ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 453 นักเขียนที่หายไป
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 453 นักเขียนที่หายไป
ตอนที่ 453 นักเขียนที่หายไป
ลูเมี่ยนสวม ‘แว่นส่องความลับ’ ไว้บนสันจมูก ทันใดนั้นก็พบว่าบ้านกำลังหมุนควง พื้นดินกำลังสั่นสะเทือน
เด็กหนุ่มกัดฟันข่มอาการคลื่นไส้เวียนหัว วิสัยทัศน์เบื้องหน้าถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ซ้อนทับกันอย่างพิสดาร ก่อให้เกิดภาพที่ผิดแผกแปลกประหลาดยิ่งนัก
เตียงนอนทับโต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานพิงกับเพดาน ด้านหลังเพดานคือก๊อกน้ำประปา และก๊อกน้ำประปาดูเหมือนจะอยู่ในตู้เสื้อผ้า…ฉากที่คล้ายกับผืนผ้าใบโปร่งแสงซ้อนทับกัน ปรากฏสู่สายตาของลูเมี่ยน
จากด้านข้างตู้เสื้อผ้า ใบหน้าซีดเซียวลอยโดดเด่นขึ้นมา
ผมสีน้ำตาลหยิกฟูตามธรรมชาติ สวมแว่นกรอบดำ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มอยู่หลังกรอบแว่น — ใบหน้าของกาเบรียลที่ดูเหมือนได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ไม่มีเค้าลางของการอดนอนหลายวัน
นักเขียนบทละครรายนี้จ้องหน้าลูเมี่ยน ใบหน้าเผยรอยยิ้มว่างเปล่าเจือบิดเบี้ยว แต่ก็ดูจริงใจ
มือขวาของเขาโผล่ออกจากความว่างเปล่า โบกมือให้เด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน แต่ทันใดนั้น ใบหน้าของกาเบรียลพลันหดกลับไปยังส่วนลึกสุดของชั้นผ้าใบกึ่งโปร่งแสง พริบตาเดียวก็ลับสายตาไป
ลูเมี่ยนรีบมองซ้ายมองขวา หลังจากยืนยันว่ากาเบรียลไม่โผล่ออกมาอีก เด็กหนุ่มรีบถอด ‘แว่นส่องความลับ’ แล้วสวม ‘เนตรสัตย์จริง’ ซึ่งทำให้เกิดอาการหูอื้อประปรายไว้ตรงเบ้าตาซ้าย
สมบัติวิเศษชิ้นนี้ ซึ่งโครงสร้างหลักประกอบด้วยเนื้อเยื่อสีขาวกับหลอดเลือดสีเข้ม ครอบอยู่บนหูข้างที่สอดคล้องกัน ทำให้ลูเมี่ยนได้ยินเสียงเพรียกถี่ๆ ซึ่งคล้ายกับดังมาจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น ขณะเดียวกัน เลนส์ที่ถูกหลอดเลือดสีม่วงพาดผ่านแน่นหนา ก็สัมผัสแนบติดกับดวงตาของเด็กหนุ่ม ช่วยให้มองเห็นเลือดสีซีดจาง เห็นมวลสีซ้อนทับกัน เห็นหนึ่งในสามของห้องถูกรวมเข้ากับฉาก และเห็นม่านบังตาที่คล้ายกระจกฝ้า
สองภาพหลังเลือนหายไปในพริบตา หรือไม่ก็ค่อยๆ กลับเป็นปกติ
ก่อนที่เสียงเพรียกจะดังชัดเจน ลูเมี่ยนถอด ‘เนตรสัตย์จริง’ ออก พลางนวดขมับที่เริ่มปวดแปลบ
เมื่อรวมภาพที่เห็นจากสมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกัน เด็กหนุ่มเชื่อว่ากาเบรียลได้รับมลทินจาก ‘หอพัก’ กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มิอาจสัมผัสหรือมองเห็นได้ด้วยวิธีปกติ
แต่นักเขียนบทละครผู้นี้ยังรักษาสติไว้ได้พอประมาณ ไม่เพียงจดจำลูเมี่ยนได้ แต่ยังโบกมือลาอย่างร่าเริง
การวางแก้วเซรามิกเคลือบขาวที่มีหูเดียวกลับที่เดิมเมื่อสักครู่ คงเป็นการทักทายจากเขา พยายามเรียกร้องความสนใจจากลูเมี่ยน
“เขายอมรับสภาพที่ตัวเองกลายเป็นสัตว์ประหลาด ซ้ำยังดูพึงพอใจ…กาเบรียลเข้าไปพัวพันกับ ‘หอพัก’ ตั้งแต่เมื่อไร?” ลูเมี่ยนขมวดคิ้ว
สายตาของเด็กหนุ่มตรึงอยู่กับ ‘ต้นฉบับ’ บนโต๊ะทำงานทันที ขณะเดียวกันก็เริ่มรู้สึกคุ้นกับเรื่องราวในบทละครที่ยังเขียนไม่เสร็จ
ลูเมี่ยนหยิบต้นฉบับขึ้นมา แตกต่างจากการอ่านผ่านๆ เมื่อสักครู่ คราวนี้เขาบรรจงอ่านอย่างพิถีพิถัน
เพียงแค่อ่านส่วนแรกจบ เขาก็มั่นใจว่าต้นแบบของพระเอกในบทละครนี้คือตัวกาเบรียลเอง ทั้งบุคลิกของตัวละคร รายละเอียดในชีวิต การถูกเมินผลงาน ซ้ำยังถูกบีบให้ต้องสร้างสรรค์ผลงานต่ำทราม ล้วนสอดคล้องกับตัวจริงอย่างยิ่ง
ส่วนนางเอก ผู้หญิงที่จมอยู่ในแก๊งอันธพาลแต่คอยให้กำลังใจพระเอก คอยสนับสนุนให้สร้างสรรค์ผลงานเรื่อยมา ลูเมี่ยนคิดว่าถ้าไม่ใช่เพศผิด คำบรรยายแบบนี้มันตรงกับตนเลยไม่ใช่หรือ?
แน่นอนว่าบุคลิกของนางเอก วิธีการพูด คำพูดให้กำลังใจ ล้วนแตกต่างจากตนโดยสิ้นเชิง หรือแม้แต่เนื้อหาในส่วนของแก๊งอันธพาล ลูเมี่ยนก็ยังเห็นเงาของชาร์ลีซ้อนทับอยู่ลางๆ
“กล่าวคือ ตัวตน พื้นเพ และประสบการณ์ในแก๊งอันธพาลของนางเอก เกิดจากการหลอมรวมเรากับชาร์ลีเข้าด้วยกัน ส่วนปฏิสัมพันธ์กับพระเอกถูกอ้างอิงจากคนอื่น…กาเบรียลเคยเล่าว่า ในโรงแรมระกาทอง คนที่เคยให้กำลังใจเขามีแค่เรากับนางแบบวาดรูปที่ชื่อซาฟารี ส่วนชาร์ลีแค่เคยชวนเขาดื่ม ไม่เคยดูแคลน แต่มีหยอกล้อกันบ้าง…นางแบบวาดรูป…นางแบบวาดรูปของจิตรกร! ก่อนที่ซาฟารีจะย้ายออก เธอเคยนอนกับกาเบรียลหนึ่งคืน!” ลูเมี่ยนรีบปะติดปะต่อเรื่องราว
เด็กหนุ่มเชื่อว่า ต้นตอของปัญหาน่าจะอยู่ที่นางแบบวาดรูปชื่อซาฟารี!
สตรีผู้นี้เคยตามจิตรกรไปยังเมืองริมทะเลเพื่อเป็นแบบ อยู่ที่นั่นนานพอสมควรก่อนจะย้อนกลับมาโรงแรมระกาทอง
จิตรกร!
“หรือว่ากาเบรียลถูกปนเปื้อนตั้งแต่คืนนั้น? ที่ที่ซาฟารีย้ายไปคือ ‘หอพัก’ หรือ?” ลูเมี่ยนอ่านบทละครอย่างถี่ถ้วน ไม่ละเลยทุกถ้อยคำ
ในเมื่อเรื่องราวนี้เขียนจากประสบการณ์ชีวิตของกาเบรียล มันย่อมเต็มไปด้วยรายละเอียดและอารมณ์ความรู้สึกแท้จริงของเขา
หรือก็คือ ทั้งหมดนี้อาจมีเบาะแสแฝงอยู่!
ลูเมี่ยนอาศัยแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างโค้งอ่านบทละคร ยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินไป เด็กหนุ่มก็ยิ่งสัมผัสถึงความรักที่ซุกซ่อนในส่วนลึกของจิตใจกาเบรียล รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเคยคิดจะสลัดเธอทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในย่านที่ดีกว่า แต่พอเอาเข้าจริงกลับลืมไม่ลง ยังคงถูกความเสียดาย ความห่วงหา และความคิดถึง เผาผลาญให้ทรมานอยู่ตลอดเวลา
ในที่สุด พระเอกผู้เข้าใจหัวใจตนอย่างถ่องแท้ เลิกวิ่งหนีความจริง เริ่มออกตามหาเบาะแสของคนรักอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขาแวะไปหาทุกคนที่รู้จักเธอ ตามหาโรงแรมที่เคยเห็นในความฝันเป็นครั้งคราว ตระเวนไปตามหอศิลป์แห่งแล้วแห่งเล่า ตรวจดูว่ามีภาพวาดที่ใช้คนรักเป็นแบบวางขายหรือไม่…
แต่ทุกความพยายามก็ล้วนกลายเป็นหมัน เขาจึงเขียนบทเพ้อรำพันในเวลานั้นขึ้นมา
“จบแค่ตรงนี้ ไม่มีเขียนต่อแล้ว…ไม่ได้ระบุว่าเจอซาฟารีหรือยัง…” ลูเมี่ยนวางต้นฉบับลงด้วยความผิดหวัง ก่อนจะเปิดลิ้นชักเพื่อค้นหาฉบับร่างหรือโครงเรื่อง รวมถึงสมุดจดบันทึกแรงบันดาลใจ
น่าเสียดาย ทั้งหมดที่กล่าวมามีเพียงส่วนต้นเรื่อง ย้อนกลับไปตอนที่เริ่มเขียนครึ่งหลัง กาเบรียลคงดำดิ่งอยู่ในห้วงอารมณ์ความรู้สึก ร่ายเขียนรวดเดียวจนถึงบทเพ้อรำพัน
ลูเมี่ยนจ้องกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าตรงหน้า ตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด
“จากบทละครเรื่องนี้ รวมถึงสิ่งของอื่นๆ ในห้อง กาเบรียลน่าจะยังไม่พบซาฟารี…”
“กล่าวคือ เขายังไม่ได้พัวพันกับ ‘หอพัก’ อย่างแท้จริง…”
“อีกทั้ง จากบทละครและคำบอกเล่าของราเบอ ก่อนที่กาเบรียลจะหยุดเขียนงาน ไม่มีร่องรอยการถูกปนเปื้อนหรือได้รับพรเลย ถึงจะเจ็บปวดกับการสูญเสียคนรัก แต่นั่นก็เป็นอาการปกติ…”
“ทำไมคนแบบนี้ถึงกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่จับต้องไม่ได้ในชั่วข้ามคืน?”
“การรู้เรื่อง ‘หอพัก’ อย่างเดียว คงไม่ถึงกับทำให้เกิดผลลัพธ์นี้ได้…”
“ถ้าไม่นับตัวเราที่มีสถานะพิเศษ ฟรังก้ารู้เรื่องหอพัก จินนารู้เรื่องหอพัก อ็องโตนี·รีด เทเรซานักค้าภาพ สมาชิกนิกายนางมารในกรุงทรีอาร์ มิสเตอร์ K จากชุมนุมแสงเหนือ และ ‘ผู้ชำระ’ จำนวนมากของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส ก็ล้วนรู้เรื่อง ‘หอพัก’ ทั้งสิ้น ในกลุ่มนี้มีทั้งคนธรรมดาและผู้วิเศษคละเคล้ากันไป แต่ก็ไม่มีใครเกิดปัญหาสักคน…”
“เบียทริซจากสมาคมเสียวซ่านรู้ว่า ‘หอพัก’ อยู่ที่ไหน มีแผนจะไปรับภาพวาดจากที่นั่น นี่คือจุดที่เรากับฟรังก้าทำพลาด ส่วนบูวาร์แห่งองค์กร ‘คนบาป’ ทำนายถึงหายนะที่เกี่ยวข้องกับ ‘หอพัก’ จึงถูกกัดกร่อนย้อนกลับ ได้รับมลทินจนกลายเป็นศพกลายพันธุ์ ส่วนมูลนิธิ ‘นักล่าฝัน’ มีแนวโน้มสูงว่าจะสนับสนุนจิตรกร นักเขียน และเหล่าสาวกเทพมารที่เกี่ยวข้องกับ ‘หอพัก’ จึงถูกทำลายทิ้งทันทีที่มีความเสี่ยงจะถูกเปิดโปง…”
“แล้วสาเหตุของกาเบรียลคืออะไร?”
“เมื่อไม่นานมานี้เขาค้นพบบางสิ่ง ช่วยให้เข้าใจ ‘หอพัก’ ลึกซึ้งกว่าเดิม หรือว่าพบร่องรอยของซาฟารีแล้ว?”
ลูเมี่ยนเริ่มผุดข้อสันนิษฐาน จึงค้นหาอพาร์ตเมนต์ที่กาเบรียลเช่าอีกครั้งด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน
แต่ก็คว้าน้ำเหลว
เด็กหนุ่มออกจากบ้านเลขที่ 34 ถนนนักบุญมิเชล เดินกลับมายังบาร์ ‘นักเขียนปลายแถว’ แล้วนั่งลงข้างราเบอผู้กำลังซดเหล้า
“ขอ ‘นางฟ้าหยก’ หนึ่งแก้ว” ลูเมี่ยนเคาะเคาน์เตอร์
จากนั้นก็หันไปถามราเบอ
“คุณรู้ไหมว่าช่วงนี้กาเบรียลไปไหนมาบ้าง”
“ต้องถามพวกนั้น” ราเบอชี้ไปทางโต๊ะกลมเล็กๆ ใกล้หน้าต่าง
ตัวเขาเป็นแค่นักเขียนตกอับ เครื่องจักรเขียนบทผู้ไร้นามปากกา การได้รู้จักกับดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างกาเบรียล ได้ร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวของอีกฝ่ายก็ถือว่ามีวาสนาเหลือล้นแล้ว ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเขาต้องทำงานตามเวลา ต้องส่งงานให้ทันกำหนดที่เจ้านายสั่ง จึงไม่มีโอกาสได้ไปทำกิจกรรมกับคนอื่นๆ
อาศัยคำแนะนำของราเบอ ลูเมี่ยนมาถึงโต๊ะกลม
เมื่อเห็นบุรุษทั้งสี่ เด็กหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง
นี่มันกลุ่มคนที่เสวนาเรื่องภาพ ‘ร้านกาแฟ’ ของจิตรกรมาเลนไม่ใช่หรือ?
ผู้นำกลุ่มฟังคำถามของลูเมี่ยนจบ ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าฉงนใจ
“ครั้งสุดท้ายที่เจอกาเบรียลคือเมื่อวานซืน พวกเราไปดูนิทรรศการภาพวาดที่ศูนย์ศิลปะทรีอาร์ด้วยกัน”
นิทรรศการภาพวาด…ลูเมี่ยนขมวดคิ้วเป็นปื้นทันที
…………
เมืองชาโย
ฟรังก้าผู้สวมแจ็กเกตสีขาว เดินตามบราวส์·เซารอนที่ใส่เสื้อคลุมสีดำ ลัดเลาะไปตามคฤหาสน์ที่ปกคลุมด้วยเถาองุ่น
“คุณจะพาฉันไปไหน?” ฟรังก้าผู้มาตามคำเชิญ ไม่ปิดบังความสงสัย
บราวส์ชำเลืองมองเธอ
“พาคุณไปพบอาจารย์ของฉัน คุณผ่านการทดสอบแล้ว เป็นสมาชิกของนิกายเราเต็มตัวแล้ว”
อาจารย์ของบราวส์·เซารอน…นางมารลำดับสูง? ผู้นำนิกายนางมารในทรีอาร์? ระหว่างที่ความคิดของฟรังก้ากำลังหมุนวน เธอยิ้มแล้วพูด
“หมายความว่า ฉันกำลังจะได้รับสวัสดิการแรกเข้าแล้วสินะ?”
คำว่าสวัสดิการถูกคิดค้นโดยจักรพรรดิโรซายล์ ถือว่าค่อนข้างแพร่หลายในอินทิส
บราวส์รักษาระยะห่างจากฟรังก้า
“คุณอยากได้อะไรล่ะ”
“สูตรโอสถ ‘ทุกข์ระทม’” ฟรังก้าตอบโดยไม่ลังเล
‘ทุกข์ระทม’ คือชื่อลำดับ 5 ของเส้นทางนักลอบสังหาร โดยทั่วไปมักเรียกกันว่า ‘นางมารทุกข์ระทม’
บราวส์หัวเราะเยาะ
“ช่างกล้าเรียกร้อง…คุณคิดว่าตัวเองมีคุณูปการเพียงพอที่จะขอสูตรโอสถ ‘ทุกข์ระทม’ หรือไง?”
เธอเว้นวรรคครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
“แต่ก็นะ ถ้าคุณช่วยทำประโยชน์สักเรื่องให้นิกายเรา มันก็จะกลายเป็นสวัสดิการแรกเข้าของคุณ”
ฟรังก้าที่แทบไม่ได้หวังอะไรแต่แรก เพียงแค่ลองหยั่งเชิงดู ชำเลืองไปทางบราวส์
“ทำอะไร?”
บราวส์ตอบทันที
“ทางเราได้รับข่าวกรองมาว่า เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ ลักลอบขนของชิ้นหนึ่งเข้ามาในทรีอาร์ผ่านอุโมงค์ใต้ดิน ถ้าคุณสืบจนรู้ว่ามันคืออะไร ตอนนี้อยู่ในมือใคร ก็จะได้รับสูตรโอสถ ‘ทุกข์ระทม’”
หลายเดือนก่อน…อุโมงค์ใต้ดิน…ลักลอบขนของเข้ากรุงทรีอาร์…ฟรังก้านึกถึงเรื่องที่ ‘มุสิก’ คริสโตสูญเสียน้องชายแท้ๆ ทันที
หลังจากออกตามหาน้องชายและคนงานตามคำขอร้องของคนคุมธุรกิจลักลอบรายนี้ เธอกับลูเมี่ยนถูกโลกในกระจกประหลาดกลืนเข้าไป แทบจะเอาชีวิตกันไม่รอด
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เธอยังได้กระจกเงินแท้รูปทรงโบราณมาด้วย
……………………………………………………..