ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 330 ไม่ว่าเรื่องใด หากเตรียมตัวล่วงหน้า ก็ย่อมสำเร็จได้
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 330 ไม่ว่าเรื่องใด หากเตรียมตัวล่วงหน้า ก็ย่อมสำเร็จได้
ตอนที่ 330 ไม่ว่าเรื่องใด หากเตรียมตัวล่วงหน้า ก็ย่อมสำเร็จได้
พลังของนักล่าชะตากรรมมีสองอย่างหลักๆ คือ
หนึ่ง ขยาย ‘สายธารแห่งโชคชะตา’ ที่เลือก ทำให้โชคชะตาที่กำลังจะเกิดกับเป้าหมาย กลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยง พลังนี้จะแสดงผลได้เร็ว แต่มีผลกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอีกสิบวินาทีข้างหน้าเท่านั้น ยิ่งสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย โอกาสที่สำเร็จก็ยิ่งสูง
สอง ใช้โชคชะตาที่เก็บสะสมมา แลกเปลี่ยนกับโชคชะตาช่วงหนึ่งของเป้าหมาย หากมิได้เตรียมไว้ก่อน ก็จำเป็นต้องฆ่าศัตรูเพื่อล่าโชคชะตา หรือนำโชคชะตาของตนไปแลกเปลี่ยนแทน เมื่อเทียบกับการขยายสายธารโชคชะตาที่กำลังจะมาถึง พลังนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร โดยระหว่างนั้นก็ไม่สามารถโจมตีซ้ำใส่เป้าหมายได้
ในยามนี้ กิโยม·เบเนต์ซึ่งมิได้กำลังดวลตัวต่อตัว ไม่อยากเสียเวลาแลกเปลี่ยนโชคชะตา แผนการของเขาคือ อาศัยความได้เปรียบของสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ขยายโชคชะตา ‘ได้รับอิทธิพลจากแก๊สมึนเมาของบุปผามารนรก’ ของหญิงสาวผู้เป็นพรรคพวกลูเมี่ยน·ลี ให้กลายเป็นความจริงเร็วขึ้น
แน่นอน ตราบใดที่หญิงสาวสวมฮู้ดสีดำ ยังไม่ถึงกับหมดสติภายในสิบวินาทีข้างหน้า กิโยม·เบเนต์จะทำได้เพียง ‘เร่งกระบวนการ’ ให้อาการทรุดหนัก เพื่อให้สถานการณ์ดำเนินไปในทิศทางเลวร้ายที่สุดสำหรับอีกฝ่าย
นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาไม่กล้าใช้พลังลูเมี่ยน·ลี
หลักๆ ก็เพราะไม่กล้า ‘แลกเปลี่ยนโชคชะตา’ ของอีกฝ่าย หรือเปลี่ยน ‘ความน่าจะเป็น’ จากสายธารหลัก ให้กลายเป็นแม่น้ำแขนงย่อยแทน แต่ถ้าเป็นการทำให้ลูเมี่ยน·ลีลื่นล้มสักครั้ง เร่งอนาคตที่ส่งผลกระทบไม่มาก ก็ยังทำได้ตามปกติ โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับผลสะท้อนของชะตากรรม
แม่น้ำปรอทสายยาวที่รายล้อมฟรังก้า สะท้อนอยู่ในดวงตาสีจางของกิโยม·เบเนต์ หลังจากเขาใช้ความคิดเล็กน้อย ก็คว้าแม่น้ำสายหนึ่งที่ประกอบจากสัญลักษณ์สีปรอทซึ่งขดตัวอยู่ไกลๆ
ทันใดนั้น ฟรังก้าเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำ รวมถึงลำคอขาวเนียนที่ไม่ถูกเงาดำของฮู้ดบดบัง
ไม่รู้ทำไม แค่ได้เห็นภาพนี้ กิโยม·เบเนต์ก็เริ่มใจเต้นแรง ร้อนวูบวาบตรงท้องน้อย นึกถึงฉากที่ตนเคยร่วมรักกับผีเสื้องานสังคมบนถนนกำแพงเมือง ทว่า ฉากเหล่านั้นกลับไม่เย้ายวนเท่า ‘ครึ่งล่างใบหน้า’ ที่เผยอยู่ตรงหน้า
ความคิดของกิโยม·เบเนต์ขาวโพลนไปชั่วขณะ ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ทันที
อาศัยช่องว่างดังกล่าว ฟรังก้าที่เคยฟังนิยามเกี่ยวกับนักล่าชะตากรรมจากลูเมี่ยนมาบ้าง ก็คลุมตัวเองด้วยเพลิงทมิฬจากภายในสู่ภายนอก บนผิวกายเริ่มมีชั้นน้ำแข็งหนาๆ จับตัว
เส้นด้ายล่องหนจำนวนมากหดกลับไปพร้อมกัน พันทับโลงศพน้ำแข็งหลายชั้นจนกลายเป็นสีที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ก่อกำเนิดรังไหมขนาดมหึมา
ได้เห็นฉากดังกล่าว กิโยม·เบเนต์เพียงยกมุมปากเล็กน้อย ไม่รู้สึกผิดหวังเลยสักนิด
หากพลังของนักล่าชะตากรรมถูกป้องกันได้ง่ายดายนัก ก็คงไม่ถูกเรียกว่านักล่าชะตากรรมตั้งแต่แรก!
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อเป้าหมายถูกขยายสายธารโชคชะตา หรือเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนโชคชะตาแล้ว ถึงจะใช้ ‘ตัวแทน’ ต่างๆ ก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้
กิโยม·เบเนต์ซึ่งยื่นมือขวาค้างไว้ ขยับข้อมือแผ่วเบา เริ่มขยาย ‘อนาคต’ ที่ตนเลือกไว้
แต่ในคราวนี้ เขากลับพบว่าสายธารโชคชะตาของหญิงสาวสวมฮู้ด กลายเป็นภาพมายาอย่างผิดวิสัย มายาเสียจนแทบจะเหมือนของปลอม
ของปลอม!
ความพยายามในการขยาย ‘สายธารโชคชะตา’ ของกิโยม·เบเนต์ล้มเหลวกะทันหัน รังไหมก้อนใหญ่แตกสลายไปพร้อมกัน น้ำแข็งเริ่มละลายทีละนิด เพลิงดำเงียบงันกลายเป็นประกายแสง
แต่สิ่งที่พวกมันปกป้องอยู่ด้านในมิใช่ฟรังก้า หากแต่เป็นกระจกบานหนึ่ง!
ในตอนที่กิโยม·เบเนต์เคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ จากเสน่ห์ของนางมารสุขสมผนวกกับผลข้างเคียงเชิงลบของตัวเอง ฟรังก้าซึ่งยังไม่ได้รับภัยคุกคามถึงชีวิต ได้กระตุ้นให้กระจกตัวแทนทำงานล่วงหน้า สร้างเพลิงดำ น้ำแข็ง และด้ายห่อหุ้มกระจกไว้หลายชั้น เพื่อหลอกล่อศัตรู
ส่วนตัวเธอก็ซ่อนร่าง หลุดพ้นจากการถูกเล็งเป้า
เมื่อกิโยม·เบเนต์ขยายสายธารโชคชะตาล้มเหลว ร่างของฟรังก้าในชุดนักลอบสังหารก็โผล่จากด้านข้างเยื้องหลังของศัตรู ในมือกำลูกโม่สีทองเหลืองทรงโบราณ ศูนย์เล็งระบุตำแหน่งศีรษะเป้าหมาย พร้อมกับลั่นไก
ปัง!
กระสุนสีดำเหล็กพุ่งออกจากปากกระบอก ตรงเข้าหากิโยม·เบเนต์ที่กำลังร้อนรนหลบหลีก ปะทะกับข้างศีรษะจนส่งเสียง ‘กริ๊ง’ กังวาน
ศีรษะกิโยม·เบเนต์ที่ส่องประกายโลหะพลันเกิดรอยบุ๋มลึก แต่ไม่ใช่รอยแตกที่ถึงแก่ชีวิต
แทบจะในเวลาเดียวกัน ในสภาพคลุมกายด้วยอาภรณ์เพลิง ลูเมี่ยนที่เป็นอิสระจาก ‘พิษต่อมดีแลนเนียร์’ ด้วยความช่วยเหลือของกระจกตัวแทน ขยับเข้าใกล้ศัตรูยิ่งกว่าเดิม ย่อเข่าลงหนึ่งข้าง วางสองมือลงบนพื้น
นาคาเพลิงแดงฉานสองตัวพุ่งเข้าหากิโยม·เบเนต์ด้วยความเร็วสูง กลืนกินเถาวัลย์ลุกไหม้ กลืนกินประกายไฟที่กระจัดกระจายตลอดเส้นทาง กลายร่างเป็นมังกรเพลิงตัวเขื่องสองตัว
พวกมันพุ่งมาถึงด้านหน้ากิโยม·เบเนต์ แต่กลับไม่อ้า ‘ปาก’ เขมือบเป้าหมายตามปกติ เลือกที่จะเชิดหัวขึ้นกะทันหัน พันเกี่ยวรัดรึงกันเอง กลายเป็นบุปผาเพลิงดอกยักษ์สุกสว่างอลังการ
มองบุปผาเพลิงดอกใหญ่ที่กำลังผลิบานทีละชั้นตรงหน้า กิโยม·เบเนต์ยังไม่เข้าใจว่าลูเมี่ยน·ลีคิดจะทำสิ่งใด
ตัวเขาในร่างชีวโลหะ ย่อมไม่เกรงกลัวการแผดเผาด้วยเปลวไฟไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่ฝ่ายตรงข้ามเองก็คงไม่เคลื่อนไหวอย่างสูญเปล่าเพียงเพื่อแสดงมายากลเสกดอกไม้แน่!
นี่คือการ ‘ติดสินบน’ !
อาศัยพลังจากเข็มกลัดมีหน้ามีตา ลูเมี่ยนส่ง ‘ของขวัญ’ เป็นบุปผาเพลิงดอกใหญ่ ซึ่งเปรียบดังสัญลักษณ์ของการเผาไหม้และการชำระล้างให้กิโยม·เบเนต์ เพื่อบั่นทอนพลังป้องกันของเป้าหมาย
แม้จะยังไม่เข้าใจจุดประสงค์แท้จริงของลูเมี่ยน·ลี แต่กิโยม·เบเนต์ก็รับรู้ผ่านสัญชาตญาณว่านี่มิใช่สถานการณ์ที่ดี
เขาใช้ ‘อวตารแห่งแสง’ อีกครั้ง แบ่งร่างออกเป็นสาม พุ่งเข้าใส่ลูเมี่ยนโดยพร้อมเพรียง ส่วนฟรังก้าที่โจมตีไปครั้งหนึ่งแต่ไร้ผล ก็ซ่อนกายหายไปอีก
มองชีวโลหะทั้งสามที่ขยายใหญ่ในพริบตา ลูเมี่ยนเสกฝูงอีกาเพลิงอีกหน แบ่งพวกมันเป็นสามกลุ่ม แต่ละกลุ่มรับมือกับกิโยม·เบเนต์คนละตัว
ตัวเขาเองก็เอี้ยวกายข้าง ชะลอฝีเท้าลง พร้อมหลบหลีก ‘ปืนใหญ่วารี’ ที่ก่อตัวจาก ‘พิษต่อมดีแลนเนียร์’ อยู่ตลอดเวลา
ฟ้าวๆๆ ฝูงอีกาไฟสีแดงฉาน พุ่งชนทั้งสามร่างโลหะของกิโยม·เบเนต์ด้วยความแม่นยำสูง
ตูม ตูม ตูม!
แต่พวกมันกลับระเบิดพร้อมกัน!
ปืนใหญ่วารีที่เกิดจากของเหลวสีเขียวขุ่น พุ่งเป็นเส้นตรงออกจากหนึ่งในสามร่างของกิโยม·เบเนต์ ลูเมี่ยนที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ย่อมหลบหลีกทันเวลา มองมันยิงใส่ผนังหินด้านข้าง ทำให้มิติ ‘ขวดเสกสรร’ สั่นสะเทือนรุนแรง
เงาดำผืนใหญ่ปรากฏใต้ฝ่าเท้าลูเมี่ยนที่เพิ่งหลบหลีกสำเร็จ โดยมีแขนประหลาดสีซีดกับสีดำยื่นออกมานับสิบ
ในทำนองเดียวกัน อีกฝั่งหนึ่งที่ลูเมี่ยนสามารถเลือกหลบไป ก็ถูกเงาสลัวปกคลุมไว้เช่นกัน
เมื่อก้าวไปถึงลำดับ 5 พลัง ‘อวตารแห่งแสง’ สามารถสร้างอวตารได้สูงสุดสามร่าง ซึ่งกิโยม·เบเนต์ทั้งสามล้วนเป็นตัวปลอม หนึ่งในสามยัดไส้ ‘พิษต่อมดีแลนเนียร์’ ส่วนอีกสองยัดไส้ ‘ฝังเงามืด’ โดยหวังเล่นงานลูเมี่ยน ด้วยการตรึงร่างไว้ในขอบเขตของเงา
ฝูงท่อนแขนบิดเบี้ยวพิสดารกรูกันเข้ามาคว้าข้อเท้าของลูเมี่ยน พยายามยื้อยุดฉุดรั้งเด็กหนุ่มเข้าไปในเงามืด
แต่คราวนี้ ร่างของใครบางคนโผล่ขึ้นจากด้านในเงามืด แน่นอนว่าต้องเป็นกิโยม·เบเนต์เจ้าของร่างกายครึ่งเปลือย เปล่งประกายโลหะระยิบระยับ
การใช้ ‘ฝังเงามืด’ กับตัวเอง ก็คือการซ่อนตัวในเงามืด!
ที่กิโยม·เบเนต์ลงทุนใช้อวตารถึงสามร่าง ซึ่งจะสูบพลังวิญญาณไปอย่างมหาศาล ก็เพื่อปกปิดตำแหน่งตัวเองไปพร้อมกับหลอกล่อให้ศัตรูติดกับ เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะฉวยโอกาสเข้าใกล้เป้าหมายผ่านเงามืด แล้วลงมือโจมตีอย่างหนักหน่วง
ร่างกิโยม·เบเนต์ขยายใหญ่ฉับพลัน กระแทกหมัดหนักๆ ใส่กกหูลูเมี่ยน
เปรี้ยง! ร่างลูเมี่ยนแตกสลายคล้ายกระจกหน้าต่าง กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน ถูกกลุ่มแขนสีซีดกับสีดำกระชากเข้าไปในเงาสลัว
กระจกตัวแทน!
ก็เพราะยังมี ‘กระจกตัวแทน’ เหลืออยู่ เมื่อฟรังก้าเห็นลูเมี่ยนถูกแขนประหลาดจากเงามืดรัดรึง เธอจึงไม่รีบร้อนเข้าไปช่วย รอคอยให้กิโยม·เบเนต์โผล่หางก่อน แล้วค่อยมอบการโจมตีสังหารแก่ศัตรู
ท่ามกลางเสียงแตกกระจาย ร่างของฟรังก้าในชุดคลุมสีดำสวมฮู้ดก็เผยออกมาโดยปริยาย จนถูกหลวงพ่อพบเห็นในทันที
กิโยม·เบเนต์รอโอกาสนี้อยู่พอดี ฝืนข่มใจต่อต้านอิทธิพลจากเสน่ห์เย้ายวน เปลี่ยนดวงตาสีน้ำเงินของตนให้ซีดลงอีกครั้ง
เขามองเห็นสายธารโชคชะตาสีปรอท จึงเลือกโชคชะตาที่ถูกแก๊สมึนเมาของ ‘บุปผามารนรก’ ทำให้ชาเป็นอัมพาต
ทันใดนั้น กิโยม·เบเนต์พลันตระหนักถึงสัญญาณอันตรายอย่างแรงกล้า เชื่อว่าหากตนแทรกแซงโชคชะตาของอีกฝ่าย จะต้องเผชิญผลสะท้อนกลับทันที
เป็นไปไม่ได้! เมื่อครู่ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย! กิโยม·เบเนต์ที่คราวก่อนเกือบแทรกแซงโชคชะตาของเป้าหมายสำเร็จ อดไม่ได้ที่จะสบถในใจ ขณะเดียวกันก็เห็นผู้หญิงสวมฮู้ดอีกคนหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังผู้หญิงสวมฮู้ดคนแรก โดยผู้หญิงด้านหลังถือกระจกเงาขนาดเท่าฝ่ามือ ผิวกระจกกำลังสะท้อนภาพของตน
ชั่วพริบตาดังกล่าว กิโยม·เบเนต์ก็เข้าใจความเป็นไปทันที
สตรีสวมฮู้ดคนหน้า ซึ่งตนกำลังสำรวจสายธารโชคชะตา ไม่ใช่ใครนอกจากลูเมี่ยน·ลี!
เด็กหนุ่มจงใจปรากฏตัวด้านหน้าพวกพ้องหลังจาก ‘กระจกตัวแทน’ ถูกกระตุ้น โดยฉวยโอกาสใช้พลังวิเศษที่คล้ายวิชาแปลงโฉม เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ปลอมตัวเป็นพวกพ้องคนนั้น!
ลูกไม้เดิมๆ มักจะถูกย้อนศรนะ เรื่องแค่นี้ไม่รู้หรือไง? ฟรังก้าที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังลูเมี่ยน เห็นผลลัพธ์แล้วก็หัวเราะ ‘หึหึ’
ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นลูเมี่ยนกำลังถูกโจมตี เธอก็หยิบกระจกตัวแทนของอีกฝ่ายออกมา โยนไปด้านหน้า ส่วนตัวเองถือโอกาสที่ถูกบังอยู่ กอปรกับศัตรูกำลังถูกเบี่ยงเบนความสนใจ ใช้กระจกอีกบานส่องไปทางกิโยม·เบเนต์
โดยปราศจากความลังเล ฟรังก้าประคองเปลวไฟสีดำไว้บนฝ่ามือ ป้ายลงบนผิวกระจก
คำสาป!
คำสาปนางมาร!
แทบจะในเวลาเดียวกัน เปลวไฟสีดำอันเงียบงัน ก็ลุกโชนจากภายในร่างโลหะของกิโยม·เบเนต์
เขายิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อค้นพบว่า กายาเหล็กกล้าไม่สะทกสะท้านต่อการถูกเผาแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่เจ็บนิดหน่อย แต่ทันใดนั้น กิโยม·เบเนต์เริ่มรู้สึกว่าพลังวิญญาณของตนถูกเพลิงทมิฬสูบออกไปเรื่อยๆ ดวงวิญญาณก็เริ่มถูกแผดเผาแล้วเช่นกัน
วินาทีถัดมา อธิการโบสถ์แห่งหมู่บ้านกอร์ตูรายนี้ก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความทุกข์ระทม
ชีวโลหะล้มตึงจนเกิดเสียงดังกังวาน แล้วกลับคืนสู่เนื้อหนังมังสาเปลือยเปล่า
ขณะเดียวกัน ใบหน้าของฟรังก้าเริ่มถูกย้อมด้วยสีเขียวคราม ร่างกายสั่นเทาแผ่วเบา
เกิดใหม่!
พลังจากพันธสัญญาชนิดนี้ ช่วยให้กิโยม·เบเนต์ไปเกิดใหม่ในร่างของบุคคลที่สังหารตน!
วิญญาณของกิโยม·เบเนต์ยิ้มร่า เร่งรีบเข้าแทนที่สตรีผู้ถือกระจกเงา หวังยึดครองร่างกายเป็นของตน
แต่แล้วเขาก็พบว่า สตรีคนงามสวมฮู้ดซึ่งในมือถือกระจกเงา กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าตน เผยเพียงครึ่งล่างของใบหน้าที่สามารถสะกดหัวใจผู้คน
เธออยู่ข้างหน้า… แล้วเรา… เกิดใหม่ในร่างใคร? กิโยม·เบเนต์พลันฉงนสนเท่ห์
ลูเมี่ยนที่ปลอมตัวเป็นฟรังก้า อมยิ้มขณะชักมือขวาที่ยื่นเข้าหาศพหลวงพ่อกลับมาไว้ข้างลำตัว โดยที่เข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ บนหน้าอกยังคงเปล่งประกายสีทองเข้ม
บิดเบือน!
เด็กหนุ่มทราบมานานแล้วว่า หนึ่งในชู้รักของกิโยม·เบเนต์เลือกความสามารถ ‘เกิดใหม่’ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น มีหรือที่เขาจะไม่คำนึงถึงการ ‘เกิดใหม่’ ของกิโยม·เบเนต์ด้วยเช่นกัน?
ลำพัง ‘บิดเบือน’ เพียงอย่างเดียว ในภาวะที่ร่างกายลูเมี่ยนมีมลทินถูกผนึกอยู่ ย่อมทรงพลังไม่พอที่จะเบี่ยงเบนให้เป้าหมายการ ‘เกิดใหม่’ ของกิโยม·เบเนต์หันเหมาทางตนได้อย่างแท้จริง แต่ต้องไม่ลืมว่า รูปโฉมปัจจุบันของลูเมี่ยนกับฟรังก้านั้นเหมือนกันแทบทุกประการ มิหนำซ้ำ ก่อนหน้านี้เขายังให้ฟรังก้าพกแร่เลือดธรณีติดตัวมาด้วย
สำหรับแร่ก้อนนี้ กระทั่งวิญญาณมงต์ซูรีก็ยังไม่อยากเข้าใกล้ เมื่อกิโยม·เบเนต์ ‘เกิดใหม่’ วิญญาณของเขาจะต้อง ‘หลีกเลี่ยง’ โดยไม่รู้ตัวแน่นอน!
‘บิดเบือน’ จากเข็มกลัดมีหน้ามีตา ร่วมกับการ ‘ขัดขวาง’ จากแร่เลือดธรณี รวมถึงการ ‘แปลงโฉม’ จากใบหน้าของไนเซอร์ ผนึกกำลังกันทำให้กิโยม·เบเนต์ ‘เกิดใหม่’ ในร่างของลูเมี่ยน!
ใบหน้าของเด็กหนุ่มเริ่มกลายเป็นเขียวคล้ำ ร่างกายกำลังสั่นสะท้าน แต่มุมปากกลับเผยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งถูกเลื่อนมาจับหน้าอกซ้าย พลางเปิดปากเปล่งเสียงอย่างแผ่วเบา:
“หลวงพ่อ… ทุกคนกำลังรอแกอยู่”
……………………………………………………..