ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 338 ‘เฮล่า’
ตอนที่ 338 ‘เฮล่า’
ร้านกาแฟโคนมน้อยให้บริการอาหารเช้า กลางวัน และเย็นสำหรับพนักงานละแวกใกล้เคียงในราคาย่อมเยา แม้แต่ในยามเย็นอันแสนคึกคัก ลูกค้าทุกคนก็สามารถรับประทานอาหารชุดที่อิ่มท้องและจุใจได้ในราคาเพียงหนึ่งเฟลคิน บรรดาพนักงานโรงแรม กรรมกร และแม่บ้านทำความสะอาดที่มีรายได้หกสิบถึงแปดสิบเฟลคินต่อเดือน มักแวะเวียนเข้ามาทุกๆ สองสามสัปดาห์ ทั้งคนเดียวและแบบครอบครัว เพื่อให้รางวัลตัวเอง
เมื่อลูเมี่ยนมาถึง ช่วงเวลาอาหารเช้าอันแสนวุ่นวายได้ผ่านพ้นไปแล้ว แทบจะไม่เหลือลูกค้าอยู่ในร้านกาแฟ ซึ่งบริกรก็ดูเนือยๆ ไม่กระตือรือร้น
หลังจากสั่งกาแฟมาแกร์ที่ชงจากเมล็ดบดละเอียด ลูเมี่ยนก็นั่งตรงตำแหน่งที่นัดหมาย แล้วรอเฮล่าด้วยความอดทน
เมื่อนาฬิกาแขวนผนังรูปนกในร้านตีบอกเวลา สตรีท่านหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา
เธอสวมชุดคลุมสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ มอบกลิ่นอายลึกลับ ใกล้เคียงกับเครื่องแต่งกายประจำวันของหญิงม่าย
เมื่อเห็นสตรีท่านนี้สำรวจทิศทางแล้วเดินตรงมาทางตน ลูเมี่ยนก็เหยียดตัวตรง คอยสังเกตอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
ผิวกายขาวซีดผิดวิสัย ประหนึ่งไม่ได้รับแสงแดดมาเนิ่นนาน ผมสีบลอนด์อ่อนปล่อยสยายตามธรรมชาติ นุ่มลื่นแต่ไม่มันวาว ดวงตาเหมือนจะดูดกลืนแสงรอบตัวเข้าไปจนดูเข้มสนิท มองไม่เห็นสีม่านตาที่แท้จริง โครงหน้าแต่ละส่วนดูดี แต่กลับไม่สร้างภาพจำใดๆ ให้กับลูเมี่ยน คล้ายกับได้รับอิทธิพลจากบุคลิกอันเย็นชา จนไม่อาจประกอบเป็นภาพรวมที่แท้จริง
บุคลิกเย็นชาของเธอมิได้เกิดจากความเฉยเมยกึ่งๆ ปฏิเสธคนรอบข้าง แต่เป็นความหนาวสะท้านที่แผ่จากส่วนลึกของกระดูก ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงเล็กน้อย
ก่อนที่ลูเมี่ยนจะเก็บรายละเอียดได้มากกว่านี้ หญิงสาวก็นั่งลงตรงหน้า แล้วถามด้วยเสียงเย็นชา
“น้องชายของมักเกิ้ล?”
แม้จะเดาได้ว่าสตรีท่านนี้คือมาดามเฮล่า แต่ลูเมี่ยนกลับยังประหลาดใจอยู่หลายส่วน
เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปรากฏกายโดยปราศจากการปลอมแปลง ประหนึ่งไม่กังวลการถูกหักหลังเลยสักนิด
ตอนนี้ลูเมี่ยนมิได้ใช้ใบหน้าของไนเซอร์หรือแว่นส่องความลับ แต่เขาจะปลอมตัวเบื้องต้นเป็นนิสัยอยู่แล้ว ด้วยการย้อมผมสีบลอนด์สลับดำรวมถึงการแต่งหน้าเบาๆ เพื่อรักษาความแตกต่างกับ ‘ลูเมี่ยน·ลี’ บนใบประกาศจับ
เด็กหนุ่มยิ้มพลางพยักหน้า
“มาดามเฮล่า?”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ เป็นนัยไม่ปฏิเสธ
“ดื่มอะไรก่อนไหมครับ” ลูเมี่ยนถามอย่างสุภาพ
เฮล่าไม่เกรงใจ
“อัปแซ็งต์หนึ่งแก้ว… ‘เข้มข้นสามเท่า’ หนึ่งแก้ว”
ดื่มเหล้าแรงตอนสิบโมงเช้า สูสีกับเราเลยแฮะ… แถมยังสั่งกาแฟรีมูเข้มข้นสามเท่าอีก… เมื่อคืนไม่ได้นอนมาหรือไง? หรือดื่มหนักไปหน่อย อยากได้ความซาบซ่านของเวิร์มวู้ดมากระตุ้นให้สร่าง? ลูเมี่ยนยกมือขวาขึ้น ดีดนิ้วหนึ่งที เรียกบริกรมาหา
เมื่อของเหลวสีเขียวอ่อนกับกาแฟรีมูที่เสิร์ฟมาในแก้วเล็กกะทัดรัดวางอยู่ตรงหน้าเฮล่า ลูเมี่ยนก็กวาดตามองรอบตัว เพื่อให้แน่ใจว่าการสนทนาปลอดภัยเพียงพอ
อึก… เฮล่าดื่มอัปแซ็งต์รวดเดียวครึ่งแก้ว ใบหน้าที่ขาวซีดผิดวิสัยพลันมีเลือดฝาดมากขึ้น
เธอวางแก้วลง ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้มือซ้าย หยิบแหวนวงหนึ่งที่สวมอยู่บนนิ้วกลางมือขวา
แหวนมีรูปทรงเรียบง่าย ทำจากเงินแท้ ฝังเพชรสีดำหลายเหลี่ยม
เมื่อเฮล่าหมุนแหวนแผ่วเบา ลูเมี่ยนสัมผัสได้ทันทีว่ามิติโดยรอบเงียบลง กระทั่งแสงก็เหมือนจะหม่นลงเล็กน้อย
“จะไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของเราแล้ว” เสียงของเฮล่ายังคงเย็นยะเยือกเช่นเคย
สุดยอด… เจ๋งกว่าฟรังก้าอีก สมแล้วที่เป็นหนึ่งในชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกไม่กี่คน ที่เดินได้ไกลที่สุดบนเส้นทางสู่การเป็นเทพ… ลูเมี่ยนมองดวงตาสีดำสนิทของเฮล่าที่ราวกับดูดกลืนแสงรอบข้าง แล้วพูดอย่างใจเย็น
“ในช่วงที่ผ่านมา ผมมีความคืบหน้าอีกเล็กน้อย”
เฮล่ายังคงไม่พูดไม่จา เอาแต่เงียบมองลูเมี่ยน รอให้เด็กหนุ่มเล่าต่อไป
“ผมจับกิโยม·เบเนต์ได้แล้ว” เมื่อลูเมี่ยนพูดประโยคดังกล่าว ในน้ำเสียงมิได้แฝงความโอ้อวดเอาไว้เลย ประหนึ่งบาร์เทนเดอร์ที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อยเล่าว่า เขาเพิ่งผสมค็อกเทลเสร็จหมาดๆ
อารมณ์ของเฮล่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างมากก็แค่พยักหน้าเล็กน้อย ไม่สนใจเลยสักนิดว่าลูเมี่ยนจับกิโยม·เบเนต์ได้อย่างไร ไม่มีการไถ่ถามรายละเอียด
เด็กหนุ่มเริ่มเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังของ ‘มักเกิ้ล’ โอลัวร์โดยใช้กิโยม·เบเนต์เป็นจุดเริ่มต้น รวมถึงการปรากฏตัวของเอลฟ์น้อยรูปร่างคล้ายกิ้งก่า และชื่อโรช·หลุยส์·ซ็องซง
สุดท้าย เขาหยิบปึกกระดาษออกมา
“นี่คือสมุดบันทึกเวทมนตร์ที่พี่สาวผมเขียนไว้ในช่วงสามเดือนก่อนที่ลัทธิชะตากรรมจะเริ่มแพร่หลายในหมู่บ้านกอร์ตู… ช่วยดูให้หน่อยครับว่ามีปัญหาอะไรไหม”
ตลอดกระบวนการ เฮล่าฟังด้วยความตั้งใจ แต่แทบไม่มีอารมณ์ร่วมหรือเปลี่ยนสีหน้าเลย เว้นแต่ตอนที่ได้ยินเรื่องเอลฟ์น้อยรูปร่างคล้ายกิ้งก่า รวมถึงคำพูด ‘เธอบอกว่าตัวเองชื่อโรช·หลุยส์·ซ็องซง’ ถึงได้ขมวดคิ้ว
เฮล่าที่ยังคงเงียบอยู่ เริ่มพลิกดูสมุดบันทึกเวทมนตร์เหล่านั้นด้วยความเร็วสูงมาก ประหนึ่งแค่ได้มองผ่านๆ ก็สามารถเข้าใจศาสตร์เร้นลับหัวข้อที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับแยกแยะว่ามีปัญหาหรือไม่
ผ่านไปห้าหกนาที เธอดึงสมุดบันทึกออกมาหนึ่งหน้า
เป็นหน้าที่บันทึกเกี่ยวกับ ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ไว้พอดี
มีเพียงชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกเท่านั้น มีเพียงคนที่มีประสบการณ์ร่วมกันเท่านั้น จึงจะเห็นปัญหาได้ทันที… ลูเมี่ยนรู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมากะทันหัน
เฮล่ายกแก้วอัปแซ็งต์ขึ้นอีกครั้ง เทของเหลวสีเขียวชวนฝันเข้าปากรวดเดียวหมด
หลังจากดื่มเสร็จ เธอจึงมองลูเมี่ยนพร้อมกับพูด
“สำหรับเอลฟ์น้อยที่มีหน้าตาคล้ายกิ้งก่า คุณมีความเห็นว่าอย่างไร”
“ผมได้ยินมาว่า ในช่วงไม่กี่ปีหลังมีตำนานแพร่หลายเกี่ยวกับการที่สวรรค์ได้เนรเทศเอลฟ์น้อยกลุ่มหนึ่ง ในจำนวนนั้นดูเหมือนจะมีเอลฟ์น้อยร่างกายโปร่งใสคล้ายกิ้งก่ารวมอยู่ด้วย” ลูเมี่ยนมิได้เอ่ยถึงการตีความเชิงสัญลักษณ์ของ ‘มิสเตอร์กวี’ แต่ใช้คำพูดของผู้ตรวจสอบจากทางการอย่างไรอันแทน
ใบหน้าของเฮล่าแดงกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย บรรยากาศเย็นชาจางลงเล็กน้อย
“ฉันมีความรู้เกี่ยวกับเอลฟ์น้อยเหล่านั้นพอสมควร เนื่องจากเคยศึกษาสถานการณ์มาบ้าง”
“พวกมันไม่ได้ถูกเนรเทศจากสวรรค์ แต่มีแนวโน้มสูงว่าจะมาจากมิติอื่น เมื่อตำนานพื้นบ้านบางเรื่องเริ่มไปคล้ายคลึงกับ ‘บางสิ่ง’ ในมิติอื่นมากขึ้น จนถึงจุดหนึ่ง บางสิ่งที่ว่าก็อาจมาเยือนโลกของเราผ่านทางโลกวิญญาณ”
“นี่เป็นเพียงการคาดเดาส่วนตัวของฉัน ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน แค่อยากจะบอกคุณว่า ในช่วงไม่กี่ปีหลัง ฉันศึกษาเรื่องของเอลฟ์น้อยมาค่อนข้างลึกซึ้ง เคยเห็นเอลฟ์น้อยร่างกายโปร่งใสคล้ายกิ้งก่าด้วยตาตัวเอง แต่มันแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตโปร่งใสรูปร่างคล้ายกิ้งก่าที่คุณบรรยายพอสมควร”
“มันไม่ใช่เอลฟ์น้อยของจริงหรือครับ?” ลูเมี่ยนไม่แปลกใจ ในเมื่อพวกไรอันก็แค่คาดเดา ส่วนมิสเตอร์กวีเชื่อว่า มันใกล้เคียงกับสัญลักษณ์แทนฝ่ายที่สามมากกว่า
เฮล่ามิได้อธิบายเจาะลึก เพียงพยักหน้าเพื่อเป็นการยืนยัน
“ฉันจะคอยดูให้ว่า เอลฟ์น้อยในตำนานอื่นๆ จะมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงตามที่คุณเล่าบ้างไหม”
พูดจบ เธอหมุนหน้ากระดาษที่เขียนว่า ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ ครึ่งรอบ ผลักมาตรงหน้าลูเมี่ยน
“ปัญหาของพี่สาวคุณน่าจะอยู่ตรงนี้”
ลูเมี่ยนสื่อผ่านสายตาว่ารอฟังคำอธิบาย
เด็กหนุ่มอยากเห็นว่า เฮล่าจะพูดถึงประเด็นนี้อย่างไร แน่นอนว่าเธอคงไม่เปิดเผยความลับใหญ่ที่สุดของสมาคมวิจัยลิงบาบูนคนหยิกตรงๆ แบบฟรังก้า
เฮล่ากล่าวเสียงเย็นชา
“ฉันเคยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพี่สาวของคุณพอสมควร จึงทราบว่าเธอมีปัญหาด้านจิตใจเรื้อรัง เป็นผลจากครอบครัวเดิมของเธอ”
“ครอบครัวดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ถูกครรลองคลองธรรมสักเท่าไร พี่สาวของคุณจึงตัดสินใจหนีให้ห่างจากพวกเขา ไปหลบอยู่ที่หมู่บ้านชายแดน ก็เหมือนกับที่คุณค่อยๆ ค้นพบความผิดปกติในหมู่บ้านกอร์ตู จนสุดท้ายก็ต้องการหนี… ฉันจึงแนะนำให้คุณสืบสวนไปในทิศทางนี้”
“และมนตร์เรียกวิญญาณที่บันทึกในหน้ากระดาษแผ่นนี้ หากใช้กับตัวเอง ผลของมันอาจทำให้ปัญหาทางจิตของพี่สาวคุณพัฒนาไปเป็นอาการทางจิต เกิดการแบ่งแยกบุคลิกภาพที่รุนแรง”
“ความหมายของคุณคือ โรช·หลุยส์·ซ็องซงเป็นบุคลิกที่แยกออกจากพี่สาว? โดยที่ต้นตอของความศรัทธาในชะตากรรม ก็มาจากครอบครัวเดิมของเธอ?” ลูเมี่ยนไตร่ตรองสักพักก่อนจะถามกลับ
ในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดเผยความลับสูงสุดของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก นี่ดูจะเป็นคำอธิบายที่เข้าท่าที่สุดแล้ว ซึ่งมาดามเมจิกเชี่ยนก็เชื่อเช่นกันว่า ภาวะบุคลิกภาพแตกแยกคือหนึ่งในสาเหตุหลัก หรือไม่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุ
เฮล่าจิบกาแฟรีมูเข้มสามเท่า
“อาจซับซ้อนกว่าภาวะบุคลิกภาพแตกแยกเล็กน้อย มันเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์เชิงศาสตร์เร้นลับที่พิสดาร เรื่องนี้คงต้องให้คุณสืบสวนต่อไป”
ลูเมี่ยนพยักหน้า ถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“สมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูลที่ขายมนตร์เรียกวิญญาณให้พี่สาวผม พวกเขามีปัญหาหรือไม่? ได้คำนึงบ้างไหมว่ามันอาจทำให้เกิดภาวะบุคลิกภาพแตกแยก?”
เฮล่าเงียบไปสักพักก่อนจะพูด
“ก็น่าสงสัยอยู่ แต่ยังขาดหลักฐาน ฉันจะลองสืบสวนดู แต่อาจต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน คุณก็ทราบว่าองค์กรเรามีโครงสร้างค่อนข้างหละหลวม แล้วฉันก็ไม่ได้สนิทกับกลุ่มวันเอพริลฟูลสักเท่าไร”
“ผมเข้าใจ” ลูเมี่ยนเคยได้ยินคำอธิบายที่คล้ายๆ กันจากฟรังก้า
เฮล่ามองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง ครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า
“อันที่จริง คนที่เหมาะจะสืบเรื่องนี้มากที่สุด ไม่ใช่ใครนอกจากตัวคุณเอง แต่น่าเสียดายที่คุณยังขาดคุณสมบัติที่เหมาะสม”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ” ลูเมี่ยนถามกลับด้วยความประหลาดใจ
เด็กหนุ่มที่ชาวบ้านกอร์ตูยกย่องว่าเจ้าเล่ห์และชอบคิดนอกกรอบ ไม่เคยนึกถึงเรื่องที่ตนได้เป็นตัวเอกในการสืบสวนประเด็นนี้มาก่อน เชื่อมาตลอดว่าอย่างมากก็ทำได้เพียงคอยสนับสนุนฟรังก้า
น้ำเสียงของเฮล่ายังคงเย็นชาไม่แปรเปลี่ยน
“ถ้าคุณมีพลังวิเศษที่สามารถแปลงโฉมตัวเองได้ในระดับเนื้อหนัง ก็สามารถสวมรอยเป็น ‘มักเกิ้ล’ ได้อย่างสมบูรณ์ แล้วใช้ตัวตนของเธอในการเข้าร่วมชุมนุมต่างๆ ของสมาคม”
“ถึงตอนนั้น คุณก็จะสังเกตเห็นว่าใครในกลุ่มวันเอพริลฟูลที่ประหลาดใจเมื่อเห็น ‘มักเกิ้ล’ ยังคงสบายดี อีกทั้งยังสามารถใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ พยายาม ‘ตก’ คนที่มีเจตนาอำมหิตซ่อนเร้นให้โผล่หางออกมา”
เราจะกลายเป็นโอลัวร์ในโค้ดเนม ‘มักเกิ้ล’ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก? ลูเมี่ยนไม่เคยนึกถึงวิธีนี้มาก่อน
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วพูดว่า
“ถึงผมจะมีของวิเศษที่ช่วยให้แปลงโฉมได้ ก็คงสวมรอยเป็นพี่สาวได้ไม่แนบเนียนหรอกครับ โดยเฉพาะกับสมาคมของพวกคุณ”
เขาไม่ได้มาจากอีกโลกหนึ่ง ไม่รู้เรื่องราวหลายอย่าง จะไปสื่อสารกับคนอื่นได้อย่างไร?
บางที พูดแค่หนึ่งสองคำก็อาจโป๊ะแตกแล้วด้วยซ้ำ!
……………………………………………………..