ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 259 ข่มขวัญ
ตอนที่ 259 ข่มขวัญ
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์พลันประหลาดใจเจืองุนงง เมื่อเห็นวัตถุด้ามยาวปลายแหลมที่ส่องประกายสีเงิน พุ่งตรงมาทางตน
ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ท่ามกลางการคุ้มกันระดับนี้ เขาไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครกล้าสังหารสส. อย่างตน
และฝีมือของนักลอบสังหารรายนี้ก็ดูจะไม่ได้วิเศษวิโสอะไร
แม้ว่าเขาจะเป็นทหารผ่านศึกเก่า แต่ก็ออกจากกองทัพมาห้าหกปีแล้ว เข้าสู่เวทีการเมือง ห่างเหินจากการต่อสู้ ในสถานการณ์ที่อยู่ห่างจากศัตรูเพียงหนึ่งก้าว เป็นธรรมดาที่จะหลบไม่พ้น
อย่าว่าแต่เขาเลย กระทั่งผู้วิเศษลำดับ 9 หรือแม้แต่ลำดับ 8 หากถูกนักลอบสังหาร ‘พรางตัว’ เข้ามาใกล้แล้วซัดด้วย ‘โจมตีเต็มกำลัง’ ก็น่าจะหลบไม่พ้นเช่นกัน อย่างมากก็เลี่ยงจุดตายหรือลดความเสียหายได้บางส่วน ไม่ถึงกับตายคาที่
แต่แน่นอน ผู้วิเศษลำดับ 8 หรือ 9 บางคนสามารถรับรู้ถึงอันตรายหรือจิตสังหารล่วงหน้า และไม่ปล่อยให้นักลอบสังหารเข้ามาประชิดตัวจนกระทั่งเริ่มลงมือ
เพียงพริบตา ฮิวจ์·อาร์ทัวส์หันไปมองคาแซนดราผมแดงด้วยสีหน้าหวาดผวาสุดขีด มองผู้วิเศษทางการทั้งสามคน มองลูกน้องของตน โรแน มาร์กาเร็ต และบอดัวร์
แต่สิ่งที่เขาเห็นคือ คาแซนดราถูกลูกครึ่งอิมเรบังร่างและสายตาไว้ โผล่ให้เห็นเพียงผมสีแดง เห็นผู้วิเศษทางการอย่างอิมเรและอ็องตวน มองตนด้วยสายตาเย็นชาเฉยเมย เห็นวาเลนไทน์ที่ตอบสนองทันท่วงทีแต่ก็ฝืนควบคุมตัวเองไว้ เห็นโรแน มาร์กาเร็ต และบอดัวร์ที่อยากใช้พลังวิเศษช่วย แต่ไม่กล้าเปิดเผยพรของเทพมาร
วินาทีดังกล่าว ความสิ้นหวังอันแรงกล้าที่สุด ผุดขึ้นภายในใจฮิวจ์·อาร์ทัวส์
ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!
ช่วยฉันด้วย!
เสียง ‘ปุก’ ดังขึ้น ส้อมเงินด้ามยาวแทงเข้าไปในตาขวาของฮิวจ์·อาร์ทัวส์จนมิดด้าม ประสานกับแรงส่งจากจินนา จนทะลุเบ้าตา ทะลวงเข้าไปในสมอง เหลือเพียงด้ามโผล่ออกมาไม่มากนัก
หัวสมองของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ขาวโพลนทันที
เขาอยากยื่นมือไปคว้าบางสิ่งบางอย่าง แต่กระทั่งแขนก็ยกไม่ขึ้น
ฉันยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดีเลย… ยังไม่ได้ต้อนรับการมาเยือนขององค์ผู้ยิ่งใหญ่… ยังไม่ได้รับพรแฝงบารมีเทพ… ฉันไม่อยากตายไปแบบนี้… ถูกนักลอบสังหารธรรมดาๆ ฆ่า… ฉัน… ฉันยังไม่อยากตาย… ความคิดมากมายผุดขึ้นในหัวฮิวจ์·อาร์ทัวส์ พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้น
ร่างของเขาล้มทรุดลงอย่างอ่อนแรง การมองเห็นดำดิ่งสู่ความมืด
ตุ้บ! ฮิวจ์·อาร์ทัวส์สส. เขตตลอดคนซื่อล้มลงบนพื้นห้อง หัวใจหยุดเต้น
ท่ามกลางแสงที่สว่างวาบจากฝั่งถนนอลเวง จินนาที่หลับตาอมยิ้ม ถูกเจ้าหน้าที่ของหน่วยเจ็ดยิงใส่คนละนัด
กระสุนนัดหนึ่งยิงเข้าหัวไหล่ อีกนัดเข้าซี่โครงคนละฝั่ง
ความเจ็บปวดทำให้สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนตามสัญชาตญาณ ร่างกายหดตัวไปในทิศตรงข้ามอย่างมิอาจควบคุม ราวกับจะขดเป็นก้อนกลม
หญิงสาวลืมตาขึ้นมา เห็นโรแนกับสาวกเทพมารจ้องตนด้วยความเกลียดชังเป็นล้นพ้นเจือความแตกตื่นผิดปกติ แต่ก็ไม่มีใครลงมือ
วินาทีถัดมา ปืนพกลำกล้องสีทองถูกนำมาจ่อศีรษะจินนา ลูกครึ่งอิมเรพูดพลางตะโกนไปรอบห้อง
“ผมควบคุมมือสังหารไว้แล้ว พวกคุณรีบไปดูอาการท่านสส. เร็ว ตรวจสอบว่ายังพอมีทางรอดหรือไม่ ที่เหลือคอยรักษาความสงบเอาไว้ อย่าเพิ่งให้ใครออกไปจากจุดเกิดเหตุ”
เขาแสดงท่าทีว่าจะพาจินนากลับวิหารนักบุญโรแบร์ หรือไม่ก็สอบปากคำตรงนี้เลย ถามถึงแรงจูงใจการก่อเหตุและตัวผู้บงการ ไม่ปล่อยให้พวกคาแซนดราได้แก้แค้น
…………
เมื่อพฤกษาเงาจมลง แสงจ้าก็สว่างจากภายใน ถนนที่ถูกแบ่งย่อยตามจุดต่างๆ ก็กลับคืนสภาพเดิม เพียงแต่ยังคงอยู่บนทุ่งร้าง
ลูเมี่ยนตระหนักได้ว่าซูซานน่า·มาติสมิอาจกระตุ้นแรงกระหายตนได้จากระยะไกลเหมือนก่อนหน้านี้ จึงหันหลังกลับ เตรียมจะเชือดชาร์ล็อตต์ก่อน
เปลวไฟสีแดงกำลังลุกโชนทั่วร่างเด็กหนุ่ม แผดเผาเสื้อผ้าจนดำเกรียม เผาผิวหนังจนพุพองหลายระดับ สร้างความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง
ภาวะดังกล่าวช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้ดีเยี่ยม ช่วยให้เขาตื่นตัวในระดับหนึ่ง และยังพึ่งพาความอดทนของ ‘ภิกษุบิณฑบาต’ เพื่อรักษาความคิดและการกระทำ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว
ถึงแม้จะเป็น ‘นักวางเพลิง’ แต่การเผาไหม้ระดับนี้ย่อมสร้างความเสียหาย ยิ่งนานก็ยิ่งร้ายแรง จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
แน่นอน หากเป็นก่อนหน้านี้สักระยะ พลังวิญญาณของลูเมี่ยนคงไม่เพียงพอ จนเปลวไฟดับไปก่อนจะได้ตาย
ถ้าเด็กหนุ่มไม่มีพรของ ‘ภิกษุบิณฑบาต’ ล่ะก็หลังจากผ่านศึกภายในมิติพฤกษาเงา หลังจากเผาตัวเองได้สักพัก พลังวิญญาณก็ควรต้องใกล้เหือดแห้งเต็มที
เมื่อเห็นลูเมี่ยนหันกลับมา เห็น ‘บูตแดง’ ฟรังก้าถือลูกโม่โบราณสีทองเหลือง ลื่นไถลมาตามน้ำแข็งที่กลั่นตัวบนพื้น ชาร์ล็อตต์ก็ละทิ้งความคิดที่จะลอบโจมตี เตรียมกลับไปยังพฤกษาเงาเพื่ออาศัยสภาพแวดล้อมของมัน ช่วยยกระดับอำนาจบางอย่างของตน จนสามารถรับมือกับศัตรู
ร่างของเธอกลายเป็นอ่อนนุ่มทันที ราวกับขับของเหลวบางอย่างออกมา
เธอ ‘แสดง’ เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทงู หวังใช้ประโยชน์จากความเป็นเถาวัลย์และกิ่งไม้ เพื่อเร่งความเร็วกลับไปยังต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียว
ทันใดนั้นเอง ร่างชาร์ล็อตต์พลันชะงักงัน
คล้ายกับเธอได้เผชิญหน้ากับมังกรยักษ์ เผชิญหน้ากับนักล่าบนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่อาจยับยั้งความหวาดกลัวและสั่นสะท้านที่มีบ่อเกิดจากวิญญาณ
หญิงสาววิ่งวนไปมารอบตำแหน่งปัจจุบันอย่างไร้แก่นสาร ราวกับพยายามหลบหนีศัตรูที่มองไม่เห็น
ไม่ไกลจากเธอ บนเถาวัลย์และกิ่งไม้ที่แขวนผู้เช่าของโรงแรมระกาทองไว้ นักค้าข่าวอ็องโตนี·รีด ก้าวออกจากด้านหลังเสาไฟริมถนนสีเหล็กดำ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเขา กลายเป็นสีทองอ่อนมาได้สักพักแล้ว มิหนำซ้ำรูม่านตายังกลายเป็นทรงรีแนวตั้ง
ชายคนนี้คือ ‘นักจิตบำบัด’ ลำดับ 7 แห่งเส้นทาง ‘ผู้ชม’
เมื่อสักครู่คือพลัง ‘ข่มขวัญ’!
ในยุคโบราณกาลเมื่อนานนม พลังชนิดนี้จะถูกเรียกว่า ‘มังกรข่มขวัญ’!
เถาวัลย์กับกิ่งไม้สีน้ำตาลอมเขียวรอบอ็องโตนี·รีด ซึ่งอยู่ในบงการของซูซานน่า แทบที่จะเคลื่อนไหวตามเจตจำนงของพฤกษาเงา กลับได้รับอิทธิพลจากความหวาดกลัว เอาแต่หลบลี้โดยไม่ยอมเข้าใกล้
เมื่อเห็นว่าชาร์ล็อตต์กำลังแตกตื่น จิตใจสับสนอลหม่าน หลบการโจมตีของลูเมี่ยนไม่พ้นแน่ ซูซานน่าที่เร่งสูบพลังชีวิตอย่างบ้าคลั่งพลันหรี่ตาลง เอ่ยปากสาปแช่งอย่างเกรี้ยวกราดโดยไม่สงวนกิริยา
“พวกแกทุกคนต้องตาย… ต้องตายภายในวันนี้!”
ฟิ้วๆๆ! บนพฤกษาเงา ลำต้นใหม่ที่งอกออกจากส่วนหลัก พุ่งใส่ลูเมี่ยนดุจดังคมหอก หวังเจาะทะลวงร่างกายเด็กหนุ่ม เสียบประจานอยู่ท่ามกลางทุ่งร้าง
นอกจากพลังของ ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ แล้ว ซูซานน่า·มาติสยังไม่ฟื้นตัวถึงระดับที่สามารถเล่นงานเป้าหมายไกลๆ หลายสิบถึงเกือบร้อยเมตรได้
ลูเมี่ยนอ่านทางออกนานแล้ว จึงกลิ้งตัวหนึ่งครั้ง พาตัวเองเข้าสู่อาณาเขตที่ชาร์ล็อตต์กำลังวิ่งพล่าน
เสียงปักๆๆ ดังขึ้น หอกลำต้นเหล่านั้นปักลงพื้นไม่ไกลจากเด็กหนุ่ม บรรยากาศดุจดังค้อนเหล็กทุบใส่ทุ่งร้างอย่างหนักหน่วง
ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเปลวไฟสีแดงเพลิง กางสองแขนออกเล็กน้อย หัวเราะเสียงดังพูดว่า
“ก็ลองดูสิ ฆ่าฉันสิ!”
หากซูซานน่าโจมตีบริเวณนี้ซ้ำจนครบถ้วน เด็กหนุ่มยังพอหาทางหลบหนีได้ แต่ชาร์ล็อตต์ที่กำลังสติแตกไม่รอดแน่นอน!
พร้อมกับเสียงตะโกน ด้านหลังของลูเมี่ยนก็เต็มไปด้วยฝูงอีกาไฟมายา ลอยเวียนวนไปมา ร่อนไปตามวงโคจรสองสามรูปแบบ ตรงเป้าอยู่กับชาร์ล็อตต์·คัลวิโน
กิ่งไม้กับเถาวัลย์พลันผงาดขึ้นจากพื้น ห่อหุ้มชาร์ล็อตต์ในพริบตา ปกป้องเธอไว้ข้างใน
เกิดเสียงอึกทึกอย่างต่อเนื่อง อีกาสีแดงกระหน่ำพุ่งชนชาร์ล็อตต์ ระเบิดกิ่งไม้จนแหลกละเอียด จุดไฟเผาเถาวัลย์ ปอกเปลือกของ ‘นักแสดง’ ออกทีละชั้น
ปัง!
ฟรังก้าที่ย่นระยะห่างเข้ามาใกล้ ยกมือขวาในจังหวะเหมาะเจาะ กดไกปืนอย่างเลือดเย็น
กระสุนสีดำหนึ่งนัดพุ่งออกจากปากกระบอกลูกโม่ทองเหลืองทรงโบราณ อาศัยช่องโหว่ที่ฝูงอีกาไฟเปิดไว้ ทะลวงศีรษะของชาร์ล็อตต์อย่างแม่นยำ
ใบหน้าอันสะสวยใสซื่อนั่น ระเบิดกระจายกลายเป็นสี่ห้าส่วนในพริบตา ดวงตา จมูก และปาก พร้อมด้วยของเหลวสีแดงหรือขาว สาดกระเซ็นไปทุกสารทิศ
ศพที่เหลือแต่ซากศีรษะร่องแร่งวิ่งอย่างสับสนอีกสองสามก้าว จนในที่สุดก็ล้มลง
“ตายไปซะ!” ซูซานน่าคำรามต่ำ
พร้อมกับประโยคดังกล่าว กิ่งไม้สีน้ำตาล เถาวัลย์สีเขียว กิ่งก้านหนาใหญ่ ดอกไม้สีซีดมากมาย ล้วนพุ่งเข้าใส่ลูเมี่ยน ฟรังก้า และอ็องโตนีในรูปแบบต่างๆ อย่างท่วมท้น
แม้ฉากนี้จะถูกน่าพรั่นพรึงเหนือธรรมดา แต่ลูเมี่ยนกลับไม่รู้สึกถึงอันตราย
ตราบใดที่ซูซานน่า·มาติสยังฟื้นตัวไม่ถึงจุดหนึ่ง การโจมตีที่ดูจะสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมหาศาลเช่นนี้ เป็นไม่มากไปกว่าการแสร้งทำ
ลูเมี่ยนเริ่มวิ่งอีกครั้ง พร้อมกับเปลวไฟแดงเพลิงที่เผาผลาญเนื้อหนังของตน พุ่งเข้าไปในฉากที่เหมือนป่าดึกดำบรรพ์
เถาวัลย์ติดไฟลุกไหม้ ดอกไม้ก็ไม่ต่างกัน กิ่งไม้ถูกรมควัน ลำต้นถูกหลบเลี่ยง ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งศัตรูที่กำลังเข้าใกล้พฤกษาเงา
เพียงพริบตา ทุกสิ่งหดกลับไป พาเหล่าผู้คนที่ถูกแขวน กลับไปใกล้พฤกษาเงาด้วยเช่นกัน
ซูซานน่าค้นพบว่า ตนไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังไปกับการระบายโทสะ สู้รอให้เหยื่อทั้งสามเข้ามาใกล้เอง เป็นระยะที่แรงกระหายสามารถออกฤทธิ์ แล้วค่อยใช้พลังที่ถนัดจัดการอีกฝ่าย
เธอหงุดหงิดกับความอ่อนแอในปัจจุบันอย่างยิ่ง มันคือหนึ่งในสาเหตุที่ยังไม่ท่องคาถาเพื่อขอความช่วยเหลือ
หากยังดึงเครื่องเซ่นเข้าไปในพฤกษาเงาไม่ได้ เทพหายนะก็จะไม่ปรากฏตัวที่กรุงทรีอาร์ แง่หนึ่งซูซานน่าก็มั่นใจว่าตนจะทำสำเร็จ อีกแง่หนึ่งก็อยากดำเนินพิธีกรรมสังเวยให้ถึงระดับหนึ่งเสียก่อน รอให้ได้รับการคุ้มครองบางส่วนจากพิธี จึงค่อยผสานร่างกับพฤกษาเงาเพื่อรับมือกับผลข้างเคียงของเทพหายนะ
เทพหายนะผู้นี้บ้าคลั่งผิดวิสัย ไม่เคยระงับมลทินของตนที่สามารถเบียดเบียนลูกน้อง
ส่วนมาดามจันทราก็เพียงสัญญาว่า จะช่วยถ่วงเวลาผู้ที่อาจมาทำลายพิธีกรรมไว้สักระยะ ซูซานน่าเองก็ไม่กล้าให้สาวกเทพมารองค์อื่นเข้ามายุ่มย่ามในพฤกษาเงา
ตุบๆๆ ลูเมี่ยนวิ่งผ่านทุ่งร้างอันว่างเปล่าและถนนที่ชำรุดอย่างว่องไว มุ่งหน้าสู่ต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียว ฟรังก้ากับอ็องโตนีต่างก็เลือกจุดบุกคนละตำแหน่ง ตามมาจากทิศทางที่ต่างออกไป
กลุ่มคนค้าขาย คนเดินถนน และผู้เช่าที่โชคดียังไม่ถูกกิ่งไม้กับเถาวัลย์จับแขวน ก็ถือโอกาสนี้หลบหนีไปยังริมขอบทุ่งร้าง
…………………………………………………