ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 418 เบียทริซ
ตอนที่ 418 เบียทริซ
เมื่อฟรังก้าออกจากเงา แล้วเปิดประตูห้องของอเดนาอย่างเบามือ เธอเห็นลูเมี่ยนร่างสูงผอม ผมทองตาฟ้า กำลังนั่งยองข้างอเดนาที่สลบไสล คอยเช็ดหน้าเธอแรงๆ ด้วยผ้าขนหนูชุ่มน้ำ
“คุณกำลังทำอะไร” ฟรังก้าถามอย่างสงสัย เสียงกดต่ำ
เป้าหมายที่ควรตรวจสอบ มิใช่ว่าต้องเป็นสมาชิก ‘สมาคมเสียวซ่าน’ ที่ปลอมตัวเป็นเทเรซานักค้าภาพหรอกหรือ?
ลูเมี่ยนยิ้มแล้วกล่าว
“ผมแค่นึกถึงความเป็นใหม่ๆ”
“ในเมื่อ ‘นักแสดง’ สามารถแสดงเป็นใครก็ได้ หลังจากที่เทเรซาปลอมสนิทสนมกับอเดนาแล้ว ฝ่ายแรกย่อมสามารถ ‘จัดการ’ กับแฟนสาวคนนี้ ปลอมตัวเป็นเธอ แล้วแทรกซึมงานเลี้ยงรื่นเริงสตรีที่ร้านกาแฟเรือนแดง”
“หากอเดนาที่ทุกคนคุ้นเคย เป็นผู้ถ่ายทอดแนวคิดของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ กับศรัทธาในเทพมาร ย่อมมีพลังโน้มน้าว ย่อมมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าสมาชิกใหม่แน่นอน”
พูดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนเงยหน้ามองห้องนอนในอพาร์ตเมนต์ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงประหนึ่งเล่าเรื่องสยองขวัญ
“บางที สักแห่งภายในอพาร์ตเมนต์นี้ อาจมีอเดนาตัวจริงซ่อนอยู่ ในสภาพศพ”
ฟรังก้าอดจินตนาการตามไม่ได้ เผลอสูดหายใจเข้าเงียบงัน
เธอยืดหลังตรง แล้วรำพันกับตัวเอง
“เรื่องนี้ไม่เลว เดี๋ยวเอาไปเล่าให้จินนาฟัง”
พึมพำเสร็จ เธอก็ปิดประตูห้องอย่างเบามือ เดินเข้าไปหาลูเมี่ยน พลางโต้แย้งข้อสงสัยของเด็กหนุ่ม
“บราวส์·เซารอนน่าจะเป็น ‘นางมารสุขสม’ ไม่น่าจะไม่รู้ว่าแฟนสาวของตนเป็นตัวจริงหรือปลอม อีกทั้ง เธอยังเค้นข้อมูลจากอเดนามาแล้ว จนทราบเป็นอย่างดีว่า ‘นักแสดง’ มีพลังแบบใดบ้าง”
ตอนนี้ ลูเมี่ยน ‘ช่วย’ เช็ดเครื่องสำอางออกจากใบหน้าของอเดนาที่นอนหมดสติ ยืนยันว่าแม้หน้าตาจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นตัวเธอเอง
เด็กหนุ่มหัวเราะในคอ
“ตามที่คุณบรรยาย ผมไม่ค่อยเชื่อข้อสรุปของบราวส์·เซารอนสักเท่าไร เธอมีประสบการณ์เหนือธรรมชาติน้อยกว่าคุณมาก แต่ในเมื่อมีนิกายนางมารหนุนหลัง แถมตอนนี้ก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ดูเหมือนผลการสอบปากคำจะเชื่อได้อยู่นะ”
ลูเมี่ยนเลิกสนใจอเดนา ชี้ไปที่เทเรซาปลอมที่โดนทั้งวิชาฮึ่มฮ่า ภาวะสลบทางกายภาพ และยาสลบของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ แล้วพูดกับฟรังก้า
“ใช้ทำนายด้วยกระจกวิเศษ เพื่อยืนยันว่าเธอเป็นสมาชิกแกนนำของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ หรือไม่”
แม้จะสรุปได้จากพฤติกรรมของเทเรซาปลอมว่า เธอน่าจะเป็นสมาชิกหลักของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ จริง แต่ตนกับฟรังก้าก็มิได้ตามสะกดรอยมาตลอดทาง เพียงแค่มารอที่จุดหมายก่อน หากอีกฝ่ายเกิดสงสัยระหว่างทาง แล้วส่งคนอื่นมาแทนล่ะ?
คำนึงจากการที่เทเรซาปลอมคนนี้มี ‘ยาสารภาพ’ กับยาลับสูตรเฉพาะของสมาคมเสียวซ่าน แสดงว่าเธอต้องมีความเกี่ยวข้องกับสมาคมเสียวซ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่จะเป็นสมาชิกหลักหรือไม่ ก็ไม่อาจทราบได้
คำตอบของคำถามนี้ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการลงมือของลูเมี่ยน
…………
ห้องติดกับห้องของอเดนา
บราวส์·เซารอนยังคงเฝ้าดูความเคลื่อนไหว แต่เธอได้ยินเพียงเสียงสนทนาอู้อี้ ไม่พบความผิดปกติใดเลย
อเดนากับเทเรซาปลอมนั่น คิดจะพูดคุยกันก่อน จิบไวน์แดงสักหน่อย? ถึงจะไม่ค่อยเร่าร้อน แต่ก็สร้างบรรยากาศได้ดี…บราวส์·เซารอนหันไปมองตึกฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง กระตุ้นฟรังก้า·โรลังด์กับคนรักของเธอในใจ หวังว่าพวกเขาจะไม่รอจนกระทั่งเทเรซาปลอมจมดิ่งสู่กามารมณ์ ค่อยบุกเข้าโจมตี
…………
ในห้องนั่งเล่นของอพาร์ตเมนต์อเดนา
ฟรังก้ายกมือขวา สร้างเข็มน้ำแข็งแหลมเล็ก สีใสแวววาว แทงใส่มือของเทเรซาปลอมแผ่วเบา ทำเอาเลือดไหลซิบทันที
เทเรซาปลอมหดแขนกลับโดยสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ฟื้นจากภาวะสลบสามชั้น
ฟรังก้าทาเลือดเหล่านั้นลงบนกระจกบานหนึ่ง ตั้งใจใช้เป็นสื่อกลางและเครื่องบูชา เพื่อสอบถามสิ่งมีชีวิตจากโลกแห่งความตาย หวังว่าจะได้รับการจำแนกทางวิญญาณ
ประกอบพิธีกรรมเบื้องต้นเสร็จ ฟรังก้าหยิบกระจกบานดังกล่าว แล้วสวดเป็นภาษาเฮอร์มิส
“เงาที่เตร็ดเตร่ในโลกแห่งความตาย สิ่งมีชีวิตเป็นมิตรที่สื่อสารได้ ดวงเนตรพิเศษผู้เป็นนิรันดร์…”
บนผิวกระจกเปื้อนเลือดปรากฏประกายวารีสีขาวเขียวเป็นระลอกๆ
เมื่อสวดคาถาจบ ฟรังก้าถามอย่างนอบน้อม
“เจ้าของเลือดคือเทเรซานักค้าภาพใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่” เสียงเรียบเฉยราวกับถูกกาลเวลากัดกร่อนมานานนับหมื่นปี ดังออกมาจากกระจก
ฟรังก้าถามคำถามที่สอง
“เจ้าของเลือดคือสมาชิกแกนนำของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ แห่งทรีอาร์ใช่หรือไม่?”
เสียงเรียบเฉยค่อยๆ จางหายไป
“ใช่”
ฟรังก้ามิได้ถามต่อ เพราะสิ่งมีชีวิตนี้จะตอบคำถามได้เพียงสองข้อในแต่ละรอบ
เธอมองน้ำประกายขาวซีดหดตัวเข้าด้านใน พลางมองเลือดบนผิวกระจกซึมหายเข้าไปอย่างประหลาด จนกระทั่งไม่หลงเหลือ
ฟรังก้าจึงหันหน้าไปหาลูเมี่ยน
“เป็นแกนนำของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’”
ลูเมี่ยนถอนหายใจแผ่วเบา
“น่าเสียดาย ผมไม่รู้วิธีผ่าตัดเอากลีบสมองส่วนหน้าออก และอ็องโตนี·รีดก็ยังไม่ใช่นักสะกดจิต…เราไม่เหลือทางเลือกนอกจากต้องสื่อวิญญาณโดยตรง”
การใช้ ‘ยาสารภาพ’ ไม่ได้หมายความว่า เทเรซาปลอมจะไม่ต่อต้านเมื่อตื่นขึ้นมา ด้วยความศรัทธาและฝีมือของเธอ คงหลีกเลี่ยงศึกปะทะอันดุเดือดไม่ได้ สุดท้ายก็อาจต้องสังหารเธอ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สู้ปลิดชีพเสียตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือ
ลูเมี่ยนพูดไปพลางย่อตัวลง มือขวาลุกโชนเป็นเปลวไฟสีแดงฉาน
เปลวไฟพันกันอย่างรวดเร็ว รวมตัวกันจนขาวโพลน
เมื่อลูเมี่ยนวางมือขวาลงบนร่างเทเรซาปลอมแผ่วเบา เปลวไฟสีขาวโชติช่วงก็หายวับไปทันใด
บึ้ม!
เสียงระเบิดทึบดังสะเทือนจากภายในร่างเทเรซาปลอม เนื้อตัวสั่นกระตุกไปสองสามหน ก่อนจะหมดลมหายใจไป
โดยระหว่างนี้ ฟรังก้ายุ่งกับการเตรียม ‘สื่อวิญญาณด้วยกระจกวิเศษ’
แม้เธอจะสามารถสื่อวิญญาณขณะที่เทเรซาปลอมหมดสติ แต่ก็ไม่ถือว่าปลอดภัยเต็มร้อย อาจก่ออาการทางจิตโดยไม่จำเป็น เหนือสิ่งอื่นใด เป้าศรัทธาของเทเรซาปลอมคือเทพมาร ถ้าทำพลาดอาจถึงกับถูกมลทินปนเปื้อน
…………
ห้องติดกับห้องของอเดนา
บราวส์·เซารอนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เริ่มสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงแผ่วเบา
ใช้พลังแล้ว? ลงมือแล้ว? บราวส์·เซารอนไม่รู้เลยว่า การเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่เกิดจากการที่เทเรซาปลอม เริ่มเล้าโลมอเดนาด้วยพลังของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายหรือไม่ หรือว่าฟรังก้า·โรลังด์กับคนรักของเธอ ได้แทรกซึมไปถึงจุดหมายแล้ว พร้อมจะลงมือ
โดยไม่ลังเล บราวส์·เซารอนในชุดล่าสีดำ เปิดหน้าต่างเบามือ ปีนออกไปตามเงามืด เกาะตามผนังด้านนอก ค่อยๆ ขยับเข้าหาอพาร์ตเมนต์ของอเดนา
…………
ฟรังก้าเริ่มสื่อวิญญาณด้วยกระจกวิเศษแล้ว เห็นผิวน้ำกระเพื่อมอย่างพิศวงมืดมนภายในกระจก โดยกำลัง ‘สะท้อน’ ใบหน้าอันงดงามยั่วยวนแต่ซีดเซียว
“ชื่ออะไร” ฟรังก้าถามเข้าประเด็น เริ่มด้วยคำถามง่ายๆ เพื่อทดสอบผลของการสื่อวิญญาณด้วยกระจกวิเศษ
เทเรซาปลอมตอบด้วยเสียงกังวานเบาบาง
“เบียทริซ·อังกูร์”
“ตัวจริงเป็นใคร” ฟรังก้าถามต่อ
เบียทริซ·อังกูร์กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เป็นเจ้าของผับแห่งหนึ่ง ได้รับมาจากสามีผู้ล่วงลับ”
ฟรังก้าจึงเริ่มถามในประเด็นหลัก
“เธอเป็นแกนนำของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ ใช่ไหม”
“ใช่” เบียทริซ·อังกูร์แทบจะไม่ขยับศีรษะ
ฟรังก้าไม่ได้ถามเกี่ยวกับความเชื่อของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ โดยตรง ไม่ถามถึงวิวรณ์ล่าสุดของพระองค์ แม้เธอจะไม่กลัว ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ เท่ากับที่กลัว ‘ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชค’ จนไม่กล้าแม้แต่จะสื่อวิญญาณ แต่ฟรังก้าก็ตระหนักถึงความเสี่ยงเพียงพอ รู้ว่าควรถามอะไร ไม่ควรถามอะไร อะไรปลอดภัย และอะไรอาจนำมาซึ่งมลทิน
เธอใคร่ครวญแล้วถามต่อ
“เธอรู้จักลูเมี่ยน·ลีหรือชาร์ล·ดูบัวส์ไหม”
เบียทริซตอบคำถามด้วยท่าทีงุนงงปนเซื่องซึม
“ไม่รู้จัก”
ไม่รู้จัก…ลูเมี่ยนผู้แอบฟังอยู่เลิกคิ้ว
แกนหลักของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ ไม่มีใครรู้แผนสุดท้ายของซูซานน่า·มาติสเลยหรือ?
ฟรังก้าประหลาดใจเช่นกัน ขมวดคิ้วถามต่อ
“ก่อนตาย ซูซานน่า·มาติสจะไปทำอะไรที่เขตตลาด”
เบียทริซ·อังกูร์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เธอจะปลุกพฤกษาเทพ ให้รากของมันแทรกลงไปในทรีอาร์ยุคที่สี่ ให้ยอดของมันงอกเงยไปถึงดินแดนของเหล่าเทพจอมปลอม”
“เธอบอกไหมว่าจะปลุกยังไง” ฟรังก้าถามย้ำ
เสียงของเบียทริซ·อังกูร์ยิ่งเย็นชา สีหน้ายิ่งดูกระด้าง
“ไม่ได้บอก”
พวกเธอไม่รู้จริงหรือ ว่าซูซานน่า·มาติสคิดจะจับฉันไปสังเวยแด่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย? ลูเมี่ยนเร่งไตร่ตรองปานสายฟ้าแลบ พลางพูดชื่อหนึ่งกับฟรังก้าเบาๆ
“ไมป์·ไมเออร์”
ฟรังก้าเข้าใจ จึงถามวิญญาณในกระจก
“ไมป์·ไมเออร์อยู่ที่ไหน”
ไมป์·ไมเออร์คืออดีตผู้จัดการโรงละครกรงพิราบเก่า เป็นคนรัก เป็นมือขวาที่ซูซานน่า·มาติสไว้ใจเหนือใคร
เบียทริซตอบด้วยเสียงที่เหมือนคนตายเข้าไปทุกที
“ฉันไม่แน่ใจ เขาเป็นผู้ชาย ถูกพวกเราเกลียดชังและเหินห่าง”
ได้ยินแบบนี้ ลูเมี่ยนก็เข้าใจ คาดเดาสาเหตุเบื้องต้นได้แล้ว
ในเรื่อง ‘พฤกษาเงา’ ซูซานน่า·มาติสที่กลายเป็นวิญญาณมารนั้น ไม่ว่าจะเลือกหรือกระทำการใด ล้วนสุดโต่งทั้งสิ้น ไม่เคยแจ้งรายละเอียดและความคืบหน้ากับแกนหลักคนอื่นของ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ มีเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงอย่างไมป์·ไมเออร์ กับชาร์ล็อตต์·คัลวิโนเท่านั้นที่รู้แผนการทั้งหมด
หลังจากที่ซูซานน่า·มาติสกับชาร์ล็อตต์·คัลวิโนเสียชีวิต ไมป์·ไมเออร์ที่ต้องพึ่งพาพวกเธอเพื่อให้ได้เป็นแกนหลักของสมาคมฯ ก็เริ่มถูกกีดกันและกดดัน จึงไม่ได้แจ้งรายละเอียดของเหตุการณ์ ‘พฤกษาเงา’ ให้ใครทราบ
พอลองคิดดูก็ปกติ องค์กรลับที่มี ‘กามารมณ์’ เป็นแกนหลัก ย่อมเต็มไปด้วยแรงกระหายเอ่อล้น ซ้ำยังแย่งชิงอำนาจกันทั้งเปิดเผยและลับหลัง ผู้ชายอย่างไมป์·ไมเออร์ ในหมู่หญิงรักหญิง ย่อมถูกมองเป็นตัวประหลาด
ฟรังก้าครุ่นคิดสองสามวินาที แล้วถามคำถามเมื่อครู่ในรูปแบบอื่น
“ช่วงนี้ ไมป์·ไมเออร์มีแผนอะไรบ้าง”
ใบหน้าของเบียทริซซีดเขียว แม้แต่สีหน้าเคร่งขรึมก็ไม่มีแล้ว
“สองสามสัปดาห์ก่อน ไมป์·ไมเออร์บอกว่า เขาจะย่องกลับไปที่เขตตลาด เพื่อทำบางอย่าง หลังจากนั้น ฉันก็ไม่เห็นเขาอีกเลย”
ย่องกลับไปที่เขตตลาดเพื่อทำบางสิ่ง? ลูเมี่ยนกับฟรังก้าต่างสะดุ้งในใจโดยพร้อมเพรียง
……………………………………………………..