ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 372 ภารกิจหลัก
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 372 ภารกิจหลัก
ตอนที่ 372 ภารกิจหลัก
ลูเมี่ยนยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เหตุใดการ์ดเนอร์·มาร์ตินถึงมั่นใจว่าฟอม็องดา·เซารอนยังไม่ตาย แต่ดูแล้วอีกฝ่ายไม่คิดจะอธิบาย จึงล้มเลิกความคิดที่จะซักถาม
ตอนนี้เด็กหนุ่มสนใจเพียงเรื่องเดียว
“ภารกิจของผมถือว่าจบแล้วใช่ไหม”
เมื่อนำเรื่องที่เคานต์ปุยฟ์ชอบหล่อเศียรขี้ผึ้งของคนรู้จัก กับเรื่องที่ตนถูกหุ่นขี้ผึ้งโจมตี มาวิเคราะห์ร่วมกัน ลูเมี่ยนเชื่อว่าตนถูกอีกฝ่ายสงสัยเข้าแล้ว การติดต่อหลังจากนี้จึงถือว่าอันตราย
การ์ดเนอร์·มาร์ตินส่ายหัวช้าๆ
“ยัง… คุณต้องทำต่อ”
เขาถือซิการ์ ลุกยืน เดินไปริมหน้าต่างแล้วพูด
“การที่คุณเลือกทีหลังปุยฟ์ แต่กลับยังได้เป็นพระราชา ย่อมทำให้เขาสงสัยภูมิหลังของคุณแน่นอน แต่สิ่งที่เขาสนใจยิ่งกว่าคือ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร การใช้หุ่นขี้ผึ้งโจมตีคุณลับหลัง ก็มาจากเหตุผลดังกล่าว”
“ดังนั้น เขาจะเชิญคุณอีกแน่ หวังทดลองคุณด้วยสารพัดวิธี เค้นความลับจากตัวคุณให้ได้ สำหรับเรา นี่คือโอกาส… โอกาสในการยืนยันสถานะที่แท้จริงของบรรพชนตระกูลเซารอนอย่างฟอม็องดา”
“จากภารกิจนี้ เราจะได้เข้าใจสาเหตุการเสื่อมถอยของตระกูลซึ่งเคยทรงพลังค้ำฟ้า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรา ผู้เดินบนเส้นทาง ‘นักล่า’ … นี่คือภารกิจหลักของเราในปัจจุบัน”
“ถ้าจะให้สรุป ตระกูลเซารอนในตอนนี้ก็เหมือนกับปราสาทหงส์แดงนั่น ทรุดโทรมมาเนิ่นนาน แต่กลับซุกซ่อนความลับไว้นับไม่ถ้วน ซึ่งองครักษ์รอบปราสาทก็แข็งแกร่งพอจะขับไล่ผู้แอบมอง… งานของเราคือ หาช่องโหว่ของแนวป้องกันปราสาทให้พบ ยืนยันจนแน่ใจว่าความลับที่พวกเขาซุกซ่อน ไม่เป็นภัยคุกคามในระดับถึงตาย จากนั้นก็หาโอกาสเจาะผ่านแนวป้องกัน หลบเลี่ยงกับดัก แล้วนำสมบัติออกมา”
“ไม่ต้องกังวล ถัดจากนี้ไป ทุกคำเชิญของปุยฟ์ ผมจะคอยคุ้มครองคุณในทางลับ ตัวคุณไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงมาก”
ลูเมี่ยนใคร่ครวญก่อนจะถาม
“ผู้การ… ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่าภารกิจหลักของเรา คือการค้นหาทางเข้าที่แท้จริงของทรีอาร์ยุคที่สี่”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินอัดซิการ์แล้วยิ้ม
“สองภารกิจนี้เกี่ยวข้องกันในระดับหนึ่ง เป็นไปเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน แต่คุณยังไม่จำเป็นต้องทราบ”
จุดประสงค์อะไร? กำลังจะบอกว่า สำหรับตอนนี้ ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กจดจ่ออยู่กับการสำรวจใต้ดิน ค้นหาทางเข้าทรีอาร์ยุคที่สี่ ควบคู่ไปกับการสืบหาสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเซารอนเสื่อมถอยลงในช่วงสองสามร้อยปีหลัง พลางหาทางแย่งพวกเขากินเนื้อติดมัน? ตามคำบอกเล่าของมิสเตอร์ K หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเซารอนเสื่อมถอยคือ ในช่วงเวลาหนึ่ง สมาชิกคนสำคัญของตระกูลทยอยเสียสติ ทยอยล้มตายต่อเนื่อง… เรากับการ์ดเนอร์·มาร์ตินรับผิดชอบฝั่งตระกูลเซารอน ส่วน ‘จเร’ โอลเซ่นกับคนอื่นๆ คอยสำรวจใต้ดิน? ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจทิศทางปัจจุบันของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก
และมันยังเป็นภารกิจหลักของเขาด้วย
แน่นอน เด็กหนุ่มทราบเพียงเนื้อหางาน แต่ไม่เข้าใจเหตุผลที่ต้องทำ
“ครับ ผู้การ” ลูเมี่ยนไม่ต่อปากต่อคำ ขานรับเรียบง่าย
เขามีลางสังหรณ์ประหลาด ว่านี่คือโอกาสสำหรับย่อยโอสถนักวางเพลิง ก้าวไปบนเส้นทางนักล่าได้ไกลกว่าเดิม
เด็กหนุ่มยังไม่ลืม มาดามเมจิกเชี่ยนเคยเล่าว่า ตระกูลเซารอนเคยเป็นมหาอำนาจที่มีเทวทูตเส้นทาง ‘นักล่า’
การ์ดเนอร์·มาร์ตินมิได้ไถ่ถามว่า ปุยฟ์ถวายทองคำให้ ‘พระราชา’ มาเท่าไร เพียงส่งภาษากายบอกให้ลูเมี่ยนออกไปได้ รอคำเชิญครั้งถัดไปจากเคานต์เก๊นั่น
ขณะเดินผ่านห้องโถงที่ซ่อมแซมใหม่ ลูเมี่ยนเห็นพ่อบ้านฟอสติโน ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก กำลังเดินนำชายสวมเสื้อคลุมสีดำเข้ามา
เป็นชายรูปร่างสันทัด สูงไม่ถึง 1.75 เมตร ชุดค่อนข้างหลวม ห่อหุ้มมิดชิด มองไม่เห็นใบหน้า มองไม่เห็นจุดเด่นบนร่างกาย
คำนึงจากท่าทางการเดิน ความสูง ความยาวของก้าว ลูเมี่ยนได้ข้อสรุปเพียงว่าเป็นชาย
ฟอสติโนพยักหน้าทักทายลูเมี่ยนพอเป็นพิเศษ ก่อนพาบุคคลลึกลับรีบเดินข้ามห้องโถง เข้าไปในห้องหนังสือของการ์ดเนอร์·มาร์ติน
ใครกันนะ? มาคุยเรื่องอะไรกลางดึก? ลูเมี่ยนถอนสายตากลับ ครุ่นคิดหลายสิ่งขณะออกจากบ้านเลขที่ 11 ถนนน้ำพุ
…………
เขตตลาด ถนนอลเวง โรงแรมระกาทอง
ขณะลูเมี่ยนเดินขึ้นชั้นสอง ก็จงใจเพิ่มน้ำหนักฝีเท้า ส่งเสียงหนักแน่นในแต่ละก้าว
เด็กหนุ่มกลับห้อง 207 อย่างไม่รีบ จุดโคมไฟคาร์ไบด์ หมุนเก้าอี้มีพนัก นั่งลง ยิ้มมองประตูที่แง้มไว้
ผ่านไปยี่สิบสามสิบวินาที เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังจากห้อง 201
เสียงฝีเท้าลังเลในทีแรก แต่เปลี่ยนเป็นหนักแน่น รวดเดียวมาถึงหน้าห้อง 207 พร้อมกับเคาะประตูอย่างมีมารยาท
“เชิญ” ลูเมี่ยนเงยคางกล่าว
ผู้มาเยือนคือโลรองต์ สวมเสื้อเชิ้ตลินิน กางเกงขายาวสีดำ มิได้แต่งตัวจัดเต็มเหมือนทุกที
ปิดประตูห้องแล้ว โลรองต์มองลูเมี่ยนพร้อมกับพูด
“มิสเตอร์ดูบัวส์… ผมขอยืมเงินห้าร้อยเฟลคิน”
ลูเมี่ยนชะงักงันชั่วครู่ มิได้คาดเดาสถานการณ์นี้ไว้เลย
เด็กหนุ่มเข้าใจว่า ชายคนนี้จะมาขอร้องมิให้ตนเปิดโปงตัวจริงของเขา
ใครจะไปคิด เขามาขอยืมเงินเสียอย่างนั้น!
“ทำไมถึงต้องการห้าร้อยเฟลคิน” ลูเมี่ยนไม่เปลี่ยนสีหน้า
โลรองต์ตอบเสียงต่ำ
“ผมกำลังจะได้เป็นหนึ่งในรองบรรณาธิการของ ‘เลอเปอตีทรีอาเรียง’ แม้จะอาวุโสน้อยกว่าใคร แต่ก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ เพราะผมต้องเชิญเพื่อนร่วมงานมาที่บ้านบ่อยครั้ง สานสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา”
“ดังนั้น ผมอยากยืมเงินห้าร้อยเฟลคินไปเช่าอพาร์ตเมนต์ดีๆ ในเขตหอดูดาว หรือเขตหอรำลึก พาแม่ย้ายไปอยู่ด้วยกัน รีบสอนให้แม่เข้าใจวิธีจัดงานเลี้ยงเล็กๆ”
“เมื่อผมได้รับเงินเดือน จะแบ่งจ่ายหนี้เป็นงวดๆ … คุณสะดวกที่อัตราดอกเบี้ยเท่าไรครับ”
การยืมเงินครั้งนี้ แง่หนึ่งเพื่อความก้าวหน้าของตัวเขา อีกแง่หนึ่งคือ จงใจหยิบยื่นจุดอ่อนให้เรากุม พร้อมกับมอบผลประโยชน์ให้บางส่วน เพื่อมิให้เราไปทำลายชีวิตดีๆ ของเขา… ลูเมี่ยนประเมินโลรองต์สูงกว่าเดิมหน่อย แล้วพยักหน้ารับอย่างครุ่นคิด
“ผมไม่เอาดอกเบี้ย… รองบรรณาธิการของเลอเปอตีทรีอาเรียงอย่างคุณ ย่อมต้องเข้าถึงข่าวสาร เรื่องราว หรือโฆษณาแปลกใหม่น่าสนใจอยู่เป็นประจำ… ช่วยรวบรวมให้หน่อยสิ แล้วทำสำเนาส่งมาเป็นระยะๆ”
ลูเมี่ยนพูดไปพลาง หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา นับธนบัตร 100 เฟลคินห้าใบ
“ขอเรื่องเดียว ใช้หนี้ให้หมดภายในปีนี้”
โลรองต์แอบถอนหายใจโล่งอก
“ไม่มีปัญหาครับ”
มอง ‘นักเดิมพัน’ เขียนสัญญากู้ยืมแล้วออกจากห้อง 207 ลูเมี่ยนล้วงหยิบทองคำหนักๆ ห้าแท่งจากเคานต์ปุยฟ์ออกจากกระเป๋าเสื้อ แล้วโยนเล่นในมือ
ด้วยลาภลอยก้อนนี้ เด็กหนุ่มสะสมทองคำได้รวมๆ 75,000 เฟลคินแล้ว โดยยังมีเงินสดอีก 2,000 เฟลคินที่ยังไม่ได้แลกเป็นทองคำ กับเงินทุนทำกิจกรรมอีก 4,000 เฟลคิน
“อีกไม่นานก็จะบรรลุสัญญากับ ‘เกราะซ่อนเงา’ และอัญเชิญมันออกมาอีกครั้ง…” ลูเมี่ยนเล่นทองคำแท่งสักพัก ทิ้งกระเป๋าเอกสารสำหรับใส่ถุงมือ ‘ทุบตี’ ไว้บนเก้าอี้มีพนัก ล้างหน้าแปรงฟัน กลับขึ้นเตียง รอคอยฝันร้ายที่ต้องมาเยือนแน่นอน
…………
ในภวังค์เลือนราง ลูเมี่ยนเห็นปราสาทหงส์แดง ผนังด้านนอกเป็นสีเบจ เปื้อนคราบเลือดเก่าหลายชั้นอีกครั้ง
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปโดยไม่สามารถควบคุมตัวเอง จนถึงห้องรับแขกใหญ่ที่เคยเล่นเกมเค้กพระราชา
มิสเอโลอีส จิตรกรมาเลน บรรณาธิการเลอเปอตีทรีอาเรียง กอร์เนล รวมถึงบรรดาแขกประจำงานเลี้ยงของเคานต์ปุยฟ์ ต่างกำลังนั่งบนโซฟา ประหนึ่งรอคอยการมาเยือนของลูเมี่ยน
ส่วนโลรองต์ รวมถึงแขกอีกสองสามคน ซึ่งมาพร้อมคู่ควงชั่วคราว ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยกัน
ยังกับเป็นซาลอนที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีต
ลูเมี่ยนเดินเข้าหาโซฟาอย่างไม่รีบ เคานต์ปุยฟ์กับคนที่เหลือทยอยลุกขึ้น ยืนด้วยท่าทางสำรวม
“ทิวาสวัสดิ์ องค์ราชา” ทุกคนทักทายพร้อมเพรียง
สัญชาตญาณสั่งให้ลูเมี่ยนมองทุกคนด้วยแววตาเย็นชา
“หา?”
พวกเคานต์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกล่าว
“องค์จักรพรรดิ!”
ลูเมี่ยนผงกศีรษะรับ นั่งลงบนโซฟาเดี่ยว มองแขกเหรื่อที่นั่งล้อมวงรอบตน
ทุกคนคุยเล่นไร้แก่นสาร หัวข้อกระจัดกระจาย แถมยังคลุมเครือ
ทันใดนั้น นักเขียนนิยายอาร์โนลียกมือขวา เกาแก้มตัวเอง
ด้วยเสียงอันน่าขนลุก เขาฉีกผิวหนังออกมาแผ่นใหญ่ เผยให้เห็นเนื้อเยื่อยุบพอง รวมถึงท่อสีดำเล็กๆ
แทบจะพร้อมกัน จิตรกรมาเลนกับคนที่เหลือ บ้างใช้มีดปลายแหลมแทงหัวใจตัวเอง บางคนกัดคอเพื่อนข้างๆ
เพียงพริบตา ห้องรับแขกกลายเป็นฉากสุดสยองขวัญ มองไปทางใดก็ชวนให้ขนหัวลุก
ความคิดของลูเมี่ยนสั่นสะเทือน ภาพตรงหน้าแปรเปลี่ยนทันที
เด็กหนุ่มยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของปราสาท กำลังเฝ้าโลงศพของใครบางคน กลางดงเทียนไขสีขาวที่กำลังส่องแสงนับไม่ถ้วน
โลงศพทำจากทองสัมฤทธิ์ พื้นผิวมีคราบสนิม บอกไม่ได้ว่าวางอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหน
ความโศกเศร้าสิ้นหวัง ประหนึ่งสูญเสียญาติสนิทมิตรสหาย พลันเอ่อล้นอยู่ในภายในใจ ลูเมี่ยนบรรจงยื่นมือขวา ตั้งใจจะสัมผัสโลงศพทองสัมฤทธิ์ขึ้นสนิมนั่น
ทันใดนั้น ฝาหีบเปิดออกพร้อมเสียงเอี๊ยดอ๊าด เผยช่องว่างสีดำมืด
จากช่องว่างดังกล่าว มือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงเข้มโผล่พรวดออกมา ในอุ้งมือกำหัวใจอันเหี่ยวเฉา ซึ่งมีเลือดไหลซึมเล็กน้อย
หัวใจดังกล่าวยังคงยุบพองตัวแผ่วเบาจนแทบมองไม่เห็น
เพียงได้เห็นหัวใจเหี่ยวเฉาดวงนี้ ความคิดลูเมี่ยนก็พลันสับสนอลหม่าน ถูกความบ้าคลั่งครอบงำไปหลายส่วน
เด็กหนุ่มสัมผัสถึงความอุ่นจากมือขวา พร้อมกับตื่นจากภวังค์ความฝัน
สำหรับฝันร้าย เขาไม่แปลกใจหรือตื่นตระหนก เพียงข่มหัวใจที่เต้นผิดจังหวะให้กลับเป็นปกติ พลางนึกทบทวนรายละเอียดของความฝัน
ทีละเล็กละน้อย ลูเมี่ยนขมวดคิ้ว
ในฉากแรก ผู้ร่วมเกมเค้กพระราชาส่วนใหญ่ พอถึงตอนสุดท้ายก็เสียสติกันเกือบหมด บ้างทำร้ายตัวเอง บ้างทำร้ายผู้อื่น แต่ยกเว้นอยู่สามคน จนกระทั่งเปลี่ยนฉาก สามคนนี้ยังคงปกติดี
คนหนึ่งคือตัวลูเมี่ยนเอง อีกคนคือเคานต์ปุยฟ์
ส่วนอีกคน ลูเมี่ยนคาดไม่ถึงเลยสักนิด
มิสเอโลอีส!
เธอมิใช่เด็กเก็บกด ไม่ได้ว่านอนสอนง่ายเหมือนที่แสดงออก เบื้องหลังซุกซ่อนความลับไว้… ลูเมี่ยนหัวเราะเงียบงัน
ส่วนโลงศพทองสัมฤทธิ์ ศพไร้วิญญาณ และหัวใจเหี่ยวเฉาในฉากที่สอง เด็กหนุ่มยังตีความไม่ออก เดาได้เพียงว่า อาจเกี่ยวข้องกับความลับของตระกูลเซารอน
เฉกเช่นคราวก่อน ลูเมี่ยนฝันร้ายอีกหลายครั้งตลอดคืน แต่ความสมบูรณ์ ความชัดเจนก็ค่อยๆ ลดลง
ใกล้รุ่งสาง ฝันร้ายก็หายไปสิ้นเชิง
หลังตื่นนอน ขณะที่ความทรงจำยังคมชัด ลูเมี่ยนรีบเขียนเล่าเรื่องราวลงจดหมาย ส่งให้มาดามเมจิกเชี่ยน
……………………………………………………..