ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 429 คำสั่ง
ตอนที่ 429 คำสั่ง
……….
ได้ยินคำตอบของลูเมี่ยน อัลบัสทำตาโตจนคิ้วขยับ
เอโลอีสอ้าปากค้าง เหมือนอยากจะพูดบางสิ่ง แต่ติดอยู่ในลำคอ
เธอรีบเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม มองหน้าลูเมี่ยนด้วยสายตาลุ่มลึก
จากนั้น อัลบัสกลับสู่ปกติ มองลูเมี่ยนแล้วพูดพลางเดาะลิ้น
“คุณนี่ช่างเหี้ยมโหด ลงทุนย้อนกลับไปฆ่าช่างทำหุ่นนั่นเลยสินะ”
“ช่วยไม่ได้ เขาห้ามผมเผาหุ่นพวกนั้น” ลูเมี่ยนยิ้มอย่างอ่อนโยน
คิ้วของอัลบัสขยับอีกครั้ง
“เผาไปแล้วหรือ?”
“แน่นอน” ลูเมี่ยนแบ่งปันสิ่งที่ค้นพบอย่างจริงใจ “เมื่อผิวหุ่นขี้ผึ้งละลายจนหลุดออก ข้างในล้วนเป็นศพมนุษย์”
อัลบัสไม่แปลกใจเลย เพียงปรบมือพลางพูดอย่างยียวน
“ทำได้เยี่ยม! เป็นความกล้าที่น่าชื่นชมจริงๆ”
ยังกับจะบอกว่า เราเป็นพวกบ้องตื้น…ลูเมี่ยนไม่ได้มองว่าอัลบัสกำลังชมตน
เอโลอีสยังคงยิ้ม พลางพูดด้วยน้ำเสียงของผู้สังเกตการณ์
“ที่ปราสาทหงส์แดงไม่ได้มีแค่สมาชิกตระกูลเซารอนเท่านั้นที่เสียสติ ยังมีพ่อบ้าน เวรยาม คนรับใช้ชายหญิงด้วย สภาพศพหลังจากทำร้ายตัวเองน่าสยดสยองเกินไป ไม่เหมาะให้ครอบครัวหรือสาธารณชนรับรู้ จึงต้องรายงานว่าหายตัวไป แล้วจ่ายเงินชดเชยก้อนโต”
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหาคนใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ …เพราะให้ค่าจ้างสูง หรือปิดข่าวมิดชิด แล้วเลือกเฉพาะคนต่างถิ่นที่เพิ่งมาถึงทรีอาร์โดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่? ลูเมี่ยนทราบดีว่าตระกูลเก่าแก่อย่างเซารอน ย่อมมีคนรับใช้ที่อยู่มาหลายชั่วอายุคน แต่ปัจจุบันคงเหลือไม่มากแล้ว
“จะไปต่อไหม” เอโลอีสถามบ้าง
“แน่นอน” ลูเมี่ยนยังอยากตามรอยแมงมุมยักษ์สีดำที่บาดเจ็บสาหัส สกัดตะกอนพลังจากตัวมันกลับออกไป รวมถึงศึกษาหัวใจเหี่ยวแห้งสีดำ
เมื่อแสงจากโคมไฟคาร์ไบด์สีเหลืองส่องไป ความมืดก็ถอยร่นไปทีละน้อย เผยให้เห็นดวงเลือดสีแดงเข้มที่หยดจากแมงมุมกลายพันธุ์
ระหว่างเดิน เด็กหนุ่มถามเอโลอีสอย่างเป็นกันเอง
“หัวใจที่ผ่าออกมา ใครรับผิดชอบนำไปไว้ในส่วนลึกของคูหาใต้ดิน?”
“จริงอยู่ สมาชิกตระกูลเซารอนที่เสียสติจะเดินหายเข้าไปในส่วนลึกของคูหาใต้ดิน แต่มิได้แปลว่าสมาชิกที่ ‘ไม่เสียสติ’ จะเข้าไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับทายาทปราสาทหงส์แดงที่เข้าออกห้องของคูหาใต้ดินเป็นประจำอยู่แล้ว…เกี่ยวกับหัวใจพวกนั้น เคานต์ปุยฟ์เริ่มรับหน้าที่หลังจากเล่นเกมเค้กพระราชาเป็นครั้งแรกแล้วได้เป็นพระราชา”
คงจะได้รับอิทธิพลจากวิญญาณบ้าคลั่งดวงนั้น…ลูเมี่ยนระลึกถึงตอนที่ตนชนะเกมเค้กพระราชา นึกถึงสิ่งเร้นลับที่วนเวียนเหนือศีรษะแต่ไม่กล้าลงมาเพราะถูกพลังของ ‘จักรพรรดิโลหิต’ ข่มขวัญ
ในไม่ช้า ทั้งสามก็มาถึงสุดปลายห้องโถง ผ่านประตูไม้ที่เปิดอ้า แล้วเดินไปตามทางที่มีภาพนูนต่ำรูปกองทหารประดับตกแต่งทั้งสองฝั่งผนัง ตลอดทางมีห้องเก็บของเล็กๆ เรียงราย
แสงสีเหลืองส่องไปไกลขึ้น เห็นเค้าโครงของประตูไม้บานคู่เป็นอันดับแรก จากนั้นก็สะท้อนเงาคนตามมา
เงานั้นสวมชุดสูทสีอ่อน ผมหยักศกสีดำ หน้าตาเฉยเมย ไม่ใช่ใครนอกจากเอินส์ นักวิจารณ์ที่วันนี้สังกัดทีมเคานต์ปุยฟ์
“หลงทางหรือไง” อัลบัส·เมดีซีทักทาย ‘อย่างอบอุ่น’
เอินส์ถือโคมไฟคาร์ไบด์ที่ไม่มีแสงส่องออกมาแล้ว พูดพลางยิ้มเจื่อนๆ
“พวกเราแยกกันนานแล้ว ต่างคนคิดว่าจะหามงกุฎเคานต์พบ ใครจะรู้ ก่อนที่ผมจะได้ออกค้นหาจริงจัง โคมไฟก็ดันมาเสีย จนต้องคลำทางกลับมายังห้องที่มีสายระฆังเนี่ย”
“โชคร้ายจริงๆ” อัลบัสพูดเสียดายแทนเอินส์อย่างเล่นใหญ่
เขาเดินไปถึงหน้าประตูบานคู่ยักษ์ แล้วยืนข้างเอินส์
ทันใดนั้น เปลวไฟสีแดงก็พุ่งออกจากมือซ้ายอันว่างเปล่าของเขาทีละลูกสองลูก พุ่งกระทบพื้นข้างๆ นักวิจารณ์ สร้างวงแหวนเพลิงลุกโชนรอบกายอีกฝ่าย
“คุณ…คิดจะทำอะไร?” เอินส์ถามอย่างงงงัน
อัลบัสตอบยิ้มๆ
“ช่วยทำให้สว่างไง ตอนนี้สว่างสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ”
เอินส์เงียบไป บนใบหน้ามีแสงไฟสีแดงไหววูบอยู่
หมอนี่ดูไม่แปลกใจเลยที่อัลบัสเสกเปลวไฟหรือมีพลังเหนือธรรมชาติ…ลูเมี่ยนรู้สึกแปลกๆ มาตั้งแต่เห็นเอินส์แล้ว ยังกับว่าอีกฝ่ายถูกปุยฟ์·เซารอนส่งมาก่อกวน แต่ไม่คิดว่านักวิจารณ์ผู้นี้จะไม่ใช่แค่แปลก แต่ถึงขั้นผิดปกติ
เปลวไฟลุกไหม้ดังเปรี๊ยะๆ อุณหภูมิรอบตัวเอินส์พุ่งสูงขึ้นกะทันหัน
ลูเมี่ยนเหลือบมอง พบว่าใบหน้าของนักวิจารณ์ผู้นี้เริ่มยวบ
ของเหลวเหนียวหนืดคล้ายขี้ผึ้งละลาย ซึมออกจากผิวหนังของเอินส์
ระหว่างที่ลูเมี่ยนขมวดคิ้ว อัลบัสก็ยื่นมือทั้งสองออกไป โน้มตัวไปข้างหน้าแล้วออกแรงผลักประตูไม้บานคู่
ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้ก ทิวทัศน์ด้านหลังประตูไม้เริ่มถูกย้อมด้วยแสงสีเหลือง
ผนังในห้องถูกเจาะเป็นช่องนับไม่ถ้วนเพื่อยัดโลงศพขนาดต่างๆ กันเข้าไป เพดานห้อยโซ่เหล็กหลายเส้น แขวนโลงศพหลากสีไว้ บนพื้นก็มีโลงศพวางอยู่เต็มจนนับไม่หวาดไม่ไหว มีเพียงร่องแคบๆ ให้คนเดินผ่าน
ทันใดนั้นเอง เอินส์ยกสองมือขึ้นมาด้วยแววตาเหม่อลอย แล้วเริ่มฉีกทึ้งใบหน้าตัวเอง
ผิวหนังกึ่งขี้ผึ้งกึ่งของจริงถูกลอกออก เผยเนื้อหนังเปื้อนเลือดกับเส้นเลือดสีเขียวเข้มเกือบดำ
กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ ผสมกลิ่นเทียนไหม้ลอยโชย พร้อมกับที่โลงศพทุกใบในห้องโถงเริ่มโยกคลอน
กุกกักๆๆ ฝาโลงศพหลากสีสันเปิดออกทีละใบ แมงมุมยักษ์สีดำมีตารวม ขนดกหนา ฝังหัวใจเหี่ยวแห้งไว้ ทยอยคลานออกมาทีละตัวสองตัว
เสียงจ้อกแจ้กดังระงมไม่หยุด แมงมุมยักษ์สีดำปกคลุมเกือบทุกซอกมุมของห้องโถง
พวกมันยื่นปากมาข้างหน้า ล้วนเล็งใส่พวกลูเมี่ยน บนผิวกายเริ่มบีบอัดลูกไฟสีแดงเกือบขาว
ลูกไฟนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ประหนึ่งแนวระดมยิงของปืนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นลูเมี่ยน อัลบัส หรือเอโลอีส ต่างก็พร้อมใจกันพุ่งหลบไปยังริมทางเดิน รีบหนีออกจากบริเวณหน้าห้องโถง
ตูมๆๆๆ!
เปลวไฟท่วมท้นทั่วทางเดิน คลื่นกระแทกโหมกระหน่ำ ผนังทั้งสองฝั่งเริ่มออกอาการใกล้พังทลาย
ลูเมี่ยนเลือกหลบในห้องเก็บของว่างๆ ด้านข้าง รอดพ้นการยิงถล่มอย่างบ้าคลั่งได้ฉิวเฉียด
เอโลอีสก็เช่นกัน มีเพียงอัลบัสที่ใช้เอินส์เป็นกำบัง
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังตูมตามไม่ขาดสาย นักวิจารณ์ที่สูญเสียใบหน้าไปกว่าครึ่งก็แหลกเป็นชิ้นๆ เลือดสดสาดกระจาย บางส่วนของร่างกายมีสภาพเหมือนเทียนไขละลาย
เสียงจ้อกแจ้กดังขึ้นอีกครั้ง แมงมุมสีดำจำนวนมหาศาลที่นับไม่หวาดไม่ไหว กำลังเบียดเสียดกันออกมาจากห้องโถง
ลูเมี่ยนได้ยินแล้วก็ขนลุก ท่าทีแรกคือรีบ ‘เทเลพอร์ต’ หนีไป
กับแมงมุมยักษ์สีดำกลายพันธุ์แบบนี้ ถ้าเป็นตัวเดียวเขารับมือได้สบาย สองตัวก็ลำบากหน่อย สามตัวต้องพิจารณาถอยแล้ว แต่ตอนนี้มีนับสิบตัว!
ไอ้พวกลูกหมูเอ๊ย! มีกันเยอะแยะขนาดนี้ ปกติกินอะไรประทังชีวิตวะ? อากาศหรือไง? ลูเมี่ยนรำพันเงียบ แล้วเตรียมกระตุ้นรอยประทับสีดำบนไหล่ขวาเพื่อใช้ ‘ข้ามโลกวิญญาณ’
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มได้ยินเสียงอันเบาบางของสตรี เบาจนแทบไม่ได้ยิน
เสียงดังกล่าวกลายเป็นชัดถ้อยชัดคำในพริบตา ต้นตอมาจากเอโลอีส·ไอน์ฮอร์น
ต่อมา เสียงของหญิงสาวผู้ใช้ภาษาเฮอร์มิสก็ดังสะท้อนเป็นวงกว้าง
“ในนามของสายเลือดตระกูลเซารอน ข้าขอสั่งพวกเจ้า”
“จงออกไปซะ!”
เสียงจ้อกแจ้กหยุดลงทันที บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบที่ยากจะบรรยาย
ผ่านไปสองสามวินาที เสียงของสัตว์ข้อปล้องคลานเร็วๆ ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ดังห่างออกไปในทุกทิศทาง
ลูเมี่ยนยกเลิกการใช้ ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ แล้วมองไปยังทางเดินด้านนอก
เปลวไฟบนทางเดินทยอยดับลงทีละนิด ไร้เงาแมงมุมยักษ์สีดำ
ลูเมี่ยนออกจากห้องเก็บของริมทางเดินพลางใช้ความคิด ไม่นานก็พบว่าในห้องโถงสุดทางเดิน ฝาโลงกำลังเปิดอ้าซ่าทุกใบ แต่ไม่มีร่างของแมงมุมยักษ์สีดำแล้ว
เอโลอีสในชุดกระโปรงยาวสีอ่อนแบบสวมสบาย ยังคงยืนอยู่บนทางเดิน มือขวากำไว้แน่น มือซ้ายห้อยลง บุคลิกดูแตกต่างจากเมื่อครู่เล็กน้อย ประหนึ่งผู้บัญชาการกองทัพกำลังยืนประจันหน้าเหล่าทหารที่จงรักภักดีของตน เผยความน่าหลงใหลที่ทำให้คนอยากก้มหัวเชื่อฟังโดยธรรมชาติ
แปะๆๆ อัลบัส·เมดีซีปรบมือพลางถือโคมไฟ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากด้านหลัง ‘นักวิจารณ์’ เอินส์ที่บัดนี้แหลกเป็นชิ้นๆ
เขากล่าวด้วยท่าทีจิกกัด
“เธอเป็นไอน์ฮอร์นไม่ใช่หรือไง ทำไมพูดว่าในนามตระกูลเซารอน”
เอโลอีสมองคนของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กผู้นี้ด้วยสายตาเย็นชา จนอีกฝ่ายหุบปากไปเองโดยจิตใต้สำนึก
“ฉันมีเลือดของเซารอนอยู่ครึ่งหนึ่ง” เอโลอีสหันไปมองลูเมี่ยน แล้วกลับมายิ้มอีกครั้ง “จะไปต่อไหม”
“แน่นอน!” คราวนี้อัลบัส·เมดีซีชิงตอบตัดหน้า
ลูเมี่ยนขยับคอ ยิ้มแล้วพูด
“เกมยังไม่จบสักหน่อย”
แม้ใจจริงจะอยากหนีออกจากคูหาใต้ดินเต็มที แต่ยิ่งเป็นแบบนั้น เด็กหนุ่มก็ยิ่งไม่ควรแสดงออก
ทั้งประสบการณ์ส่วนตัวและการอบรมของโอลัวร์ต่างก็สอนว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ตนไม่ควรปล่อยให้คนอื่นเดาความคิดได้
บุคลิกของเอโลอีสที่ทำให้คนอยากก้มหัวเชื่อฟัง บัดนี้เริ่มจางหายไป กลับไปอยู่ในสภาพว่านอนสอนง่ายอีกครั้ง
ลูเมี่ยนกับอัลบัสเดินตีคู่กันเข้าไปในห้องโถงตรงหน้า และพบว่าภายในโลงศพไม้หลากสีสันล้วนว่างเปล่าทุกใบ ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย ดูเหมือนศพที่ควรจะมีได้ถูกแมงมุมยักษ์สีดำกินไปหมดแล้ว
ขณะกำลังจะเดินผ่าน ‘ห้องฝังศพหมู่’ นี้ไป ลูเมี่ยนเห็นแมงมุมยักษ์สีดำหมอบอยู่ตรงมุมห้อง ด้านข้างลำตัวฉีกขาดอย่างน่าสยดสยอง เลือดสีแดงสดยังไหลออกมาไม่หยุด
มันคือสัตว์วิเศษที่เคยต่อสู้กับสามนักล่าเมื่อก่อนหน้านี้ ปัจจุบันคงบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์ จึงมิอาจออกจากห้องตาม ‘คำสั่ง’ ของเอโลอีส ทำได้เพียงขดตัว ‘เลีย’ บาดแผลอยู่ที่เดิม
เห็นลูเมี่ยนกับพวก แมงมุมยักษ์สีดำยกตัวขึ้นเล็กน้อย พลางส่งเสียงแหลมเหล็กที่แฝงนัยคุกคามชัดเจน
เหลือบมองหัวใจเหี่ยวแห้งบนหลังแมงมุมสีดำ ลูเมี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ยี่หระเช่นเคย
“มันเป็นของผม หลังจากนี้ถ้าได้อะไรมาเพิ่ม พวกคุณเอาไปแบ่งกัน ตกลงไหม?”
อัลบัส·เมดีซีระเบิดหัวเราะทันที
“มักน้อยจังเลยนะ ไอ้นี้น่ะ มีค่าสำหรับคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ”
เอโลอีสยิ้มมุมปากเล็กๆ พร้อมกับกล่าว
“ฉันไม่มีปัญหา แต่ในเมื่อเป็นรางวัลของคุณ ก็จงไปคว้ามาเอง ฉันจะไม่ช่วยอะไรแล้ว”
“ผมชอบประโยคนี้ ในที่สุดคุณก็พูดอะไรดีๆ กับเขาบ้างแล้ว” อัลบัส ‘ชม’ เอโลอีสพร้อมกับหันมาทางลูเมี่ยน
สองนักล่า ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง กำลังรอ ‘ชม’ ฝีมือของลูเมี่ยน
แมงมุมยักษ์สีดำนั่นก็แค่บาดเจ็บสาหัส ชัดเจนว่ายังสู้ต่อได้!
……………………………………………………..