ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 411 คณะกรรมการตรวจสอบ
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 411 คณะกรรมการตรวจสอบ
ตอนที่ 411 คณะกรรมการตรวจสอบ
……….
เนื่องจากในจดหมายได้แจ้งชัดเจนแล้วว่า นี่คือการชุมนุมนัดพิเศษ สมาชิกส่วนใหญ่ของสมาคมวิจัยฯ จึงไม่จับกลุ่มสนทนา เพียงยืนอยู่ในตำแหน่งประจำของตน พลางมองไปยังเก้าอี้หินขรุขระตัวใหญ่
สิบนาทีหลังจากเวลานัดหมาย ประธานใหญ่ ‘แกนดาล์ฟ’ ในเสื้อคลุมผ้าลินิน มองไปรอบๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงน่าเกรงขาม
“ทุกท่าน การเรียกทุกคนมาชุมนุมนัดพิเศษในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งข้อมูลที่สำคัญมาก”
“มีกลุ่มคนทรยศในหมู่พวกเรา!”
กลุ่มคนทรยศ…แม้ว่าชาว ‘วิทยาลัย’ อย่าง ‘ศาสตราจารย์’ จะได้รับคำบอกใบ้จากลูเมี่ยนแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าปัญหาจะร้ายแรงกว่าที่จินตนาการ
มิใช่แค่คนทรยศ แต่เป็นกลุ่มคน!
ภายในพระราชวังโบราณอันทรุดโทรม เกิดเสียงฮือฮาดังเซ็งแซ่ สมาชิกสมาคมวิจัยฯ บางคนชัดเจนว่าไม่เชื่อ บางคนหวาดระแวงทันที สงสัยโน่นนี่ บางคนเชื่อว่ามีปัญหาจริง แต่ไม่รุนแรงอย่างที่ ‘แกนดาล์ฟ’ พูด
ท่ามกลางบรรยากาศการพูดคุยและถกเถียง แผ่วเบาแต่ดุเดือด เฮล่าผู้สวมผ้าคลุมหน้าสีดำ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“เรามาให้ผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง เล่าประสบการณ์ของเธอกันก่อน”
เสียงของมาดามคนนี้ไม่ดัง แต่กลับเหมือนเป็นเสียงเดียวที่ดังท่ามกลางความเงียบสงัดยามราตรี เล็ดลอดเข้าไปในโสตประสาทชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกอย่างแจ่มชัด
เธอมองมายังจุดรวมพลของกลุ่มย่อย ‘วิทยาลัย’
ลูเมี่ยนเข้าใจเจตนาของเฮล่า จึงเดินขึ้นบันไดโดยปราศจากความกลัวหรือกังวล มาจนถึงเก้าอี้หินขรุขระ ตัวใหญ่เก่าแก่
เด็กหนุ่มจำลองปฏิกิริยาทางอารมณ์ของโอลัวร์ หากได้ทราบความจริงว่าตนตกเป็นเหยื่อ แล้วกล่าวด้วยเสียงค่อนข้างทุ้ม
“เมื่อวันที่ 1 เมษายนปีที่แล้ว ฉันซื้อมนตร์ที่เรียกว่า ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ จาก ‘นังบ้า’ ในกลุ่มวันเอพริลฟูล…”
เสียงของโอลัวร์ที่ลูเมี่ยนเลียนแบบ ดังกังวานคมชัดโดยอาศัยพลังปกปิดที่กระจายอยู่ใน ‘อาณาจักรราตรี’ จนไม่จำเป็นต้องใช้ ‘มนตร์ขยายเสียง’ ส่งผลให้ทุกคนได้ยินชัดถ้อยชัดคำโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความช่วยเหลือจากเฮล่า เพราะลูเมี่ยนไม่ใช่ ‘จอมเวท’ ตัวจริง ย่อมไม่อาจใช้มนตร์จิปาถะเหล่านั้นได้
พอได้ยินแบบนั้น ชาวสมาคมวิจัยฯ พากันมองไปทาง ‘ช่องแตก’ ของพระราชวัง ซึ่งเป็นจุดรวมพลของกลุ่มวันเอพริลฟูล พบว่าที่ขาดหายไปไม่ได้มีแค่ ‘นังบ้า’ แต่ยังรวมถึงสมาชิกอีกหลายคน
พวกเขาเริ่มคาดเดาได้รางๆ ว่า คนทรยศหมายถึงกลุ่มใด สมาชิกบางส่วนที่เคยถูกกลุ่มวันเอพริลฟูลกลั่นแกล้ง มิอาจหักห้ามความรู้สึกยินดีปรีดาที่เอ่อล้นขึ้นมา
ลูเมี่ยนเล่าต่อ โดยไม่รีบเข้าประเด็น ‘คำให้การ’ ของโลกิกับ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ แต่เริ่มเกริ่นจาก ‘ความรู้สึกในช่วงแรก’ ของโอลัวร์:
ความไว้วางใจต่อ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’, ความโหยหาบ้านเกิด, ความยึดมั่นในเบาะแส, คำพูดหว่านล้อมสุดกินใจของ ‘นังบ้า’, หลังจากใช้ ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ แล้วพบว่า ดวงวิญญาณที่หายไป ได้หลอมรวมเข้ากับความทรงจำของตน แยกออกเป็นบุคลิกอันน่าหวาดหวั่นและไม่สงบ, การไปขอให้ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ช่วยรักษา, อาการที่ดีขึ้นตามลำดับ, ความรู้สึกสิ้นหวังระคนหวาดกลัว เมื่ออาการทรุดหนักลงทุกที…
ยิ่งลูเมี่ยนพูด ก็ยิ่งรู้สึกว้าวุ่น อารมณ์ยิ่งดำดิ่งจนแทบสะอื้น
ในแง่หนึ่ง สิ่งนี้มาจากความเสียใจของเขาเอง ที่ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของโอลัวร์ล่วงหน้า ความสบายใจเมื่อได้อยู่กับคนสนิท ทำให้เขาละเลยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ไปหมด กว่าจะค้นพบปัญหา มันก็หนักหนาจนเกินเยียวยาแล้ว
อีกแง่หนึ่ง เมื่อระลึกถึงความหลัง เมื่อได้จำลองเหตุการณ์ คล้ายกับเศษวิญญาณของโอลัวร์ถูกกระตุ้นให้ตื่น จนลอยขึ้นมายังสุดขอบของผนึก สร้างอิทธิพลต่อจิตใจเด็กหนุ่มในระดับหนึ่ง
ในตอนท้ายของเรื่องราว ลูเมี่ยนหายใจเข้าลึกๆ
“ฉันเกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือในวินาทีสุดท้าย จนสามารถผนึกบุคลิกแตกแยกสำเร็จ นี่คือสาเหตุที่ฉันไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมนานเกือบครึ่งปี”
“หลังจากฟื้นตัวในเบื้องต้น ฉันเขียนจดหมายถึงเฮล่า เล่าประสบการณ์ตรงของตัวเอง แล้วเราก็เริ่มสืบสวนโลกิ รวมถึง ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ กับ ‘นังบ้า’ อย่างลับๆ”
เฮล่ารับช่วงต่อ
“จนถึงตอนนี้ โลกิเปิดเผยปัญหามากพอแล้ว จึงถูกพวกเราเล่นงานจนสาหัส ส่วน ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ถูกมักเกิ้ลจับตัวไว้ สอบปากคำได้ข้อมูลมามากโข”
เมื่อเห็นชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกจำนวนมาก เริ่มเกิดความหวาดหวั่นตามสัญชาตญาณ กังวลต่อความปลอดภัยของตน เฮล่าจึงเล่าเรื่องที่โลกิเยาะเย้ยความทุกข์ของมักเกิ้ล รวมถึงการวางแผนอย่างพิถีพิถันของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’
สมาชิกส่วนใหญ่ของสมาคม ได้ฟังแล้วก็โมโหโกรธา อารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่าน เริ่มเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการลงมือของมักเกิ้ลกับเฮล่า
เฮล่ามองไปรอบๆ แล้วกล่าวเสริม
“ไม่ได้มีแค่มักเกิ้ลที่ตกเป็นเหยื่อ ยังมีเพื่อนของเราอีกหลายคนที่เสียชีวิตหรือสูญหายไปก่อนหน้านี้”
“ต่อไปเป็นเรื่องราวจากฝั่งพยานสักสองสามคน”
สมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูลอย่าง ‘ดินดำ’ กับคนที่เหลือ ผลัดกันขึ้นมาบนเวทีเพื่อเล่าเรื่องในมุมมองของตน จนชาวสมาคมวิจัยฯ เริ่มเย็นยะเยือกไปถึงสันหลัง ขนลุกซู่ชูชัน ประหวั่นพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก
หากมิใช่เพราะมักเกิ้ลรอดชีวิตมาได้หวุดหวิด เปิดโปงธาตุแท้ของคนเหล่านั้น ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่คนในนี้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อเพิ่ม!
เมื่อพยานพูดจบ ประธาน ‘แกนดาล์ฟ’ ได้แสดงหลักฐาน ซึ่งรวมถึงไดอารี วัตถุต่างๆ แล้วกล่าวขมวดปม
“ตามคำให้การของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เราได้ลงมือกวาดล้างพรรคพวกของโลกิที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มอื่น ในจำนวนนั้น ‘เพ็ตติกรูว์’ ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนเพราะรู้สึกผิดต่อทุกคน เขาเป็นคนดี แต่ขาดความมุ่งมั่นกล้าหาญ หากเขามาหาผมหรือเฮล่าเร็วกว่านี้ บอกใบ้พวกเราให้ชัดเจนกว่านี้ หลายๆ เรื่องก็คงไม่เกิด และตัวเขาก็คงไม่ต้องรู้สึกผิดมากขนาดนี้”
ท่ามกลางเสียงถอนหายใจ เสียงดังก้องของแกนดาล์ฟ ก็ดังขึ้นอีกเล็กน้อย
“ทุกคน พรรคพวกของโลกิที่พวกเรากำจัดไป มีแค่เท่าที่ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ รู้จักเท่านั้น ในแต่ละกลุ่มอาจยังมีสายข่าวที่โลกิรู้อยู่คนเดียว ผมจึงอยากเสนอว่า เราควรตั้ง ‘คณะกรรมการตรวจสอบ’ ที่ประกอบด้วยผม เฮล่า และอีกสามคนที่ผ่านการตรวจสอบความน่าเชื่อถือแล้ว โดยจะมีหน้าที่ตรวจสอบว่า ในหมู่สมาชิกที่ยังเหลือ ใครมีปัญหาบ้าง เพื่อกำจัดภัยแฝงเร้นภายใน เพื่อต่อกรกับโลกิและพรรคพวก”
ชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก ซึ่งยังอยู่ในภาวะตกใจปนโกรธแค้น ต่างพากันสองจิตสองใจ เนื่องด้วยกังวลว่า นี่อาจทำให้ความลับกับตัวจริงของตนถูกเปิดเผยต่อ ‘คณะกรรมการตรวจสอบ’
หากว่าในห้าคนนี้ มีใครสักคนคิดไม่ซื่อ ก็สามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อแอบขู่เข็ญ บีบให้สมาชิกคนใดคนหนึ่งทำตามคำสั่งตน กลายเป็นภัยคุกคามที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าพวกโลกิเสียอีก
แกนดาล์ฟเงียบมองทุกคน ปล่อยให้ถกเถียงกันไปสักพัก แล้วจึงพูด
“สบายใจได้ การตรวจสอบของเราจะไม่ล่วงล้ำความลับส่วนตัว หรือตัวจริงของพวกคุณ ขั้นตอนหลักคือ ‘คณะกรรมการตรวจสอบ’ จะออกแบบสัญญาที่เข้มงวดรัดกุม สามารถรับประกันได้ว่าสมาชิกของสมาคมฯ จะไม่ทำร้ายกันเอง แล้วทุกคนก็ลงชื่อในสัญญานั้น โดยให้ ‘อะพอลโล’ เป็นผู้รับรอง ส่วนพวกคุณจะนับถือเทพองค์ใด ประกอบอาชีพอะไรในชีวิตจริง มีความลับอะไรบ้าง เราไม่สนใจ ขอแค่ไม่ถูกปนเปื้อน ไม่ได้กลายเป็นระเบิดแฝงก็พอ ข้อจำกัดนี้จะปรากฏอยู่ในสัญญาด้วย”
‘อะพอลโล’ คือหนึ่งในห้ารองประธาน เดิมทีเขาไม่ได้ใช้โค้ดเนมนี้ แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาเดินไปข้างๆ เก้าอี้หินตัวใหญ่ แล้วแจ้งให้สมาชิกทุกคนทราบว่า ตนได้เปลี่ยนโค้ดเนมแล้ว
เขาผ่านการตรวจสอบของแกนดาล์ฟกับเฮล่าแล้ว
เมื่อเทียบกับการถูกตรวจเข้ม ไล่ตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงวิญญาณ สมาชิกหลายคนเห็นด้วยกับการลงนามในสัญญาที่มีผลผูกพัน เพื่อรับประกันความปลอดภัยของกันและกันมากกว่า
หลังจากการลงคะแนนด้วยการยกมือ ‘คณะกรรมการตรวจสอบ’ ก็ถูกก่อตั้งอย่างเป็นทางการโดยเสียงเกือบเอกฉันท์
คณะกรรมการประกอบด้วยสมาชิกห้าคน ได้แก่ ‘แกนดาล์ฟ’ ประธานสมาคม, ‘เฮล่า’ รองประธาน, ‘อะพอลโล’ รองประธาน, ‘ดาบซ่อนแขน’ จากกลุ่ม ‘อาราม’, และ ‘ครูใหญ่’ จากกลุ่ม ‘วิทยาลัย’
เฮล่าต้องการให้มักเกิ้ลเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบด้วย แต่ลูเมี่ยนรู้สึกว่าตนหลอกลวงคนอื่นมาตลอด ไม่เหมาะที่จะตรวจสอบใคร จึงปฏิเสธข้อเสนอไป
เมื่อลงคะแนนผ่าน ลูเมี่ยนได้ยิน ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้าที่ยืนอยู่ข้างๆ บ่นเสียงเบาว่า
“มนุษย์นี่นะ จะอยู่ที่ไหนก็ไม่เปลี่ยน เวลาอยากเปิดหน้าต่าง ต้องมีคนมากมายคัดค้าน แต่ถ้าบอกว่าอยากทุบหลังคา คนพวกนั้นก็ยินยอมให้เปิดหน้าต่างทันที”
เมื่อเห็นมักเกิ้ลมองมา ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้าก็พูดพึมพำต่อ
“คำพูดนี้ ฉันไม่ได้คิดเองนะ”
ถัดมา ทุกคนแบ่งกลุ่มกัน ถกเถียงเกี่ยวกับข้อสัญญา พยายามทำให้ไม่เกินเลย แต่รับประกันได้ว่าคนทรยศกับพวกที่มีพฤติกรรมอันตราย จะถูกพบตัวได้ทันท่วงทีโดยไม่มีช่องโหว่
ขณะลูเมี่ยนเดินลงบันได ก็เห็น ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้า กำลังสนทนากับชายร่างกายสูงใหญ่ผู้สวมหัวราชสีห์
เพียง ‘เธอ’ เดินเข้าไปใกล้ ชายคนนั้นก็หันมายิ้มแล้วพูด
“มักเกิ้ล คุณก็อยู่เขตตลาดเหมือนกันสินะ”
“007 อะไรทำให้คุณเชื่อแบบนั้น” ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้าแกล้งถาม
007 ผู้ทำงานให้กับสักองค์กรของทางการในทรีอาร์สินะ…ลูเมี่ยนพยักหน้าพลางยิ้มมุมปาก
“การเคลื่อนไหวในเขตตลาด ไม่เท่ากับการอาศัยในเขตตลาด”
“ก็จริง” 007 หันไปมอง ‘ดาบซ่อนแขน’ แล้วพูดอย่างยียวนแกมหยอกล้อ “คุณเคยบอกผมว่า คุณพอจะรู้ที่มาของกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวในคืนนั้น มาวันนี้คุณยังเล่าเรื่องการทรยศของพวกโลกิอีก…มันคงแปลกน่าดูถ้าผมจะไม่คาดเดาว่า เฮล่า คุณ มักเกิ้ล และคนอื่นๆ ในเขตตลาด ได้ผนึกกำลังกันจัดการกับโลกิและ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’…อีกอย่าง ผมได้ยินว่าในช่วงเวลานั้น ‘นักเชิดหุ่น’ ของหน่วยแปดหายตัวไปหนึ่งคน ซึ่งสอดคล้องกับเส้นทางที่โลกิแสดงให้เห็น”
กล่าวจบ สายตาเจือความสงสัยของ 007 กวาดผ่าน ‘ดาบซ่อนแขน’ กับ ‘มักเกิ้ล’
“ในพวกคุณ ไม่มีผู้วิเศษเส้นทาง ‘นักล่า’ สินะ”
พวกคนใหญ่คนโตต่างสงสัยกันว่า กลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงนั่น มาจากผู้วิเศษเส้นทางนักล่าในลำดับสูง
“กลิ่นอายสยองขวัญแบบนั้น คิดว่าพวกเราสร้างเองได้หรืออย่างไร มันต้องมาจากภายนอกอยู่แล้ว!” สิ่งที่ฟรังก้าพูดล้วนเป็นความจริง แต่เธอกำลังจงใจชักนำให้อีกฝ่าย คิดไปในทางยันต์ สมบัติปิดผนึก หรืออะไรเทือกนั้น
ขณะ 007 ผงกหัวเชื่องช้า ลูเมี่ยนจ้องอีกฝ่ายแล้วถาม
“หน่วยแปดพูดถึง ‘นักเชิดหุ่น’ ที่หายตัวไปว่าอย่างไร คิดว่าเขาหายตัวไปด้วยสาเหตุใด?”
……………………………………………………..