ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 244 แดงกับดำ
ตอนที่ 244 แดงกับดำ
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูที่ค่อนข้างร้อนรน ดังก้องภายในห้องทำงาน
เสียงอ่อนแรงและเฉยเมยดังสนอง
“เชิญครับ”
ลูเมี่ยนหมุนลูกบิด ผลักประตูสีแดงเลือดหมูเข้าไป แลเห็นชายหนุ่มผิวซีดผอมบาง
อีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน เสื้อกั๊กสีดำ และเสื้อนอกสีเข้ม ยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานตัวใหญ่ กำลังมองมาทางประตู
เมื่อพบว่าผู้มาเยือนคือโบโน·โกลด์ไวร์ ผู้ช่วยเลขานุการนามว่าทิบอลต์·ฌัก หัวเราะแผ่วเบา
“อย่าได้กังวลไป ความเสื่อมถอยเป็นโชคชะตาของทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะมนุษย์หรือองค์กร และเมื่อเริ่มเสื่อมถอยแล้ว มันมักจะตามมาด้วยปัญหา…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นลูเมี่ยนย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นก็พลันเกิดความระแวดระวัง เอ่ยถามออกมา
“คุณจะทำอะไร…”
ปัง! ลูเมี่ยนชกหมัดออกไป พร้อมกับเปลวไฟสีแดงฉานที่ลุกโชน
การกระทำนี้ขัดจังหวะคำพูดของทิบอลต์ บังคับให้เขายกมือขึ้นตามสัญชาตญาณ ใช้ท่อนแขนรับหมัดดังกล่าวไว้
แสงไฟสว่างวูบหนึ่งแล้วจางหายไป เผาแขนเสื้อของเขาจนดำ
ในขณะเดียวกัน ทิบอลต์ได้ยินเสียงเย้ยหยันเสียเต็มที่
“อ่อนแอขนาดนี้เชียว?”
แผนเดิมของลูเมี่ยนคือ ใช้เปลวไฟหุ้มหมัดเพื่อโจมตีศัตรูอย่างเงียบเชียบ เพื่อมิให้ถูกพนักงานละแวกใกล้เคียงพบความผิดปกติ จากนั้นฉวยโอกาสชุลมุนชักปรอทเสื่อมทรามออกมา สร้างแผลให้ศัตรู แล้วก่อนที่เป้าหมายจะได้สติ ก็ปรี่ผ่านตัวเหยื่อไป หลบหนีออกจากตึกสีดินเหลือง ที่ตั้งของสำนักงานสมาชิกสภาผ่านทางระเบียง
ในกระบวนการดังกล่าว เด็กหนุ่มสามารถใช้กลยุทธ์อย่างลูกไฟ ‘วิชาอีกาเพลิง’ เพื่อถ่วงเวลาศัตรู แม้จะต้องยอมเจ็บตัวบ้าง แต่ก็ต้องหนีไปให้ถึงตรอกเล็กๆ ใกล้เคียง มุดลงใต้ทรีอาร์ให้ทันเวลา ก่อนที่บอดี้การ์ดของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ และสมาชิกทีมหาเสียงอย่างมาดามผมแดงจะไหวตัวทัน อย่างไรเสีย ‘เกราะ’ ที่สร้างจากเปลวไฟสามารถเผาทำลายจุลชีพก่อโรคได้อยู่แล้ว ในกรณีที่สัมผัสไม่นาน ลูเมี่ยนคงไม่ได้รับเชื้อโรคร้ายแรง แม้ร่างกายจะบกพร่องไปบ้าง แต่อาการก็คงไม่หนัก เพียงพอให้อดทนไปจนถึงหกโมงเช้า
แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ยังสามารถไปหาฟรังก้า ยืมยารักษาครึ่งขวดได้
คำนึงจากร่างกายโทรมๆ ของคนเก็บขยะรูเอล แม้จะสัมผัสกับเสมหะโรคร้ายไปแล้ว ก็ยังใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมงกว่าจะป่วย ลูเมี่ยนเชื่อว่าตนยิ่งไม่มีปัญหา
แต่นั่นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เสมหะดังกล่าวคือ ‘ท่าเก่ง’ ของทิบอลต์แล้ว ขอเพียงอีกฝ่ายไม่สามารถสร้างโรคร้ายที่ออกฤทธิ์รุนแรงภายในหนึ่งถึงสองนาที ลูเมี่ยนก็สามารถใช้เปลวไฟป้องกันตัวได้สบายๆ
มาตอนนี้ การต่อสู้ดำเนินไปได้สักพักแล้ว เด็กหนุ่มพบว่าทิบอลต์·ฌักอ่อนแอกว่าที่ตนคาดเดาไว้มาก!
ลูเมี่ยนจึงเปลี่ยนแผน
เปลวไฟสีแดงฉานปกคลุมผิวของเด็กหนุ่มอย่างเงียบงัน
เปลวไฟเหล่านี้ดูคล้ายสายวารี คอยเคลือบผิวหนัง ผม เสื้อผ้า และหมวกโดยรักษาระยะห่างบางๆ ที่แทบมองไม่เห็นไว้ ลอยอยู่อย่างนั้น ลุกไหม้และไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง
ภายในร่างกายของลูเมี่ยน สีแดงฉานพวยพุ่งออกมาเป็นระลอก หลอมรวมเข้ากับพวกมัน
จนดูเหมือนลูเมี่ยนกำลังสวมอาภรณ์เพลิงปกคลุมร่างกาย
ท่ามกลางเปลวไฟเต้นระริก ใบหน้าปลอมของเด็กหนุ่ม รวมถึงนัยน์ตาสีน้ำเงินที่คล้ายกับมีเปลวไฟสองลูกกำลังลุกโชน ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
ปะ! เขาทิ้งไม้ตะพดสีเข้มในมือ ใช้หมัดอีกข้างที่มีเปลวไฟลุกโชนชกใส่ทิบอลต์
บนด้ามของไม้เท้านั่น ไฟสีแดงยังคงลุกไหม้ แผดเผารอยมือ ลายนิ้วมือ และเหงื่อที่ติดอยู่
ปังๆๆ ทิบอลต์ถูกอัดจนถอยหลังไปสองก้าว ประหนึ่งได้เผชิญหน้ากับพายุอัคคี ในดวงตาสะท้อนเพียงสีแดงฉานที่เต้นระริก
เขาส่งเสียงฮึ่มฮั่ม พ่นเสมหะเหนียวใส่ลูเมี่ยนทันที
เสมหะเหนียวๆ สีเหลืองปนเขียวถูก ‘อาภรณ์เพลิง’ สกัดกั้น ไหม้ไปในพริบตา ส่งเสียงซู่ซ่า
ปังๆๆ ลูเมี่ยนกระหน่ำชกด้วยสองแขนที่หุ้มเปลวไฟแดงฉาน กดทิบอลต์ไว้ที่มุมห้องทำงานจนหลังพิงผา ติดกับตู้ ไม่มีทางหนี ถอยไปไหนไม่ได้ ทำได้เพียงใช้สองแขนป้องกันตัวอย่างเต็มกลืน
เมื่อเห็นว่า ‘เสมหะเชื้อโรค’ ไม่ได้ผล แถมอากาศรอบๆ ก็ยิ่งร้อนขึ้นจากการเผาไหม้ของเปลวไฟ จนผิวหนังของตนเริ่มร้อนผ่าว ทิบอลต์เริ่มใจเสีย เตรียมตะโกนขอความช่วยเหลือ
แต่เพียงแค่อ้าปาก หมัดเพลิงของลูเมี่ยนก็พุ่งเข้าหาทันที ชกใส่แขนอย่างหนักหน่วงจนสะเทือนไปทั้งร่าง เสียงพูดถูกอุดไว้แค่ตรงคอ
ทิบอลต์พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือหลายครั้ง แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามขัดจังหวะอย่างเหมาะเจาะเสมอ แถมข้างหูยังมีเสียงทุ้มต่ำของศัตรูดังก้อง
“เก่งได้แค่นี้เองหรือ”
“ลูกเจี๊ยบอ่อนหัดแบบแก กล้าดียังไงถึงถ่มเสมหะเรี่ยราด?”
“องค์เทพที่แกศรัทธาไม่เคยสั่งสอนบ้างหรือไง ว่าเกิดเป็นคนไม่ควรทำตัวไร้อารยะเช่นนี้?”
“ฉันจะไปเกณฑ์คนไร้บ้านมาร้อยคน ให้ทุกคนรุมถุยน้ำลายใส่ปากของแก!”
คำเย้ยหยันมากมายกระตุ้นให้ดวงตาของทิบอลต์แดงก่ำ ลืมเรื่องขอความช่วยเหลือไปชั่วขณะ เพียงอยากเห็นอีกฝ่ายเน่าเปื่อยตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
บนผิวหนังที่เปลือยเปล่าของทิบอลต์ทยอยผุดตุ่มใสทีละเม็ดสองเม็ด ในตุ่มเต็มไปด้วยของเหลวสีเหลืองอมดำอันน่าขยะแขยง
ปังๆๆ!
หมัดเพลิงของลูเมี่ยนเผาแขนเสื้อทิบอลต์จนขาดวิ่น จนตุ่มใสตรงจุดดังกล่าวระเบิดกระจาย แต่ของเหลวสีเหลืองอมดำอันน่าขยะแขยง ยังคงไม่อาจสัมผัสผิวหนังของเด็กหนุ่ม หากไม่ถูกไฟสีแดงแผดเผาก็ยังมีถุงมือคอยป้องกันอีกชั้น
และจุลชีพก่อโรคที่ตกค้างอยู่บนผิวถุงมือ ภายใต้เปลวไฟสีแดงฉานที่ปะทุตามมา ก็สูญสลายไปในพริบตา
ท่ามกลางการโหมบุกอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ทำให้ถึงตาย ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่จะยิ่งร้อนขึ้น ไม่นานตุ่มใสทั้งหมดก็แตกปะทุ ของเหลวสีเหลืองอมดำระเหยซู่ซ่ากลายเป็นหมอกบางๆ รอบตัวทิบอลต์
หมอกดังกล่าวถูกเปลวไฟเผาทำลายไปบ้าง ละลายไปเพราะความร้อนบ้าง ไม่สามารถทะลุผ่าน ‘อาภรณ์เพลิง’ เข้ามากัดกร่อนร่างกายของลูเมี่ยน
แก๊สร้อนและเปลวไฟที่กระจายออกมาพร้อมกับหมัดกระแทกของลูเมี่ยน พุ่งเข้าไปในช่องปากของทิบอลต์ทันที จนอีกฝ่ายทำหน้าบิดเบี้ยว กระทั่งเสียงร้องโหยหวนก็ยังเปล่งไม่ออก
“รู้สึกดีไหม? ฉันถามว่าแกรู้สึกดีไหม?”
“ตอนที่แกพ่นน้ำลายเรี่ยราด เคยคิดบ้างไหมว่าจะมีจุดจบแบบวันนี้?”
“ฆ่าแกกับฆ่าไก่ตัวหนึ่ง ก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย!”
ลูเมี่ยนจ้องตาทิบอลต์ แลเห็นความสิ้นหวัง ความหวาดกลัว และความอ้อนวอนทยอยปรากฏในแววตาของอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มไม่หยุด กำปั้นที่หุ้มด้วยเปลวไฟสีแดงฉานยังคงกระหน่ำใส่เหมือนสายฝน
โดยไม่คิดจะเลี่ยงแขนของทิบอลต์ ทุกหมัดกระแทกลงบนนั้น
ท่ามกลางเสียงทึบอันหนักแน่น ลูเมี่ยนหยุดมือกะทันหัน ชักแขนกลับ
ทิบอลต์ยืนพิงกำแพง สายตาว่างเปล่า ไม่ไหวติง
เปลวไฟบนร่างลูเมี่ยนพลันอันตรธานหายดุจดังสายวารีไหลย้อนกลับ รอยเท้าของเด็กหนุ่มบนพื้นห้องทยอยลุกไหม้ด้วยแสงสีแดงจาง
เขาไม่แม้แต่จะมองทิบอลต์ ก้มลงเก็บไม้ตะพดของผู้มีอารยะ และหยิบนิ้วของมิสเตอร์ K ออกมา ใช้มันกดลายนิ้วมือไว้บนกำแพงข้างร่างทิบอลต์
จัดการเสร็จ ลูเมี่ยนถอดหมวกทรงกึ่งสูง วางทาบไว้บนอก คำนับให้ทิบอลต์
ถัดมา เขาเดินผ่านเหยื่อที่เหมือนรูปปั้นแน่นิ่ง เดินไปถึงระเบียง จากริมขอบที่ถูกเงามืดบดบัง เดินเลียบไปตามกำแพง แล้วกระโดดลงพื้นฝั่งด้านข้างอาคารสีเหลืองดินอย่างชำนิชำนาญ
คนข้างบนเพิ่งจะเริ่มสังเกตเห็นเอาป่านนี้แล้ว ทยอยออกมาดูทีละสองสามคน ชะโงกออกมาด้านนอก แต่ร่างของลูเมี่ยนได้หลอมเป็นเนื้อเดียวกับความมืดในตรอกแล้ว
พร้อมกันนั้น เสียงทึบดังขึ้นจากภายในร่างของทิบอลต์ ผู้ยังคงยืนนิ่งอย่างเหม่อลอย
บึ้ม!
ร่างของเขาระเบิดจากภายในสู่ภายนอก เศษเนื้อและเครื่องในที่มีเปลวไฟสีแดงปะปนอยู่เล็กน้อย สาดกระจายไปทั่วห้อง
อัดไฟ!
‘อัดไฟ’ ของ ‘นักวางเพลิง’ !
ก่อนที่ลูเมี่ยนจะจากมา ทิบอลต์ก็ปางตายแล้ว เครื่องในกับสมองถูกครอบงำด้วยไฟที่อัดเข้าไป การระเบิดเมื่อสักครู่หลักๆ ก็เพื่อทำลายวิญญาณ
ลูเมี่ยนเปลี่ยนใจกลางคัน ไม่ใช้วิธีที่รวดเร็วและง่ายที่สุดเพื่อสังหารทิบอลต์ ประกอบด้วยสามเหตุผล:
หนึ่ง การลงมือโดยวิญญาณมงต์ซูรีอาจทำให้ครอบครัวทิบอลต์เดือดร้อน หากเลือกได้ เขาก็พยายามหลีกเลี่ยงผู้ไม่เกี่ยวข้อง แม้ว่าคนเหล่านั้นอาจกลายเป็นสาวกของเทพมารไปแล้วก็ตาม สอง การระเบิดจากภายในเพื่อก่อให้เกิดฉากนองเลือดอันน่าสยดสยอง ผนวกกับลายนิ้วมือของมิสเตอร์ K จะนำการสืบสวนในภายหลังไปสู่ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ และเป็นการสื่อทางอ้อมว่าทิบอลต์คือสาวกเทพมาร สาม การใช้ ‘อัดไฟ’ เพื่อเลื่อนการระเบิดออกไประยะหนึ่ง ทำลายวิญญาณของทิบอลต์ ตัดช่องทางการ ‘สื่อวิญญาณ’ ให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่ใช่เหตุผล การฆ่าทิบอลต์ด้วยวิธีทุบตีอย่างดุเดือดและด่าทอยกใหญ่เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกสบายใจมากกว่า
…………
ไม่นานนัก ผู้คนเจ็ดแปดชีวิตรวมถึงฮิวจ์·อาร์ทัวส์ มาดามผมแดง และเลขาแว่นทองมาถึงหน้าประตูห้องทำงานของทิบอลต์·ฌัก
พวกเขาเห็นเนื้อ ชิ้นส่วน และเครื่องในกระจายเต็มพื้น เห็นรอยไหม้เป็นจำนวนมาก
ทิวทัศน์สีแดงและดำสลับกันนี้ มีผลกระทบต่อจิตใจอย่างมาก ทำให้กลุ่มคนที่มุงดูถึงกับเงียบไปชั่วขณะ
“ฝีมือใคร?” ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ถามด้วยอาการตื่นตระหนกเล็กน้อย
ในสายตาของเขา การฆ่าทิบอลต์และทิ้งฉากแบบนี้ไว้ เท่ากับกำลังตักเตือนเขา และเป็นการประกาศความตายกับเขา!
ไม่อย่างนั้น ใครจะไปหาเรื่องผู้ช่วยเลขาคนหนึ่ง?
มาดามผมแดงมองฮิวจ์·อาร์ทัวส์ปราดหนึ่ง พูดด้วยเสียงเรียบเฉย
“ดูเหมือนว่าคนที่ลงมือคือ ‘นักวางเพลิง’ หรือแม้กระทั่งลำดับสูงกว่า ด้วยพลังของทิบอลต์ เขาควรถูกสังหารภายในสิบวินาที แต่ผู้โจมตีกลับเลือกวิธีลงมือที่ยาวนานกว่า”
“จุดประสงค์คงเป็นการสร้างฉากแบบนี้… เป็นสันดานของพวกคนบ้าใน ‘ชุมนุมแสงเหนือ’”
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์หดม่านตาทันที เงียบไปสองวินาทีแล้วพูด
“ทำไม ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ถึงต้องมาเล่นงานผม?”
“ไม่รู้เหมือนกัน” มาดามผมแดงมองฮิวจ์·อาร์ทัวส์ด้วยแววตาลุ่มลึกพลางส่ายหัว
เมื่อผู้วิเศษทางการเริ่มสืบสวน กลุ่มคนในทีมหาเสียงย้อนกลับไปยังห้องทำงานของฮิวจ์·อาร์ทัวส์
มาดามผมแดงหันไปมองเลขาแว่นทองแล้วถาม
“พักหลังมานี้ ทิบอลต์ทำอะไรลงไปบ้าง”
“เขารำคาญที่ป่วยเรื้อรัง จงใจทิ้งผ้าเช็ดหน้าที่มีเชื้อโรค ฆ่าคนเก็บขยะชราที่ไม่มีลูกหลานไปสองคน” เลขาแว่นทองตอบตามความจริง “เรื่องนี้ผมกดข่าวเอาไว้แล้ว”
มาดามผมแดงพูดเสียงเบา ประหนึ่งพึมพำกับตัวเอง
“คนเก็บขยะชราสองคนที่ไม่มีลูกหลาน… ความตายของทิบอลต์ดูเหมือนจะเพ่งเล็งไปหาท่านสส. จริงๆ”
……………………………………………………..