ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 365 สังเกตการณ์
ตอนที่ 365 สังเกตการณ์
การตกแต่งของร้านกาแฟเรือนแดงมอบกลิ่นอายคล้ายกำลังอยู่ในเมืองเล็กแถบชนบท เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารทำจากสังกะสี เพดานมีคานไม้ขวาง ผ้าปูโต๊ะลายตารางช่องเล็ก รูปภาพในกรอบไม้ มองไปทางไหนก็ดูสวยงามเรียบง่าย แตกต่างจากด้านนอกที่ดูหรูหราทันสมัยอย่างสิ้นเชิง
ฟรังก้าสั่งกาแฟอินทิสเข้มๆ หนึ่งถ้วยแล้วนั่งลงริมหน้าต่าง อาบแสงแดดด้านนอก
เธอกวาดตามองไปเรื่อยเปื่อย พบเห็นลูกค้าไม่กี่คน รวมถึงพนักงานบริการ
ส่วนใหญ่เป็นสตรี โดยเฉพาะเด็กเสิร์ฟ ไม่มีบุรุษแม้แต่หนึ่ง เครื่องแต่งกายของพวกเธอสะอาดสะอ้านเรียบร้อย กิริยามารยาทสง่างาม เห็นได้ชัดว่าถูกฝึกมาอย่างเข้มงวด
บุรุษเพียงสองคนในร้านดูแล้วคงเป็นพ่อค้าไวน์องุ่นต่างถิ่น นั่งประจันหน้ากัน ถกเถียงว่าแสงแดดกับปริมาณน้ำฝนที่อุดมสมบูรณ์ของปีนี้ ส่งผลต่อคุณภาพขององุ่นอย่างไรบ้าง ในหมู่ลูกค้าสตรีสามคน คนหนึ่งอายุมากแล้ว ผมขาวโพลน แต่งตัวเรียบง่าย คอยโบกมือทักทายผู้คนที่ผ่านไปมานอกหน้าต่าง ดูแล้วคงเป็นชาวบ้านท้องถิ่น อีกคนหนึ่งอายุราวสามสิบ ข้างตัวมีหมวกสีดำพร้อมผ้าคลุมหน้าวางอยู่ สวมชุดยาวรัดเอวสีน้ำเงิน รูปโฉมธรรมดา ส่วนอีกคนโฉมงามพรามพริ้ง โครงหน้าสวยเด่น ผมหยักศกเป็นลอนคลื่น สีชุดเรียบง่าย แผ่บรรยากาศเงียบสงบ
นอกจากหญิงชราท้องถิ่น อีกสองคนมีโอกาสเป็นผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงรื่นเริง… ฟรังก้าถอนสายตากลับ พลางได้ข้อสรุปว่าชั้นล่างที่มีโต๊ะวางอยู่หลักสิบยี่สิบตัว ไม่น่าจะเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงลับๆ ได้
เธอสงสัยว่า อาจอยู่ชั้นใต้ดิน หรือไม่ก็เป็นชั้นบนที่ใกล้กับหลังคาทรงเห็ดสีแดง
ด้วยตำแหน่งเก้าอี้ของฟรังก้า เธอมองเห็นสถานการณ์หน้าทางเข้าร้านได้ง่ายดาย ลูเมี่ยนที่แปลงร่างเป็นหมาใหญ่สีน้ำตาลอ่อน กำลังนอนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน คอยมองมนุษย์ทุกคนที่ผ่านเข้าออกร้านกาแฟเรือนแดง รวมถึงลูกค้ากับพนักงานร้าน ท่าทางราวกับกำลังอาบแดดสบายใจเฉิบ
ไม่มีใครสนใจสุนัขจรจัดแบบนี้ นอกจากสุนัขจรจัดเจ้าถิ่นที่ผ่านเข้ามาในเขต
มันแยกเขี้ยวใส่ลูเมี่ยนที่ยึด ‘อาณาเขต’ ประจำวันของตน พลางคำรามเสียงดัง
ลูเมี่ยนกำลังเป็นทุกข์อย่างยิ่ง ด้วยร่างสุนัขเช่นนี้ ตนจะไปกัดกับสุนัขอื่นให้ชนะได้อย่างไร?
สำหรับเด็กหนุ่ม การกัดกับหมาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากเป็นพวกหน้าหนาอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือ ‘ศาสตร์สร้างปศุสัตว์’ ได้ผนึกพลังวิเศษเอาไว้เกือบทั้งหมด กระทั่งพละกำลังก็ลดทอนเหลือเพียงเท่าสุนัขตัวหนึ่ง
แน่นอน ด้วยขนาดตัวของหมาใหญ่ที่เขาแปลงกาย การจะรังแกหมาแมวขนาดกลางถึงเล็กย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไอ้ตัวที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ก็ร่างใหญ่ไม่เบาเช่นกัน เพียงแต่ค่อนข้างผอม
สู้กัน! สู้กัน! เมื่อฟรังก้าเห็นฉากนี้ผ่านหน้าต่าง ก็พลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ราวกับควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่
แต่ก็นะ เธอไม่ได้อยากจะกดอารมณ์ไว้อยู่แล้ว นานทีปีหนจะได้เห็นลูเมี่ยนตกที่นั่งลำบากเสียบ้าง ถ้าหนีก็ยิ่งเสียหน้าไปใหญ่ เรื่องสนุกๆ เช่นนี้จะพลาดได้อย่างไร?
ลูเมี่ยนที่นอนอยู่ข้างประตู ยกมือขวา ไม่สิ ยกขาหน้าฝั่งขวาขึ้น อาศัยประสบการณ์ในคราวก่อน แบ่งจิตออกมาเส้นหนึ่ง แล้วแผ่ไปยังอุ้งเท้าข้างดังกล่าว
ความรู้สึกบ้าคลั่งเล็กๆ รวมถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลูเมี่ยนรับรู้ได้คนเดียว เริ่มแผ่ออกไปในบริเวณแคบๆ รอบตัว
หมาใหญ่ขนสีน้ำตาลที่ผอมโซจนถึงกระดูก พลันชะงักงันไปทันที ก่อนจะเผ่นหนีสุดชีวิตในสภาพหางจุกก้น
“เฮ้อ… ยอมง่ายแท้! ทำไมถึงวิ่งหนีไปล่ะ?” ฟรังก้าในร้านกาแฟเรือนแดง เกิดความผิดหวังเป็นล้นพ้น
เธอหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ ว่าเหตุใดสุนัขตัวนั้นถึงได้หวาดกลัวลูเมี่ยนกะทันหัน
‘นักล่า’ นั่นใช้พลังไม่ได้สักหน่อย อย่างมากก็ได้แค่ปล่อยออร่าที่แฝงนัยยั่วยุ!
ขณะเดียวกัน ลูเมี่ยนจิกกัดตัวเองในใจ
“ถ้าจักรพรรดิโลหิตรู้ว่าเรานำออร่าของพระองค์มาขู่หมา จะถลกหนังเราไหมเนี่ย…”
หลังจากเกิดเหตุการณ์แทรกเป็นเวลาสั้นๆ ฟรังก้าก็หันเหความสนใจกลับไปยังร้านกาแฟ
เธอเลียนแบบคำบรรยายในนิตยสารแฟชั่น ผนวกกับประสบการณ์ชีวิตตลอดปีที่ผ่านมา จิบกาแฟอย่างสง่างาม พลางทำท่าทางง่ายๆ ที่อวดเสน่ห์ของสตรีเพศเป็นระยะ
ฟรังก้าสัมผัสได้ว่าแทบทุกคนในร้านกำลังมองมาทางเธอ บางคนแอบทำอย่างแนบเนียน ซับซ้อนซ่อนเร้น บางคนทำอย่างเปิดเผย กระทั่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
หญิงชราท้องถิ่นยิ้มให้ฟรังก้าเบาๆ แล้วหยิบปีกไก่ย่างน้ำผึ้งในจาน เดินออกจากร้านกาแฟเรือนแดงไป
เธอหยุดอยู่ตรงหน้าลูเมี่ยน ทำหน้าประหลาดใจเล็กๆ ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“เอ… ไม่ใช่ตัวเดิมนี่นา…”
ลูเมี่ยนมีลางสังหรณ์ไม่ดีทันที เงยหน้ามองหญิงชราค่อยๆ ย่อตัวลง แล้วนำปีกไก่ย่างสีน้ำตาลอ่อนเปื้อนน้ำมันมาจ่อปากตน
เด็กหนุ่มลังเลหนึ่งวินาที ก่อนจะอ้าปากคาบปีกไก่แล้วเริ่มแทะกินเหมือนหมาจริงๆ พลางปล่อยให้หญิงชราลูบศีรษะอันนุ่มฟูของตน
ด้วยความสัตย์จริง เขายังไม่ค่อยชินกับวิธีการกินของสุนัขสักเท่าไร แต่โชคดีที่หญิงชราลูบหัวสองสามครั้งแล้วก็ลุกเดินไป
ในร้านกาแฟเรือนแดง ฟรังก้ามองลูเมี่ยนแทะปีกไก่อย่างงุ่มง่าม เธอไม่พยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่ถูกขยายเลยสักนิด เอาแต่หัวเราะจนไหล่สั่น
ถ้ามิใช่เพราะยังห่วงภาพลักษณ์ เธอคงจะหัวเราะตัวโยนจนล้มหงายหลังไปแล้ว
เธอก็อยากนำอาหารออกไปให้ลูเมี่ยนกินบ้างเหมือนกัน!
ฟรังก้ามิได้กำลังเลียนแบบมารยาทในตำรา เพียงแค่แสดงนิสัยที่แท้จริงของตน ซึ่งในสายตาของคนรอบข้าง เธอดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก
เรือนผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล แผ่บรรยากาศลึกลับ ท่าทางสง่างามแต่เป็นธรรมชาติ ทำให้เธอมีแรงดึงดูดไม่เหมือนกับหญิงอื่น
ขณะเดียวกัน สตรีผู้หนึ่งในชุดล่าสัตว์สีอ่อน ขี่ม้าสีน้ำตาลกลับมาจากสนามม้าใกล้กับป่าโลเนส์บูรพา จอดอยู่หน้าร้านกาแฟเรือนแดง
เธอหมุนตัวลงจากหลังม้าอย่างชำนิชำนาญ ถอดหมวกออกจากศีรษะ
เส้นผมยาวสีส้มแดงเป็นอิสระจากการกักกัน สยายลงดุจดังน้ำตก เปลี่ยนใบหน้าเนียนละเอียดและสะอาดบริสุทธิ์นั่น ให้ดูดุดันกว่าเดิมสองสามส่วน
สตรีในชุดล่าสัตว์ผูกม้าให้เรียบร้อย ถือแส้เดินเข้าร้านกาแฟเรือนแดง ตรงเข้าหาหญิงสาวหน้าตาสะสวยผู้มีบุคลิกสงบนิ่ง
ฟรังก้าหยุดเยาะหยันลูเมี่ยนทันที โดยเชื่อว่าสตรีรายใหม่ที่เพิ่งเดินเข้าร้าน มีโอกาสเป็นผู้ร่วมงานเลี้ยงมากกว่าใครเพื่อน
แม้จะดูงดงามที่สุด ผิวพรรณเนียนละเอียดที่สุด อีกทั้งยังดูไร้เดียงสา แต่ก็มีบุคลิกที่สามารถรับบทเป็นบุรุษ
ในงานเลี้ยงรื่นเริงของสตรี คนแบบนี้ย่อมต้องมีอยู่แล้ว
ฟรังก้ายกมือขวา เกี่ยวผมสีดำที่ตกลงมาถึงริมฝีปาก เผยเสน่ห์ของสตรีเพศอย่างแนบเนียน
หญิงสาวเจ้าของผมยาวสีส้มแดงเดินไปพลางก็สำรวจคนในร้านตามความเคยชิน แต่ทันใดนั้นก็พลันชะงัก ราวกับตกตะลึงในความงามอันน่าทึ่ง
แต่ลูเมี่ยนที่นอนหมอบเงียบๆ อยู่ตรงประตูกลับสังเกตเห็นว่า หลังจากสตรีในชุดล่าสัตว์ตกตะลึงกับความงามแล้ว เธอยังขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วย
เธอถอนสายตากลับ เดินต่อไปทางสตรีผู้มีบุคลิกสงบเงียบ เรือนผมหยักศกเป็นลอนคลื่น แล้วก้มลงหยอกล้อพูดคุยกันสองสามประโยค
จากนั้น ทั้งสองพูดคุยอย่างเป็นกันเอง พลางเดินขึ้นบันไดไม้ไปยังชั้นสอง
ฟรังก้าเหล่มองด้วยหางตา ในใจเริ่มคาดเดาได้บ้างแล้ว:
ทั้งสองคงเป็นผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงรื่นเริงของสตรี แต่ไม่รู้ว่าอยู่ฝ่าย ‘สมาคมบัดเดี๋ยวนี้’ หรือ ‘ดอกดารารัตน์’ กันแน่
ฟรังก้าละเมียดจิบกาแฟ ไม่พยายามทำอะไร
ผ่านไปอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง เมื่อเธอเห็นว่าทั้งสองยังไม่ลงมา จึงลุกจากโต๊ะ เดินออกจากร้านกาแฟเรือนแดงไปตามปกติ
ฟรังก้าตั้งใจว่าวันนี้จะพอแค่นี้ก่อน หากรีบร้อนถามไถ่เกินไปอาจถูกสงสัยเอาได้
เธอวางแผนจะทำทีเป็นอาศัยอยู่ใกล้กับท่าเรือลาวีน คอยแวะเวียนเข้าเมืองชาโยทุกสองสามวัน หรืออาจบ่อยกว่านั้น เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งผลิตไวน์ชื่อดัง อีกทั้งทิวทัศน์ก็งดงามเหลือหลาย แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวไม่ขาดสาย สำหรับสตรีที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในย่านนี้ เป็นธรรมดาที่จะหลงเสน่ห์จนต้องแวะมาบ่อยๆ
ลูเมี่ยนยังคงนอนนิ่งตรงประตูร้านเรือนแดง ราวกับไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับฟรังก้า
แทบจะในเวลาเดียวกัน ขณะเด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ก็เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมยาวสีส้มแดงคนเมื่อสักครู่ ยืนอยู่หลังกระจกหน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสอง
เธอเงียบมองแผ่นหลังของฟรังก้า สีหน้ามิใช่ความหลงใหลของผู้ชื่นชอบเพศเดียวกัน แต่เป็นความเคร่งขรึม ระแวดระวัง และครุ่นคิด
ทำไมถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้… เธอพบปัญหาในตัวฟรังก้า? พบได้ยังไง? ลูเมี่ยนสงสัยอยู่ในใจ ลุกขึ้นยืนประหนึ่งอาบแดดจนอิ่ม แล้วเดินอ้อมไปยังตรอกเล็กๆ ระหว่างร้านกาแฟเรือนแดงกับอาคารข้างๆ
ตรอกนี้อยู่ใกล้กับทิศที่ฟรังก้าเดินจากไปมากกว่า
โดยไม่ต้องรอนาน หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มแดงในชุดล่าสัตว์ ก็ปรากฏตัวบนกระจกหน้าต่างชั้นสองฝั่งนี้แทน
เธอมองสำรวจรอบๆ เมื่อยืนยันว่าไม่มีใครสนใจแถวนี้ มีเพียงหมาใหญ่สีน้ำตาลอ่อนกำลังหลับอยู่ตรงมุม ก็เริ่มบรรจงผลักหน้าต่างออก ร่อนลงมายังตรอกดุจดังขนนก
ทันใดนั้น สตรีผู้มีใบหน้าสะอาด บรรยากาศดูใสซื่อ ก็เร้นกายหายเข้าไปในเงา
ลูเมี่ยนที่ ‘ผล็อยหลับไป’ มองดูเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเงียบงัน ในหัวผุดความคิดหนึ่งแวบวาบ
“ร่อนลงมา… ซ่อนตัวในเงา… ใบหน้าสะสวย… เสน่ห์โดดเด่น… นี่มัน ‘นางมาร’ ไม่ใช่หรือ?”
“เพราะเธอเองก็เป็นนางมาร จึงสังเกตเห็นความผิดปกติเล็กๆ จากรูปลักษณ์หรือเสน่ห์ของฟรังก้า และตัดสินใจสะกดรอยตามไปดู?”
ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน ก้าวเดินสี่ขา ไล่ตามฟรังก้าไปห่างๆ โดยทำเหมือนกำลังเดินเล่น
ส่วนหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มแดงในชุดล่าสัตว์ ตลอดเวลาที่เธอซ่อนตัวในเงา ลูเมี่ยนจนปัญญาจะระบุตำแหน่ง มั่นใจเพียงว่าอีกฝ่ายต้องอยู่ไม่ไกลจากฟรังก้ามากนัก
ฟรังก้าไม่รีบร้อนออกจากเมืองชาโย สวมรอยเป็นนักท่องเที่ยวตัวจริง เที่ยวชมไร่องุ่นใกล้ๆ ลิ้มลองไวน์แดงฟรีในร้านค้า และซื้อของพื้นเมืองติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง
ใกล้เที่ยงวัน ฟรังก้าเดินเข้าห้างสรรพสินค้าประจำเมืองเล็กที่มั่งคั่งแห่งนี้ ทดลองสวมเสื้อผ้าสตรีหลากหลายรูปแบบ
ในอีกเกือบสิบห้านาทีให้หลัง ลูเมี่ยนก็สูญเสียร่องรอยของฟรังก้าไป ไม่นานก็เห็นสตรีผู้มีใบหน้าสะอาดในชุดล่าสัตว์เดินออกจากเงาตรงมุมห้างฯ เหลียวซ้ายแลขวามองหาไปทั่ว
เธอก็ถูกฟรังก้าสลัดหลุดเช่นกัน
บนใบหน้าของลูเมี่ยนที่กลายเป็นสุนัขน่ารักน่าชัง เผยรอยยิ้มพึงพอใจ
ภารกิจสุดท้ายในวันนี้ของฟรังก้าคือ ‘ให้จินตนาการว่ามีคนสะกดรอยตามมา แล้วสลัดให้หลุด’ ซึ่งเธอทำได้ยอดเยี่ยม โดยอาศัยความช่วยเหลือจาก ‘คำลวง’ และอำนาจในการต่อต้านคำทำนาย!
เมื่อสักครู่นี้ เธอคงฉวยโอกาสแปลงโฉมเป็นผู้ซื้อสักคนในห้างฯ แล้วเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
เมื่อคว้าน้ำเหลว สตรีในชุดล่าสัตว์เดินย้อนกลับไปยังร้านกาแฟเรือนแดง ส่วนลูเมี่ยนออกจากเมืองชาโย มุ่งหน้าไปยังเขตเอราโต
ถือโอกาสที่ยังอยู่ในร่างสุนัข เขาอยากสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ปราสาทหงส์แดงล่วงหน้า
ศาสตร์สร้างปศุสัตว์ของกิโยม·เบเนต์จะคงอยู่ได้นานเจ็ดวัน เมื่อครบกำหนดก็จะเสื่อมไปเอง แล้วต้องประกอบพิธีใหม่
ไม่ผิดจากที่ลูเมี่ยนคาดเดา ปราสาทหงส์แดงคือ ‘ปราสาทสีเบจ’ ในฝันร้ายของตน — ปราสาทที่เต็มไปด้วยเลือดโบราณ ตั้งตระหง่านอย่างเงียบงันบนยอดเขาเตี้ยๆ รายล้อมด้วยสายน้ำเส้นไม่ใหญ่มาก
ลูเมี่ยนเดินวนสองสามรอบ เรื่อยมาจนถึงวิหารใกล้ๆ — ‘อารามพระหฤทัย’ ของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส
ใต้ต้นไม้เขียวขจีที่เรียงติดกันเป็นผืนใหญ่จนบดบังแสงแดด เด็กหนุ่มนั่งยองเงียบเชียบ ตามองอาคารซึ่งมียอดแหลมเรียงราย ทิวทัศน์เต็มไปด้วยสีทองอร่าม
……………………………………………………..