ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 377 ผู้ข้ามมิติคนก่อน
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 377 ผู้ข้ามมิติคนก่อน
ตอนที่ 377 ผู้ข้ามมิติคนก่อน
ชาว ‘วันเอพริลฟูล’ กว่าสิบคนต่างเงียบเป็นเป่าสากเมื่อเห็นลูเมี่ยนทักทาย
หลายคนมีสีหน้าท่าทางที่ทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกว่ามีปัญหา
ประกอบไปด้วย ‘กวีเร่ร่อน’ ผู้ปิดบังใบหน้าด้วยถุงน่อง, ‘ฮิโซกะ’ ผู้สวมหน้ากากครึ่งหน้า ทรงผมสีแดงตั้ง แต้มหยดน้ำตาและรอยดาวตรงแก้ม, ‘นังบ้า’ ผู้แต่งหน้าเป็นตัวตลก และ ‘อุลตร้าแมน’ ผู้แต่งตัวตลกขบขัน
ในสี่คนนี้ คนหนึ่งทำหน้าประหลาดใจปนสงสัย คนหนึ่งเผลอย่อตัวลง คนหนึ่งเผลอหรี่ตา และอีกคนดูระวังตัวมากขึ้น
หากลูเมี่ยนมิได้ปรึกษา ‘นักจิตบำบัด’ อ็องโตนี·รีดล่วงหน้า และจดจำสีหน้าท่าทางของคนที่รู้สึกผิด เมื่อเห็นเหยื่อที่ตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ เด็กหนุ่มคงไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจน จนอาจมองข้ามรายละเอียดไป
เมื่อเทียบกันแล้ว ‘โลกิ’ กับ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ที่ลูเมี่ยนตั้งธงสงสัยไว้ มีปฏิกิริยาปกติในทุกด้าน
—คนแรกคือผู้ก่อตั้งและผู้นำของ ‘วันเอพริลฟูล’ หากมีความผิดปกติภายในกลุ่ม ก็คงยากที่เขาจะไม่มีปัญหา ส่วนรายหลัง ตามคำบอกเล่าของ ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้า อาจเป็น ‘นักจิตบำบัด’ ในเส้นทางผู้ชม เนื่องจากข้อมูลของเส้นทางผู้ชม ขาดหายไปจากสมุดบันทึกของโอลัวร์ค่อนข้างมาก แถมยังไม่ค่อยตรงกับข้อมูลในฝัน
โลกิในชุดคลุมดำแบบนักทำนายในคณะละครสัตว์ เพียงใช้เงาของฮู้ดบดบังใบหน้า ราวกับไม่กังวลว่าจะถูกเห็นหน้าจริง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาพูดโดยไม่ปิดบังความประหลาดใจ
“มักเกิ้ล ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เห็นคุณอีกครั้ง”
“ผมนึกว่าคุณฟังบทเรียนของ ‘ปราชญ์เร้นลับ’ จนเสียสติไปแล้ว คลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์ จนพลาดการร่วมชุมนุมไปหลายเดือน”
“แร็ป! ต้องเรียกว่าแร็ป ไม่ใช่บทเรียน” กวีเร่ร่อนผู้สวมถุงน่องที่หัว แก้ไขพร้อมรอยยิ้ม
ลูเมี่ยนเคยได้ฟังจากฟรังก้า ว่าแร็ปคือรูปแบบดนตรีแปลกๆ ซึ่งชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก มักใช้เรียกแทน ‘เสียงเพรียก’ จากองค์ซ่อนเร้นที่มักนำมาซึ่งอันตราย
‘มักเกิ้ล’ พูดด้วยริมฝีปากสีแดงอ่อนที่ยกขึ้นเล็กน้อย
“มีร่องรอยและอาการเสียสตินิดหน่อย แต่ยังควบคุมได้”
ในสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก นี่เป็นหัวข้อที่พบได้บ่อย ก่อนหน้านี้เคยมีสมาชิกหลายคนเกิดคลุ้มคลั่งจากสารพัดสาเหตุ บางคนกลายเป็นสัตว์ประหลาด บางคนตายคาที่ ดังนั้น ในงานชุมนุมลักษณะนี้ นักจิตบำบัดจึงทำเงินได้มากจากการรักษาอาการทางจิต หรือโรคทางใจ
‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ สวมเสื้อกาวน์ขาว หน้ากากปากนก พยักหน้ารับ
“จากที่ผมประเมินสภาพจิตใจของคุณเมื่อปีก่อน ปัญหายังไม่รุนแรงนัก แต่หลังจากนั้นเกือบปี คุณไม่ได้ตรวจประเมินเป็นประจำ ต้องระวังเอาไว้นะ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งประมาทเกินไป ย่ามใจเกินไป สุดท้ายต้องเข้าโรงพยาบาลบ้า”
นักจิตบำบัดคนนี้ดูปกติ ดูห่วงใยอาการของคนไข้ แต่การที่เขาเข้าร่วมกลุ่มวันเอพริลฟูล ทำให้ลูเมี่ยนเชื่อว่า อีกฝ่ายคงมีความผิดปกติอยู่บ้าง อย่างน้อยทางด้านสภาพจิตใจ
แม้ลูเมี่ยนจะเป็นราชานักแกล้ง แต่ก็มิได้สิ้นหวังกับอนาคต จุดมุ่งหมายของชีวิตมิใช่การแสวงหาความสนุกเพียงอย่างเดียว กลุ่มคนที่มีอาการดังกล่าว ย่อมนับได้ว่ามีปัญหาทางจิตไม่มากก็น้อย
โลกิมิได้ถามต่อว่ามักเกิ้ลขาดงานชุมนุมหลายครั้งด้วยสาเหตุใด เพียงกางมือออก พูดกับชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกทุกคนในละแวกใกล้เคียงสถานที่รวมตัวของกลุ่มวันเอพริลฟูล:
“ทุกคน ผมเพิ่งค้นพบผู้ข้ามมิติอีกคนในประวัติศาสตร์!”
“ใคร?” กวีเร่ร่อนผู้สวมถุงน่องที่หัว โพล่งถามทันที สมาชิกคนอื่นๆ ก็หันมาสนใจโดยพร้อมเพรียง
เห็นว่าทุกคนมองมา โลกิเริ่มพูดออกท่าออกทาง:
“ผมได้ตำราโบราณมาจำนวนหนึ่ง มันกล่าวถึง ‘เทพสุริยันบรรพกาล’ ที่เคยมีอยู่ในยุคที่สาม”
“ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยสงสัยมิใช่หรือ ว่าคัมภีร์ของทุกศาสนา โดยเฉพาะสุริยันเจิดจรัส คล้ายคลึงกับคัมภีร์ทางศาสนาในโลกของเรามาก?”
“ตอนนี้ ผมน่าจะพบคำตอบแล้ว”
ผู้นำของกลุ่มวันเอพริลฟูลรายนี้ พูดไปพลางใช้นิ้วแตะหน้าอกตามลำดับ บน ล่าง ซ้าย ขวา ราวกับเป็นสัญลักษณ์เด่นในศาสนาบ้านเกิด
ตาของลูเมี่ยนกระตุก
มิสเตอร์ K ก็ทำท่าทางนี้ตอนสวดวิงวอน!
นี่เป็นความบังเอิญ หรือมีความเชื่อมโยงบางอย่าง?
และเทพสุริยันบรรพกาลนั่น มิใช่บิดาของเทวทูตที่คาบาเร่ต์แกะดำหรอกหรือ?
โลกิพูดต่อด้วยน้ำเสียงเล่นใหญ่
“ใช่แล้ว เป็นอย่างที่พวกคุณคิด คัมภีร์ของทุกศาสนาล้วนลอกมาจาก ‘เทพสุริยันบรรพกาล’ เพียงแต่เน้นไปคนละจุด แก้ไขรายละเอียดบางส่วน”
“ผมหาตำราของพระองค์มาได้น้อยมาก แต่มั่นใจว่ามาจากโลกของเราแน่นอน”
“ผมอยากให้พวกคุณช่วยกันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเทพสุริยันบรรพกาลมาเพิ่ม ยิ่งมากยิ่งดี จนเราสามารถยืนยันได้ว่า พระองค์ก็เป็นผู้ข้ามมิติเช่นกัน มาก่อนโรซายล์… ถ้าพวกคุณอยากดูตำราที่ผมหามาได้ หลังจากนี้ค่อยมาค้าขายกัน ทองคำหนักร้อยกรัมหรือเทียบเท่า แลกกับสำเนาหนึ่งชุด ไม่แพงเลยใช่ไหม? ก็เราเป็นพวกเดียวกัน เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความหวังที่จะได้กลับบ้าน ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่ขายแลกทองคำขี้ปะติ๋วแค่นี้หรอก”
‘อุลตร้าแมน’ ผู้แต่งตัวตลกขบขัน ถอนหายใจ
“เปล่าประโยชน์น่า คุณก็รู้ว่าพระองค์ได้เป็นเทพแล้ว ย่อมเข้าใจความจริงของโลกมากกว่าเรา อาจรู้ไปถึงความลับในการข้ามมิติ และวิธีกลับไปบ้านเกิดด้วย แต่ตามที่คุณเล่ามา พระองค์ก็มิได้กลับมิใช่หรือ”
“จงสว่าง!” โลกิยิ้มมุมปาก “ผมยังสงสัยด้วยว่า ที่พระองค์มิได้กลับไป อาจเพราะดับสูญไปก่อน ร่วงหล่นในสงครามเทพสักศึกหนึ่ง”
“น่าสนใจ” ฮิโซกะผู้สวมเสื้อพิมพ์ลายไพ่ เปิดปากขึ้นมา
โลกิกวาดตามองไปรอบๆ ชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะพูดยิ้มๆ
“ข้อมูลกับตำราของพระองค์ถูกลบทิ้งอย่างจงใจ เหลือไว้ให้เผยแพร่อย่างลับๆ เพียงน้อยนิดเท่านั้น ส่วนใหญ่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ใกล้กับแหล่งพลังที่พระองค์ทิ้งไว้”
“กล่าวกันว่า ในสถานที่แบบนั้น ยิ่งลำดับสูงก็ยิ่งอันตราย ยิ่งคลุ้มคลั่งได้ง่าย พวกเราผู้วิเศษธรรมดาๆ กลับเข้าใกล้ได้ง่ายกว่า… มันอาจซ่อนความจริงที่เชื่อมโยงสองโลกเข้าด้วยกัน รวมถึงวิธีกลับบ้านเกิดเอาไว้”
ขณะพูดเรื่องนี้ สายตาของโลกิกวาดผ่านใบหน้าที่สวมหน้ากากของลูเมี่ยน
กำลังแอบยุยงให้โอลัวร์กับชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกลงไปสำรวจใต้ดิน? ลูเมี่ยนระแวง ‘การแกล้ง’ ที่อาจแฝงมา
แน่นอน อีกหนึ่งสาเหตุที่เด็กหนุ่มพบปัญหาในทันทีคือ มาดามจัสติสเคยบอกว่า หากอยู่ใกล้บ่อน้ำสตรีซามาเรีย ยิ่งลำดับสูงก็ยิ่งอันตราย และเธอยังอธิบายแก่นของปัญหาให้ฟังด้วย
นี่ทำให้ลูเมี่ยนสงสัยว่า สิ่งที่เทพสุริยันบรรพกาลทิ้งไว้ตามคำบอกเล่าของโลกิ อาจคล้ายคลึงกับบ่อน้ำสตรีซามาเรีย ซึ่งเด็กหนุ่มเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า บ่อน้ำสตรีซามาเรียอันตรายและน่าพรั่นพรึงเพียงใด!
หมอนี่ยุยงให้คนอื่นไปสำรวจใต้ดินแทน เพราะอยากกลับบ้านแต่ไม่อยากเสี่ยงเอง หรือแค่อยากแกล้งชาวบ้านโดยไม่แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว? ลูเมี่ยนมองด้านข้างใบหน้าของโลกิ แล้วจงใจพูด
“ช่วงนี้ฉันก็กำลังคิดคล้ายๆ กัน”
“ทำไมเทพนิยายและตำนานหลายๆ เรื่องของโลกนี้ ถึงมีแม่น้ำลวงตาในขอบเขตแห่งความตาย เหมือนกับที่บ้านเกิดของเรา?”
“หรือว่าจะเป็นฝีมือของรุ่นพี่บางคนที่ข้ามกลับไปได้?”
อิงจากนิสัยโอลัวร์ตามที่ลูเมี่ยนเข้าใจ หากลองได้ยินเบาะแสการกลับบ้าน แม้จะเพียงน้อยนิด ไม่มีทางที่เธอจะไม่สนใจ และในเมื่อต้องถามออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางที่ดีก็ไม่ควรก้าวเข้าไปในจังหวะของอีกฝ่าย แต่ต้องหาจุดเชื่อมโยงเพื่อเบี่ยงเบนหัวข้อออกมา
นี่คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ลูเมี่ยนได้รับจากการหักเหลี่ยมเฉือนคมกับพี่สาว โดยอาศัยไหวพริบต่อสู้กับการเรียน การบ้าน การสอบ การต่อสู้ และการกลั่นแกล้ง
‘นังบ้า’ ที่แต่งหน้าเป็นตัวตลกสีแดง เหลือง ขาว หัวเราะ ‘ฮะๆ’
“มนุษย์ก็แบบนี้แหละ ชอบเอาเรื่องรอบตัวมาใส่ในเทพนิยาย ย้อนกลับไปในยุคโบราณ มนุษย์ต้องอยู่ริมน้ำ ต้องมีแม่น้ำรายล้อมอย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาจึงเชื่อว่า โลกหลังความตายก็ควรมีแม่น้ำสักสายเช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อขุดดินฝังศพ ยิ่งขุดลึก ก็ยิ่งมีโอกาสขุดเจอแม่น้ำใต้ดิน”
ลูเมี่ยนเลียนเสียงโอลัวร์ตอบกลับ
“คำอธิบายของคุณสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ดี แต่ฉันว่ามันยังเร้นลับไม่มากพอ ถ้าเราอยากกลับไป ก็ต้องพึ่งศาสตร์เร้นลับเท่านั้น”
เด็กหนุ่มเล่าตำนานแม่น้ำโลกความตายที่เพิ่งได้มาจากกลุ่ม ‘อเวจี’ ให้พวกเขาฟัง แล้วจึงพูดว่า
“ตามความคิดของฉัน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางการสืบสวน”
โลกิที่ใบหน้าซ่อนอยู่ในเงาฮู้ดแต่ยังพอเห็นรางๆ หัวเราะในคอ
“แม้ว่าโลกแห่งความตายควรอยู่ที่ใดสักแห่งในโลกวิญญาณ แต่ผมเชื่อว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับใต้ดินแน่ ในตำนานท้องถิ่นนับไม่ถ้วนบนทวีปเหนือใต้ สิ่งที่เรียกว่านรกก็ซ่อนอยู่ใต้ดินเช่นกัน”
“ดังนั้น จุดสำคัญของการสืบสวนของเรา ต้องอยู่ที่ใต้ดิน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เทพสุริยันบรรพกาลในยุคที่สามทิ้งไว้ หรือปัญหาเกี่ยวกับแม่น้ำโลกความตาย เราต้องลงไปสำรวจใต้ดินลึกๆ จึงจะสัมผัสได้”
กลัวทุกคนจะตายไม่เร็วพอหรือไง… ลูเมี่ยนรำพันเงียบ
เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นสนใจอย่างยิ่ง แลกเปลี่ยนข้อมูลกับ ‘โลกิ’ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ และชาววันเอพริลฟูลคนอื่น เกี่ยวกับ ‘เทพสุริยันบรรพกาล’ ‘ใต้ดิน’ และ ‘แม่น้ำโลกความตาย’
เกือบยี่สิบนาทีผ่านไป ลูเมี่ยนตัดสินใจผละจากจุดรวมตัวของกลุ่มวันเอพริลฟูลสักพัก
เขาได้ทดสอบแล้วว่า มีชาววันเอพริลฟูลออกอาการผิดปกติอย่างน้อยสี่คน ต่อไปก็ต้องให้ ‘ดาบซ่อนแขน’ ฟรังก้ารับช่วงต่อ
—หากชาววันเอพริลฟูลสี่คนนี้มีปัญหาจริง ก็คงระวังตัวแจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมักเกิ้ล ย่อมไม่พยายาม ‘ล่อลวง’ หรือ ‘ติดต่อ’ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินเข้าไปตกหลุมพรางเอง
หลังจากนี้คงเน้นสังเกต เก็บข้อมูลจากด้านข้างเป็นหลัก
แต่ในกรณีของ ‘ดาบซ่อนแขน’ พวกเขาสบายใจที่จะกลั่นแกล้งโดยไม่ต้องพะวงหลัง เมื่อถึงตอนนั้น ฟรังก้าสามารถอ้างว่าเธอถูกกลั่นแกล้ง จนได้รับความเสียหายหนักในชีวิตจริง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการออกตามล่าชาววันเอพริลฟูลทั้งสี่คนบนโลกความจริง ไล่กระทืบทีละคน ส่วนระหว่าง ‘กระทืบ’ จะสอบถามข้อมูลสำคัญด้วยหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ลูเมี่ยนเพิ่งจะออกจากรอยแตกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นประธานสมาคม ‘แกนดาล์ฟ’ เจ้าของความสูงมากกว่า 2.4 เมตร เดินไปทางเก้าอี้หินตัวใหญ่ แล้วพูดเสียงดังกังวาน
“ทุกคน ผมมีเรื่องอยากปรึกษาพวกคุณ”
……………………………………………………..