ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 277 อบรมสั่งสอน
ตอนที่ 277 อบรมสั่งสอน
คำพูดของซูซี่ทำให้ลูเมี่ยนหัวเราะออกมา
“นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ?”
ซูซี่หัวเราะตามและกล่าว
“เป็นเรื่องดี หนึ่งในความสุขของนักจิตบำบัดทุกคน คือการเห็นคนไข้ของตนค่อยๆ ก้าวผ่านมันไปได้”
ลูเมี่ยนลองถามด้วยความสงสัย
“งั้นเราสามารถเริ่มการบำบัดขั้นต่อไปได้เลยไหม?”
“เรามาคุยกันก่อน ฉันจะได้ประเมินสภาพจิตใจของคุณ” ซูซี่มิได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลง เสียงของเธอนุ่มนวลแฝงความสงบนิ่ง
“คุยเรื่องอะไรดี?” ลูเมี่ยนเพิ่งจะเล่าประสบการณ์พักหลังให้ฟังเกือบหมดแล้ว
ซูซี่งึมงำในลำคอสองสามวินาทีก่อนกล่าว
“เกี่ยวกับสิ่งที่คุณยังคงสับสน หรือกำลังรบกวนจิตใจคุณอยู่”
ลูเมี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง
“ผมเป็น ‘ตัวซวย’ จริงหรือ? จะนำพาหายนะมาสู่คนรอบข้างจริงหรือ?”
คราวนี้ ผู้ตอบมิใช่ซูซี่ แต่เป็นสุภาพสตรีอีกท่านหนึ่ง
เธอหัวเราะด้วยเสียงใสกังวาน
“หากคนรอบข้างมีชะตาต้องพบเจอกับหายนะอยู่ก่อนแล้ว มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ แต่ถ้ามันเกิดเพราะคุณ ถ้าโชคชะตาของพวกเขาเพิ่งจะเปลี่ยนเป็นหายนะ นั่นแสดงว่าโชคชะตาทำนองนี้สามารถเปลี่ยนแปลงและกลับตาลปัตรได้”
“สิ่งที่ถูก ‘มิสเตอร์ฟูล’ ผนึกไว้ในตัวคุณ มิใช่ตัวตนเจ้าของนามชะตากรรม แต่เป็นเพียงเทวทูตในขอบเขตดังกล่าว ในสถานการณ์ที่มิอาจใช้อำนาจของตน ต้องเอาแต่พึ่งพาผู้อื่น เขาย่อมไม่มีอำนาจพอที่จะทำให้ ‘โชคชะตาที่ถูกเปลี่ยนไปแล้ว’ กลับมาเกิดขึ้นตามเดิมได้”
“หรือก็คือ ผมสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเหยื่อเหล่านั้นได้ แต่ทำพลาดไปเอง?” ลูเมี่ยนจิบเอสเปรสโซในมืออีกครั้ง เสียงของเขาแผ่วลงโดยไม่รู้ตัว
สุภาพสตรีท่านเดิมยังคงใช้น้ำเสียงเช่นเดิม
“อันดับแรก คุณต้องเข้าใจเสียก่อนว่า สิ่งที่สร้างอิทธิพลกับโชคชะตาของเหยื่อเหล่านั้น นำพาจุดจบอันน่าสังเวชมาให้พวกเขา คือพวกพ้องของเทวทูตแห่งชะตากรรมที่แฝงตัวอยู่รอบคุณ ซึ่งเป้าหมายของเขาคือผนึก คือเทอร์มีโพลอส โดยไม่เกี่ยวข้องกับคุณ”
“ปัญหาเดียวของคุณคือทำได้ไม่ดีพอ แต่ไม่มีใครสามารถทำได้ดีพอในทุกครั้งๆ หรอกนะ”
พูดถึงตรงนี้ สุภาพสตรีใช้น้ำเสียงจิกกัดตัวเอง
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ หลายปีมานี้ ฉันพยายามทำในหลายสิ่ง แต่มีหลายครั้งที่ล้มเหลว แม้กระทั่งในยามที่เจตนาดี กลับยิ่งทำให้ผู้อื่นได้รับบาดแผล ได้รับความเจ็บปวดมากขึ้น จนจิตใจของฉันถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก รู้สึกผิดมหันต์ เคยหวั่นไหว อยากหายตัวกลับเข้าไปในที่ที่ทำให้ตัวเองสงบ และไม่ออกมาอีกเลย”
“โชคดีที่ในระหว่างนั้น ฉันก็ทำสำเร็จหลายเรื่อง ช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย ยับยั้งหายนะหลายอย่าง กำจัดมลทินจำนวนมาก มันทำให้ฉันมีความมั่นใจและแรงผลักดัน ทำให้ฉันยืนหยัดในอุดมการณ์และความคิดของตัวเอง”
“ในภายหลัง ทุกครั้งที่ฉันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และมองโลกในแง่ดีกับสิ่งที่อยากทำ ฉันจะย้อนนึกถึงความผิดพลาดที่เคยก่อ และความล้มเหลวที่เคยประสบ เพื่อปลุกอสรพิษแห่งความรู้สึกผิดที่ซ่อนอยู่ในใจให้ลืมตาตื่น เตือนตัวเองว่าห้ามประมาท ห้ามใช้อัตวิสัย และห้ามดูถูกใครง่ายๆ”
“ในทำนองเดียวกัน เมื่อเริ่มท้อแท้ รู้สึกผิด และเจ็บปวด ฉันก็จะนึกถึงเหล่าคนที่ตัวเองเคยช่วยไว้ นึกถึงหายนะที่เคยยับยั้ง บอกตัวเองว่าเธอไม่ได้แย่ขนาดนั้น อุดมการณ์และความคิดของเธอยังมีด้านดีอยู่จริงๆ”
“สิ่งที่คนเราเคยประสบพบเจอในอดีต ทั้งเป็นภาระและโซ่ตรวนของเรา และเป็นสมบัติและแรงผลักดันของเราด้วย”
ลูเมี่ยนฟังอย่างตั้งใจ ค่อยๆ เผชิญหน้ากับความรู้สึกผิด ไม่กดทับมันไว้อีกต่อไป
หากเราเพียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์ หากเราเชี่ยวชาญศาสตร์เร้นลับมากกว่านี้ บางที โศกนาฏกรรมบางอย่างอาจไม่เกิดขึ้น
เราเกี่ยวข้องกับปัญหาจริง แต่สิ่งที่นำพาหายนะมาไม่ใช่ตัวเรา ทางนี้แค่ยังทำได้ไม่ดีพอ มันคือจุดอ่อนที่ต้องถูกแก้ไข ต้องถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ต้องรอบคอบและครอบคลุมให้มากขึ้นในอนาคต จะได้เพิ่มโอกาสช่วยเหลือสำเร็จ และทำให้ไอ้พวกงั่งที่จงใจสร้างความทุกข์ยากต้องลิ้มรสหายนะ…
ท่ามกลางกระแสความคิด ภาพของพ่อค้าแม่ค้า คนเดินถนน และผู้เช่าที่ร่วงหล่นจาก ‘พฤกษาเงา’ ผุดขึ้นในสมองของลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มระลึกถึงความรู้สึกขณะตนยืนมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ฟู่… เขาถอนหายใจเชื่องช้า เอนศีรษะไปข้างหลังเล็กน้อย พิงพนักโซฟาพูดว่า
“ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มหัวเราะเยาะแล้วกล่าวต่อทันที
“ไอ้เวรที่คอยช่วยเทอร์มีโพลอส คอยสร้างอิทธิพลกับโชคชะตาของผมและคนรอบข้าง มันคงคิดไม่ถึงแน่ ว่าการซ้ำเติมทุกคนด้วยความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ผมสิ้นหวัง ท้อแท้ ยอมแพ้ หรือเสียสติไป แต่ยังเป็นการช่วย ‘บำบัดจิต’ ให้ผมอย่างดี ช่วยยกระดับสภาพจิตใจขึ้นมาก”
“อยากเจอมันจริงๆ จะได้กล่าว ‘ขอบคุณ’ ต่อหน้าเสียหน่อย”
สุภาพสตรีท่านนั้นหัวเราะเบาๆ
“นี่คือเหตุผลที่ฉันคอยเน้นย้ำกับซูซี่ว่า การบำบัดจิตเป็นงานที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน หากไม่ระมัดระวัง ผลลัพธ์อาจตรงกันข้ามกับที่คาดหวัง ห้ามถือว่าตนเป็นผู้วิเศษแล้วทำตัวย่ามใจเด็ดขาด”
“อา… เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีอีกอย่างที่ฉันต้องเตือนคุณ”
“หากยังมีหลักฐานไม่เพียงพอ เราไม่ควรด่วนสรุปเจตนาปัจจุบันของอีกฝ่ายจากภาพจำและเป้าหมายเดิมของพวกเขา”
ลูเมี่ยนงงงันเล็กน้อย
“หมายความว่ายังไง?”
สุภาพสตรีท่านนั้นอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หลายคนมักถูกหลอกเพราะ ‘ตั้งธง’ ในใจว่า อีกฝ่ายเคยเป็นคนแบบใด ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม โดยไม่เผื่อใจว่านิสัยและความคิดคนเราสามารถเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ประสบการณ์ และปัจจัยภายนอก”
“ยกตัวอย่างจากเรื่องที่คุณเพิ่งพูด… มาลองคิดอีกมุมดูบ้าง บางที เพื่อนของเทอร์มีโพลอสจงใจนำพาความโชคร้ายเหล่านั้นมาให้ มิใช่เพื่อทำให้คุณสิ้นหวัง แต่เพื่อกระตุ้นคุณ ปลุกพลังภายในตัวคุณ ช่วยให้คุณก้าวออกจากกรงขังทางจิต ช่วยให้สภาพจิตใจของคุณฟื้นตัว”
“เป็นไปไม่ได้หรอก” ลูเมี่ยนแย้งทันควัน
พวกพ้องของเทอร์มีโพลอสจะใจดีขนาดนั้นเชียว?
สุภาพสตรียิ้มแล้วกล่าว
“ฉันแค่ยกตัวอย่าง ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องจริง”
“แต่ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? บางทีในตอนแรก เขาคงตั้งใจจะร่วมมือกับเทอร์มีโพลอสจริง ลองใช้สรรพวิธีเพื่อสั่นคลอนจิตใจของคุณ สร้างโอกาสให้พระองค์หลุดพ้นจากผนึก แต่ทีละเล็กละน้อย เขาอาจค้นพบว่านี่เป็นโอกาส โอกาสที่จะทำให้ตัวเองได้เป็นเทวทูต”
“เมื่อเขาได้รับพรจนถึงระดับหนึ่ง มองเห็นประตูสู่ลำดับแห่งเทวทูต เขาก็จะลงมือกับคุณ สูบพลังของเทอร์มีโพลอส หรือแม้แต่คลายผนึก ฉวยโอกาสในยามที่พระองค์อ่อนแอ กลืนกินพระองค์โดยตรงเลย”
“และเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ เขาจำเป็นต้องช่วยให้คุณอยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา สามารถชิงพลังของเทอร์มีโพลอสได้เรื่อยๆ จนพระองค์อ่อนแอลง”
“เป็นอย่างไรบ้างคะ ฟังจากมุมนี้ เขามีแรงจูงใจที่จะช่วยพัฒนาสภาพจิตใจของคุณหรือยัง?”
ลูเมี่ยนเงียบไป
ยิ่งครุ่นคิด เด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกว่า ในแง่ของธรรมชาติมนุษย์ นี่คือความเป็นไปได้ที่ไม่อาจปฏิเสธ
เว้นวรรคไปหลายวินาทีกว่าเขาจะเอ่ยปากโต้แย้ง
“แบบนี้ไม่ถือเป็นการดูหมิ่นองค์ซ่อนเร้นนามว่าชะตากรรมหรือไง?”
“พลังที่มาจากพร ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจากผู้ที่อยู่เหนือกว่าตนมาก และภาคภูมิใจที่ได้ทำตามประสงค์ของพระองค์ ยากมากที่จะเกิดความคิดในเชิงดูหมิ่น”
สุภาพสตรีท่านที่อยู่ในสถานะ ‘ล่องหนทางใจ’ หัวเราะอย่างมีเลศนัย
“องค์ซ่อนเร้นเจ้าของนามชะตากรรมเพียงแค่หวังให้มีเทวทูตใต้อาณัติพระองค์ลงมาบนผืนแผ่นดิน ส่วนจะเป็นเทอร์มีโพลอส หรือผู้รับพรคนอื่น ฉันคิดว่าพระองค์คงไม่เลือกที่รักมักที่ชัง”
ก็จริงอยู่ หากหมอนั่นกลืนกินเทอร์มีโพลอสได้ ก็จะกลายเป็นเทวทูตแห่งชะตากรรมทันที… ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นพัฒนาการที่องค์ซ่อนเร้นเจ้าของนามชะตากรรมหวังไว้ หากเทอร์มีโพลอสเสด็จเยือนสำเร็จก็แล้วไป แต่ถ้าล้มเหลว ถูกผนึกหรือชำระล้างอย่างน่าสังเวช ก็ปล่อยให้ผู้รับพรอื่นหาทางกลืนกินซากของพระองค์ เพื่อกลายเป็นเทวทูตแทน สรุปคือ มีชะตากรรมที่เทวทูตแห่งชะตากรรมต้องปรากฏตัวบนผืนพิภพ ส่วนจะเป็นใครก็อีกเรื่อง… ลูเมี่ยนใคร่ครวญไปพลางพยักหน้าเบาๆ
โดยฉับพลัน เด็กหนุ่มฉุกใจคิดได้ว่า สุภาพสตรีที่คาดว่าถือไพ่ ‘จัสติส’ ไม่เพียงแต่ฉวยโอกาสสั่งสอนตน แต่ยังส่งข้อความไปหาเทอร์มีโพลอสด้วย:
เธอกำลังสร้างช่องว่างระหว่างเทอร์มีโพลอสกับผู้ช่วย? เพื่อให้พระองค์หวาดระแวงสหายของตัวเอง?
อา… พระองค์ต้องคิดได้แน่ และในเมื่อการมีอยู่ของสหายพระองค์ถูกเปิดโปงแล้ว ทางนั้นคงไม่กล้าเคลื่อนไหวไปอีกพักใหญ่ หมดสิทธิ์สื่อสารกับพระองค์ ในช่วงเวลาเช่นนี้ มันยิ่งง่ายที่จะเกิดความระแวงระหว่างกัน
เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยหยั่งรากลึก เติบโตงอกงาม ภายหลังก็ถอนรากถอนโคนออกได้ยากแล้ว!
‘ผู้ชม’ น่ากลัวชะมัด…
ลูเมี่ยนถอนใจแล้วกล่าวอย่างสัตย์ซื่อ
“เข้าใจแล้วครับ”
สุภาพสตรีพูดยิ้มๆ
“ดังนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคนคนหนึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลง เคยเป็นเช่นไรก็ต้องเป็นอย่างนั้นไปตลอด ต้องคอยจับสังเกตต่อหน้า และพยายามเข้าใจความคิดอีกฝ่ายอยู่เสมอ”
“ผู้วิเศษคนอื่นอาจไม่ต้องคิดลึกมากนัก แต่ลำดับถัดไปของคุณคือ ‘นักวางแผน’ จำเป็นต้องฝึกฝนการวิเคราะห์ธรรมชาติของมนุษย์”
ลูเมี่ยนพยักหน้าแผ่วเบา เกิดความเข้าใจใหม่ต่อคำพูดของการ์ดเนอร์·มาร์ตินที่ว่า ‘ปีศาจคือมิตรของเรา นรกคือคนอื่น’
เด็กหนุ่มกล่าวต่อในหัวข้อเดิม พลางยิ้มไปด้วย
“ถ้าอย่างนั้น… พวกคุณคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่สหายของเทอร์มีโพลอสตั้งใจจะช่วยพัฒนาสภาพจิตใจของผมแต่แรก?”
“มีความเป็นไปได้นั้นอยู่” ซูซี่เป็นคนตอบ “แต่ถามทำไม?”
“ทำไมน่ะหรือ…” ลูเมี่ยนถามตัวเอง
สีหน้าของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนเล็กน้อย หลังเหยียดตรง สั่นเทาแผ่วเบา
“บางที… บางทีเธออาจแค่อยากช่วยผม เธออาจจะเป็น…”
สุภาพสตรีท่านที่คาดว่าเป็นผู้ถือไพ่ ‘จัสติส’ ถอนหายใจเงียบ พลางขัดจังหวะคำพูดลูเมี่ยน
“ความทรงจำของคุณคงไม่โกหกคุณหรอก”
ลูเมี่ยนถอนหายใจยาว หลังพิงพนักโซฟาอีกครั้ง
สุภาพสตรีท่านเดิมกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“แต่ในเรื่องอื่นๆ ยังพอเป็นไปได้ คนที่ตายไปแล้ว อาจมิได้ตายไปอย่างแท้จริง”
“โลกของศาสตร์เร้นลับช่างเต็มไปด้วยความพิศวง”
“ครั้งหนึ่งฉันเคยเผชิญหน้ากับสาวกเทพมารคนหนึ่ง เขาเสียชีวิตอย่างกะทันหันก่อนที่จะถูกฉันสังหาร มันบังเอิญเกินไป ฉันจึงตรวจสอบศพอย่างละเอียด ตรวจสอบโชคชะตาของเขา รวมถึงความเกี่ยวข้องทางศาสตร์เร้นลับทุกอย่าง แต่ก็ไม่พบปัญหาที่ใดเลย เขาเสียชีวิตอย่างแท้จริง ญาติและเพื่อนต่างก็เชื่ออย่างไร้ข้อกังขาว่าเขาตายไปแล้ว”
“ในภายหลัง ระหว่างที่ฉันกำลังถล่มสาขาย่อยของลัทธิเทพมาร ก็ได้พบกับเขาอีกครั้ง แต่เป็นอัตลักษณ์ใหม่ มีโชคชะตาใหม่ และความเกี่ยวข้องทางศาสตร์เร้นลับใหม่ๆ”
“ครั้งนี้ เขาถึงได้สิ้นชีพอย่างแท้จริง และฉันได้ทราบชื่อลำดับของเส้นทางเทพมารจากเขา นั่นคือ ‘ผู้ล่วงลับ’ … ‘ผู้ล่วงลับ’ ที่ใช้ความตายหลุดพ้นจากโชคชะตาเดิม”
ฟังดูคล้ายกับ ‘ศาสตร์การสลับตัว’ แต่สะดวกกว่า ไม่ต้องมากพิธี และเมื่อ ‘ผู้มาแทน’ ตายไป ตัวตนและโชคชะตาเดิมก็ดูเหมือนจะไม่หวนกลับมา… ลูเมี่ยนจับเชื่อมโยงกับอาคมพิธีกรรมหนึ่งซึ่งมากับพร ‘ภิกษุบิณฑบาต’
……………………………………………….