ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 313 หลากหลายวิธีการ
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 313 หลากหลายวิธีการ
ตอนที่ 313 หลากหลายวิธีการ
ลูเมี่ยนยืนอยู่หน้าตู้เหล็ก จมอยู่ในห้วงความคิด
เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงเวลาที่ ‘ศาสตร์การดูดวง’ ระบุไว้แล้ว เด็กหนุ่มย่อมต้องการเป็น ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ โดยเร็ว และเมื่อได้รับพลังใหม่เพิ่มมาอีกสามชนิด ก็ค่อยออกไปตามหากิโยม·เบเนต์ แบบนี้จึงจะมีความมั่นใจมากขึ้น
ไม่เช่นนั้นแล้ว หากพึ่งพาเพียง ‘นักวางเพลิง’ ต่อให้ฟรังก้ากลายเป็น ‘นางมารสุขสม’ ทันเวลา ผนวกกับความช่วยเหลือจากอ็องโตนี·รีดและจินนา การจะล้อมฆ่าหลวงพ่ออธิการโบสถ์ผู้ครอบครองพลังสุดพิสดาร โอกาสประสบความสำเร็จก็คงไม่สูงนัก จริงอยู่ที่ยังพอมีโอกาสชนะ แต่หากต้องการจับเป็นอีกฝ่ายโดยที่พวกพ้องไม่เกิดความสูญเสีย ก็เรียกได้ว่าแทบจะไร้ความหวัง นอกเสียจากจะพึ่งพานิ้วของมิสเตอร์ K เพื่อดึงผู้แจ้งสารของชุมนุมแสงเหนือเข้ามาเอี่ยว
นี่ยังเป็นกรณีที่ศัตรูมีเพียงกิโยม·เบเนต์คนเดียว หากอีกฝ่ายมีพันธมิตรสักสองสามคน มีผู้รับพรสักสองสามคน หรือมีผู้วิเศษเป็นลูกน้อง และตัวเขาก็แข็งแกร่งกว่าตอนออกจากหมู่บ้านกอร์ตู ถึงจะนับรวมมิสเตอร์ K เข้าไปด้วย ปฏิบัติการครั้งนี้ก็ยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าปลอดภัย
ลูเมี่ยนอยากระบุแหล่งกบดานของหลวงพ่อให้ได้เสียก่อน จึงค่อยวางกับดักแล้วล่อออกมา แบบนี้จะง่ายกว่ามาก แต่ตัวเขาก็ต้องแข็งแกร่งให้เพียงพอด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วการ ‘ตกปลา’ จะกลายเป็นงานอันตราย
ลูเมี่ยนยืนจ้องแฟ้มข้อมูลสัตว์โลกวิญญาณกองโตนั่น กระแสความคิดเริ่มแวบวาบในสมอง ไตร่ตรองหาวิธีทำให้ตัวเองค้นพบคู่สัญญาที่เหมาะสมโดยเร็ว:
“กำหนดเส้นตายขึ้นมา อ่านได้มากเท่าไรก็เท่านั้น แล้วค่อยเลือกคำตอบจากเท่าที่อ่านได้?”
“ไม่ชอบใจเลยจริงๆ … ทำแบบนี้มีโอกาสที่พลาดคู่สัญญาดีๆ ไป…”
“ถึงจะไม่ชอบใจ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบได้ทั้งหมด ต้องรู้จักเผชิญหน้ากับความบกพร่องบ้าง”
“ไอ้ลูกหมู! ยังไม่ถึงเวลายอมแพ้สักหน่อย!”
“สัปดาห์หน้าแค่ยืนยันแหล่งกบดานของหลวงพ่อเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มลงมือเสียหน่อย รอให้เราอ่านข้อมูลพวกนี้จบก่อน แล้วค่อยวางแผนอย่างละเอียดอีกที?”
“แต่อาจกินเวลานานนับเดือน โอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝันนับว่าสูงมาก…”
“อา… ‘กระต่ายพิทยา’ เชี่ยวชาญการอ่านความรู้และสกัดประเด็นสำคัญสินะ… เราสามารถอัญเชิญกระต่ายมาช่วยอ่าน แล้วแยกคำสำคัญในนิยามของสัตว์โลกวิญญาณแต่ละประเภทได้ไหม? เหมือนกับตอนที่เขียนจดหมายแจ้งเบาะแสนั่น… จากนั้นเราค่อยศึกษาจากคำสำคัญที่มันช่วยแยกออกมาให้…”
“ยังไงมันก็เป็นสัตว์โลกวิญญาณ ถึงจะสัมผัสความรู้ที่มีมลทิน แต่ย่อมต้องได้รับผลกระทบน้อยกว่าเรา และสามารถอดทนได้นานกว่า…”
ยิ่งคิดลูเมี่ยนก็ยิ่งตื่นเต้น และยิ่งรู้สึกว่าการขอให้กระต่ายพิทยาช่วยอ่านข้อมูลแทน เพื่อเขียน ‘บันทึกย่อ’ ให้ตน คือแนวคิดที่จับต้องได้
เด็กหนุ่มรีบปรับปรุงแผนให้สมบูรณ์ทันที
“กระต่ายนั่นสมองไม่ดีเท่าไร ป้ำๆ เป๋อๆ เราต้องออกแบบตารางไว้ล่วงหน้า กำหนดให้มีช่อง ‘เลขหน้า’ ‘ระดับพลัง’ ‘เป็นมิตรหรือไม่’ ‘นิยามความสามารถสั้นๆ’ ‘จุดเด่น’ และอื่นๆ เพื่อให้มันกรอกลงไปตามลำดับขั้นตอน”
“น่าเสียดาย… คนคนเดียวสามารถอัญเชิญกระต่ายพิทยาได้เพียงครั้งละหนึ่งตัว ไม่อย่างนั้นจะเรียกออกมาสักยี่สิบตัว ทำ ‘บันทึกย่อสัตว์โลกวิญญาณ’ ให้เสร็จก่อนรุ่งสางได้เลย…”
“หนึ่งคนอัญเชิญได้แค่ครั้งละหนึ่งตัว… แล้วถ้าไม่ใช่หนึ่งคนล่ะ?”
“เราสามารถขอความช่วยเหลือจากฟรังก้า จินนา และอ็องโตนี·รีด ให้พวกนั้นช่วยอัญเชิญกระต่ายคนละตัวได้สบายๆ!”
“อา… ถ้ากระต่ายสามารถอ่านจับจุดสำคัญได้เร็ว กรอกลงในบันทึกย่อได้เร็ว คนก็ทำได้เช่นกัน ฟรังก้า จินนา และอ็องโตนี สามารถช่วยอ่านข้อมูล จดคำสำคัญตามช่องตารางได้เหมือนกัน”
“ฉันให้ความรู้ พวกเขาให้แรงงาน พลังวิญญาณ และเวลา!”
ดวงตาของลูเมี่ยนแวววาวขึ้นตามลำดับ เชื่อว่าหากตนนำแผนดังกล่าวไปปฏิบัติจริง ต่อให้นับรวมเวลาฟื้นฟูจิตใจ รวมถึงเวลาอัญเชิญกระต่ายพิทยาเข้าไปด้วย ภายในสิบสองชั่วโมงก็คงทำ ‘บันทึกย่อสัตว์โลกวิญญาณ’ เสร็จสมบูรณ์
เมื่อถึงตอนนั้น เด็กหนุ่มก็แค่อ่านบันทึกย่อที่ไม่สร้างอิทธิพลต่อจิตใจ คัดสรรสักยี่สิบสามสิบชนิดที่มองว่าเหมาะสม ย้อนกลับไปอ่านข้อมูลดิบอีกครั้ง แล้วตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ปัญหาเดียวในตอนนี้คือ ข้อมูลสัตว์โลกวิญญาณเหล่านี้คือสิ่งที่เขาได้มาฟรีๆ จากมาดามเมจิกเชี่ยน มิใช่แลกมาด้วยคะแนนหรือเงินทอง จึงรู้สึกว่าก่อนจะ ‘แบ่งปัน’ กับใคร ตนควรได้รับความยินยอมจากเจ้าของไพ่อาร์คาน่าใหญ่เสียก่อน
นี่คือมารยาทขั้นพื้นฐาน
ลูเมี่ยนไม่รอช้า รีบเขียนจดหมายถามไถ่ทันที พร้อมอธิบายแนวคิดกับแผนการของตน
เพียงครู่เดียว มาดามเมจิกเชี่ยนก็ให้คำตอบ
“เธอสามารถแบ่งปันความรู้กับพวกเขาได้ แต่สิ่งที่ต้องกำชับพวกเขาอย่างหนักแน่นคือ สัตว์โลกวิญญาณที่ถูกบรรยายว่าทรงพลังหรืออันตราย ควรรีบข้ามไปโดยเร็ว สำหรับเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เนื่องจากในตัวมีรอยประทับของมิสเตอร์ฟูลอยู่แล้ว ซึ่งเปรียบเสมือนป้ายเตือนแห่งโลกวิญญาณ ทำให้พวกมันไม่กล้าลงมือโดยขาดความยั้งคิด แต่คนอื่นไม่มีการปกป้องในทำนองเดียวกัน”
“อันที่จริง ยังมีวิธีที่ง่ายกว่าและสะดวกกว่า”
“เธอหอบข้อมูลทั้งหมดไปหา ‘สองถ้วย’ วางมันจนเต็มพื้นห้อง จากนั้นให้ ‘สองถ้วย’ สวดประโยคทำนายซ้ำๆ แล้วโยนไพ่ทาโรต์สามใบหรือเหรียญสามเหรียญลงพื้น”
“เมื่อไพ่หรือเหรียญตกลงบนหน้าข้อมูลใด เธอก็เลือกทำสัญญากับสัตว์โลกวิญญาณชนิดดังกล่าว ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะกับเธอมากที่สุด แต่ก็ค่อนข้างเหมาะอยู่ และอาจมีบทบาทสำคัญในอนาคต”
ฮึ่ย… ยังกับวิธีของพวกหมอดู! สมแล้วที่มาดามเมจิกเชี่ยนถนัดการทำนาย รูปแบบแตกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง… จนถึงเมื่อครู่ ลูเมี่ยนไม่เคยนึกถึงการทำนายมาก่อน
คิดไปคิดมา เขาตัดสินใจทำตามแผนของตัวเองไปก่อน เนื่องจากคำตอบที่เลือกผ่านศาสตร์การทำนาย ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกล่องลอย เบาหวิว ขาดน้ำหนักสนับสนุน ในใจลึกๆ ไม่อยากพึ่งพามันเท่าไร
คัดเลือกด้วยสติปัญญาและความสามารถของตัวเอง จะทำให้เขามั่นใจและเชื่อมั่นได้มากกว่า
ถ้าไม่อับจนหนทางจริงๆ ลูเมี่ยนก็ยังหวังว่าจะได้ ‘อ่าน’ ข้อมูลให้จบก่อนตัดสินใจ
เด็กหนุ่มเผาจดหมายตอบกลับของมาดามเมจิกเชี่ยน แล้วเริ่มวาดตารางอย่างตั้งใจ โดยทำออกมาเพียงห้าชุดก่อน
จากนั้น เขาจัดเตรียมแท่นบูชา ลองดูว่าจะอัญเชิญกระต่ายพิทยาออกมาได้อย่างแม่นยำหรือไม่
เพื่อการนั้น คาถาที่เขาออกแบบไว้คือ:
“วิญญาณกระต่ายที่เตร็ดเตร่ท่ามกลางโลกมายา สิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรและสามารถสื่อสาร ผู้อ่อนแอที่ไล่ตามความรู้”
ลูเมี่ยนมิได้ใส่ชื่อ ‘กระต่ายพิทยา’ ลงไป เพราะนั่นคือชื่อที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาเอง มิใช่ชื่อจริงในเชิงศาสตร์เร้นลับของพวกมัน
หลังพิจารณาทบทวนอีกหลายรอบ ลูเมี่ยนจุดเทียนหนึ่งเล่ม เริ่มพิธีอัญเชิญในนามตัวเอง
สิ้นเสียงสวดคาถา เปลวเทียนก็ถูกย้อมเป็นสีเขียวอมดำ พองใหญ่ขึ้นเท่ากะโหลกศีรษะมนุษย์
สิ่งมีชีวิตโปร่งแสงที่ดูเหมือนกระต่ายเซื่องซึมตัวหนึ่ง ก้าวออกจากเปลวเทียนสีเขียวอมดำ
เห็นพิธีประสบความสำเร็จ ลูเมี่ยนถอนหายใจโล่งอก เอ่ยถามอย่างคนมีประสบการณ์
“ฉันอยากแบ่งปันความรู้กับแก แต่ขอรบกวนให้ช่วยสกัดใจความสำคัญออกมาด้วย แล้วกรอกลงในตาราง”
ดวงตาของกระต่ายฉายความแวววาวทันที พร้อมกับถามกลับด้วยเสียงของลูเมี่ยนเป็นภาษาอินทิสว่า
“ความรู้อยู่ไหน?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูเมี่ยนได้ยินสิ่งมีชีวิตพวกนี้พูด ไม่คิดว่ามันจะเลือกเลียนแบบสำเนียงและการออกเสียงของตน
เด็กหนุ่มเปิดตู้เหล็ก หยิบข้อมูลสัตว์โลกวิญญาณที่ตนยังไม่ได้อ่านออกมาหนึ่งปึก ชี้ไปยังตารางบนโต๊ะ อธิบายงานและข้อควรระวังทีละเรื่องให้กระต่ายฟัง ด้วยวิธีพูดที่เหมาะสมกับคนไม่ค่อยฉลาด
หูยาวๆ ของกระต่ายเริ่มลู่ลง มันจดจำอย่างงงงันอยู่สักพักก่อนจะผงกหัว
กระต่ายนั่งลงบนเก้าอี้ของลูเมี่ยน สายตาปล่อยประกายแสงออกมาขณะพลิกอ่านข้อมูล
ลูเมี่ยนยืนมองจากด้านข้าง พบว่าแม้กระต่ายจะดูไม่เต็มใจ แต่ก็สามารถนำหน้ากระดาษที่มีคำว่า ‘ทรงพลัง’ หรือ ‘อันตราย’ ออกมาวางไว้ด้านข้าง แล้วกรอกข้อมูลลงตารางได้ค่อนข้างแม่นยำ
ถึงสมองจะไม่ค่อยดี แต่ถ้าเป็นงานจำเจแบบนี้ก็ไร้ปัญหา… เร็วกว่าที่เราอ่านเองอย่างน้อยสองเท่า… ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วล้มตัวลงบนเตียงนอน เตรียมหลับตาพักผ่อนระหว่างที่กระต่ายพิทยากำลังขะมักเขม้นทำงาน เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้า
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ เด็กหนุ่มพลันตระหนักถึงกลิ่นอายของอันตราย จึงรีบพลิกตัวนั่ง
เขาเห็นกระต่ายโปร่งแสงตัวนั้น ปัจจุบันสูงเกือบสองเมตรแล้ว กำลังพลิกอ่านข้อมูลพลางสกัดใจความโดยไม่หยุดพัก
“หยุด!” ลูเมี่ยนไม่เข้าใจความเป็นไป แต่สัญชาตญาณบอกให้รีบห้ามปรามเอาไว้ ตัดขาดอีกฝ่ายออกจากความรู้
กระต่ายหันขวับ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานแล้ว
มันสบตากับลูเมี่ยนนานหลายวินาที แม้จะไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายก็หยุดการทำงาน
เด็กหนุ่มครุ่นคิดสักพัก ก็พอคาดเดาสาเหตุการเปลี่ยนแปลงได้:
ในฐานะสัตว์โลกวิญญาณ กระต่ายพิทยาก็ได้รับอิทธิพลจากความรู้ดังกล่าวเช่นกัน เพียงแต่เบากว่า แต่มันไม่เหมือนมนุษย์ สติปัญญาเรียกได้ว่าไม่สูงนัก เมื่อเกิดความผิดปกติแล้วไม่รู้จักหยุดพัก เว้นเสียแต่จะเป็นอันตรายโดยตรงต่อชีวิตตัวเอง
การสะสมเป็นเวลานานโดยไม่หยุดพัก ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติอย่างมิอาจเลี่ยง
ฟู่… มีประโยชน์ก็จริง แต่ความโง่ก็สร้างปัญหาอยู่เหมือนกัน… ลูเมี่ยนยุติการอัญเชิญ ปล่อยให้กระต่ายพิทยากลับสู่โลกวิญญาณ เพื่อพักฟื้นอย่างเชื่องช้า
เด็กหนุ่มล้างหน้าล้างตาพอเป็นพิธี แล้วทิ้งตัวนอนบนเตียง ตั้งใจจะพักผ่อน
ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ลูเมี่ยนฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงสะดุ้งตื่นแล้วรีบอัญเชิญกระต่ายพิทยาตัวใหม่ออกมา สั่งให้มันคัดลอก ‘ตาราง’ ที่ตนออกแบบไว้หนึ่งร้อยชุด
จัดการเรื่องนี้เสร็จ เขาถึงวางใจอย่างหมดห่วง แล้วจึงนอนหลับไป
…………
เช้าวันรุ่งขึ้น ลูเมี่ยนที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่ารีบเดินกลับถนนอลเวง กะว่าจะไปหานักค้าข่าวอ็องโตนี·รีดเป็นคนแรก ไถ่ถามว่าเต็มใจช่วยเหลือหรือไม่
เพิ่งมาถึงหน้าโรงแรมระกาทอง เขาก็เห็นร่างหนึ่งเดินออกจากตรอกด้านข้าง
อีกฝ่ายคือบารอนบรินิแยร์ สวมหมวกผ้าไหมกึ่งสูง สูทสีดำ ถือกล้องยาสูบสีไม้ท้อ
“ผมบอกแล้วไงว่าจะกลับมาหาคุณ ขอบคุณที่ช่วยตามหาลุดวิกจนเจอนะ” บารอนบรินิแยร์อธิบายพร้อมรอยยิ้ม “ผิดคาดเหมือนกันที่คุณไม่อยู่ทั้งคาบาเร่ต์ลมเอื่อยและโรงแรมระกาทอง”
ขอบคุณ? งั้นช่วยอ่านเอกสารแล้วกรอกลงบันทึกย่อหน่อยสิ! ลูเมี่ยนรำพันตามความเคยชิน ก่อนจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง
เทียบกับนักค้าข่าวอ็องโตนี·รีดที่มีปัญหาทางจิตแล้ว บารอนบรินิแยร์ไม่เพียงเป็นคนของพรรคซาฟาห์ แต่ภูมิหลังก็ยังดูน่าสงสัย คงเป็นการดีกว่าถ้าปิดไม่ให้เขารู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับฟรังก้าไม่จำเป็นต้องผ่านจินนาเสมอไป
ลูเมี่ยนพูดยิ้มๆ
“ราตรีสวยถึงเพียงนี้ อยู่แต่ในห้องคงน่าเสียดายแย่”
“แล้วคุณอยากขอบคุณผมแบบไหนล่ะ”
บารอนบรินิแยร์ไม่ตอบตรงๆ แต่บอกเป็นนัยแทน
“ผมอาจไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่ตัวผมเปลี่ยนไปนับถือเทพแห่งปัญญาความรู้มาหลายปีแล้ว”
……………………………………………..