ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 254 น้ำหนักของประวัติศาสตร์
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 254 น้ำหนักของประวัติศาสตร์
ตอนที่ 254 น้ำหนักของประวัติศาสตร์
ฟรังก้ากุมไพ่ ‘จัดจ์เมนต์’ เอาไว้ในมือ พึมพำเป็นภาษาเฮอร์มิส:
“อัญเชิญการพิพากษา!”
ไพ่ทาโรต์ที่ดูธรรมดาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แต่เพียงไม่กี่วินาทีถัดมา โรงแรมระกาทองก็ส่ายไหวอย่างชัดเจน
กิ่งไม้สีน้ำตาลอมเขียว และเถาวัลย์สีเขียวอ่อนที่ปกคลุมอาคารหดตัวลงมาก ราวกับกำลังหวาดกลัวบางสิ่ง
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ฟรังก้ามองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างได้มากขึ้น มองเห็นท้องฟ้าที่เชื่อมต่อกับเรือนยอดไม้อันเลือนราง ก้อนเมฆคล้ายเผชิญกับพายุบุแคม ถูกพัดพาให้ไหลไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อทิศทางลมเปลี่ยน เมฆขาวนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นวงก้นหอยใหญ่ ทอดยาวลงมายังเบื้องล่าง ยืดออกเป็นดาบลมขนาดยักษ์ที่แหวกผ่านฟ้าดิน
ดาบยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมา ร่างของใครบางคนยืนอย่างมั่นคงอยู่กลางถนนอลเวง
เป็นหญิงสาวผมสีบลอนด์ยาวถึงไหล่ สวมชุดฝึกอัศวินสีเทาขาวแบบดั้งเดิม
เธอสูงกว่าเมตรห้าสิบ ใบหน้าละเอียดอ่อน คิ้วและดวงตาอ่อนโยน แต่แฝงด้วยเอกลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนยอมจำนนและเชื่อฟัง
ถนนอลเวงที่เธอยืนอยู่นั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อาคารโดยรอบ ถนนที่ไม่ค่อยกว้าง และคนค้าขายที่ตกอยู่ในความปรารถนาต่างๆ กันไป ถูกแบ่งแยกเป็นหลายส่วน กระจัดกระจายอยู่ตามทุ่งร้างพิสดาร ปะปนกับถนนเส้นอื่น
ระหว่างพวกมันคือรากไม้จำนวนมากที่ขดเป็นปม โผล่ขึ้นจากใต้ดิน มีต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียวเป็นจุดศูนย์กลาง กระจายออกไปหลายชั้น ยิ่งใกล้ศูนย์กลางยิ่งหนาแน่น
เป็นเพราะการมีอยู่ของทุ่งร้างแปลกประหลาดนี้เอง ผู้คนภายนอกจึงไม่พบความผิดปกติของถนนสองสามสายที่ถูกต้นไม้ยักษ์ยึดครอง!
เมื่อเห็นมาดามผมบลอนด์ร่างเล็กแต่ทรงอำนาจมาถึง ฟรังก้าถอนหายใจอย่างโล่งอก
เธอกุมไพ่ ‘จัดจ์เมนต์’ และ ‘สองถ้วย’ เอาไว้ในมือ อุทานออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ!”
“มาดามจัดจ์เมนต์จงเจริญ!”
เจ้าของนาม ‘มาดามจัดจ์เมนต์’ เพิ่งจะลงจอด ก็มองไปทางด้านข้างต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียวทันที ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ ตรงนั้นมีรถม้าเปิดประทุนสีแดงเข้มแบบเปลเด็กจอดอยู่ สิ่งมีชีวิตร่างสูงใหญ่สองตัวคอยทำหน้าที่ลากจูง พวกมันมีเขาแกะ ตัวดำสนิท ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีมืด สงสัยว่าน่าจะเป็นปีศาจ
ในรถม้าคือสุภาพสตรีสวมผ้าคลุมหน้าสีอ่อน แต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวสีขาวหลวมๆ หน้าท้องนูนเล็กน้อย ทั่วร่างกายเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งมารดา
มาดามจันทรา!
ทุ่งร้างแปลกประหลาดคือ ‘โลกอีกฝั่ง’ ของเธอ!
มาดามจันทรา… มุดออกจากรูหนูจริงๆ ด้วย… ดวงตาของมาดามผมบลอนด์เจ้าของโค้ดเนม ‘จัดจ์เมนต์’ พร่ามัวในพริบตา คล้ายถูกย้อมด้วยสีทองอร่าม
อาศัยสิ่งนี้ เธอมองเห็นพลังวิเศษกำลังพันเกี่ยวกับสุภาพสตรีบนรถม้า โดยมีสีสันและสถานะแตกต่างกันไป
“ลิดรอน!” เสียงสง่าผ่าเผยดังผ่านริมฝีปากของมาดามจัดจ์เมนต์
เป็นศัพท์ภาษาเฮอร์มิสโบราณคำหนึ่ง
เมื่อผนวกกับการเคลื่อนไหวเรียบง่ายของมือขวา อำนาจในการขยายพันธุ์และตั้งครรภ์ของมาดามจันทรา ได้ถูกลิดรอนไปชั่วคราว
ต่อมา มาดามจัดจ์เมนต์โน้มตัวไปข้างหน้า ผลักฝ่ามือไปด้านหน้า ประกาศอีกครั้งเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณว่า:
“เนรเทศ!”
ท่ามกลางเสียงอื้ออึง มวลพลังปริมาณมหาศาลที่มองไม่เห็น ม้วนตัวเป็นเกลียวพายุบุแคมอันน่าพรั่นพรึง พัดเสียงหวีดหวิวเข้าใส่เบื้องหน้ามาดามจันทรา
พวกมันไม่สนใจระยะทาง ดุจดังก่อกำเนิดขึ้น ณ ตำแหน่งรถม้า
ริมฝีปากสีแดงสดที่พอแลเห็นใต้ผ้าคลุมหน้าของมาดามจันทรา เผยอออกทันใด ทำท่าสูดลมหายใจเข้า
พายุหมุนที่ดูเกินจริงประหนึ่งกระชากอาคารได้ทั้งหลัง ราวกับในที่สุดก็พบทางระบายในภาชนะปิดสนิท แย่งกันไหลทะลักเข้าไปในปากมาดามจันทรา ไหลเวียนเข้าไปในร่างของเธอ
เพียงเสี้ยววินาที พายุหมุนก็มลายหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย ถูกมาดามจันทรากลืนเข้าไปทั้งหมด
เธอแผ่รัศมีแห่งมารดาอย่างท่วมท้น ยื่นมือขวาออกมา ลูบท้องที่ป่องนูนอย่างทะนุถนอม
………
ในโลกที่มีท้องฟ้าสีครามกับเมฆขาวดุจดังภาพสีน้ำมัน รวมถึงพื้นดินที่เต็มไปด้วยรากไม้ขดปม
ลูเมี่ยนเห็นซูซานน่า·มาติสในตำแหน่งเรือนยอดไม้ สบตากันครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เปลี่ยนให้อาณาเขตรอบตัวกลายเป็นฝูงอีกาไฟสีแดงฉานกึ่งมายา
อีกาไฟฝูงดังกล่าวร่อนวนขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ไม่ว่าจะบินไปทางใด ก็ไม่อาจไปถึงเรือนยอดไม้ที่เลือนรางได้ ทำได้แค่เข้าใกล้ แต่ไม่สามารถสัมผัส
พวกมันตกลงบนลำต้นสีน้ำตาลอมเขียว เผาเป็นรอยไหม้ดำจ้ำ
เมื่อลูเมี่ยนเห็นแบบนั้น ก็รีบเปลี่ยนเป้าหมายโจมตี
เด็กหนุ่มได้ทราบก่อนแล้วว่า เปลวไฟสามารถทำร้ายวัตถุประหลาดนามว่า ‘พฤกษาเงา’ ได้ระดับหนึ่ง!
ลูกไฟสีแดงฉานก่อตัวขึ้นทีละนิด ส่งเสียงดังสนั่นพุ่งชนกิ่งก้านของต้นไม้ยักษ์ แต่ก็ทำได้เพียงสร้างรอยไหม้ มิได้สร้างผลลัพธ์ที่ประจักษ์ชัดกว่านั้น
ลูเมี่ยนแน่นิ่งไปชั่วคราว ถือโอกาสที่ซูซานน่า·มาติสยังยุ่งอยู่กับบางสิ่ง ส่วนชาร์ล็อตต์·คัลวิโนยังไม่ฟื้นตัวจากแผลไฟไหม้คราวก่อน เหมือนหลบอยู่ในฉากเลือนรางสักฉาก เด็กหนุ่มบีบอัดเปลวไฟสีแดงฉานในอุ้งมือให้ยิ่งเข้มข้น จนกระทั่งกลายเป็นก้อนกลมสีขาวโชติช่วงขนาดเท่ากำปั้น
บึ้ม!
เสียงระเบิดที่เกิดจากลูกไฟสีขาวโชติช่วง ฟังดูหนักหน่วงกว่าเมื่อครู่หลายเท่า แต่พฤกษาเงากลับยังไม่หลุดแม้แต่เปลือก มีเพียงรอยไหม้สีดำที่ใหญ่ขึ้น และดอกไม้ยักษ์สีซีดม้วนงอเข้าหากันเล็กน้อย เป็นหลักฐานว่ากระแสเปลวไฟสีขาวโชติช่วงมิใช่ภาพลวงตา
ลูเมี่ยนทำเคร่งขรึมทันที ใช้เวลาสักพักให้เปลวไฟสีขาวโชติช่วงลุกโชนขึ้นบนอุ้งมือ พันรอบจนกลายเป็นหอกยาว
เด็กหนุ่มซัดหอกยาวใส่ต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียว เห็นรอยจมเท่าหัวเข็มหมุดฝังอยู่บนเปลือกไม้สีดำ จากนั้นก็แตกสลายเป็นกระแสเปลวไฟ กระจัดกระจายไปตามจุดต่างๆ ของต้นไม้
ได้เห็นฉากดังกล่าว ลูเมี่ยนพลันแน่นหน้าอก นึกถึงประโยคหนึ่งที่พี่สาวมักใช้เปรียบเปรยคนที่ประเมินกำลังตัวเองสูงเกินไป จนกระทำในสิ่งที่โง่เขลา:
ความร้อนรน กระวนกระวาย และหวาดกลัวในใจทำให้ลูเมี่ยนกระหน่ำหมัดทั้งสองข้าง
กำปั้นของเด็กหนุ่มถูกหุ้มด้วยเปลวไฟสีแดงฉาน
ในทุกการโจมตีที่ปะทะกับต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียว แสงไฟสายหนึ่งคอยแทรกซึมเข้าไป
อัดไฟ!
ลูเมี่ยนไม่ฝืนเจาะเปลือกแข็งของ ‘พฤกษาเงา’ แต่จ้องเล่นงานแก่นไม้โดยตรง
ปังปังปัง!
หมัดเพลิงของลูเมี่ยนกระหน่ำใส่ลำต้นของไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียวโดยไม่หยุดพัก เหมือนต้องการอัดไฟทั้งหมดที่สะสมอยู่ในร่างกายเข้าไปข้างใน
ปังปังปัง! หลังจากโจมตีอย่างบ้าคลั่งหนึ่งยกใหญ่ เด็กหนุ่มชักหมัดกลับ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
บึ้ม!
เสียงระเบิดทึบที่ดังมาจากภายในลำต้น เปลือกไม้ส่วนที่ดำไหม้อยู่แล้ว พร้อมกับแสงไฟ ในที่สุดก็หลุดลอกออกมา
มันกลายเป็นพร่ามัวอย่างฉับพลัน กลายเป็นฝ้าฟาง เหมือนความฝันแสนหวานยามอดีตกาลถูกจุดจนส่องสว่าง
ลูเมี่ยนเผลอไผลไปชั่วขณะ เหมือนกลายเป็นชายหนุ่มในฝันหวานนั่น กำลังมีช่วงเวลาเร่าร้อนกับสุภาพสตรีในชุดกระโปรงยาวหรูหรา แต่มิได้ถอดหมด เพียงเลิกชายกระโปรงขึ้น
ความรู้สึกแปลกใหม่ดังกล่าว มอบสัมผัสที่เหมือนจริงยิ่งนัก ราวกับเป็นเหตุการณ์จริง ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนกำลังประสบด้วยตนเอง
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มเจ็บแปลบแถวข้อเท้า สติกลับมากระจ่างในบันดล แลเห็นกิ่งไม้และเถาวัลย์มากมายแผ่ขยายเข้ามาทุกทิศทุกทาง บางส่วนพันรอบเท้าทั้งสองข้างหลายชั้น หนามทะลวงผ่านเสื้อคลุมสีเลือดอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งจิกเข้าสู่ผิวหนัง สูบเลือดออกไป
ลูเมี่ยนครางออกมาหนึ่งเสียง พลังงานสีแดงฉานพวยพุ่งจากร่างกายหลายระลอก ก่อตัวเป็นอาภรณ์เพลิงโอ่อ่าคลุมทับร่างที่หุ้มด้วยเสื้อเลือดเนื้อ
เสียงดังกรอบแกรบ กิ่งไม้และเถาวัลย์รอบๆ ถูกแผดเผาจนลุกโชน พริบตาเดียวก็กลายเป็นกิ่งไม้แห้ง เป็นถ่านและเถ้าถ่าน
ลูเมี่ยนฉวยโอกาสเอาตัวรอด กระโดดไปด้านข้าง เพ่งมองบาดแผลล่าสุดที่ตนเพิ่งสร้างขึ้น
ในการมองเห็นของเด็กหนุ่ม ตรงจุดนั้นยังคงเป็นเปลือกไม้สีน้ำตาลอมเขียว เพียงแต่เมื่อเทียบกับรอบๆ แล้วมันบุ๋มลึกเข้าไปด้านในมากกว่า
ใต้เปลือกไม้ก็ยังคงเป็นเปลือกไม้อยู่!
รูม่านตาลูเมี่ยนเบิกโพลงทันที เริ่มเข้าใจภาพรวมได้บ้างแล้ว:
ต้น ‘พฤกษาเงา’ ได้รับการบำรุงเลี้ยงด้วยแรงกระหายที่เกินพอดีในปริมาณนับไม่ถ้วนตลอดช่วงเวลากว่าพันปีของกรุงทรีอาร์ เปลือกไม้แต่ละชั้นอาจสอดคล้องกับกิจกรรมของมนุษย์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซ้อนทับกันหลายชั้น มีทั้งน้ำหนักของประวัติศาสตร์ และความลึกลับของจิตใจมนุษย์
โดยสรุปแล้วก็คือ หากลูเมี่ยนคิดจะทำลาย ‘พฤกษาเงา’ ต้นนี้ ก็ต้องลิ้มรสกับแรงกระหายนับไม่ถ้วนที่สั่งสมมาตลอดพันปี โดยที่เมื่อสักครู่ เขาเพิ่งโจมตีไปอย่างสุดกำลัง แต่กลับทำลายได้เพียงหนึ่งส่วน จากสักแปดสิบล้านหรือหลายร้อยล้านส่วน
แล้วจะเอาอะไรไปชนะ!
จนถึงตอนนี้ ลูเมี่ยนเพิ่งพบจุดบอดในการกระทำของตนเมื่อสักครู่:
เขากลับเอาแต่หมกมุ่นโจมตี ‘พฤกษาเงา’ โดยไม่ไปไหน แทนที่จะมองหาวิธีพาตัวเองออกจากมิติ
หลังจากสบตากับซูซานน่า·มาติส สมองของเด็กหนุ่มก็ถูกความกลัว กระวนกระวาย และร้อนรนครอบงำ!
ถึงว่าซูซานน่า·มาติสปล่อยให้เราลงมือ… ถึงว่าชาร์ล็อตต์·คัลวิโนไม่ฝืนออกมาขัดขวางทั้งที่ยังบาดเจ็บ… แม้ลูเมี่ยนจะคอยระวัง ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ หรือ ‘นักแสดง’ ที่สามารถกระตุ้นแรงกระหายและอารมณ์ของตนอยู่ตลอด แต่กลับยังได้รับอิทธิพลโดยไม่รู้ตัว
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นใหม่ แหงนมองไปด้านบน เห็นซูซานน่า·มาติสที่ถูกห่อหุ้มด้วยผมยาวสีเขียวอ่อน คอยเปลี่ยนตำแหน่งไปมาบนเรือนยอดไม้อย่างเลือนราง ท่องคาถาประหลาด ส่วนชาร์ล็อตต์·คัลวิโนกลับไปอยู่ในสภาพเดิม เดินเตร็ดเตร่จากฉากเลือนรางหนึ่งไปอีกฉากหนึ่ง โดยเสื้อผ้าบนตัว ทรงผมบนศีรษะ และการแต่งหน้าเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุคสมัย ดูเหมือนว่าไม่ได้ทำไปเพียงเพราะเป็นการแสดง
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนรู้สึกหน้ามืดกะทันหัน พบว่าพลังกายของตนกำลังเหือดหาย
ประสบการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน แต่เขาเคยมอบมันให้ผู้อื่น
ยาหลอนประสาท ผลิตภัณฑ์ของสมาคมเสียวซ่าน!
ลูเมี่ยนผู้ชำนาญการสังเกตสภาพแวดล้อม รีบหยิบเกลือดมวิเศษออกมาทันที พลางตรึงสายตาไว้กับดอกไม้ยักษ์สีซีดจำนวนมากบนต้นไม้สีน้ำตาลอมเขียว
เด็กหนุ่มสงสัยว่าแก๊สที่ทำให้หมดสติ ถูกปล่อยออกมาจากพวกมัน!
ฮัดชิ้ว!
เสียงจามดังขึ้น ลูเมี่ยนหมุนตัวกลับ เตรียมถอยห่างจาก ‘พฤกษาเงา’
แม้กระทั่งตอนนี้ มิสเตอร์ K ก็ยังไม่ปรากฏตัว
วินาทีถัดมา รากไม้จำนวนมากผงาดจากใต้ดินอย่างบ้าคลั่ง ก่อตัวเป็นรั้วไม้สูงกว่าสิบเมตรรอบต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลอมเขียว ขวางเส้นทางหลบหนีของลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มหยุดฝีเท้า หันหลังกลับไปมอง แลเห็นลำต้น กิ่งก้าน และรากไม้จำนวนมากของ ‘พฤกษาเงา’ ปรากฏรอยแยกนับไม่ถ้วน บางรอยงอกเงยดอกไม้สีซีดชุ่มฉ่ำ บางรอยดูเหมือนปากยักษ์มืดดำเปียกเยิ้มด้วยน้ำเมือก กำลังยืดยาวเข้าหาตนอย่างรวดเร็ว
จ้องมองอยู่เพียงวินาทีเดียว ลูเมี่ยนที่หมดสิ้นทางหนี หยักมุมปากขึ้น
เขายื่นมือขวาออกมา กดลงบนหน้าอกด้านซ้าย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน
“เทอร์มีโพลอสเอ๋ย พวกเธอดูแคลนแกถึงเพียงนี้ ถึงกับคิดจะใช้แกเป็นเครื่องเซ่น”
…………………………………………………….