออาจไม่ได้เก่งจริง กำลังถ่วงเวลารอการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง? ลูเมี่ยนคาดเดาหลายสิ่งในใจ
ทันใดนั้น ขณะอ็องโตนี·รีดดับไฟเสร็จแล้วลุกขึ้นยืน เขาก็เริ่มไอกระแอม
ลูเมี่ยนก็รู้สึกคันคอเบาๆ เช่นกัน
เพียงครู่เดียว ฟรังก้ากับจินนาก็หลุดจากสภาวะล่องหนเนื่องจากไอแห้งไม่หยุด อีกนิดเดียวก็จะอ้อมไปถึงด้านข้างอ็องโตนี·รีดหญิงแล้วแท้ๆ
เสียงของการ์ดเนอร์ในกระจกดังขึ้นใหม่ คราวนี้เจือความขบขันมากยิ่งขึ้น
“ลืมบอกไปว่า ฝูงอีกาไฟที่ข้าใช้โจมตีเปิดฉาก ล้วนมีโรคของ ‘ทุกข์ระทม’ ปะปนอยู่ด้วย ยิ่งได้เจ้าช่วยจุดระเบิด มันก็ยิ่งแพร่กระจายได้ดีเยี่ยม”
“เทวรูปทั้งสองช่วยยับยั้งได้เพียงการติดโรคที่แพร่กระจายส่งเดชเท่านั้น แต่โรคนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า!”
……………………………………………………..