ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 241 ไม่ยอมจำนน
ตอนที่ 241 ไม่ยอมจำนน
ได้ยินเรื่องเล่าจากลูเมี่ยน ฟรังก้าโพล่งออกมาทันที
“บัดซบ! เกี่ยวกับพวกมันอีกแล้ว?”
“ฮิวจ์·อาร์ทัวส์คิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำให้โรงงานเคมีระเบิดแล้วจะได้อะไรขึ้นมา… บางทีอาจเป็นเพียงความบังเอิญ โบโน·โกลด์ไวร์กับฮิวจ์·อาร์ทัวส์ดูสนิทสนมกันดี เป็นธรรมดาที่จะแวะเวียนมาเยี่ยมกัน แค่บังเอิญว่าวันนี้โรงงานเคมีดันเกิดระเบิด…” ลูเมี่ยนพูดพลางครุ่นคิด
ห้ามมองข้ามเหตุบังเอิญทุกเรื่องในชีวิต แต่ก็ไม่ควรมองทุกเหตุบังเอิญเป็นปัญหา
ฟรังก้าพยักหน้าแผ่วเบา
“ก็จริง”
“แต่ฉันอยากเตือนนายเอาไว้ว่า การระเบิดของโรงงานเคมี มิได้ไร้ความหมายเสียทีเดียว อย่างน้อยก็ทำให้มีคนล้มตายไม่น้อย และนั่นคือปัจจัยสำคัญในอาคมพิธีกรรมชั่วร้ายหลายชนิด… ‘คนเป็น’ คือเครื่องสังเวยที่ดีที่สุดอันดับสาม”
“แบบนี้นับเป็นพิธีกรรม?” ลูเมี่ยนถามอย่างประหลาดใจ
ฟรังก้าช่วยแก้ไข
“เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม การฆ่าเครื่องสังเวยด้วยมีดหรือด้วยการระเบิดโรงงานเคมี สำหรับองค์เทพที่ผู้ประกอบพิธีวิงวอนถึง มันแทบไม่แตกต่างกันในเชิงแก่นสาร… คุณยังแตกฉานอาคมพิธีกรรมไม่มากพอ บางพิธีกรรมจำเป็นต้องสร้างระเบิดระดับนี้เท่านั้นจึงจะได้ผล”
เหมือนกับ ‘ศาสตร์การสลับตัว’ สินะ ที่ก่อนจะประกอบพิธี ต้องให้ ‘ตัวแทน’ ดำรงชีวิตในฐานะ ‘ผู้ถูกแทน’ เป็นเวลานานพอสมควร? ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง
ฟรังก้าถอนหายใจ
“นี่เป็นเพียงการเดาของฉันเท่านั้น อาจไม่จริงเสมอไป ความจริงอาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญตามที่คุณสงสัย แต่อย่างไรเสีย เราจำเป็นต้องเตือนผู้วิเศษทางการให้คอยจับตาดูร่องรอยพิธีกรรม รวมถึงหันมาสนใจความเคลื่อนไหวของสำนักงานสส. ด้วย”
“ชิ! ถ้าหมอนั่นไม่ใช่สส. ฉันจะจับเขามาคืนนี้เลย แขวนไว้บนเพดาน เฆี่ยนตีเขา เค้นถามว่าคิดจะทำอะไรกันแน่ และมีความสัมพันธ์แบบใดกับพวกสาวกเทพมาร”
“เฮ้อ… กับการระเบิดครั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีกี่คนต้องเสียพ่อแม่ สามี ภรรยา พี่น้อง หรือลูกของตัวเองไป ไม่รู้ว่ามีอีกกี่คนที่กำลังสวดอ้อนวอน หรือคอยเป็นห่วงญาติๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ”
“เช่นจินนาเป็นต้น” ลูเมี่ยนถือโอกาสพูดเสริม
ฟรังก้าชะงักไปพักหนึ่ง
“ว่ายังไงนะ?”
“แม่ของจินนาทำงานที่โรงงานเคมีโกลด์ไวร์ คุณไม่รู้หรอกหรือ?” ลูเมี่ยนตอบด้วยคำถาม
ทีแรกฟรังก้าขมวดคิ้ว ก่อนจะไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง
“แล้วแม่ของเธอตอนนี้อาการเป็นยังไง?”
ลูเมี่ยนเล่ารวบรวด ถึงตอนที่ตนวิ่งไปกับจินนาจนถึงถนนนักบุญเกอร์ เพื่อตามหาเอโลดีและใช้ยารักษาที่เหลืออยู่ ช่วยชีวิตเอโลดีกลับจากหุบเหวมรณะ
ฟรังก้าถอนหายใจเสียงหนัก แล้วพูดอย่างใจสลาย
“ทำไมฉันถึงไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย! ทำไม!”
มุมปากของลูเมี่ยนกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างสงบ
“ตอนนี้คุณยังมีโอกาส จินนากำลังกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลในอนาคต”
“ฉันจะไปโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้แหละ!” ดวงตาของฟรังก้าเป็นประกาย เตรียมวิ่งออกจากห้องพัก
ลูเมี่ยนรีบเรียกรั้งให้หยุด
“อย่าลืมนำยารักษาของแก๊งหนามพิษไปด้วย อาการของเธออาจกำเริบซ้ำ”
เฉกเช่นกรณีของมิสเตอร์รูเอล
โดยไม่รอให้ฟรังก้าขานรับ เด็กหนุ่มพูดเสริม
“จริงสิ… ผมอยากยืมเงิน 4,000 เฟลคินก่อน โดยถือเป็นส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของ ‘พิธีเก็บเกี่ยว’ … ตอนนี้รวบรวมวัตถุดิบเสริมของโอสถ ‘นักวางเพลิง’ ได้ครบแล้ว”
“เร็วขนาดนี้เชียว?” ฟรังก้าตกใจมาก “ฉันยังไม่ได้เริ่มช่วยหาเลย!”
ลูเมี่ยนหัวเราะ
“เมื่อคืนนี้ผมได้เจอกับบอสที่หน้าสำนักงานสส. และสารภาพกับเขาว่า ตัวเองกำลังจะเลื่อนลำดับ จึงขอเบิกเงินล่วงหน้าไป พร้อมทั้งขอให้เขาช่วยดูๆ วัตถุดิบเสริมของโอสถ ‘นักวางเพลิง’ ให้หน่อย”
ยิ่งฟรังก้าฟัง สีหน้าของเธอก็ยิ่งซับซ้อน
“เป็นเด็กที่ฉลาดผิดคาดจริงๆ … การนำความจริงไปสารภาพกับการ์ดเนอร์ ถือเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ”
“แต่ว่านะ… คุณลืมคิดถึงฝั่งฉันไปหรือเปล่า? ไม่คิดบ้างหรือว่าทางนี้ก็เตรียมจะถามหาวัตถุดิบเสริมของโอสถ ‘นักวางเพลิง’ จากการ์ดเนอร์เหมือนกัน? เขาเป็นถึงลำดับ 6 ‘นักวางแผน’ หรือลำดับ 5 ของเส้นทาง ‘นักล่า’ แถมยังมีกลุ่ม ‘นักล่า’ ล้อมรอบ เขาไม่ขาดแคลนของแบบนี้อยู่แล้ว… โชคดีไปที่ช่วงสองวันมานี้ฉันไม่ได้ไปหาเขา ไม่อย่างนั้นคงถูกสงสัยแน่นอน ว่าเราสองคนแอบติดต่อกันอย่างลับๆ”
ลูเมี่ยนเข้าใจมาตลอดว่า ฟรังก้าจะค้นหาวัตถุดิบผ่านทางสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก นึกไม่ถึงว่าเธอจะวางแผนไปขอความช่วยเหลือจากการ์ดเนอร์·มาร์ตินด้วย ตามหลักคนใกล้ตัวและความสะดวก ซึ่งเกือบทำให้ความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างพวกเขาถูกเปิดโปง
ฟรังก้าเดินกลับเข้าห้อง ไม่รู้ว่านำธนบัตรมูลค่า 4,000 เฟลคินมาจากไหน ยื่นส่งให้ลูเมี่ยน พร้อมกับกำชับอย่างเคร่งขรึม
“พอได้วัตถุดิบหลักมาแล้ว อย่าเพิ่งรีบปรุงโอสถล่ะ คุณต้องยืนยันให้แน่ใจ ว่าสภาพของตนสามารถทนรับผลข้างเคียงจากการเลื่อนลำดับไหว หากไม่แล้วก็ควรเลื่อนออกไปก่อน วัตถุดิบหลักน่ะเก็บรักษาได้ง่ายกว่าโอสถหลายเท่า”
“ผมเข้าใจดี” ลูเมี่ยนตอบอย่างสงบ
เด็กหนุ่มใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด
“ผมขอแนะนำให้คุณติดต่อกับทางการก่อนไปหาจินนา การระเบิดเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน บางทีอาจยังหลงเหลือร่องรอยบางอย่างอยู่”
“อา” ฟรังก้าตอบเป็นนัยเห็นด้วย
ก่อนที่ลูเมี่ยนจะขอตัวกลับ เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“‘คนเป็น’ คือเครื่องสังเวยที่ดีที่สุดอันดับสาม แล้วสองอันดับแรกคืออะไร?”
เขตนอร์ด โรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์ ชั้น 6
เมื่อจินนากลับมาจากห้องน้ำ ก็เห็นพี่ชาย ยูเลียน กำลังช่วยแม่ของเธอ เอโลดี ยัดมุมผ้าห่มเข้าข้างใน
เอโลดียังคงสลบไสลอยู่ แต่สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ยูเลียนลุกขึ้นยืน ดึงน้องสาวไปด้านข้างแล้วพูดเสียงเบา
“เชเลีย เธอไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลในอนาคตนะ ฉันจะหาทางจัดการเอง เธอตั้งใจเรียนการแสดงที่กรงพิราบเก่าต่อเถอะ”
จินนารู้สึกอุ่นใจ พลางย้อนถามกลับไป
“หมอบอกพี่แล้วหรือ?”
“อา เมื่อสักครู่นี้เอง” ยูเลียนพยักหน้าอย่างหนักใจ
จินนาเม้มปากแล้วพูด
“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพื่อนๆ ของฉันรับปากแล้วว่าจะให้ยืมเงิน แบ่งใช้คืนได้ภายในสามปี โดยเสียดอกเบี้ยในอัตราต่ำมาก ถ้านำรายได้การร้องเพลงใต้ดินของฉัน รวมถึงค่าจ้างคนงานของพี่ ขอแค่พวกเราประหยัดหน่อยก็น่าจะพอ ไม่กระทบต่อการฝึกของพวกเราด้วย”
ยูเลียนเงียบไปสองสามวินาที
“ชาร์ลคนนั้นน่ะหรือ”
“ใช่ เขาคือหนึ่งในนั้น แต่ก็ยังมีเพื่อนคนอื่นอีก… อา… ‘บูตแดง’ ฟรังก้าที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อคืนก็ด้วย” จินนารู้สึกว่าตนต้องอธิบายให้ฉะฉาน ไม่อย่างนั้นพี่ชายอาจฝืนเกินตัว
เมื่อสองปีก่อน ยูเลียนคิดจะขายตัวเองให้กับบริษัทนำเข้าส่งออกไบลัม-เพิร์ธอย่างลับๆ โดยไม่ให้แม่กับน้องสาวรู้ ไปเป็นทหารรับจ้างที่ชีวิตเป็นตายเท่ากัน เพื่อชดใช้หนี้สินพร้อมกับส่งน้องสาวไปเรียนการแสดงที่โรงละคร แต่โชคดีที่ภายหลังถูกห้ามไว้ได้ทัน
ยูเลียนเตรียมจะเอ่ยบางสิ่ง แต่ทันใดนั้นก็เห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่ง เดินเข้ามาจากประตูห้องคนไข้
อีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตสตรี กางเกงขายาวสีอ่อน เสื้อนอกผ้าทวีดลายตารางขาวดำ และรองเท้าบูตสีแดง ผมยาวสีเชือกป่านรวบเป็นหางม้าเรียบง่าย คิ้วโก่งลากเข้าหาขมับ ดวงตาสว่างและมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ที่มองแล้วยากจะละสายตาออก
จินนาร้องเรียกด้วยความยินดี
ถนนเสื้อนอกขาว ภายในบ้านลับ
ลูเมี่ยนที่ซื้อดอกลิลีดาราศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว กำลังนั่งทำสารสกัดดอกไม้ พลางรอคอยคำตอบจากมาดามเมจิกเชี่ยน
เลือดซาลามันเดอร์อัคคี ผงไพรอกซีนลาวา ผงหญ้าเทียนหัวแดง เรียงกันอยู่บนโต๊ะหนังสือตรงหน้าเด็กหนุ่ม
เมื่อสารสกัดดอกลิลีดาราศักดิ์สิทธิ์ถูกเตรียมใกล้เสร็จ ‘ตุ๊กตา’ ร่างเล็ก ใบหน้าประณีตแต่มอบความรู้สึกประหลาด สวมชุดกระโปรงสีทองอ่อน ปรากฏกายตรงหน้าต่าง
มันวางกล่องบิสกิตโลหะลง สูดจมูกพลางพูด
“คราวหน้าอัญเชิญข้าด้วยสารสกัดดอกไม้ชนิดนี้”
“ตกลง” ลูเมี่ยนประมวลผลตามคำขอสุดประหลาดของอีกฝ่ายไม่ทัน จึงตอบไปตามสัญชาตญาณ
ไม่กี่อึดใจถัดมา ผู้ส่งสาร ‘ตุ๊กตา’ ก็หายไปต่อหน้าต่อตา ลูเมี่ยนเปิดฝากล่องบิสกิตสีเงินเงา เห็น ‘หัวใจ’ ดวงเล็กสีแดงเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างเงียบงัน
เด็กหนุ่มไม่ลังเล หยิบแก้วเบียร์ที่เตรียมไว้ แล้วเขย่าตะกอนพลังของ ‘นักวางเพลิง’ ลงในแก้ว
ถัดมา ลูเมี่ยนนำเลือดซาลามันเดอร์อัคคีปริมาณเกิน 50 มิลลิมิตรไปเล็กน้อย เทใส่แก้วเบียร์
ตะกอนพลังของ ‘นักวางเพลิง’ อ่อนตัวลงพอสมควร ผิวหน้าราวกับผืนน้ำ เกิดเป็นระลอกคลื่นหลายชั้น
เมื่อลูเมี่ยนใส่ผงไพรอกซีนลาวา ผงหญ้าเทียนหัวแดง และสารสกัดดอกลิลีดาราศักดิ์สิทธิ์ลงในแก้วเบียร์ตามสูตรโอสถ หมอกเลือดที่ล้อมรอบ ‘หัวใจ’ ก็หดเข้าข้างในกะทันหัน กลายเป็นเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยของเหลวสีเหลือง ซึ่งมีฟองสีแดงลอยหน้า
นี่คือโอสถ ‘นักวางเพลิง’
มันสะท้อนอยู่บนกระจกตาของลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มไม่รีบดื่ม เพียงหลับตาลง
ในความคิดของเด็กหนุ่มปรากฏภาพศพฟลามง คนบ้าที่แขวนตัวเองไว้กับกรอบหน้าต่าง โดยมีกระดาษขาวเขียนพินัยกรรมวางอยู่ด้านล่าง ปรากฏภาพมิสเตอร์รูเอลที่ตายในสภาพร่างกายเน่าเปื่อย ปรากฏภาพของนางมิเชลที่ดื่มเหล้าเมามาย ร้องเพลงพื้นบ้าน จนกระทั่งผูกคอตายท่ามกลางแสงยามเช้า ปรากฏภาพเสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ดังระงมทั่วจัตุรัสหวูดไอน้ำ
เขาเห็นตัวเองที่ดื้อรั้นและแข็งกร้าวในช่วงเร่ร่อน เห็นตัวเองที่ยังไม่ยอมแพ้แม้จะถูกเล่นงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นจุดจบอีกแบบหนึ่งของตน เห็นความเศร้าโศก ไม่ยอมจำนน ความไร้พลัง และความเครียดที่ถาโถมใส่ตน ซึ่งเกิดจากการไล่ตามความหวังอันริบหรี่แต่สุดท้ายก็ถูกความมืดมิดฝังกลบ
เสียงเย้ยหยันของโชคชะตาดังขึ้นข้างหูเด็กหนุ่ม เปลวไฟที่เคยข่มไว้ในใจพลันลุกโชนอีกครั้ง ซ้ำยังเผาไหม้ร้อนแรงยิ่งกว่าเก่า:
หากนี่คือจุดจบที่ฉันไม่อาจเลี่ยง
หากนี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
หากความพยายามไม่ได้รับผลตอบแทน หากความหวังไม่มีวันเอื้อมถึง
ถ้าเช่นนั้น ฉันก็จะทุ่มเทชีวิตเข้าสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างให้จงได้!
มาตรแม้นเส้นทางเบื้องหน้าจะไร้แสงสว่าง ความหวังจะริบหรี่เพียงใด ฉันก็จะสู้ต่อไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่!
ก็มาสิวะ ไอ้พวกสส.!
ก็มาสิวะ กิโยม·เบเนต์!
ก็มาสิวะ ไอ้พวกสาวกเทพมาร!
ก็มาสิวะ เทอร์มีโพลอส!
ก็มาสิวะ ไอ้เจ้าชะตากรรม!
ลูเมี่ยนลืมตาขึ้นทันที สรุปกฎการสวมบทบาท ‘นักยั่วยุ’ ข้อสุดท้ายของตนได้:
การยั่วยุคือสัญลักษณ์ของการไม่ยอมจำนน!
เด็กหนุ่มไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เพื่อช่วยย่อย อาศัยเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในอก ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดก ดื่มของเหลวในนั้นจนหมดเกลี้ยง
เปรียบดังมีเปลวไฟร้อนๆ ไล่แผดเผาจากปากไปจนถึงหลอดอาหาร เผาไหม้จนถึงกระเพาะ เผาไหม้เข้าไปในหัวใจ
……………………………………………………..