ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 447 เชื่อมโยงและคาดเดา
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 447 เชื่อมโยงและคาดเดา
ตอนที่ 447 เชื่อมโยงและคาดเดา
……….
เนื้อตัวลูเมี่ยนแข็งเกร็งชั่วขณะ ก่อนจะผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มดึงสายตากลับจากหน้าต่างรถม้าอย่างสงบ ราวกับไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น
“มีอะไรหรือ” อ็องโตนี·รีดถามขณะมองหน้าลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนยิ้ม
“ไม่มีอะไร”
“รอยยิ้มของคุณ คำตอบของคุณ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณกำลังแอบทำเรื่องไม่ดีลับหลัง หรือวางแผนอะไรไว้!” ฟรังก้าฝั่งตรงข้ามพึมพำวิจารณ์
ลูเมี่ยนยกมุมปาก
“นี่แหละนักวางแผน เวลาผมไม่ได้คิดอะไร คุณกลับคิดว่าผมมีแผน”
“ทำไมพี่สาวคุณถึงชอบสอนอะไรแบบนี้กันนะ!” ฟรังก้าวิจารณ์เสียงเขียว
จินนามองลูเมี่ยนปราดหนึ่ง ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่เพิ่มความระมัดระวัง
รถม้าสี่ล้อสี่เบาะแล่นกลับมายังถนนเสื้อนอกขาวในเขตตลาด ทุกคนไม่รีบแยกย้ายกลับ ตามข้อเสนอของลูเมี่ยน พวกเขารวมตัวกันที่ห้องพักของฟรังก้าเพื่อหารือเกี่ยวกับ ‘คำให้การ’ และคำทำนายของบูวาร์
เมื่อประตูห้องปิดสนิท ลูเมี่ยนก็พูดทันที
“ผมขอยืมห้องนอนหน่อย”
“ตอนนี้เลย?” ฟรังก้าเก็บสีหน้าที่ยิ้มระรื่นจนถึงเมื่อครู่
เธอยืนยันความจริงจังในน้ำเสียงของลูเมี่ยน กอปรกับสิ่งที่เธอสังเกตด้วยตัวเอง จึงเข้าใจว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นลับหลังจริงๆ
“ใช่” ลูเมี่ยนเดินเข้าห้องนอนของฟรังก้าแล้วปิดประตูด้วยมือข้างหนึ่ง
จินนา ฟรังก้า และอ็องโตนี·รีด ทำเพียงมองตากัน ไม่มีใครกล้านั่งลง ต่างคนต่างแยกกันยืนภายใต้แสงโคมแก๊ส ไม่ใกล้ไม่ไกลกันเกินไป
ในเวลาเพียงสามสี่นาที ลูเมี่ยนเปิดประตูห้องนอนใหญ่แล้วเดินออกมา
ฟรังก้าแอบมองเข้าไปในห้องนอน พบว่าผ้าม่านถูกรูดปิด
ลูเมี่ยนกวาดสายตาไปรอบตัว แล้วชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ฟรังก้าจะทันได้ตั้งคำถาม
“ผมจะแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้ทุกคนรู้จัก แต่ต้องปิดโคมแก๊สก่อน”
“เพื่อนไหนอีก? พูดจาพิลึกคน พอกลายเป็น ‘นักวางแผน’ แล้ว คำพูดคำจาก็ไม่เป็นผู้เป็นคนเข้าไปทุกที” ฟรังก้ารำพันขณะหมุนวาล์วที่ฐานของโคมแก๊สสีดำ
จินนาพึมพำต่อ
“ก็เห็นพูดจาไม่ดีมานานแล้วนะ ทำให้รู้สึกเหมือนถูก ‘ยั่ว’ อยู่ตลอด…”
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ ‘นักวางแผน’ แต่เป็นเพราะบุคลิกของตัวเขาเอง กับจุดเด่นของเส้นทาง ‘นักล่า’ ทำปฏิกิริยากัน!
ในไม่ช้า โคมแก๊สก็ดับลง ห้องนั่งเล่นมืดสนิท มีเพียงตำแหน่งใกล้หน้าต่างเท่านั้นที่มีแสงจันทร์สีแดงเรื่อกับแสงดาวริบหรี่ส่องผ่านชั้นเมฆลงมา ช่วยให้มองเห็นได้เล็กน้อย
ลูเมี่ยนมองหน้าต่างกระจก รอคอยอย่างอดทน
ฟรังก้าเองก็มีประสบการณ์ไม่น้อย จึงถามด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ต้องเปิด ‘เนตรวิญญาณ’ ไหม”
“น่าจะไม่ต้อง…” ลูเมี่ยนเพิ่งพูดจบ ก็เห็นใบหน้าหนึ่งสะท้อนอยู่บนหน้าต่างกระจกที่ค่อนข้างมืดแต่มีแสงสลัว
ผิวหนังบนใบหน้าบวมป่อง ซีดขาวชุ่มชื้น ตำแหน่งดวงตาว่างเปล่า เหลือเพียงโพรงสองข้างที่เลอะสีดำปนแดง!
ศพของบูวาร์·ปงแปโรที่หายไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
จินนาไม่ค่อยมีประสบการณ์ทำนองนี้มากนัก จึงตกใจจนผงะถอยหลังหนึ่งก้าว เปลวไฟสีดำลุกโชนจากฝ่ามือ
“ม…มันตามพวกเรามาตลอดเลยหรือ?” ฟรังก้าหยิบกระจกออกมาบานหนึ่ง
“ใช่” ลูเมี่ยนหัวเราะอย่างสบายๆ “เท่าที่ผมสังเกต สภาพแวดล้อมต้องมืดมากมันถึงจะโผล่ออกมา ส่วนจะเริ่มโจมตีในสถานการณ์ใด ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด”
“คุณไม่กังวล ไม่ตื่นเต้นเลยหรือ? นี่คือศพกลายพันธุ์ที่ถูกปนเปื้อนรุนแรง จะมีพลังอำนาจน่ากลัวแค่ไหนก็ไม่รู้!” ฟรังก้าติดเชื้อจากท่าทีสบายๆ ของลูเมี่ยน จึงไม่รีบร้อนลงมือกับศพบูวาร์·ปงแปโรที่แนบติดกระจกหน้าต่าง
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“ได้เจอเพื่อนเก่าทั้งที ก็ควรดีใจไม่ใช่หรือ”
เด็กหนุ่มเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายต่อด้วยคำง่ายๆ
“ก่อนหน้านี้ ผมเสียใจมากที่ไม่ทันได้ยับยั้งมิให้ศพบูวาร์หายไป”
“แม้คำทำนายของมันจะถูกขัดจังหวะ แต่มลทินและผลย้อนกลับที่มันได้รับมาจากที่ใด มีลักษณะอย่างไร ถ้าไขคำตอบนี้ได้ ก็สามารถอธิบายปัญหาได้หลายจุด ซ้ำยังจะช่วยให้สืบสาวไปถึงองค์ซ่อนเร้นได้ด้วย”
“นี่มันเบาะแสชั้นดีเลยไม่ใช่หรือ?”
ลูเมี่ยนเล่ามาถึงตรงนี้ ศพบวมน้ำของบูวาร์·ปงแปโรก็พลันล้มหงายหลัง ราวกับถูกใครสักคนกระชากปกเสื้อ ฉุดออกจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยพละกำลังมหาศาล
ด้านหลังศพ ความมืดทวีความหนาแน่นขึ้นในบางจุด ประหนึ่งปากอุโมงค์ประหลาดกำลังเปิดออก ไม่รู้ว่านำพาไปสู่ที่ใด
ลึกเข้าไปใน ‘อุโมงค์’ แสงดาวระยิบระยับอยู่ห่างไกลยิ่งนัก
ศพของบูวาร์·ปงแปโรที่ไร้ดวงตา พลันถูกดึงเข้าไปในอุโมงค์ดังกล่าว ยิ่งลึกก็ยิ่งเร็ว ยิ่งเล็กลง จนกระทั่งลับสายตา ถูกกลืนหายไปกับความมืดมิด
“เมื่อครู่ผมไปขอความช่วยเหลือมาน่ะ” ลูเมี่ยนยังคงยิ้ม
ถึงแม้ว่าพวกตนสี่คนจะร่วมมือกันจัดการกับศพกลายพันธุ์ของบูวาร์ได้ไม่ยากเย็น แต่เมื่อเผชิญกับมลทินเข้มข้นบนตัวเป้าหมาย ลูเมี่ยนมองว่าไม่มีใครในทีมสามารถตรวจสอบต้นตอของปัญหาไปพร้อมกับรับประกันความปลอดภัยให้ตัวเองได้ จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ และในเมื่อจะขอความช่วยเหลือทั้งที ก็ควรเลือกมืออาชีพมาจัดการตั้งแต่ต้น
เข้าไปในห้องเพื่อเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยนสินะ…ฟรังก้าเข้าใจทันควัน จึงไม่ได้ซักถามเพิ่มเติม
จินนาเองก็เดาได้ว่า คงเป็นฝีมือขององค์กรลับที่ใช้ไพ่ทาโรต์เป็นโค้ดเนม
ในหมู่สมาชิกของพวกเขาติดต่อกันด้วยผู้ส่งสาร!
อ็องโตนี·รีดถามอย่างครุ่นคิด
“ต่อไปก็แค่รอ ‘รายงานการชันสูตรศพ’ หรือ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางที ‘รายงานการชันสูตรศพ’ อาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะอ่านได้” ลูเมี่ยนนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวพร้อมรอยยิ้ม
เด็กหนุ่มมองหน้าอ็องโตนี·รีด พลางชี้ไปทางโซฟายาวแล้วส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายนั่ง
“การสืบสวนองค์กรการกุศล ‘นักล่าฝัน’ ของคุณ ได้ผลลัพธ์บ้างไหม”
นั่นคือองค์กรการกุศลเอกชนที่ได้รับเงินบริจาคจำนวนมากจากภรรยาหม้ายของนายพลฟิลิป
อ็องโตนี·รีดส่ายหน้า
“ไม่เลย ในช่วงสองเดือนหลัง พวกเขาดำเนินงานถูกต้องตามกฎระเบียบ ไม่มีความผิดปกติใดเลย บางทีอาจเป็นอย่างที่พวกคุณพูด พวกผู้ศรัทธาเทพมารตัวเป้งกำลังกบดานอยู่ที่ใดสักแห่ง ส่วนพวกปลายแถวก็ถูกสั่งให้อยู่นิ่งๆ”
ลูเมี่ยนพยักหน้าแผ่วเบา ก่อนหันไปมองฟรังก้าบนเก้าอี้เอนหลัง
“ทาง ‘สมาคมเสียวซ่าน’ มีความคืบหน้ายังไงบ้าง”
“ก็คล้ายกับสถานการณ์ขององค์กรคนบาป พวกเธอล่าสมาชิกหลักได้หลายคน แต่สองคนที่สำคัญที่สุด ดูเหมือนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คงไปกบดานอยู่ในแหล่งเดียวกันนั่นแหละ” ฟรังก้าเล่าข้อมูลที่เธอได้จากบราวส์·เซารอน
‘พวกเธอ’ หมายถึงนิกายนางมาร
ที่นั่นสินะ…ลูเมี่ยนพิงพนักโซฟา ความคิดในสมองหมุนวน ค้นหาเบาะแสที่เป็นไปได้
ในที่สุด ความคิดของเด็กหนุ่มก็จดจ่ออยู่กับคำทำนายจากศพของบูวาร์·ปงแปโร
“ห้องหมายเลข 7, ห้องหมายเลข 12 …จะเป็นที่ไหนกันนะ”
อ็องโตนี·รีดพูดอย่างครุ่นคิด
“ถ้าเป็นบ้านส่วนตัว ก็คงไม่มีการแบ่งแยกแบบนี้”
“ฟังดูเหมือนอพาร์ตเมนต์ชอบกล”
“หรือไม่ก็โรงแรม” ฟรังก้าเสริม
โรงแรม…โรงแรม…ดวงตาของลูเมี่ยนพลันเบิกกว้าง สายฟ้าแลบผ่านหัวสมอง ส่องแสงไปยังรายละเอียดหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมองว่าเป็นปัญหา
หลังจากที่ตนกับฟรังก้าสังหารเบียทริซ·อังกูร์ สมาชิกหลักของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ พวกเขาพบกระดาษแผ่นหนึ่งจากการค้นตัวเธอ บนกระดาษมีข้อความเขียนว่า
“ภายในสามวัน ไปรับภาพวาดที่หอพัก”
หอพักก็คือโรงแรมระดับต่ำ…การจะมีห้องหมายเลข 7 หรือ 12 ย่อมไม่ถือว่าแปลก…ความคิดของลูเมี่ยนกระจ่างชัดทันใด
เมื่อก่อนเด็กหนุ่มเคยเข้าใจว่า จดหมายแผ่นนั้นเป็นของเทเรซาตัวจริง นักค้าภาพวาดที่เบียทริซสวมรอยทับ เป็นใบเสร็จรับซื้อภาพวาดธรรมดา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า กระดาษแผ่นดังกล่าวน่าจะเป็นของเบียทริซเอง และอาจเป็นคำสั่งจากซีเบล นักบวชใหญ่แห่ง ‘สมาคมเสียวซ่าน’ ที่กำลังกบดานอยู่ในหอพัก ให้เบียทริซไปรับภาพวาดมา!
“หอพัก…” ลูเมี่ยนพึมพำมีเสียง
นี่คือแห่งกบดานที่เหล่าผู้รับพรเทพมารในกรุงทรีอาร์ไปรวมตัว?
ฟรังก้าที่ได้ยินลูเมี่ยนถามถึงเทเรซา ก็พลันระลึกถึงเนื้อหาบนกระดาษแผ่นดังกล่าว
เธอย้อนถามลูเมี่ยนด้วยความตื่นเต้น
“อัวซอง·ซ็องซง กับปัวริส ไปสุมหัวกันที่ใดสักแห่งซึ่งมีโค้ดเนมว่า ‘หอพัก’ ?”
“ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน” หลังจากตอบอย่างไม่รีบร้อน ลูเมี่ยนถามด้วยน้ำเสียงเร็วขึ้น “เทเรซา นักค้าภาพวาดกลับมาหรือยัง”
หลังจากเขาพบกระดาษแผ่นนั้น ก็ได้ลองถามไปถึงบราวส์·เซารอน ตามคำบอกเล่าของสมาชิกนิกายนางมารรายนี้ นักค้าภาพวาดคนดังกล่าวเดินทางไปทำธุรกิจที่กรุงนักบุญมิลลอม เมืองหลวงของจักรวรรดิฟุซัค ส่งผลให้เบียทริซสามารถสวมรอยเป็นเธอได้โดยไม่มีใครสงสัย
“คงกลับมาแล้วมั้ง ผ่านมาก็นานแล้วนะ” ฟรังก้าตอบอย่างไม่แน่ใจ
เธอไม่ค่อยได้ใส่ใจกับเส้นทางการสัญจรของนักค้าภาพวาดธรรมดาๆ
“อะไรคือหอพัก? อะไรคือนักค้าภาพวาด?” จินนายิ่งฟังก็ยิ่งฉงน จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
ฟรังก้าอธิบายรวบรัด มิได้พูดถึงบราวส์·เซารอน ระบุเพียงว่าเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการต่อต้าน ‘สมาคมเสียวซ่าน’
“ตอนนี้ปัญหาคือ ต่อให้ ‘หอพัก’ เป็นแหล่งกบดานของพวกสาวกเทพมารจริง แต่เราก็ยังไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร หรืออยู่ที่ใด” อ็องโตนี·รีด กล่าวอย่างใคร่ครวญ
ลูเมี่ยนถอนหายใจเชื่องช้า แล้วพูดยิ้มๆ
“ก็ยังดีกว่ามืดแปดด้าน”
เด็กหนุ่มหันไปคุยกับฟรังก้าต่อทันที
“พรุ่งนี้ลองถามที่อยู่ของเทเรซา นักค้าภาพวาดตัวจริงให้หน่อย ผมอยากแวะไปเยี่ยมเธอ เพื่อยืนยันว่ากระดาษแผ่นนั้นเป็นของเธอหรือของเบียทริซกันแน่”
“ตกลง” ฟรังก้าค่อนข้างกระตือรือร้น
ด้านหนึ่ง เธออยากใช้โอกาสนี้เร่งเร้าบราวส์·เซารอน ถามว่าช่วงทดลองงานจะจบลงตอนไหน อีกด้านหนึ่ง เธอก็หวังว่าจะได้มีส่วนช่วยในการยับยั้งหายนะ
ก่อนข้ามโลกมา เวลาเล่นเกม เธอมักจะเลือกเส้นเรื่องที่ช่วยเหลือมนุษยชาติเป็นหลัก จะลองอะไรใหม่ๆ ก็ต่อเมื่อเล่นจนเบื่อแล้วเท่านั้น
เฮ้อ นางมารกับการยับยั้งหายนะเนี่ย ฟังดูไม่เข้ากันเลยแฮะ…ฟรังก้าถอนหายใจเงียบงัน
ลูเมี่ยนหันกลับไปมองอ็องโตนี·รีด คิดสักพักแล้วพูด
“ในเมื่อพวกเขาสงบเสงี่ยม ฝ่ายที่ไม่สงบเสงี่ยมก็ต้องเป็นพวกเรา”
“หมายความว่ายังไง?” อ็องโตนี·รีดพอเดาความคิดของลูเมี่ยนได้แล้ว แต่ถามกลับเพื่อยืนยัน
รอยยิ้มของลูเมี่ยนกว้างขึ้น
“จับตัวภรรยาหม้ายของนายพลฟิลิป กับผู้กุมบังเหียนตัวจริงขององค์กรการกุศล ‘นักล่าฝัน’ มาสอบปากคำยังไงล่ะ!”
……………………………………………………..