ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 327 กิโยม·เบเนต์ตัวจริง
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 327 กิโยม·เบเนต์ตัวจริง
ตอนที่ 327 กิโยม·เบเนต์ตัวจริง
เมื่อความทรงจำของกิโยม·เบเนต์ปลอมถูกขยาย ลูเมี่ยนเห็นห้องนั่งเล่นเล็กๆ ในบ้านเลขที่ 50 ถนนแว็งซองต์
กิโยม·เบเนต์ผู้มีบุคลิกน่าเกรงขาม ยืนอยู่หน้าโซฟาเดี่ยว พูดกับเจ้าของความทรงจำว่า
“เอาเงินนี่ไปเที่ยวให้สุดเหวี่ยงที่ถนนกำแพงเมือง เลือกผีเสื้องานสังคมที่โด่งดังที่สุด”
“แต่ต้องแปลงโฉมเป็นฉัน ใส่หน้ากากด้วย”
เจ้าของความทรงจำโค้งคำนับด้วยความเคารพนอบน้อม
“ขอรับ ท่านอาร์ชบิชอป”
ความทรงจำจบลงเพียงเท่านี้ ลูเมี่ยนมั่นใจแล้วว่า ผู้ได้รับพรแห่งชะตากรรมตรงหน้าตน คือตัวแทนที่กิโยม·เบเนต์จงใจ ‘สร้าง’ ขึ้นมา
เขาคงบ่มเพาะสาวกแห่งชะตากรรมไว้บางส่วน เลือกคนที่สามารถทนรับพรได้ติดต่อกันสามครั้งในเวลาอันสั้น โดยบังคับให้อีกฝ่ายเลือกพลัง ‘อัญเชิญบุปผามารนรก’ กับ ‘ล่องหน’ ที่เหมือนกับตนทุกประการ เพื่อให้ในยามที่ยังไม่ได้ปลอมตัว แค่พึ่งพาผลข้างเคียงเชิงลบของพลังในพันธสัญญา ก็สามารถปลอมเป็นเขาได้สมบูรณ์แบบแล้ว
แน่นอน ‘วิชาแปลงโฉม’ เองก็เป็นแก่นสำคัญที่ขาดไม่ได้
จากมุมมองข้างต้น กิโยม·เบเนต์มิได้ละเลยผลข้างเคียงเชิงลบที่เกิดจากพันธสัญญาพิเศษ ซึ่งอาจคำนวณเผื่อไว้แต่แรกแล้ว หรือไม่ก็เพิ่งสังเกตเห็นหลังจากได้รับแจ้งเตือนอันตรายจากโชคชะตา แล้วจึงทบทวนพฤติกรรมของตนในช่วงก่อนหน้า แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด กิโยม·เบเนต์ปลอมที่ใช้ ‘วิชาแปลงโฉม’ นี้ก็เป็นเพียงแค่เหยื่อล่อ
ลูเมี่ยนยังสงสัยด้วยว่า รอบซ่องผักชีฝรั่งคงมีสาวกชะตากรรมคนอื่นซุ่มซ่อนอยู่ คอยจับตาดูกิโยม·เบเนต์ตัวปลอมอย่างลับๆ ทันทีที่อีกฝ่ายประสบปัญหา ก็จะอาศัยช่องทางบางอย่างแจ้งข่าวให้หลวงพ่อตัวจริงทราบทันที
ด้วยวิธีดังกล่าว ไม่ว่ากิโยม·เบเนต์จะเลือกหนี เพื่อทิ้ง ‘ตัวแทน’ ไว้คอยรับหายนะ หรือใช้โอกาสนี้วางกับดักกำจัดศัตรูที่จ้องเล่นงานตน ก็สามารถทำได้อย่างสุขุมลุ่มลึก
เมื่อรวมกับภาพในความทรงจำของกิโยม·เบเนต์ปลอม ลูเมี่ยนเชื่อว่ากิโยม·เบเนต์ตัวจริงอาศัยอยู่ที่ 50 ถนนแว็งซองต์เป็นประจำ แต่จะให้ ‘ตัวแทน’ เผยตัวเป็นฉากหน้า เพื่อปิดบังการดำรงอยู่ของตน
เมื่อเข้าใจประเด็นนี้แล้ว ลูเมี่ยนเริ่มนึกเสียดาย
หากมิใช่เพราะอัลบัสพบกิโยม·เบเนต์ปลอมในซ่องผักชีฝรั่ง เด็กหนุ่มคงจะมุ่งความสนใจไปที่ 50 ถนนแว็งซองต์เพียงอย่างเดียว หลังจากทำให้ ‘ตัวแทน’ สลบไสล เขาคงไม่รีบร้อน ‘ท่องเที่ยว’ มาที่นี่แน่ แต่จะเลือกรื้อค้นบ้านหลังนั้น ซึ่งมีโอกาสไม่น้อยที่จะพบกิโยม·เบเนต์ตัวจริง
แต่แน่นอน หากมิใช่เพราะกิโยม·เบเนต์ทั้งสองปรากฏตัวพร้อมกัน ลูเมี่ยนคงไม่ฉุกใจคิดเรื่อง ‘ศาสตร์การสลับตัว’ จนสุดท้ายก็ถูก ‘ตัวแทน’ ต้มเสียเปื่อย ไม่สามารถสร้างหายนะแก่หลวงพ่อตัวจริง
คิดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนเชื่อว่ากิโยม·เบเนต์คงไหวตัวแล้ว จึงล้มเลิกการค้นหาสาวกแห่งชะตากรรมในละแวกซ่อง ยุติระบำเรียกสถิต ยกเลิกกำแพงวิญญาณ หันไปพูดกับฟรังก้าและจินนาที่อยู่ในเงา
“พวกเราจะกลับไปที่ 50 ถนนแว็งซองต์”
ได้แต่หวังว่าที่นั่นจะยังมีร่องรอยหลงเหลือ… หรือไม่ก็อ็องโตนี·รีดที่รับผิดชอบการสอดแนม จะได้พบเบาะแสสำคัญ…
ฟรังก้ากับจินนาเดินออกจากเงาตามลำดับ โดยไม่มัวถามถึงความเป็นไป ยอมให้ลูเมี่ยนจับไหล่พวกตน แล้วเริ่ม ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ อีกครั้ง
หลังจากวิงเวียนไปชั่วขณะ ร่างของทั้งสามก็ปรากฏในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ในบ้านเลขที่ 50 ถนนแว็งซองต์
พ่อบ้าน คนรับใช้ชาย และสาวใช้ไม่อยู่แล้ว เหลือเพียง ‘ตัวแทน’ ที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพรมตามลำพัง
ลูเมี่ยนมองกวาดหนึ่งรอบ แล้วเดินไปหยุดข้าง ‘ตัวแทน’ พร้อมกับใช้สารพัดวิธีเท่าที่นึกออกเพื่อปลุกอีกฝ่าย
เมื่อกิโยม·เบเนต์ตัวปลอมลืมตา ก็ได้เห็นใบหน้าอันไม่คุ้นเคย
เขารีบพลิกตัวลุกนั่ง ตะโกนด้วยความตกใจกลัว
“คุณเป็นใคร? บุกเข้ามาในบ้านผมทำไม?”
“รีบออกไปเดี๋ยวนี้! ผมจะแจ้งตำรวจ ผมจะแจ้งตำรวจ!”
เขาจำได้ว่า ตนเพิ่งถูกโจมตีด้วยวิธีที่คล้ายคำสาป!
ลูเมี่ยนชักปืนลูกโม่ออกมาจ่อหน้าผากกิโยม·เบเนต์ปลอมทันที
‘ตัวแทน’ เงียบลงทันใด
“เจ้าบ้านตัวจริงอยู่ไหน” ลูเมี่ยนถามเสียงเข้ม
กิโยม·เบเนต์ปลอมราวกับถูกแทงด้วยมีด รีบโพล่งตวาดกลับมา
ลูเมี่ยนยกมุมปากแล้วพูดยิ้มๆ
“งั้นคุณก็น่าสงสารแย่เลยนะ ภรรยาหอบของมีค่าหนีไปพร้อมกับพ่อบ้านแล้ว พวกคนรับใช้ชายกับสาวใช้ก็เหมือนกัน เห็นอะไรได้ก็คว้าหมด ทิ้งไว้แค่บ้านหลังนี้”
“ในอีกไม่ช้า ตำรวจจะมาจับคุณ ข้อหาฆ่าคนเร่ร่อน จัดพิธีกรรมนอกรีต รวมถึงฉ้อโกงเงินก้อนใหญ่”
คำพูดเหล่านี้ กว่าครึ่งเพิ่งแต่งสด อีกครึ่งเป็นการคาดเดา โดยหวังขู่ ‘ตัวแทน’ เพื่อให้หลุดพ้นจากมายาคติอันเพ้อฝัน
คำนึงจากการที่คุณนาย พ่อบ้าน คนรับใช้ชาย สาวใช้ สารถี และคนสวนหนีออกจาก 50 ถนนแว็งซองต์ไปหมด ลูเมี่ยนเดาว่าทุกคนคงถูกหลวงพ่อตัวจริงบ่มเพาะให้เป็นสาวกของชะตากรรมแล้ว มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่จะปกปิดพิธีกรรมนอกรีตได้อย่างสมบูรณ์ มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่ทุกคนจะร่วมมือกันอย่างกลมเกลียว เพื่อทำให้ ‘ศาสตร์การสลับตัว’ สำเร็จลุล่วง
ส่วนกิโยม·เบเนต์ปลอมในผักชีฝรั่ง คือผู้รับพรลำดับ 7 ผู้ถือพันธสัญญา ซึ่งช่วยยืนยันว่าหลวงพ่อเคยจัดพิธี ‘ขอพร’ ในทรีอาร์มาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง ในพิธีดังกล่าวย่อมต้องมีคนบริสุทธิ์ตกเป็นเครื่องสังเวย ซึ่งตัวเลือกอันดับหนึ่งคือคนเร่ร่อนอย่างไม่ต้องสงสัย
กิโยม·เบเนต์ปลอมฟังคำพูดของลูเมี่ยนจบ แล้วมองซ้ายทีขวาทีด้วยอาการผวาระคนสับสน ก่อนจะแหกปากเสียงดังราวกับต้องการขอความช่วยเหลือ
“ปอลีนา! ปอลีนา!”
ปอลีนา… เป็น ‘โฉมงามชูรส’ นั่นจริงๆ ด้วย… น่าเสียดายที่ปัจจุบันกลายเป็นสาวกเทพมารไปแล้ว… ลูเมี่ยนมองกิโยม·เบเนต์ตัวปลอมที่ค่อยๆ เงียบไปเพราะไม่มีใครขานตอบ ดวงตาเริ่มฉายแววสิ้นหวัง
“มีอะไรจะพูดอีกไหม?” ลูเมี่ยนถามย้ำ
กิโยม·เบเนต์ปลอมสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ตามด้วยกล่าว
“ผมเป็นตัวจริง… ผมเป็นเจ้าบ้านตัวจริง!”
“แต่ผู้หญิงคนนั้น… นังนั่นมันเป็นปีศาจ! แอบยั่วยวนใครสักคนแล้วซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน!”
“นังนั่น… นังนั่นแอบเล่นชู้กับปีศาจ!”
เล่นชู้กับปีศาจ… ในห้องใต้ดิน… แอบลงไปพบหลวงพ่อตัวจริง? อา… ผลข้างเคียงเชิงลบจากแรงกระตุ้นตัณหาของกิโยม·เบเนต์ ยังไม่หายไปไหน แม้ว่าจะสร้างตัวแทนขึ้นมาสองคนแล้วก็ตาม… ลูเมี่ยนมองกิโยม·เบเนต์ปลอมที่ยังคงไม่ยอมรับความจริง แล้วยกมือซ้ายขึ้น ผ่อนแรงเล็กน้อยขณะทุบใส่กกหูอีกฝ่าย
กิโยม·เบเนต์ปลอมก็พลันสลบเหมือดไปอีกครั้ง
แผนถัดไปของลูเมี่ยนคือการรีบค้นบ้าน ถ้าปล่อยให้คนแบบนี้ร้องแรกแหกกระเชอไปทั่ว ก็อาจนำมาซึ่งเหตุไม่คาดฝันได้ง่าย
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน นวดศีรษะที่ยังปวดตุบ แล้วถามฟรังก้ากับจินนา
“อ็องโตนี·รีดส่งข่าวมาบ้างไหม”
“ไม่มี” ฟรังก้าส่ายหน้าเล็กน้อย “ดูเหมือนจะทำตามที่คุณบอก ไล่ตามคุณนายปอลีน่าอะไรนั่นไปแล้ว”
ลูเมี่ยน ‘อืม’ ในคอ
“งั้นพวกเรามาค้นบ้านหลังนี้ก่อน รอฟังข่าวจากเขา”
ฟรังก้าดึงฮู้ดสีดำ พลางเน้นย้ำเป็นพิเศษ
“จับกลุ่มสามคน อย่าแยกกัน”
ที่นี่คือ ‘ถิ่น’ ของสาวกเทพมาร แม้ส่วนใหญ่จะหนีไปแล้ว แต่ก็อาจทิ้งปัญหาบางอย่างเอาไว้ ถ้าแยกกันค้นหาแล้วเจอดีเข้า คนอื่นก็ช่วยไม่ทัน
ตามระเบียบของทางการ ในปฏิบัติการที่คล้ายคลึงกัน หากต้องแยกลงมือ อย่างน้อยก็ต้องจับกลุ่มสามคน หรือไม่ก็อยู่ในระยะที่มองเห็นกันด้วยตาเปล่า
ลูเมี่ยนไม่ลังเล ชี้ไปทางบันไดนอกห้องนั่งเล่นเล็กๆ
“ลงไปห้องใต้ดินก่อน”
ขณะทั้งสามกำลังเดินลงบันได หนึ่งคนอยู่หน้า อีกสองอยู่หลัง ฟรังก้าผินหน้าเล็กน้อย กระซิบกับจินนาด้วยเสียงต่ำ
“บทสนทนาระหว่างชาร์ลกับตัวปลอมนั่น คือตัวอย่างพื้นฐานของการกระตุ้น… เมื่อกลับไปแล้ว ลองย้อนวิเคราะห์ความหมาย วิเคราะห์จุดประสงค์ของทุกประโยคให้ถี่ถ้วน”
“อื้อ” จินนาทำตัวเหมือนฟองน้ำแห้ง พยายามดูดซับความรู้อย่างแข็งขัน
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าห้องใต้ดิน ลูเมี่ยนหันกลับไปหาพวกพ้องทั้งสองแล้วพูด
“มาเตรียมตัวกันก่อน แล้วค่อยเข้าไป”
เพื่อป้องกันตัวเองจากพลังชะตากรรม หรือสิ่งประหลาดที่อาจหลงเหลือ
ด้านในดูธรรมดา มีของเบ็ดเตล็ดกองเกลื่อนกลาด ไม่พบความผิดปกติใด
ขณะฟรังก้าเตรียมจะทำนายด้วยกระจกวิเศษ ลูเมี่ยนที่จุดตะเกียงบนผนัง ก็พบร่องรอยบางอย่างด้วยความช่างสังเกตของ ‘นักล่า’
เสียงกุกกักดังขึ้น เด็กหนุ่มเปิดประตูลับบานหนึ่ง
ด้านหลังประตูคือบันไดที่นำไปสู่ใต้ดินลึกยิ่งกว่าเดิม
ทั้งสามเดินต่อไป ก้าวเท้าด้วยความระมัดระวัง หลังจากผ่านไปสามสิบวินาที ก็มาถึงห้องโถงกว้างแต่ดูธรรมดา มีตะเกียงแก๊สติดผนังคอยมอบแสงสว่าง
ไม่รู้ว่ากิโยม·เบเนต์ขุดขึ้นเอง หรือแค่ทำกำแพงกั้น ‘ใต้ดินทรีอาร์’ ของเดิม แล้วดัดแปลงเล็กน้อยให้กลายเป็น ‘ถิ่น’ ของตัวเอง
กลางห้องโถงที่ปูด้วยแผ่นหินมีแท่นบูชา มีโครงกระดูกมนุษย์สีขาวกระจัดกระจาย ข้างกันมีหนังแกะ หนังวัว และหนังสุนัขตัวใหญ่ในสภาพสมบูรณ์วางอยู่
เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ ลูเมี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง นึกถึงอาคมพิธีกรรมพิเศษห้าอย่างของภิกษุบิณฑบาต
ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์!
ในเวลาเดียวกัน เขายังนึกถึงแมว นก และสุนัขในบ้านเหนือศีรษะ นึกถึงสุนัขขนสีน้ำตาลตัวเขื่องที่นอนหมอบอยู่ข้างกิโยม·เบเนต์ตัวปลอม
หมาใหญ่… หมาใหญ่… ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์… เพียงชั่วพริบตา ลูเมี่ยนกระจ่างทันทีว่ากิโยม·เบเนต์ตัวจริงซ่อนอยู่ที่ใด
อีกฝ่ายใช้ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์ เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสุนัขขนสีน้ำตาลตัวเขื่อง เพื่ออยู่ต่อหน้า ‘ตัวแทน’ อย่างเปิดเผย คอยเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาผู้คนด้วยร่างดังกล่าว!
เพียงแค่พูด ‘วลีคลายคำสาป’ ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ก็จะถอดหนังออกได้ในพริบตาแล้วเปลี่ยนกลับเป็นมนุษย์!
…………
ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ กิโยม·เบเนต์ตัวปลอมที่สลบเหมือด กำลังฝันร้ายที่แยกไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ
เขาแง้มประตูห้องนอนด้วยความระวัง แอบมองผ่านช่องว่าง แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นปอลีนา ภรรยาสาวสวยของตน นอนเปลือยกายบนเตียงนุ่ม กำลังถูกสุนัขตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลคร่อมร่างอยู่ บนโต๊ะข้างเตียงมีจานสเต๊กเนื้อสุกปานกลางวางไว้
…………
ลูเมี่ยนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เล่าถึง ‘ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์’ ด้วยเสียงดังกว่าปกติ รวมถึงเล่าสมมติฐานของตนให้ฟรังก้ากับจินนาฟัง แล้วพูดปิดท้าย
“ถ้าได้เจอหมาตัวนั้นก็คงดี… ไม่สิ ตอนนี้มันคงถอดหนังหมาออกแล้ว”
ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์… มนุษย์กลายเป็นสุนัข… จินนาได้ยินแล้วก็ขนลุก
โลกของศาสตร์เร้นลับช่างพิสดารยิ่งนัก น่าพรั่นพรึงยิ่งนัก!
ทั้งสามร่วมมือกัน รีบค้นหาร่องรอยโดยเร็ว
ไม่นานจินนาก็หยิบของบางอย่างจากซอกระหว่างแผ่นหิน ร้องด้วยความดีใจว่า
“เจอแล้ว!”
ฟรังก้าวิ่งไปดู พบว่าเป็นขนสุนัขสีน้ำตาล
ทั้งสองเดินไปหาลูเมี่ยนที่กำลังตั้งใจสืบร่องรอย แล้วยื่นให้เขาดู
ได้เห็นดังนั้น ลูเมี่ยนก็พลันยินดีปรีดา เชื่อว่าไอ้สุนัขเน่ากิโยม·เบเนต์ต้องหนีไปทางอุโมงค์ใต้ดินเป็นแน่ ไม่ได้ไปพร้อมกับพวกปอลีนา
ถัดมา ทั้งสามพบขนสุนัขสีน้ำตาลเพิ่มอีกสองสามกระจุก จึงตามรอยขนไป จนกระทั่งพบกับประตูลับอีกบานหนึ่ง
หลังจากเปิดประตูลับบนผนังหิน ฟรังก้าลองทำนายด้วยกระจกวิเศษ แล้วได้คำตอบว่าไม่มีอันตรายร้ายแรง จึงเดินตามลูเมี่ยนกับจินนาเข้าไป
แต่ทันใดนั้นเอง จินนาที่อยู่ตรงกลางกลุ่มพลันตาพร่ามัว มองไม่เห็นร่างลูเมี่ยนเบื้องหน้า โดยที่ด้านหลังยังมีฟรังก้าตามมา
ฟรังก้ากวาดตามองหนึ่งรอบ ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปากก่อนที่จินนาจะได้ถามอะไร
“เราสองคนกลับมาที่โถงพิธีกรรมอีกแล้ว…”
…………
ลูเมี่ยนผ่านประตูลับเข้าไป จนถึงห้องที่คล้ายโพรงถ่านหิน
เนื่องจากไม่มีตะเกียงผนังคอยมอบแสงสว่าง เด็กหนุ่มจึงเสกเปลวไฟสีแดงขึ้นมาเอง
แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาเริ่มเอะใจว่าฟรังก้ากับจินนาไม่ได้ตามมาด้วย
คลาดกันแล้ว? ขณะลูเมี่ยนประหลาดใจ ภายในโพรงเหมืองร้างก็มีเสียงตะคอกต่ำๆ ดังก้อง
“ลูเมี่ยน·ลี!”
……………………………………………………..