ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 261 หลบหนี
ตอนที่ 261 หลบหนี
กิ่งไม้และเถาวัลย์ที่ไล่ล่าลูเมี่ยนหดกลับในพริบตา ลำต้นที่คล้ายหอกพุ่งลงมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรตามต่อ
เด็กหนุ่มถอนหายใจ ระหว่างวิ่งหนีก็เงยหน้ามองข้างบน
พอดีได้เห็นว่าซูซานน่า·มาติส รวมถึงลูกบอลพืชพรรณที่รายล้อมเธอ มลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว และเห็นลำต้นหนึ่งซึ่งไม่ได้เพิ่งงอกใหม่ หักโค่นลงมาเพราะถูกไฟเผา
กำจัดได้แล้ว! ลูเมี่ยนผ่อนคลายอย่างสุดหัวใจ เลิกฝืนอดทน ปล่อยตัวทรุดลงไปกับพื้น
เปลวไฟแดงฉานที่แผดเผาเด็กหนุ่มดับวูบลง เผยให้เห็นร่างสีดำเกรียมที่แทบไม่เหมือนมนุษย์
ลูเมี่ยนกระเสือกกระสนลุกขึ้นมานั่ง หลังพิงผนังโรงแรมระกาทองที่ยังมีเถาวัลย์กับกิ่งไม้หลงเหลืออยู่มาก ดูคล้ายคนเร่ร่อนที่ถูกโลกทอดทิ้ง ตามองพฤกษาเงาต้นดังกล่าวจมลงอย่างต่อเนื่องด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
เขาเห็นเถาวัลย์กับกิ่งไม้ทั้งหมดหดกลับสู่ลำต้นหลัก เห็นผู้คนที่ถูกแขวนหลุดพ้นจากพันธนาการ หล่นลงพื้นส่งเสียงตุบตับจากตำแหน่งสูงต่ำต่างกัน
ในบรรดาสิบกว่าคนที่ถูกสูบพลังชีวิตก่อนใคร มีสามสี่คนถูกแขวนสูงเกือบสามเมตร ร่างกายอ่อนแอมากอยู่แล้ว พอตกกระแทกพื้นหนักหน่วงเช่นนี้ กว่าครึ่งก็ตายคาที่ บางคนหมดสติไปเลย อาจยังพอช่วยเหลือได้ หรืออาจไม่ทันแล้ว
เหยื่อหลายร้อยคนที่ถูกแขวนในตำแหน่งต่ำกว่า และยังไม่ถูกสูบพลังไปมากนัก ได้รับบาดเจ็บจากการตกมากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ยังสามารถผลุนผลันลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งหนีไปยังริมขอบทุ่งร้าง
กาเบรียลเจ้าของใบหน้าซีดเซียว มือเท้ามีรอยถลอก อากัปกิริยาแรกของเขามิใช่การหนี แต่โน้มตัวลงไปเก็บบทละคร ‘ผู้ไขว่คว้าแสง’ ที่กระจัดกระจายบนพื้น ส่วนคู่รักที่หนีตามกันมาและถูกแขวนไว้ข้างกัน คนหนึ่งด่าทออีกคนว่าเป็นตัวถ่วง แต่ก็ยังช่วยประคองฝ่ายที่เท้าพลิกเพราะสะดุดล้ม พากันเดินตามหลังฝูงชนที่ไหลบ่าออกไปไกล ส่วนปาวาร์·นีซองต์เจ้าของบาร์ใต้ดิน นอกจากอาการอ่อนเพลียเล็กน้อยก็ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนมาก ตั้งหน้าวิ่งพลางกอดภาพร่างที่วาดไว้เมื่อสักครู่…
ลูเมี่ยนที่ร่างกายไหม้เกรียมนั่งอยู่ริมถนน พิงหลังกับโรงแรมระกาทองซึ่งตำแหน่งอยู่ใกล้กับพฤกษาเงามาก ท้ายทอยแนบชิดกับผนังตึก เผยรอยยิ้มจางๆ ขณะมองดูกลุ่มคนค้าขาย คนเดินถนน และผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ราคาถูกรีบหนีไปยังขอบทุ่งร้างด้วยความอลหม่าน
…………
ภายในพฤกษาเงา มาดามจันทราที่เห็นว่าศึกนี้มีเทวทูตกับนักบุญเข้ามาพัวพันมากมาย โดยที่ฝ่ายตนยิ่งเสียเปรียบเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากสองศาสนจักรใหญ่และหน่วยแปดทยอยส่งกำลังเสริมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในใจจึงเกิดความคิดที่จะถอนตัว
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สองศาสนจักรใหญ่อาจวิงวอนขอให้ ‘เทพ’ เสด็จเยือนในรูปแบบที่ต่างกัน! มาดามจันทราคิดไวทำไว
เธอที่ถูกพรากพลังไปหลายชนิด ตกอยู่ภายใต้ ‘ข้อห้าม’ มากมาย ใช้มือกดส่วนนูนบนหน้าท้องพลางเปิดปาก
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อนไปทั่วมิติปิดตายแห่งนี้ ทันใดนั้น พฤกษาเงาที่มีลำต้นหลักสูงเกือบสองเมตรจากพื้นดิน เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
ร่างคนที่ก่อตัวขึ้นจากแรงกระหายเข้มข้น ซึ่งล้วนตายจากยุคสมัยปัจจุบันไปแล้ว—ยกเว้นจักรพรรดิโรซายล์—ทยอยคืนชีพขึ้นมาบนกิ่งก้านและเปลือกไม้ โดยมีหมอกจางๆ ห่อหุ้มร่างกาย
ในกลุ่มนี้มีครึ่งเทพอยู่ไม่น้อย แต่ละคนก้าวออกจาก ‘ประวัติศาสตร์’ ของตัวเองด้วยสีหน้าเฉยเมย บรรยากาศดูอึมครึมมืดหม่น
ชุบชีวิต!
มาดามจันทราอาศัยอำนาจของ ‘ทารกเทพ’ ในท้อง ราวถึงความพิเศษของพฤกษาเงา ชุบชีวิตแรงกระหายที่สั่งสมมานานนับพันปีภายในต้นไม้ ให้คืนชีพกลับมาในรูปลักษณ์เดิมชั่วคราว
แม้สิ่งนี้จะคงอยู่ไม่นาน และฝีมือของผู้คืนชีพย่อมอ่อนแอกว่าตัวจริงมาก แต่การอัญเชิญครึ่งเทพจำนวนมากมาช่วยสู้ในระยะสั้น ก็มากพอจะช่วยให้ประคองสถานการณ์ไปได้ อย่างน้อยก็สร้างความสับสนอลหม่านสุดขีด
เป็นเพราะมี ‘ทารกเทพ’ เป็นไพ่ตายในช่วงเวลาคับขัน มาดามจันทราจึงกล้าเสี่ยงทำศึกภายในนี้ตามลำพัง ไม่อย่างนั้นเธอที่แค่รับปากว่าจะช่วยปกปิดพิธีกรรมและถ่วงเวลา คงตัดหางปล่อยวัดคนของสมาคมเสียวซ่านไปนานแล้ว ไม่มัวเสี่ยงอันตรายอยู่ในละแวกใกล้เคียง
อย่างเงียบเชียบ ร่างของเหล่าผู้คืนชีพละลายหายไปในพริบตาภายใต้แสงอาทิตย์อันร้อนแรง ส่วนมาดามจันทราฉวยโอกาสดังกล่าว ถอนส่วนที่ยังไม่พังพินาศเกินไปนักของโลกอีกฝั่งกลับมา ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับมัน แล้วอันตรายหายไปจากตำแหน่ง
…………
ภายในตึกสีเหลืองดินสูงสี่ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานสส. บนถนนใหญ่ตลาด
ลูกครึ่งอิมเรไม่ได้สอบปากคำจินนาที่เป็นมือสังหารทันที แต่ให้เจ้าหน้าที่พิเศษของหน่วยเจ็ดสองคน ช่วยฆ่าเชื้อและพันแผลให้จินนาเบื้องต้นก่อน ห้ามเลือดเอาไว้ แสดงท่าทีว่าจะไม่ปล่อยให้คนร้ายบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต เพื่อสอบถามเบาะแสเพิ่มเติม ส่วนวาเลนไทน์ อ็องตวน และเจ้าหน้าที่พิเศษคนอื่น ก็คอยจับตามองและสอบปากคำแขกในงานเลี้ยงทีละคน รวมถึงคาแซนดรา โรแน และสมาชิกทีมของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ด้วย
ครืนๆ!
มีแรงสะเทือนมาจากใต้ดินอีกระลอก ผู้คนใกล้หน้าตามองเห็นส่วนมุมของถนนอลเวง ถนนไนติงเกล และถนนเสื้อนอกขาวผลุบๆ โผล่ๆ เป็นระยะ สว่างวาบวับเป็นครั้งคราว โดยมีคนของศาสนาในชุดคลุมสีขาวปักด้ายทอง ถือเครื่องไม้เครื่องมือนานาชนิดกำลังเดินเข้ามาใกล้
นั่นทำให้การสอบปากคำของอิมเร วาเลนไทน์ และคนอื่นล่าช้าลง หลังจากผ่านไปสักพัก อ็องกูแลม·เดอ·ฟรองซัวในเสื้อโค้ตกระดุมทอง ก็นำเครื่องจักรสีเทาขาวรูปร่างคล้ายคน พร้อมด้วยสมาชิกในทีมอีกจำนวนหนึ่ง และตำรวจอีกจำนวนมาก เดินเข้ามาในโถงจัดเลี้ยง
หลังจากฟังรายงานของอิมเรจบ เขากวาดสายตาไปรอบห้อง มองจินนาหนึ่งครั้ง แล้วพูดกับทราวิส·เอเวอเรตต์
“พาแขกทุกคนในงานไปที่กองบัญชาการ แยกกันสอบปากคำ”
“มือสังหารอยู่ที่นี่ก่อน ทางเราจะสอบปากคำเอง อา… คนของท่านสส. ก็เหมือนกัน มีบางเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ”
เอเวอเรตต์มิได้โต้แย้ง จัดแจงให้ตำรวจพาคนที่กำลังหวาดกลัวและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ ออกจากตึกสีเหลืองดินซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานสส.
เมื่อห้องโถงว่างเปล่า อ็องกูแลมออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่หน่วยเจ็ดสองนายที่ยืนประกบจินนาอยู่
“พามือสังหารเข้าไปในห้องพัก อย่าให้เธอได้ยินบทสนทนาของทางเรา ไม่อย่างนั้นอาจปะติดปะต่อเรื่องราวเพื่อปิดบังความจริง”
มองจินนาถูกคุมตัวเข้าห้องพักที่หันหน้าเข้าหาถนนด้านหลัง อ็องกูแลมเดินมายืนตรงหน้าคาแซนดรากับโรแน พูดเสียงเข้มว่า
“ทุกท่าน มีบางเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันสักหน่อย”
พูดถึงตรงนี้ เขาคลี่ยิ้มบนใบหน้า
“อา… ท่านสส. เสียชีวิตแล้ว ตามตัวบทกฎหมาย ท่านจะสูญเสียตำแหน่งสส. ทันที”
“หรือก็คือ พวกคุณไม่ใช่คนใกล้ชิดของสส. อีกต่อไป ไม่ได้รับสิทธิ์ยกเว้นอีกแล้ว”
“ดังนั้น ทางเราขอรับรองให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”
ได้ยินคำพูดอ็องกูแลม พวกคาแซนดราพลันหน้าถอดสีพร้อมกัน
ในห้องพัก จินนาที่จิตใจกลับมาสงบหลังจากลอบสังหารฮิวจ์·อาร์ทัวส์ ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากฝั่งโถงจัดเลี้ยง
เจ้าหน้าที่หน่วยเจ็ดสองนายที่ถือปืนเฝ้าเธออยู่ แบ่งออกไปหนึ่งคน วิ่งไปทางประตู สำรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อตระหนักว่าข้างๆ ตนเหลือเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว หัวใจของจินนาเต้นตึกตัก เกิดความคิดวูบหนึ่งทันที
สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยนฉับพลัน มองด้านหลังของเจ้าหน้าที่ด้วยสายตาประหลาดใจเจือหวาดหวั่น
เจ้าหน้าที่นายนี้แม้จะผ่านการฝึกอย่างเข้มงวด แต่ก็ด้วยเหตุนั้น เขาจึงล่วงรู้บางอย่างที่คนธรรมดาไม่ทราบ และวันนี้ย่านถนนอลเวงก็เกิดคดีเหนือธรรมชาติ ท่านสส. ยังถูกลอบสังหารอย่างเหี้ยมโหด ในห้องโถงยังเกิดการต่อสู้ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับพลังวิเศษอีก เช่นนั้นแล้วจะไม่ให้กังวลได้อย่างไร? ห้องพักอาจโดนลูกหลงไปด้วยก็ได้ หรืออาจมีตัวอะไรโผล่มาจากด้านหลังก็ได้
เขาหันหลังกลับตามสัญชาตญาณ แต่หันไปได้ครึ่งทางก็เกิดความระแวง
ทว่า สำหรับจินนาแล้ว เท่านี้ก็เพียงพอ
เธอที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่ ประสานสองมือเข้าด้วยกัน เหวี่ยงทุบใส่บ่าและคอของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเต็มแรง กระแทกจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น ปืนพกหลุดออกจากการควบคุม
โดยไม่รอให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูตอบสนอง จินนาเท้าสองมือไว้กับขอบหน้าต่าง กระโดดออกไปทันที ทะลุกระจกแตกกระจาย ลอยลงไปในตรอกด้านหลังราวกับขนนก
ถัดมา เธอกัดฟันทนความเจ็บปวดจากบาดแผลกระสุน หลบเข้าไปในมุมมืด รีบไปให้ไกลจากตึกสีเหลืองดินหลังดังกล่าว
…………
มาดามจันทราเปลี่ยนทิศทางต่อเนื่อง ใช้พลังไปสองสามหน จนในที่สุดก็เดินออกจากมิติของ ‘โลกอีกฝั่ง’
ยามนี้ เธอหนีมายังเขตเอราโตทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทรีอาร์ ด้านหน้าคือสิ่งปลูกสร้างหรูหราที่มีหลายยอดแหลมตั้งตระหง่าน รอบตึกทาด้วยสีทองอย่างท่วมท้น
มาดามจันทราตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ แล้วจึงถอนหายใจแผ่วเบา
หากมิใช่เพราะว่า ถ้าต้นไม้ปีศาจนั่นทะลวงลึกเข้าไปในยุคสมัยที่สี่ได้มากขึ้น องค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่ก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์ ใจจริงเธอไม่อยากมีส่วนร่วมในแผนการของสมาคมเสียวซ่านสักเท่าไร เพราะมันเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวจริง อย่างไรเสีย ผู้ที่ชอบควบคุมแรงกระหาย มักถูกแรงกระหายควบคุมเสียเอง มีโอกาสมิใช่น้อยที่ภารกิจจะล้มเหลว
วินาทีถัดมา มาดามจันทราเดินเข้าไปในตึกสีขาวอมครีมนั่นจากฝั่งด้านข้าง
ห่างออกไปหลายร้อยเมตร สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่กำลังนั่งยองอยู่ข้างสุภาพสตรีในชุดกระโปรงยาวสีเขียว
ทั้งสองจับจ้องทุกอิริยาบถของมาดามจันทรา จับจ้องสิ่งปลูกสร้างหรูหราหลายยอดแหลมอย่างเงียบงัน สีหน้าค่อนไปทางเคร่งขรึม
ที่นั่นคืออารามพระหฤทัย
อารามพระหฤทัยของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส
…………
ภายในทุ่งร้างที่เริ่มทรุดตัวลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อตึกรามบ้านช่องบนถนนอลเวง ถนนไนติงเกล และถนนเสื้อนอกขาว ลูเมี่ยนมองดูพฤกษาเงาที่ทรุดตัวลงใต้ดินใกล้หมดแล้ว พลางหยักปากเย้ยหยันเทอร์มีโพลอส
“สำเร็จแล้วเห็นไหม ฉันก็ไม่ได้โชคร้ายสักเท่าไรนี่”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ฟรังก้าที่ได้สติกลับแล้ว มารีบตรงเข้ามาหาเด็กหนุ่ม พูดด้วยความตกใจว่า
“นี่กำลังเล่นบทศพถูกเผาอยู่หรือไง”
เธอพูดพลางหยิบ ‘ยากรักษา’ ที่ได้มาจากแก๊งหนามพิษ เตรียมประเคนให้ลูเมี่ยนดื่มสักครึ่งขวด
ความจริงแล้วบาดแผลของเด็กหนุ่มมิได้ร้ายแรงเหมือนตาเห็น รอยไหม้เหล่านี้อาจถึงตายสำหรับผู้วิเศษลำดับกลางและต่ำ แต่ไม่ใช่กับ ‘นักวางเพลิง’ อย่างมากก็แค่นอนสักพักหนึ่งถึงสองเดือน ส่วนความเสียหายจากกระดูกหัก แรงระเบิด และการกระแทก ไม่มีอันไหนรุนแรงพอที่จะพรากชีวิต ‘นักล่า’ ได้ภายในหนึ่งวัน ขอแค่อดทนจนถึงพรุ่งนี้ ทุกอย่างก็จะกลับเป็นปกติ
แต่หากคำนึงว่าทุ่งร้างใกล้มลายหายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว พวกตนอาจต้องเร่งฝีเท้าเพื่อหลบหนีการตามล่าของผู้วิเศษทางการ ลูเมี่ยนจึงไม่ดื้อรั้น ดื่มไปครึ่งขวดรวดเดียว
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่าร่างกายกำลังฟื้นฟู
ตอนนี้ถนนแต่ละสายทยอยกลับสู่สภาพเดิม ผู้คนมากมายเริ่มหลั่งไหลเข้ามา
ฟรังก้ามองดูสภาพแวดล้อม กล่าวเสียงเร่งเร้า
“ขยับตัวพอได้ไหม เราต้องรีบเผ่นกันแล้ว”
“ได้” ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน
เด็กหนุ่มเดินไปข้างๆ สองสามก้าว ตั้งใจจะเก็บลำต้นสั้นๆ ที่ถูกเผาจนหักออกจากพฤกษาเงาก่อนจะหนีไป
เพียงเอื้อมไปจับลำต้นดังกล่าว สายตาลูเมี่ยนก็เหลือบเห็นบางสิ่ง
ในหลุมที่หลงเหลือจากการจมดินของพฤกษาเงา สิ่งมีชีวิตโปร่งแสงผลุดขึ้นมาวาบหนึ่ง
ม่านตาลูเมี่ยนเบิกกว้างทันที ราวกับไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น อยากจะมองให้ชัดเจนกว่านี้อีกสักนิด
ร่างดังกล่าวดูพร่ามัว โปร่งแสง และมีรูปร่างเหมือนกิ้งก่า!
เหมือนกับ ‘เอลฟ์น้อย’ ที่เขาเห็นในฝันยังกับแกะ!
มันคือสัตว์ประหลาดที่คลานออกจากปากโอลัวร์!
……………………………………………..