ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 328 “ขวดเสกสรร”
ตอนที่ 328 “ขวดเสกสรร”
“ลูเมี่ยน·ลี!”
เมื่อเสียงตวาดดังขึ้น ลูเมี่ยนพลันชะงักงัน แววตาเลื่อนลอย
ในมุมของโพรงเหมืองร้าง ร่างหนึ่งปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว
เขาสวมหนังสุนัขสีน้ำตาลแบบเต็มตัว แต่มีรอยฉีกขาดระหว่างหน้าอกกับท้อง เผยให้เห็นเสื้อคลุมสีขาวปักด้ายสีเงินดำด้านใน ห่อหุ้มร่างกายมนุษย์เอาไว้
อย่างเงียบเชียบ หนังสุนัขผืนนั้นร่วงลงพื้น บุรุษร่างเล็กไม่ถึงหนึ่งเมตรเจ็ดกำลังเหยียดตัวยืนตรง
ผมสั้นสีดำ เสยขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินคมดูน่าเกรงขาม จมูกค่อนข้างโด่ง ไม่ใช่ใครนอกจากหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์แห่งหมู่บ้านกอร์ตู!
ขณะนี้ กิโยม·เบเนต์กำลังยิ้มมุมปาก ในมือถือกระดูกมนุษย์สีขาวซีดหนึ่งท่อน จ้องหน้าลูเมี่ยนด้วยความปลาบปลื้ม ประหนึ่งกำลังจะได้รับพรชะตากรรมใหม่ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของตนเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อเห็น ‘ตัวแทน’ ถูกวิชาปริศนาทำให้หมดสติ เห็นศัตรูใช้ ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ ย้ายตำแหน่งไปที่อื่น ความคิดแรกของกิโยม·เบเนต์ในร่างสุนัขใหญ่ ซึ่งนอนหมอบในห้องนั่งเล่นเล็กๆ คือรีบหนีออกจาก 50 ถนนแว็งซองต์
หากทำเช่นนั้น จะถือว่า ‘ตัวแทน’ รับเคราะห์แทนตนไปแล้ว สามารถหลุดพ้นจากชะตากรรมอันเลวร้ายไปได้ มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ในถิ่นอื่น โดยไม่ต้องมัวกังวลกับเรื่องนี้อีก
แต่ในวินาทีเดียวกัน ด้วยความเป็น ‘นักล่าชะตากรรม’ เขาสังเกตเห็นความผิดปกติในโชคชะตาของผู้โจมตี เห็นร่องรอย ‘องค์ระดับสูง’ ของเส้นทางชะตากรรม
กิโยม·เบเนต์จึงเชื่อว่า อีกฝ่ายคือลูเมี่ยน·ลี ซึ่งในร่างกายมีเทวทูตที่ตนอัญเชิญลงมาอย่างยากลำบากถูกผนึกไว้!
ข้อเท็จจริงนี้ทำให้กิโยม·เบเนต์กระตือรือร้นขึ้นมาทันที สาวกเดนตายของชะตากรรมรายนี้ กลายเป็นคนคลั่งไคล้ในพริบตา
เขาอยากจับกุมลูเมี่ยน·ลีให้ได้ หรือน้อยก็ต้องจัดการ!
เขาอยากปลดผนึก อยากช่วยให้เทวทูตชะตากรรมเสร็จเยือนโลกมนุษย์อย่างแท้จริง!
เขาอยากใช้ความดีความชอบในคราวนี้ แลกรับพรแฝงบารมีเทพจากอีกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของกายเนื้อมนุษย์ รวมถึงเพิ่มอำนาจในการปกครองมนุษย์ผู้โง่เขลาผ่านนามแห่งชะตากรรม!
หลังจากรีบวิเคราะห์ภาพรวมของทั้งสองฝ่าย กิโยม·เบเนต์สั่งให้พวกปอลีนาหนีไปอย่างอลหม่าน ดึงความสนใจของผู้ช่วยลูเมี่ยน·ลีที่อาจจับตาดูอยู่ ขณะเดียวกันก็จงใจทิ้ง ‘ตัวแทน’ เอาไว้ เพื่อเป็นเบาะแสให้ลูเมี่ยน·ลีที่จะย้อนกลับมายัง 50 ถนนแว็งซองต์หลังจากกำจัดตัวปลอม ชักนำอีกฝ่ายให้ลงมายังห้องใต้ดินจนค้นพบประตูลับ
จัดการข้างต้นเสร็จ กิโยม·เบเนต์ก็เดินเข้าไปในห้องทำพิธี โดยจงใจไม่ทำลายหนังแกะ หนังวัว และหนังสุนัข เพื่อให้ลูเมี่ยน·ลีที่รู้จักศาสตร์การสร้างปศุสัตว์ดีอยู่แล้ว สามารถเชื่อมโยงข้อมูลมาถึงตน
ขณะเดียวกัน เขาก็สะบัดขนสุนัขออกมาไม่มาก แกล้งทิ้งเบาะแสทางหนีทีไล่ของตนไว้ แล้วจึงสวดคาถาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า คลายตัวเองจากคำสาปปศุสัตว์ พร้อมกับใช้พลังของพันธสัญญาที่ไม่เคยเปิดเผยต่อหน้าลูเมี่ยน·ลีมาก่อน นั่นคือ ‘ขวดเสกสรร’ โดยเลือกเป้าหมายเป็นประตูลับที่พาลงทรีอาร์ใต้ดิน
พลังที่ทำให้กิโยม·เบเนต์เกิดความโลภเล็กน้อยชนิดนี้ สามารถใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมเชิงสัญลักษณ์อย่าง ‘ประตู’ หรือ ‘หน้าต่าง’ เพื่อย้ายมิติที่กำหนดไว้ ซึ่งต้องมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เข้าไปในขวดเสกสรร พร้อมกับตั้งเงื่อนไขที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป เพื่อกำหนดว่าใครสามารถผ่านเข้าไปในขวดได้บ้าง ส่วนคนที่ไม่เข้าเงื่อนไขก็จะถูกส่งกลับไปยังจุดเดิม
เงื่อนไขที่กิโยม·เบเนต์ตั้งไว้คือ ‘ผู้ครอบครองพลังแห่งชะตากรรม’
นี่เป็นสิ่งที่เขากับลูเมี่ยน·ลีมีเหมือนกัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเคยรับพรของชะตากรรมหรือไม่ก็ตาม ภาชนะที่มีเทวทูตชะตากรรมถูกผนึกไว้ในร่าง จนต้องพัวพันกับโชคชะตา ย่อมถูกนับว่าเป็นผู้ ‘ครอบครองพลังแห่งชะตากรรม’ อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ หากผู้ช่วยของลูเมี่ยน·ลีมิได้รับพรจากชะตากรรม ก็จะไม่อาจเข้าไปในขวดเสกสรร เกิดเป็นสถานการณ์ที่เขาได้ดวลตัวต่อตัวกับลูเมี่ยน·ลี แต่หากคนเหล่านั้นเคยรับพรจากชะตากรรม ก็ย่อมต้องได้รับอิทธิพลจากองค์ซ่อนเร้นผู้ยิ่งใหญ่ ในช่วงเวลาสำคัญจะไม่ต่างอะไรกับ ‘พวกพ้อง’
ที่กิโยม·เบเนต์ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขว่า ‘มาจากหมู่บ้านกอร์ตู’ เพื่อผ่านเข้าออกขวดเสกสรร เพราะเรื่องนี้ตรวจสอบได้ยาก จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลผ่านโลกวิญญาณ ซึ่งไม่สะดวกและชัดเจนเท่ากับการกำหนดว่า ‘มีหรือไม่มี’ พลังบางชนิด
นอกจากนั้น หากพวกปอลีนาสลัดผู้ไล่ตามหลุด แล้วแอบย้อนกลับมาที่บ้านหลังนี้ได้ พวกเธอก็สามารถผ่านปากขวดเสกสรรเข้ามาช่วย
หลังจากเตรียมการเสร็จ กิโยม·เบเนต์ก็ซ่อนร่างของตน รอให้ลูเมี่ยน·ลีเข้าไปในขวดเสกสรรด้วยตัวเอง
สถานการณ์ดำเนินไปตามแผนของเขาทุกอย่าง ทันทีที่เห็นลูเมี่ยน·ลีปลอมตัวอีกครั้ง แต่ร่องรอยของเทวทูตชะตากรรมยังคงอยู่ กิโยม·เบเนต์ก็เปิดปากใช้ ‘ศาสตร์ลับกลืนวิญญาณ’ ทันที
เขาทราบดีว่าลูเมี่ยน·ลีไม่ใช่ชื่อจริงของเป้าหมาย แต่อีกฝ่ายเปลี่ยนมาใช้ชื่อนี้เกือบหกปีแล้ว ถูกยอมรับจากสังคมรอบข้าง โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ จึงมีความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งในเชิงศาสตร์เร้นลับ สามารถนำมาใช้แทนชื่อจริงได้
กอปรกับฐานะของอธิการโบสถ์แห่งหมู่บ้านกอร์ตู ซ้ำยังเป็นคนท้องถิ่นโดยกำเนิด เขาเข้าใจสถานการณ์ของลูเมี่ยน·ลีในระดับหนึ่ง จึงเชื่อว่า ‘ศาสตร์ลับกลืนวิญญาณ’ จะต้องส่งผลใหญ่หลวงแน่นอน ขั้นต่ำคือการทำให้อีกฝ่ายปวดหัวรุนแรง
เมื่อเห็นลูเมี่ยน·ลีชะงักอยู่หน้าทางเข้าขวดเสกสรรในสภาพก้มหน้า ร่างกายซวนเซประหนึ่งหลักไม่มั่นคง รอยยิ้มบนใบหน้ากิโยม·เบเนต์ก็ยิ่งชัดขึ้น
เขาไม่รอช้า ไม่มัวอารัมภบท รีบโยนกระดูกมนุษย์สีขาวซีดในมือออกไป เตรียมใช้คำสาปลับที่ทำให้อีกฝ่าย ‘ไม่ตื่นขึ้นมาอีก’
หากทำเสร็จ จนอีกฝ่ายตกอยู่ในเงื้อมมือ เขาจะหยิบหนังแกะที่เตรียมไว้ล่วงหน้า นำมาห่อหุ้มร่างกายเป้าหมาย สวดคาถา เปลี่ยนลูเมี่ยน·ลีให้เป็นแกะที่พูดไม่ได้ ใช้พลังวิเศษไม่ได้เกือบทั้งหมด
เมื่อถึงตอนนั้น กิโยม·เบเนต์สามารถจูงแกะพาไปไหนต่อไหน แล้วหาวิธีปลดปล่อยเทวทูตออกจากผนึกจนได้
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะกลายเป็นนักบุญ เป็นมนุษย์สุดแกร่งผู้ครอบครองบารมีเทพ!
ปุ!
เมื่อกระดูกตกลงบนพื้น กิโยม·เบเนต์ก้าวไปข้างหน้า พลางท่องคาถาเป็นภาษาเฮอร์มิสในจังหวะเร็ว:
“มองไม่เห็น ไม่ได้ยิ…”
เพียงครึ่งทางของคาถา อธิการโบสถ์แห่งหมู่บ้านกอร์ตู ผู้เคยเซ่นสังเวยทั้งหมู่บ้าน พลันเจ็บแปลบจากหัวใจ ราวกับได้รับคำเตือนจากโชคชะตา
สำหรับเขาแล้ว คำเตือนลักษณะนี้ปรากฏขึ้นน้อยมาก รวมปัจจุบันด้วยก็มีเพียงสองหนเท่านั้น คราวก่อนช่วยให้เขาระวังตัว ทบทวนพฤติกรรมของตนหลังจากมาถึงทรีอาร์ จนตัดสินใจใช้ ‘ศาสตร์การสลับตัว’ กับ ‘วิชาแปลงโฉม’ สร้างตัวแทนขึ้นมา
ด้วยความศรัทธาในชะตากรรมอย่างสุดซึ้ง กิโยม·เบเนต์หยุดสวดคาถา พร้อมกับรีบพุ่งตัวไปด้านข้าง
วินาทีถัดมา เขาได้ยินเสียงจากลูเมี่ยน
“ฮึ่ม!”
ลำแสงสีขาวจางๆ จนเกือบล่องหน พุ่งออกจากปลายจมูกลูเมี่ยน ตรงเข้าใส่ตำแหน่งเดิมของกิโยม·เบเนต์ แต่ก็ทะลุผ่านอากาศไป จนกระทั่งหายลับไปจากพื้นขรุขระสีเทาดำ
ลูเมี่ยนเงยหน้าขึ้น สายตาเฉียบคมผิดวิสัย ประหนึ่งไม่เคยได้รับผลกระทบจากศาสตร์ลับกลืนวิญญาณมาก่อน
ภายในรูหูทั้งสองข้างที่ถูกเส้นผมยาวๆ บดบัง มีก้อนกระดาษนุ่มอัดแน่นอยู่!
ก่อนจะเดินเข้าห้องใต้ดิน เด็กหนุ่มเตรียมตัวเผชิญหน้ากับพลังที่อาจตกค้างอยู่ ด้วยการอุดหูพร้อมกับแปลงโฉม โดยระแวงศาสตร์ลับกลืนวิญญาณเป็นพิเศษ
ถ้าไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง ไฉนเลยจะได้รับอิทธิพล?
แน่นอน ลำพังการอุดหูด้วยก้อนกระดาษ ย่อมไม่สามารถปิดกั้นเสียงได้ทั้งหมด ลูเมี่ยนยังได้ยินเสียงตะโกนแผ่วเบาอยู่ แต่แยกแยะไม่ได้ว่านั่นคือชื่อของตน จึงได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ปวดหัวนิดหน่อยก็กลับเป็นปกติ
เด็กหนุ่มประเมินจากอาการที่ตนได้รับ ฟันธงว่าตัวเองเผชิญกับศาสตร์ลับกลืนวิญญาณ จึงแสร้งทำเป็นถูกเล่นงานหนัก หลอกล่อศัตรูที่ซ่อนอยู่ให้เผยตัว แล้วเตรียมใช้วิชาฮึ่มฮ่าโจมตีทีเผลอ
สิ่งที่ลูเมี่ยนไม่คาดคิดคือ ผู้โจมตีคือกิโยม·เบเนต์
มันยังไม่ได้หนีไป… ยังคงคิดจะกำราบศัตรูพร้อมกับช่วยเทวทูต!
สิ่งนี้ทำให้เด็กหนุ่มทั้งตื่นเต้นมีความสุข ยินดีปรีดาจนแทบบ้า
กิโยม·เบเนต์เพิ่งกระโจนไปด้านข้าง ก็ซ่อนร่างของตนอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน บนเพดานของโพรงเหมืองร้างก็มีเถาวัลย์สีดำคดเคี้ยวคล้ายงูยักษ์ห้อยลงมาเส้นแล้วเส้นเล่า พริบตาเดียวก็หุ้มจนเต็มผนังภายในขวดเสกสรร ดอกไม้ยักษ์สีแดงสดคล้ายเลือดผลิบานดอกแล้วดอกเล่า
ลูเมี่ยนวิ่งวนรอบทางเข้า ขณะเดียวกันก็หยิบกระติกสนามสีเทาเหล็กออกมา คลายเกลียวฝา แล้วดึงเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ ขึ้นมา
ฟิ้วๆๆ ลูกธนูแท่งยาวสีเขียวมรกต แซมสีขาวซีดเป็นริ้วๆ ถูกยิงออกจากด้านหลังเถาวัลย์สีดำ ปักในจุดที่ลูเมี่ยนเพิ่งวิ่งผ่านไป
ดินหินที่ถูกศรเหล่านี้ปักใส่ คล้ายถูกกรดแก่กัด มีรอยถูกผุกร่อนที่ชัดเจนรุนแรง
หลังจากติดเข็มกลัดมีหน้ามีตาเสร็จ ร่างของลูเมี่ยนก็หมอบต่ำทันที หลบ ‘ศรเขียวอำมหิต’ ที่พุ่งเข้าใส่ศีรษะ พลางคุกเข่าลงหนึ่งข้าง โน้มตัวไปข้างหน้า วางสองมือลงบนพื้นที่เป็นดินหินปะปนกัน
เพียงพริบตา เปลวไฟสีแดงฉานก็พุ่งสูง ก่อตัวเป็นม่านกำแพงครึ่งวงกลม
กำแพงไฟขยายออกไปทุกทิศ แผดเผาเถาวัลย์สีดำสนิทที่รุกคืบเข้าใกล้ แผดเผาดอกไม้สีสดใสกำลังที่อ้า ‘ปาก’ อันน่าสยดสยองเหล่านั้น
ทั่วอากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวหวานจางๆ หากสูดเข้าไปจะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แถมพ่วงด้วยความง่วง
กิโยม·เบเนต์ผู้ยิง ‘ศรเขียวอำมหิต’ จนต้องเผยร่างตัวเอง รีบเปลี่ยนตำแหน่งไปอีกครั้ง พลางสูดดมแก๊สมึนเมาที่เกิดจากการเผาไหม้บุปผามารนรก ตามองกำแพงแดงเพลิงที่เหมือนจะเปลี่ยนโพรงเหมืองร้างแห่งนี้ให้กลายเป็นทะเลเพลิง
ลูเมี่ยน·ลีทราบดีว่าการเผาบุปผามารนรกจะทำให้เกิดแก๊สมึนเมา แล้วเหตุใดถึงยังคิดจะจุดไฟเผาให้วอดวาย? กิโยม·เบเนต์ฉงนสนเท่ห์ไปชั่วขณะ
อีกฝ่ายคิดจะเปลี่ยนมิติแห่งนี้ให้ท่วมท้นไปด้วยแก๊สมึนเมาที่ไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู!
ผลลัพธ์ก็คือ ลูเมี่ยน·ลีจะหลับใหล กิโยม·เบเนต์ก็จะหลับใหลด้วย โดยที่ด้านนอกขวดเสกสรรยังมีพวกพ้องของฝ่ายแรกเฝ้าอยู่ เป็นการซื้อเวลาให้พวกเขาคิดหาวิธีทำลายพลังจากพันธสัญญาลับนี้!
เมื่อเข้าใจแจ่มแจ้ง กิโยม·เบเนต์ก็ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ใบหน้าเปล่งประกายฉายแววโลหะ
“กายาเหล็กกล้า!”
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งพลังที่เขาไม่เคยแสดงต่อหน้าลูเมี่ยน·ลี
ฤทธิ์ของมันคือการเปลี่ยนคนให้เป็นสิ่งมีชีวิตโลหะชั่วคราว ไม่หวาดหวั่นกับแก๊สมึนเมา!
แน่นอน การกลายเป็นสิ่งมีชีวิตโลหะ จะส่งผลให้พลังวิเศษของกิโยม·เบเนต์ถูกลิดรอนไปหลายส่วน
…………
ด้านนอกขวดเสกสรร
เมื่อพบว่าตนกับจินนากลับมาอยู่ในห้องพิธี โดยที่ลูเมี่ยนหายตัวไป ฟรังก้าก็รีบหยิบกระจกออกมาทันที
บนผิวกระจกมีคราบเลือดกับรอยดำหลงเหลืออยู่บ้าง
“เธอเอา ‘กระจกตัวแทน’ ออกมาทำไม?” จินนาไม่ค่อยเข้าใจนัก
ตอนนี้พวกเธอควรกลับไปลองใหม่ ว่าจะผ่านประตูลับได้ไหม ไม่ใช่หรือ?
ฟรังก้าตอบอย่างเคร่งขรึม
“นี่คือ ‘กระจกตัวแทน’ ที่ฉันสร้างให้ชาร์ลก่อนเริ่มปฏิบัติการ สามารถใช้มันเป็นสื่อกลางเพื่อส่งคำสาปย้อนกลับไปหาชาร์ลได้”
“ตอนนี้ฉันจะส่งคำสาปเบาๆ เพื่อตรวจสอบดูว่า ทั้งสองฝั่งยังเชื่อมโยงกันอยู่หรือไม่”
ถ้าคำสาปออกฤทธิ์ ก็แสดงว่ายังเชื่อมต่อกันอยู่ มิได้ถูกตัดขาดโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องคิดหาวิธีอื่น!
……………………………………………………..