ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 307 ปลุกระดม
ตอนที่ 307 ปลุกระดม
ได้ยินคำถามจากลูเมี่ยน อ็องโตนี·รีดเจ้าของใบหน้าอวบอิ่มผิวมันวาว จ้องมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาสีน้ำตาลเข้มนานสองสามวินาทีก่อนจะกล่าว
“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”
นักค้าข่าวรายนี้ยังคงสงบนิ่ง สีหน้าปกติ ราวกับไม่แยแสการตายของฮิวจ์·อาร์ทัวส์
ลูเมี่ยนอมยิ้ม มิได้ซักไซ้ไล่เลียงต่อ เพียงชี้ลงชั้นล่างแล้วพูด
“ผมขอเลี้ยงคุณสักแก้วสิ”
“คุณเคยช่วยผม และเราเคยต่อสู้ร่วมกัน ถือเป็นการเลี้ยงอำลาได้ไหม”
อ็องโตนี·รีดใช้มือขวาที่ไม่ได้ถือกระเป๋าเดินทางลูบไรผมสีเหลืองอ่อนที่ร่นหลบ ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วตอบ
“เอาสิ”
ทั้งสองเดินลงบันไดที่มีตะเกียงแก๊สเพียงดวงเดียวจนถึงบาร์ใต้ดิน แล้วนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์
“เอาเป็นอะไรดี?” ลูเมี่ยนถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน
“อัปแซ็งต์แอนีซ” อ็องโตนี·รีดตอบกระชับ
“อัปแซ็งต์สินะ…” ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ หยิบเหรียญเงินหนึ่งเฟลคิน กับเหรียญทองแดงห้าโกเปต์สี่เหรียญ โยนให้เถ้าแก่ปาวาร์·นีซองต์ที่มัดผมหางม้า “‘ตีลังกา’ สองแก้ว”
‘ตีลังกา’ คือสแลงในบาร์ หมายถึงอัปแซ็งต์แอนีซสองแก้ว หนึ่งแก้วคือ ‘มัมมี่น้อย’
อันหลังราคาเจ็ดริกต์ ส่วนอันแรกราคาสิบสองริกต์
ปาวาร์·นีซองต์พลิกแก้วเหล้า เทของเหลวสีเขียวชวนฝันให้ลูเมี่ยนกับอ็องโตนี·รีด
ลูเมี่ยนเพิ่งจิบไปหนึ่งอึก ลิ้มรสความขมและสดชื่นที่คุ้นเคย ก็เห็นปาวาร์·นีซองต์เจ้าของหนวดสีน้ำตาลเข้มวงรอบปาก พูดเสียงแหบเล็กๆ ด้วยท่าทีเอาอกเอาใจ
“ชาร์ล คุณมียาทำนองนั้นบ้างไหม”
เจ้าของบาร์ผู้เป็นจิตรกรสมัครเล่นรายนี้เชื่อว่า ‘ราชสีห์’ ชาร์ล—หัวหน้าหน่วยแก๊งอันธพาลคนดัง—ต้องมีสักสองสามช่องทางในการจัดหายาเสพติดผิดกฎหมาย
“ยาอะไร” ลูเมี่ยนถามด้วยรอยยิ้ม พลางลูบไล้นิ้วโป้งไปตามแก้ว
ปาวาร์·นีซองต์รู้ว่าอ็องโตนี·รีดเป็นนักค้าข่าวที่คลุกคลีกับเรื่องผิดกฎหมายเป็นประจำ จึงไม่ถือสาการมีอยู่ของอีกฝ่าย เพียงอธิบายเสียงเบา
“ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท เฮ้อ… ตอนที่ได้รับอิทธิพลจากต้นไม้ประหลาดนั่น ผมวาดภาพร่างที่พอใจที่สุดขึ้นมาได้ ไม่สิ ไม่ใช่แค่พอใจที่สุด แต่มันคืออุดมคติที่ผมใฝ่ฝันแต่ไม่เคยเอื้อมถึง มันสื่อถึงแนวคิดและจินตนาการของผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับแต่นั้นมา ผมก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นอีกเลย วาดได้เพียงผลงานขยะ! ผมก็เลย… อยากลองยาหลอนประสาทดู เผื่อว่าจะช่วยให้ได้รับประสบการณ์แบบนั้นอีกครั้ง”
ลูเมี่ยนจิบอัปแซ็งต์สีสันชวนฝันอีกครั้ง ตอบยิ้มๆ ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
“ถ้าผมเป็นคุณ จะเลิกวาดรูปไปตลอดชีวิตเลย เพราะคุณไม่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะเลยสักนิด”
โดยไม่รอให้ปาวาร์·นีซองต์ตอบ เด็กหนุ่มหัวเราะ ‘หึๆ’ แล้วพูดต่อ
“ถ้าต้องพึ่งพายาเพื่อให้ได้ภาพวาดที่ตัวเองพอใจ มันก็หมายความว่าคุณไม่มีพรสวรรค์!”
“แต่พวกจิตรกรดังๆ หลายคนก็เคยใช้…” ปาวาร์·นีซองต์ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกลูเมี่ยนขัดจังหวะ
เด็กหนุ่มเดาะลิ้นแล้วกล่าว
“นั่นหมายความว่า ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเริ่มถดถอย แรงบันดาลใจไม่อุดมสมบูรณ์อีกต่อไป”
“แบบนี้ไม่เรียกว่าโกงหรือไง? ผลงานที่ต้องอาศัยการกระตุ้นจากสารเสพติด ลงแข่งขันในเวทีเดียวกับผลงานของจิตรกรคนอื่นที่วาดตามปกติ จนได้รับคัดเลือกให้แสดงให้นิทรรศการภาพ จนถูกแขวนอยู่ในหอศิลป์… นั่นไม่เท่ากับเป็นการประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ฟังนะ ผมเป็นคนชั่ว ผมมีปมด้อย ยาเสพติดคือพรสวรรค์ของผม ปีศาจคือพ่อแม่ของผม’ หรอกหรือ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของปาวาร์·นีซองต์เริ่มซีดเซียว ลูเมี่ยนกางแขนออกเล็กน้อย ย้อนถามกลับไป
“แบบนั้นคุณจะภูมิใจจริงหรือ”
“ถ้าคุณมีพรสวรรค์ ก็คงไม่ได้เป็นแค่จิตรกรสมัครเล่นอยู่อย่างนี้ ต่อให้ไม่ผ่านการประเมิน ไม่ถูกรับเลือกไปแสดงในนิทรรศการร่วมสมัย แต่ก็น่าจะมีแกลเลอรีส่วนตัวมาติดต่อคุณบ้างแล้ว… ความเป็นจริงคืออะไร? คุณรู้ดีกว่าผมเสียอีก”
“อย่างคุณเนี่ย ถึงใช้ยาไปก็ไม่ประสบความสำเร็จหรอก คุณใช้ คนอื่นก็ใช้ได้ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เทคนิคพิเศษเลย พอทุกคนใช้กันหมด สุดท้ายก็ต้องแข่งกันที่พรสวรรค์และฝีมืออยู่ดี”
ปาวาร์·นีซองต์เม้มปากพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
ด้วยใบหน้าที่เริ่มหมองคล้ำ เขาถอยหลังสองก้าวแล้วนั่งลง ราวกับคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
อ็องโตนี·รีดดื่มอัปแซ็งต์แอนีซโดยไม่พูดไม่จามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้เพิ่งจะหันมามองลูเมี่ยน
“คุณดูไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้ยาเสพติดหลอนประสาทเลยนะ”
“แล้วต้องยังไง?” ลูเมี่ยนยิ้มถาม
อ็องโตนี·รีดจ้องปาวาร์·นีซองต์ที่กำลังต่อสู้กับใจตัวเอง พลางพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“จากเท่าที่ผมเห็น คุณโน้มน้าวเขาสำเร็จ”
“ผมแค่จุดประกายความละอายใจของเขา” ลูเมี่ยนตอบเสียงเรียบ
อ็องโตนี·รีดพยักหน้าเบาๆ
“แล้วถ้าโน้มน้าวไม่สำเร็จล่ะ?”
ลูเมี่ยนยิ้ม
“ผมไม่ใช่พ่อทูนหัวของเขาสักหน่อย”
โน้มน้าวไม่สำเร็จก็ไม่สำเร็จสิ
อ็องโตนี·รีดเงียบไปสองสามวินาที แล้วหันมามองลูเมี่ยนอีกครั้ง
“วิธีที่คุณพยายามโน้มน้าวเขา แตกต่างจากนิสัยปกติของคุณพอสมควร… กำลังสวมบทบาทอยู่ใช่ไหม?”
ช่างสังเกตและมีไหวพริบดีจริงๆ … สมแล้วที่เป็น ‘ผู้ชม’ ลำดับกลาง… ถ้าเราสามารถจุดประกายไฟในใจของผู้ชมได้สักคน โอสถคงย่อยได้ดีทีเดียวเชียว… ลูเมี่ยนไตร่ตรองในใจสองสามประโยค ถือแก้วใส่ของเหลวสีเขียวระยิบระยับ มองตรงไปข้างหน้าแล้วพูดต่อ
“ก่อนหน้านี้ผมเก็บใบปลิวได้ เนื้อหาเขียนไว้ว่า ในสงครามกับราชอาณาจักรโลเอ็นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ละทิ้งหน่วยของตัวเอง จนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก”
อ็องโตนี·รีดยังคงเงียบ จิบอัปแซ็งต์แอนีซต่อไปเรื่อยๆ
ลูเมี่ยนมองเคาน์เตอร์บาร์อันว่างเปล่า
“ผมจำได้ว่าคุณเป็นโรค PTSD จากสงครามเมื่อไม่กี่ปีก่อน”
อ็องโตนี·รีดกลืนของเหลวสีเขียวลงคอไปอึกใหญ่
ลูเมี่ยนมิได้เอ่ยถึงโปสเตอร์หาเสียงจำนวนมากในห้องนักค้าข่าวรายนี้อีก เพียงมองไปทางปาวาร์·นีซองต์ที่ทำตัวหมดอาลัยตายอยาก แล้วพึมพำกับตัวเอง
“ถ้าแค่เกลียดชังฮิวจ์·อาร์ทัวส์ หลังจากได้ยินว่าเขาถูกลอบสังหาร ก็ควรจะดีใจหลุดโลก เมาหัวราน้ำอยู่ในบาร์”
“ถ้าอยากรู้เหตุผลที่ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ทำแบบนั้น อยากรู้เหตุผลที่หลังจากทำเรื่องพรรค์นั้นลงไปแล้ว กลับยังสามารถก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง สามารถลงสมัครสส. อยากรู้ว่าใครคอยหนุนหลังเขากันแน่ ก็คงต้องสืบหาเบาะแสกันต่อไป เพื่อให้ผู้ล่วงลับในเวลานั้น ได้พักผ่อนอย่างสงบอยู่ใต้ดิน”
“สำหรับเรื่องนี้ ผู้วิเศษทางการคงกำลังสืบสวนกันอยู่ แต่พวกเขามีอิสระไม่มากนัก ไม่เหมือนผู้วิเศษเถื่อนที่ไร้พันธะ”
อ็องโตนี·รีดยังคงนั่งในท่าเดิม จิบอัปแซ็งต์แอนีซเข้าไปอึกใหญ่
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“เรื่องนี้ยุ่งยากจริงๆ นั่นแหละ เต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตราย เป็นใครก็คงยอมแพ้และอยากวางมือ… ยังไงเสีย ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ก็ตายไปแล้ว ต้นตอของโศกนาฏกรรมไม่อยู่แล้ว ผู้ล่วงลับคงได้รับการปลอบโยนไม่มากก็น้อย”
อ็องโตนี·รีดหยุดดื่ม ใบหน้าอวบอิ่มวัยกลางคนยังไม่เปลี่ยนสีหน้า
ลูเมี่ยนชำเลืองมองเล็กน้อย ลดเสียงลง กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คนที่มีอาการทางจิตรุนแรง คงไปต่อในเส้นทางผู้ชมไม่ได้อีกแล้ว และถึงจะไม่พยายามเลื่อนลำดับ วันดีคืนดีก็อาจคลุ้มคลั่งกะทันหันเมื่อถูกกระตุ้นอย่างเหมาะสม จนกลายเป็นสัตว์ประหลาด… ในโลกที่นับวันยิ่งอันตรายใบนี้ สำหรับผู้วิเศษที่บกพร่องและมีปัญหาร้ายแรง เกรงว่าชีวิตอันผาสุกคงเป็นได้เพียงความหวังลมๆ แล้งๆ”
พูดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนเก็บสีหน้าของตน มองอ็องโตนี·รีดด้านข้าง ย้อนถามกลับไปเสียงเข้ม
“คุณอยากจากไปพร้อมกับความเสียดายและไม่สมหวัง รอวันกลายเป็นสัตว์ประหลาดท่ามกลางความทุกข์ระทม ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมรบในอดีต หรืออยากเสี่ยงชีวิตค้นหาความจริงต่อไป เป็นวีรบุรุษในแบบตัวเอง?”
โดยไม่หันไปมองปฏิกิริยาของอ็องโตนี·รีด ลูเมี่ยนลงจากเก้าอี้สูง หยิบแก้วอัปแซ็งต์แอนีซของตน กระดกดื่มของเหลวที่เหลือจนหมดในรวดเดียว
ถัดมา เด็กหนุ่มโน้มตัวเข้าใกล้ใบหูอ็องโตนี·รีด กระซิบกระซาบว่า
“ผมมีเอี่ยวกับการตายของฮิวจ์·อาร์ทัวส์พอสมควร”
“ทางเรากำลังตามสืบปัญหาของมันอยู่”
เมื่อเห็นอ็องโตนี·รีดตัวสั่นแผ่วเบา ลูเมี่ยนเหยียดหลังตรง เดินออกจากบาร์ใต้ดินโดยไม่หันหลังกลับ
เขากลับมาถึงห้อง 207 โดยไม่ปิดประตู แล้วเปิดโคมไฟคาร์ไบด์
เด็กหนุ่มหมุนเก้าอี้กลับ นั่งลงด้วยท่าทางสบาย มองออกไปยังทางเดินอันมืดมิด
ลูเมี่ยนรอเงียบๆ อย่างผิดวิสัย ประหนึ่งมั่นใจเสียเต็มประดา ว่าจะได้พบคนที่กำลังรอ
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไป คู่รักเริ่มทะเลาะล้งเล้งกันใหม่ บนถนนก็เริ่มมีคนเหมาโหวกเหวก
เสียงฝีเท้าที่ไม่หนักแน่นแต่แฝงความลังเลดังแว่ว ขยับเข้าใกล้ห้อง 207 ที่มีแสงจากโคมไฟลอดออกไป
มุมปากของลูเมี่ยนบรรจงยกยิ้ม เอนหลังพิงเก้าอี้ ตามองทางเดินด้านนอก
ผ่านไปไม่นาน อ็องโตนี·รีดในเสื้อเชิ้ตสีเขียวทหาร กางเกงขายาวสีเดียวกัน สวมรองเท้าบูตหนังไร้สายรัด ผมรองทรงสั้นเกรียน เดินเข้ามาในการมองเห็น
เขายืนอยู่ในจุดที่แสงโคมไฟส่องถึง มองลูเมี่ยนกำลังนั่งยิ้มอยู่หน้าโต๊ะไม้ กล้ามเนื้อบนใบหน้า ‘ผู้ชม’ รายนี้เริ่มบิดเบี้ยว
อ็องโตนี·รีดกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
“ผมรู้ว่าคุณพยายามปลุกระดม รู้ว่าคุณทำไปเพื่อสวมบทบาท แต่ว่า… ที่คุณพูดมาก็ไม่ผิด…”
อ็องโตนี·รีดในวัยกลางคน ยกมือขวากดหน้าอกซ้ายตัวเอง กล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“หลายปีมานี้ จิตวิญญาณของผมถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟแห่งความทุกข์ระทมและไม่สมหวัง”
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ หลับตาลง สัมผัสได้ว่าโอสถนักวางเพลิงย่อยไปอีกเล็กน้อย
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน พูดกับอ็องโตนี·รีดว่า
“ข้อเท็จจริงคืออาวุธโน้มน้าวที่ทรงพลังที่สุด”
หลังจากอ็องโตนี·รีดได้ระบาย ดูเหมือนเขาจะผ่อนคลายลงหลายระดับ ปราศจากความขัดแย้งและการต่อสู้ภายในจิตใจ
ผู้ชมลำดับกลางเดินเข้ามาในห้อง 207 ปิดประตูไม้ตามหลัง มองกวาดหนึ่งรอบแล้วถามไถ่
“ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ถูกพวกคุณจัดการจริงหรือ ตอนนี้สืบไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
“เชเลีย·เบลโลบนใบประกาศจับคือเพื่อนผมเอง คนแรกที่พบว่าฮิวจ์·อาร์ทัวร์ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ลัทธิเทพมารคือผม” ลูเมี่ยนตอบรวบรัด จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงใจ “ต้องขอโทษด้วย เมื่อครู่ผมโกหกคุณหนึ่งประโยค”
อ็องโตนี·รีดชะงักเล็กน้อย
“ประโยคไหน”
ลูเมี่ยนยิ้ม
“ความจริงแล้ว พวกเรายังไม่ได้เริ่มสืบหาคนหรือกลุ่มอิทธิพลที่หนุนหลังฮิวจ์·อาร์ทัวส์เลย”
…………………………………………..
.